ตอนที่ 21 นักฆ่าระดับทองแดง
โช่วหยินหัวเสียอย่างมากตั้งแต่สองวันที่แล้ว
ในฐานะนักฆ่าระดับทองแดงแห่งโม่ซาน กลุ่มเป้าหมายที่ต้องไปสังหารล้วนเป็นนักสู้อาณาจักรแก่นแท้แห่งปราณระดับเจ็ดขึ้นไปทั้งสิ้น แต่ภารกิจในครานี้ที่เขาได้รับดันให้ไปสังหารพวกมือใหม่อย่างแก่นแท้แห่งปราณระดับหนึ่ง
ขึ้นชื่อว่าเป็นนักฆ่าระดับทองแดง มันแสดงให้เห็นถึงความสามารถที่ได้รับการยอมรับในกลุ่มนักฆ่าระดับหนึ่งแล้วและพลังของโช่วหยินอยู่ในระดับแก่นแท้แห่งปราณระดับเจ็ด ดังนั้นเป้าหมายส่วนใหญ่ก็จะอยู่ในระดับเดียวกับเขาหรือบางทีอาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ แต่ในคราวนี้ภารกิจของเขาคือการสังหารมือใหม่ ทำให้ภารกิจนี้คือหนึ่งในความอัปยศของเขา
โช่วหยินเป็นนักฆ่าที่ทะเยอทะยาน เป้าหมายของตนคือการขึ้นเป็นนักฆ่าระดับทองคำ ดังนั้นการฝึกฝนในโม่ซานที่เขาได้รับจึงค่อนข้างหนักหน่วง การปกปิดร่องรอยและการปลิดชีพภายในการโจมตีครั้งเดียว เขาได้ศึกษาสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดด้วยความเพียรพยายาม นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงแข็งแกร่งได้รวดเร็วเช่นนี้
เพื่อกระตุ้นศักยภาพของตน โช่วหยินมักจะขอรับภารกิจที่ท้าทายอยู่เสมอ และเคยมีครั้งหนึ่งเขาได้รับภารกิจที่มีเป้าหมายเป็นถึงแก่นแท้แห่งปราณระดับเก้า แต่ภารกิจนั้นก็ทำอันตรายเขาไม่ได้เลยแม้แต่รอยขีดข่วน จึงทำให้กลุ่มนักฆ่าหันมาสนใจเขามากขึ้นและส่งภารกิจให้เขามากขึ้นนับตั้งแต่นั้น
แต่ในคราวนี้เป้าหมายของเขาเป็นแค่มือสมัครเล่นที่ไม่มีความสามารถใดๆ และเป้าหมายอายุยังแค่สิบห้าปีแถมพลังก็อยู่เพียงแก่นแท้แห่งปราณระดับหนึ่งเท่านั้น ดูอย่างไรเป้าหมายในคราวนี้ก็เป็นเพียงแค่เศษโคลนเท่านั้นแท้ๆ หากนายจ้างไม่ยัดเงินมามากขนาดนี้... เขาคงปฏิเสธไปนานแล้ว
และในเมื่อมันต้องทำ เขาเพียงแค่กระดิกนิ้วก็สามารถจัดการเศษโคลนนี้ได้แล้ว
แต่อย่างไรก็ตามด้วยความเป็นมืออาชีพของโช่วหยิน เมื่อเขารับมาแล้ว… เขาก็ต้องทำมันให้ดีที่สุด และตอนนี้เขาก็เตรียมการทุกอย่างไว้หมดแล้ว
นักฆ่ามากมายต่างใช้เลือดของพวกเขาในการสั่งสอนและหล่อหลอมโช่วหยินขึ้นมา ดังนั้นการออกไปทำภารกิจในครั้งนี้มันเหมือนกับการที่สิงโตออกไปล่ากระต่าย
ในอดีตที่ผ่านมาได้มีนักฆ่าระดับทองแดงจากโม่ซานมากมายที่ออกไปฆ่าเป้าหมายกันซึ่งๆหน้าเพียงเพราะพวกเขาดูถูกเป้าหมายของตนมากเกินไป จนในท้ายที่สุดก็จบลงด้วยความตายของพวกเขาเอง
นอกจากนี้เขายังได้คาดการอีกว่า... พ่อของเป้าหมายได้วางแผนป้องกันโดยการส่งคนมาคุ้มกันเป้าหมายอย่างแน่นอน ซึ่งเรื่องนี้มันสร้างความลำบากต่อโช่วหยินอย่างมาก
แต่ถึงกระนั้นโช่วหยินก็ยังคงมั่นใจอย่างมากในฝีมือการฆ่าของตน ตราบเท่าที่สภาพอากาศเป็นใจและสภาพภูมิศาสตร์ในบริเวณนั้นจะไม่ลำบากต่อการซุ่มโจมตีจนเกินไป เขามั่นใจอย่างมากว่าจะสามารถลอบสังหารเป้าหมายได้แน่นอน
แต่เมื่อได้มาเห็น… ใครจะคิดว่าพ่อของเป้าหมายจะโง่เช่นนี้ ในการส่งคนคุ้มกันมาสองคนแถมหนึ่งในนั้นจะเป็นหญิงสาวอีกด้วย
หึหึ... เจ้าได้ก้าวขามายังปรโลกข้างหนึ่งแล้ว และในตอนนี้เจ้าก็ไม่อาจถอยกลับได้อีกแล้ว!
ในขณะนี้โช่วหยินกำลังมองกลุ่มของเย่หยวนจากที่ไกลๆ เรารู้สึกตื่นเต้นอย่างมากจนหัวใจของเขาแทบพุ่งออกมา
หลังจากที่พวกเขาออกจากเมืองได้สักพัก โช่วหยินก็ได้เฝ้าติดตามพวกเขาไปเรื่อยๆโดยยังไม่คิดลงมือใดๆ โช่วหยินได้ตรวจสอบเส้นทางจากตัวเมืองไปยังสำนักตันอู่เรียบร้อยหมดแล้ว และเขาก็กำหนดจุดที่ใช้เป็นที่ลอบสังหารเรียบร้อย
พวกเจ้าไม่ต้องกังวล ข้าจะให้เวลาพวกเจ้าไปชื่นชมและเพลิดเพลินกับทัศนียภาพบนโลกมนุษย์ให้เต็มอิ่มก่อนที่ข้าจะส่งพวกเจ้าไปยังปรโลก
ฮ่าๆ...จงสนุกกับชีวิตที่ยังเหลืออยู่ให้เต็มที่กันซะ จงใช้เวลาชีวิตที่ยังเหลืออยู่ทำในสิ่งที่พวกเจ้าอยากทำไปเถิด
โช่วหยินหัวเราะลับๆภายในใจอย่างเลือดเย็น
เมื่อโช่วหยินเห็นว่าพวกเขาใกล้จะมาถึงสำนักตันอู่แล้ว โช่วหยินจึงเริ่มเคลื่อนไหว... เขาได้ไปยังจุดที่ตนเตรียมการไว้ตรงข้างหน้าพวกเย่หยวน เขาได้วิเคราะห์เส้นทางเป็นเวลานานก่อนลงมือจริง... และเขาก็คิดแล้วว่าจุดๆนี้คือจุดลอบสังหารที่ดีที่สุด บริเวณที่โช่วหยินดักซุ่มนั้นเป็นบริเวณที่มีโขดหินขนาดใหญ่มากมาย มันจึงง่ายต่อการลอบสังหารอย่างมาก...ในตอนนี้เขาเตรียมพร้อมที่จะปลิดชีพเย่หยวนโดยการโจมตีเพียงครั้งเดียว
ทางด้านขวามือของเขา กลุ่มของเย่หยวนกำลังเดินทางมาใกล้จุดที่เขาวางไว้แล้ว
เอาล่ะ... ถึงเวลาตายของพวกเจ้าแล้ว!
ในขณะที่โช่วหยินกำลังจะพุ่งตัวออกไปเขาก็ตกใจอย่างมาก
“เอาล่ะ... คิดว่าพวกเจ้าคงเหนื่อยกันแล้วหลังจากที่เดินทางกันมาสักพักได้ พักเสียหน่อยว่าอย่างไร?”
คำพูดเหล่านี้ได้ลอยออกไปเข้าหูของโช่วหยินเข้า
ไร้เสียงตอบรับใดๆ...
เจ้าเด็กคนนี้... มันรู้แผนการของข้าอย่างนั้นรึ?
พวกมันคงพยายามล่อลวงให้ข้าออกไปอย่างนั้นรึ?
หึหึ... ต้องใช่แน่ๆ!
ดูเหมือนว่าโช่วหยินจะประเมินเจ้าเด็กคนนี้ต่ำเกินไป เจ้าเด็กนั้นคงรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่า... จะมีคนส่งนักฆ่ามาปลิดชีพเขา ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเจ้าเด็กนั้นถึงส่งคนคุ้มกันแค่สองคนเท่านั้น? เพราะคนคุ้มกันที่เหลือได้ซุ่มติดตามเจ้าเด็กนั้นมาตลอด แต่ข้าไม่รู้สึกเลยสักนิด!
แต่... มันเป็นไปได้จริงๆรึนี่?
และอย่างมากพลังของคนติดตามที่เหลือก็คงพอๆกับเจ้าเด็กนั้น เพราะเป็นไปไม่ได้เลยหากพวกที่เหลือจะซุ่มติดตามโดยที่ข้าไม่รู้ตัว เว้นแต่จะมีพลังที่พอๆกับเจ้าเด็กนั้น!
ในฐานะนักฆ่าระดับทองแดงแห่งโม่ซาน โช่วหยินมั่นใจในความสามารถการพรางตัวของตนอย่างมาก หากพวกที่ซุ่มติดตามมีพลังระดับอาณาจักรหลอมรวมวิญญาณละก็... ก็เป็นไปได้อยู่ที่พวกเขาจะสามารถซ่อนพลังตนเองจากสายตาโช่วหยินได้ แต่จากที่ดูแล้ว... ผู้คุ้มกันที่อยู่ใกล้ตัวเป้าหมายที่สุดย่อมจะเก่งที่สุด และทั้งสองคนนั้นก็มีพลังอยู่แค่อาณาจักรแก่นแท้แห่งปราณเท่านั้น
ดังนั้นพวกที่เหลือคงมีพลังไม่พ้นสองคนนี้แน่นอน... แต่ทำไมข้าจึงไม่รู้สึกตัวเลยล่ะ!
แต่ช่างเถอะ ไม่ว่าอย่างไร... หากเจ้าพวกนั้นมาถึงจุดสังหารแล้วละก็เขาจะส่งเป้าหมายของตนไปปรโลกด้วยมือข้างนี้ของข้าเอง
“นายน้อย เกิดอะไรขึ้น?” ลู่เอ๋อไม่เข้าใจว่าทำไมสีหน้าของนายน้อยนางดูเคร่งขรึมเช่นนี้ นางจึงถามเอ่ยปากถามออกมา
แต่ถางอวี่มีความตื่นตัวค่อนข้างสูงและหัวไวพอ เมื่อเย่หยวนกล่าวแบบนั้น... ถางอวี่ก็รู้ตัวในทันที
“ฮ่าๆ คงเป็นแค่หัวขโมยทั่วไป… ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก”
เย่หยวนพูดอย่างไม่ค่อยสนใจ
แม้เห็นเย่หยวนกล่าวเช่นนี้ แต่ถางอวี่ก็ยังคงระแวงอยู่
“นายน้อยเย่ เจ้านั้นมันซ่อนตัวอยู่ที่ใดกัน?”
“โอ้ ก็อยู่หลังโขดหินก้อนนั้นไง... ข้าเดาว่า เจ้านั้นคงรอให้พวกเราไปถึงระยะก่อนจึงค่อยพุ่งออกมาโจมตีพวกเรา”
อารมณ์ของโช่วหยุนเพิ่งจะผ่อนคลายได้ไม่นาน เขาก็กลับมาตกใจอีกครั้งเมื่อได้ยินเย่หยวนกล่าวแบบนั้น เพราะคนที่อยู่หลังโขดหินในตอนนี้ก็คือเขาเองมิใช่หรือ?
เจ้านั้น... คิดจะกดดันข้ารึ?
ข้า… โช่วหยิน เป็นถึงนักฆ่ามืออาชีพ ข้าไม่มีทางหลงกลเจ้าหรอกเด็กน้อย... การหลอกล่อของเจ้า ข้าดูออกหมดแล้ว!
“นี่... เจ้าก็คิดมากเกินไป มัวแต่คิดมากแบบนี้มันไม่ดีต่อสุขภาพจิตเจ้าหรอก”
เย่หยวนได้ตะโกนขึ้นมาอีกครั้ง
โช่วหยินสะดุ้งทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น
ในฐานะนักฆ่า โช่วหยินได้รับการฝึกฝนทางด้านจิตใจให้แข็งแกร่งมานับไม่ถ้วน... แต่เพียงคำพูดไม่กี่คำของเย่หยวน มันก็ทำให้หัวใจของเขาเต้นไม่เป็นจังหวะเลย
บะ-บ้าน่ะ… มันเป็นไปได้อย่างไร!? อีกฝ่ายเป็นเพียงระดับหนึ่งเท่านั้นแท้ๆ!
เจ้าเด็กบ้านั้น…มันอ่านความคิดของข้าออกได้อย่างไรกัน!?
และจู่ๆเสียงเหล่านั้นก็หยุดลง โช่วหยินได้ยินเสียงฝีเท้าที่ค่อยๆเข้าใกล้โขดหินที่เขาซ่อนอยู่เรื่อยๆ…
โช่วหยินตระหนักแล้วว่า... เขานั้นอับโชคอย่างมากในขณะนี้ เย่หยวนได้รู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเขากำลังจับตามองอยู่ตลอดและพยายามกดดันเขา
ในตอนนี้โย่วหยินไม่มีทางเลือกอื่นแล้วนอกจากออกไปเผชิญหน้ากับพวกเขาทั้งสาม
เมื่อเขาได้พุ่งออกไป... ก็พบกับทั้งสามคนและหนึ่งในนั้นได้เผยรอยยิ้มแปลกๆให้แก่เขา
ซึ่งคนที่เผยรอยยิ้มแบบนั้นออกมาเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเป้าหมายของเขา เย่หยวนนั้นเอง
“จะ-เจ้า… รู้ตัวได้อย่างไรกัน?”
โช่วหยินถามออกมาด้วยความวิตก
เขาไม่เข้าใจเลยว่าทั้งๆที่เป็นเพียงระดับหนึ่งแท้ๆ แต่ทำไมถึงรู้ว่าเขาได้แอบซุ่มได้กัน
สิ่งที่เขาอยากรู้ที่สุดคือ... การพรางตัวของตนผิดพลาดตรงไหนกัน?!
นักฆ่าระดับทองแดงแห่งโม่ซาน ได้พ่ายให้กับเหล่ามือใหม่ทั้งสามคนนี้น่ะรึ?
“เจ้าอยากรู้อย่างนั้นรึ... ว่าข้ารู้ได้อย่างไร?”
เย่หยวนดูราวกับไม่ค่อยเต็มใจที่จะบอกเท่าไหร่
เขาไม่สามารถบอกนักฆ่าคนนี้ได้ว่า เขาสามารถสัมผัสจิตสังหารที่แผ่ออกมาจากตัวนักฆ่าผู้นี้ได้
“ช่างเถอะ! มันถึงเวลาตายของพวกเจ้าแล้ว!”
ในตอนที่โช่วหยินกำลังจะพุ่งโจมตี จู่ๆเขาก็หยุดชะงักไปในทันที
“นะ-นี่เจ้า! แก่นแท้แห่งปราณระดับสามอย่างนั้นรึ?!... ไม่ใช่ตามที่ข้อมูลบอกไว้หนิ!”
……………………………….