webnovel

0015 ผู้หยั่งรู้ด้านโอสถ

ตอนที่15 ผู้หยั่งรู้ด้านโอสถ

ชายหนุ่มผู้นี้นามว่าถังอวี่ และเขาก็อยู่ในสำนักตันอู่เช่นเดียวกับเย่หยวน แต่สิ่งที่แตกต่างจากเย่หยวนคือ...เขาสามารถสอบเข้าได้ด้วยความสามารถของตัวเอง

และในความเป็นจริงผู้ที่มีพรสวรรค์ส่วนใหญ่มักจะมาจากตระกูลขุนนาง มีเพียงผู้มีพรสวรรค์ไม่กี่คนที่มาจากตระกูลธรรมดาทั่วไป ตระกูลที่ใหญ่กว่ามักได้เปรียบกว่าพวกตระกูลธรรมดาเป็นปกติ รวมไปถึงด้านทรัพยากรก็มีเพียบพร้อมกว่า ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยที่พวกมีพรสวรรค์จากตระกูลธรรมดาๆจะถูกเบียดตกไป

วรยุทธ โอสถเสริมความแข็งแกร่ง และเงินตรา นี่คือสิ่งที่ตระกูลชั้นสูงได้เปรียบกว่าพวกสามัญชนที่แม้ว่าจะทำงานหนักตลอดชีวิตก็ไม่มีทางมีสิ่งเหล่านี้ได้ ทั้งหมดนี้คือความแตกต่างระหว่างตระกูลธรรมดากับตระกูลชั้นสูง

ถังอวี่สามารถสอบเข้าสำนักตันอู่ได้ และฝีมือของเขาก็อยู่ในระดับทั่วไป การที่เขาอยู่ในอาณาจักรแก่นแท้แห่งปราณได้ในวัยเพียงแค่นี้ ก็ถือว่าไม่ได้โดดเด่นอะไร แต่เขาก็ไม่ถึงกับไร้ฝีมือสักทีเดียว

จากระดับสามไปยังสี่นั้นค่อนข้างมีอุปสรรคอย่างมาก แต่ความสามารถในการก้าวข้ามอุปสรรคของเขานั้นเรียกได้ว่า ไม่จำเป็นจะต้องใช้โอสถหรือทรัพยากรใดๆเลย มันแสดงให้เห็นแล้วว่า…ถังอวี่ นั้นมีพรสวรรค์ในด้านเส้นทางการต่อสู้อย่างมาก

พ่อของถางหนุนมีนามว่า ถางซ่งไฮว่ เขาเป็นนักล่าสัตว์อสูรผู้มีประสบการณ์ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเขาได้เผชิญหน้ากับสัตว์อสูรที่ร้ายกาจมานับไม่ถ้วนในป่าปลิดชีพ ที่ทำไปทั้งหมดก็เพื่ออนาคตที่สดใสของลูกชายของตน

  แต่ท้ายที่สุด หากบทจะเจอก็ต้องเจอ...ถางซ่งไฮว่เผชิญพบสัตว์อสูรที่ยากเกินต่อกรในป่าปลิดชีพ แม้เขาจะรอดตาย...แต่เขาก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส

  ถังอวี่เป็นเด็กที่ฉลาดและกตัญญู เขาเห็นพ่อของตนได้รับบาดเจ็บด้วยตาคู่นี้แทบทุกวัน แม้เขาจะฝึกฝนศาสตร์แห่งการต่อสู้ แต่เขาก็ยังต้องการที่จะฝึกปรือในด้านศาสตร์แห่งโอสถไปด้วยเช่นกัน เพื่อนำมารักษาพ่อของตน หากเขาไม่ต้องมาเสียเวลากับการฝึกฝนการหลอมโอสถละก็...ป่านนี้ความสำเร็จในด้านการต่อสู้คงไม่อยู่ไกลเกินเอื้อมแบบในปัจจุบันนี้เป็นแน่

แม้กระทั่งในด้านโอสถ เขาเองก็มีความรู้ค่อนข้างตื้นเขินนัก

เพื่อที่จะสนับสนุนถังอวี่ เพื่อสนับสนุนทรัพยากรสำหรับบ่มเพาะพลัง ในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมาถางซ่งไฮว่ได้ลดค่าใช้จ่ายของตัวเองต่างๆ นานา นั้นหมายความว่าถังอวี่นั้นไม่สามารถที่จะซื้อยาสำเร็จรูปได้ แต่ถังอวี่ไม่ต้องการให้พ่อของตนตายต่อหน้า เขาจึงตัดสินใจที่จะลองพยายามหลอมโอสถฟื้นฟูร่างกายขึ้นมา เพื่อนำมารักษาพ่อให้หายดี

เมื่อถังอวี่มนึกถึงจุดนี้ เขาได้วางท่าทีไม่แยแสแต่อย่างใด จากนั้นก็ยกมือขึ้นและชี้ไปยังเย่หยวนพร้อมพูดขึ้นอย่างจริงใจว่า

“พี่ชายคนนั้นน่ะ...ในตอนนี้ข้ากำลังติดปัญหา อารมณ์ไม่ดีอย่างมาก ดังนั้นข้าก็ขออภัยที่ขะ...”

เย่หยวนรู้ดีว่าเขาจะพูดอะไร จึงยิ้มและตอบกลับทันทีว่า

“เพราะท่านต้องการช่วยชีวิตคนที่ท่านรัก...ท่านเลยกล่าวแบบนั้น ข้าเข้าใจ”

ถังอวี่ลังเลเล็กน้อย ก่อนที่จะถามออกไปว่า

“การที่ท่านพูดแบบนั้น ท่านคงต้องการหญ้าหกแฉกเหมือนกันมิใช่หรือไง?”

ถังอวี่เป็นคนหัวไว จากคำพูดของเย่หยวนก่อนหน้า เขาเดาได้ทันทีว่าเย่หยวนคงต้องการสิ่งๆเดียวกับเขาเป็นแน่ และนั้นก็คือเหตุผลที่ทำให้เขากล่าวห้วนๆในทีแรก

เย่หยวนไม่คิดจะปิดปังแต่อย่างใด เขาได้ตอบตามความจริงว่า

“ท่านกล่าวถูกต้องแล้ว ข้าต้องการใช้ประโยชน์บางอย่างจากหญ้าหกแฉกจำนวนสามส่วน แต่ข้าก็พึ่งรู้เหตุผลที่ท่านต้องการมันเช่นกัน ท่านพอที่จะเชื่อใจข้าและนำข้าไปหาผู้ป่วยได้หรือไม่...บางทีข้าอาจจะช่วยช่วยเหลืออะไรได้บ้าง?”

หากเย่หยวนกล่าวแบบนี้ทันทีที่เจอหน้าถังอวี่ เขาคงสบถออกมาแล้ว แต่เพราะคำพูดวิเคราะห์ของเย่หยวนในตอนแรกนั้นทำให้เขาตะลึงเป็นอย่างมาก ทำให้เขารู้ถึงทักษะด้านโอสถของอีกฝ่ายในทันที

และในความเป็นจริง ถังอวี่ก็ไม่ค่อยมั่นใจนักในฝีมือของตนเองเช่นกัน แต่อย่างน้อยเขาก็ยังมั่นใจในสูตรโอสถฟื้นฟูร่างกายที่ได้มา และเหตุผลที่เขาซื้อหญ้าหกแฉกไปมากถึงสามส่วน ก็เพราะเอามาเผื่อล้มเหลว

เขาจะต้องทำการรักษาพ่อของเขาโดยด่วน  ถังอวี่ลังเลไปครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดว่า

“แล้วท่านเป็นใครมาจากไหน แม้แต่นามท่านข้าก็ไม่รู้?”

“ข้าแซ่เย่ นามจริงว่าหยวน”

เย่หยวนตอบโดยไม่ปิดบังแต่อย่างใด

“เย่หยวน?”

ถังอวี่ค่อนข้างคุ้นเคยกับชื่อนี้อย่างมาก และกำลังคิดว่าเคยได้ยินจากที่ไหนมาก่อน

เมื่อผู้คุมหอโอสถที่อยู่ใกล้ๆได้ยินนายน้อยของเขากล่าวชื่อแซ่ของตนเองออกมา

ผู้คุมได้กล่าวกับตัวเองในใจว่า

“หากเป็นแบบนี้ไม่ดีแน่!”

ชื่อเสียงเย่หยวนนั้นดังสนั่นไปทั่วรัฐฉิน

ตามที่คาดไว้ เมื่อถังอวี่ได้ยินชื่อพร้อมกับการที่คนๆนี้อยู่ในหอโอสถแห่งนี้ด้วยละก็...เขาก็นึกออกทันที

“เจ้า...เจ้าอยู่ในอันดับสุดท้ายในการจัดอันดับในสำนักตันอู่ เจ้ามันผ้าขี้ริ้วเย่หยวน?”

ถังอวี่กล่าวออกมาทันที

  เย่หยวนได้ถอนหายใจทันที เขาไม่รู้เลยว่าก่อนที่เข้าจะสิงร่างนี้ เย่หยวนตัวจริงได้ก่อวีรกรรมอะไรมาบ้างกันแน่ ชีวิตของเจ้านี้มันล้มเหลวขนาดไหนกันแน่!

“ถูกต้องแล้ว ข้านามว่าเย่หยวน แต่ท่านไม่ควรปฏิเสธข้าในสถานการณ์เร่งด่วนเช่นนี้ หากข้าเดาถูกต้อง…เจ้าคงไม่มั่นใจว่าจะหลอมโอสถฟื้นฟูร่างกายได้สำเร็จใช่หรือไม่?”

“นะ-นั้น...” คำพูดของเย่หยวนนั้นได้จี้ไปในหัวใจของถังอวี่มากขึ้น

“หากมันเกินมือของข้าจริงๆ ข้าจะเรียกพ่อของข้ามารักษาพ่อเจ้าในทันทีและจะช่วยเจ้าหลอมโอสถฟื้นคืนร่างกายให้อีกด้วย เจ้าว่าไงล่ะ?” เย่หยวนกล่าวแทรกในทันที

เมื่อเย่หยวนเห็นว่าท่าไม่ดี เขาจึงอ้างชื่อพ่อของตนมาเป็นหลักประกัน แววตาของถังอวี่เป็นประกายในทันที เมื่อเย่หยวนบอกว่าเย่ฮานจะมารักษาให้ด้วยตัวเอง

“นี่เจ้าพูดจริงรึ?”

“แน่นอน ข้าพูดความจริงทุกประการ...หากไม่มั่นใจ งั้นพวกเรามาเขียนสัญญากันดีไหม?”

  ถังอวี่รู้สึกไม่ดีอย่างมากหากไม่เชื่อใจคนที่ต้องการจะช่วยเช่นนี้ แต่มีเดิมพันเป็นถึงชีวิตของพ่อถังอวี่ แถมชื่อเสียงของเย่หยวนก็ไม่ค่อยจะดีอีก...ที่เขาคิดไว้คือ หากเย่หยวนรักษาพ่อเขาสำเร็จจริงๆ เขาคงต้องกล่าวขอโทษเย่หยวนทีหลัง

หลังจากถังอวี่ตัดสินใจได้แล้ว เขาก็ยื่นมือออกมาจับมือเย่หยวนและพูดว่า

“หากท่านสร้างปัญหาขึ้นละ นายน้อยเย่?”

เย่หยวนจับมือกับถังอวี่ด้วยความยินดีพร้อมตอบกลับว่า

“ข้ายินดีชดใช้ เถ้าแก่…ไปหยิบสัญญามาให้ข้า”

ผู้คุมหอโอสถไม่รอช้า รีบวิ่งไปหยิบสัญญาในทันที เมื่อเย่หยวนลงนามเสร็จสิ้น สีหน้าของถังอวี่ก็ดูจะผ่อนคลายขึ้นหลายส่วนในทันใด

ณ ตอนนี้ผู้คุมกำลังมองสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ข้างหน้า มันปรากฏเป็นภาพฉากที่ ขาทั้งสองกำลังเดินออกไปจากหอโอสถด้วยกัน ผู้คุมไม่คิดเลยว่าจะได้เห็นภาพอะไรแบบนี้...เขารู้ดีว่าเย่หยวนในอดีตมักจะไม่พูดคุยสุงสิงกับใครง่ายๆ แต่ในตอนนี้กลับไม่ใช่แล้ว...ตั้งแต่ที่เขารอดจากพิษครั้งนั้น นายน้อยเย่ก็ได้เติบโตขึ้นแล้วจริงๆ

ที่ดินทุกตารางฉื่อในรัฐฉินนั้นเปรียบเสมือนทองคำแท่ง แม้อาชีพนักล่าสัตว์อสูรจะมีรายได้สูงกว่าคนทั่วไป แต่ถางซ่งไฮว่ก็ไม่สามารถซื้อที่อยู่อาศัยอะไรใหญ่โตได้ เพราะเขานำเงินทั้งหมดไปสนับสนุนลูกชายของเขาในการฝึกปรือศาสตร์แห่งการต่อสู้

ดูจากขนาดบ้านก็เท่ากับของคนธรรมดาทั่วไป ภายในบ้านนั้นดูมืดอับแสง ทันทีที่เย่หยวนย่างก้าวเข้าในบ้าน กลิ่นสมุนไพรหอบหนึ่งพลันตีขึ้นใส่จมูกของเขาในทันที

“ดอกบัวสงบจิต ต้นสนสีแดง ผลบุปผาทอง...สมุนไพรเหล่านี้ล้วนเป็นวัตถุดิบในการหลอมโอสถระดับหนึ่ง ดูเหมือนว่าเจ้ายังคงมีฝีมือในการหลอมโอสถอยู่เพียงระดับหนึ่ง แถมโอสถที่เจ้ากำลังจะปรุงขึ้นคือโอสถระดับหนึ่งอันดับต้นๆอีกด้วย คงกลัวว่าจะหลอมกลั่นผิดพลาด ถึงซื้อหญ้าหกแฉกมามากถึงสามส่วนใช่หรือไม่?”

เย่หยวนพยายามประเมินความสามารถของถังอวี่ด้วยถ้อยคำที่สุภาพที่สุด

เย่หยวนจงใจแสดงความสามารถเพื่อให้ถังอวี่เชื่อใจเขาบ้าง เนื่องจากชื่อเสียงแย่ๆของตนเองในอดีตมันเยอะเกินไป เขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากแสดงความสามารถต่อหน้าถังอวี่

การที่เย่หยวนแสดงความสามารถออกมาแบบนี้ มันมิได้สร้างความไม่พอใจแก่ถังอวี่เลย กลับกัน…มันได้สร้างความตกตะลึงให้แก่ถังอวี่แทน การที่เย่หยวนพึ่งย่างก้าวมายังบ้านของตน…แถมสมุนไพรที่ต้มไว้ยังอยู่ด้านในสุดของบ้าน แต่เขาก็สามารถใช้จมูกแยกแยะสมุนไพรได้อย่างละเอียดเพียงการดมในคราเดียว  อย่างกับว่าคนที่อยู่ข้างๆเขาในตอนนี้คือเซียนโอสถ? แม้แต่อาจารย์ในสำนักก็ยังไม่สามารถทำเช่นนี้ได้!

…………………………………