บทที่ 15 ทวงเงิน (1)
เหออี้เทียนมีสีหน้าเคร่งเครียดเมื่อได้ฟังเรื่องทุกอย่าง เขานิ่งเงียบไปนาน
"เสี่ยวซี น้องจะว่าอะไรมั้ยถ้าพี่จะเอาเงินสิบสองล้านของน้องไปใช้หนี้เงินกู้นี้ให้หมดก่อน"
ซีหลินคิดเล็กน้อย ก็ส่ายหน้า "ไม่ว่าค่ะ ถ้าพี่คิดว่าเหมาะสมก็เอาไปใช้เถอะ เงินนั้นหนูให้พี่แล้วพี่มีสิทธิตัดสินใจทุกอย่าง"
เรื่องราวมันมาถึงขั้นนี้แล้ว เงินกับชีวิตยังไงชีวิตก็สำคัญกว่า ได้ฟังแผนการที่มันจะให้ลูกน้องมาตามข่มขู่ระรานพวกเราจนไม่ให้มีชีวิตปกติสุข เธอก็รู้สึกกังวลใจจะแย่แล้ว อีกอย่างพวกเราก็ติดหนี้มันจริง รีบจ่ายหนี้ให้มันซะให้จบๆ อย่างน้อยก็ช่วยตัดข้ออ้างที่จะทำให้แก๊งอันตรายนี้มาตามระรานพวกเราได้
"แล้วเรื่องที่มันอยากให้เราถอนฟ้อง พี่จะทำยังไงเหรอคะ พี่จะถอนฟ้องมั้ย"
"เรื่องนี้น้องก็เป็นผู้เสียหาย น้องคิดยังไง" หลี่อี้เทียนเอ่ยถามความคิดเห็นของซีหลินก่อน
ซีหลินนิ่งเงียบใช้เวลาคิดคำตอบอยู่สักพัก
ในใจของเธอแน่นอนว่าไม่ต้องการให้คนผิดลอยนวล เหตุการณ์เมื่อวานนี้หากพวกซ่งเว่ยหนานและตำรวจมาช่วยพวกเธอไม่ทันเวลา ก็มีความเป็นไปได้มากว่าพวกเราสองพี่น้องคงพบกับสิ่งเลวร้ายอย่างมาก การกระทำของพวกมันทั้งอุกอาจทั้งเลวทรามไม่เกรงกลัวกฎหมาย หากปล่อยให้พวกมันลอยนวลต่อไปเธอย่อมไม่พอใจอยู่แล้ว
แต่แก๊งอันธพาลที่มาข่มขู่พี่เมื่อครู่นี้ก็ไม่ใช่คนที่พวกเราจะต่อกรได้ง่ายๆจริงๆ แล้วแผนการที่มันคิดจะเล่นงานเราจากนี้ก็น่ากังวล การตัดสินใจนี้มันยากสำหรับเธอ ซีหลินจึงไม่รู้จะตอบว่ายังไง
"ถ้าครอบครัวเรามีสถานะเหมือนเมื่อก่อน ก็คงไม่มีใครมากล้ารังแกพวกเราแบบนี้นะคะ" เหมือนเป็นความรู้สึกชอกช้ำใจของเจ้าของร่างล้นทะลัก ซีหลินบ่นพึมพำความคิดนี้ออกมาอย่างไม่ตั้งใจ
หลี่อี้เทียนมีสีหน้าหม่นหมองลงไป เขาเองก็ไม่รู้จริงๆว่าครอบครัวเราตกต่ำลงมาสู่จุดนี้ได้อย่างไร มีปัญหารุมเร้าเข้ามาพร้อมๆกันทำให้เรื่องลุกลามบานปลายจนธุรกิจมูลค่านับแสนล้านล้มละลายภายในหนึ่งเดือน
"เรื่องนี้พี่จะลองคิดหาวิธีก่อน ถ้าทำได้พี่ก็ไม่อยากถอนฟ้อง คนที่ทำร้ายพวกเราเมื่อวานพวกมันควรได้รับโทษตามความผิดที่พวกมันทำ"
ซีหลินพยักหน้าสนับสนุนการตัดสินใจของพี่ มองไปที่โต๊ะวางของมุมห้องพบถาดอาหารเย็นถูกวางไว้สองถาดเหมือนยังไม่มีใครแตะต้องก็เอ่ยถาม
"พี่ยังไม่ได้กินข้าวเย็นเหรอคะ"
"พี่ยังไม่หิวน่ะ"
"พี่ใหญ่มียาต้องกินหลังอาหาร ยังไงพี่อดทนทานข้าวหน่อยนะคะ" ซีหลินกล่าวปลอบใจ คิดว่าพวกแก๊งเงินกู้น่าจะมารบกวนพี่ช่วงเวลากินข้าวพอดีทำให้พี่กังวลใจจนหมดความหิว
เหมือนว่าทางโรงพยาบาลยังนับเธอเป็นคนไข้ในการรักษาอยู่ เลยมีข้าวมาให้สองถาด ซึ่งดีทีเดียวเพราะตอนนี้เธอเองก็หิวมาก
ในห้องพักมีไมโครเวฟให้เครื่องหนึ่ง ซีหลินนำอาหารไปอุ่นแล้วเอาออกมาวางไว้ให้พี่รับประทาน ตัวเธอก็นั่งทานข้าวไปพร้อมกัน บอกว่าตัวเองก็ต้องกินยาหลังอาหารเย็นเหมือนกัน ทำให้พี่ยอมฝืนใจกินเป็นเพื่อนเธอ
หลังจากนั้นไม่นานพยาบาลก็นำยาหลังอาหารเย็นมาให้ ซีหลินใช้จังหวะตอนที่พี่ไม่เห็น แอบเอายาสมานกระดูกใส่ปนลงในถ้วยยาไปด้วย เนื่องจากมียาอยู่หลายเม็ดและตัวยาสมานกระดูกก็มีขนาดเล็ก มองเผินๆเหมือนยาเม็ดอื่นๆ หลี่อี้เทียนไม่ได้สงสัย กินยาสมานกระดูกลงไปพร้อมกับยาในถ้วยจนหมด
ซีหลินคอยสังเกตอยู่ข้างๆ พบว่าพี่กินยาสมานกระดูกแล้ว และดูไม่มีความผิดปกติอะไร ก็ดีใจ ถ้าเป็นไปตามที่ระบบบอก อีกสามวันพี่ก็จะหายดี
เธอช่วยดูแลพี่ชายให้นอนพักผ่อน จากนั้นก็เช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ตัวเองใหม่ ถึงจะอาบน้ำไปเมื่อตอนเย็นแล้ว แต่ต้องไปขลุกอยู่ในสถานีตำรวจตั้งนาน เจอทั้งผู้คนทั้งอาชญากรที่ผ่านไปมามากมาย เธอรู้สึกเหนอะหนะไม่สบายตัว
อาบน้ำเสร็จแล้ว ซีหลินก็เอาเสื้อผ้าที่เธอสวมใส่เมื่อเช้า และชุดที่ซ่งเว่ยหนานซื้อให้วันนี้ไปซักในห้องน้ำแล้วนำมาตากที่ระเบียง
เนื่องจากที่นี่เป็นโรงพยาบาลรัฐ ไม่ได้มีใครมาดูแลเราเป็นกรณีพิเศษ พวกเสื้อผ้าคนป่วยนั้นจะมีเจ้าหน้าที่นำไปซักให้ แต่เสื้อผ้าของใช้ส่วนตัวของเธอสองชุดนี้เธอต้องซักทำความสะอาดเอง ซีหลินเหลือเงินบัญชีไม่มาก สองชุดนี้ก็พึ่งซื้อมาทั้งคุณภาพก็ดี เธอเลยซักตากเก็บไว้ใส่อีกในภายหลัง
คิดถึงเรื่องเงินแล้วก็แอบเป็นกังวลขึ้นมา ถ้าพี่ชายเอาเงินทั้งสิบสองล้านไปจ่ายหนี้เงินกู้ทั้งหมด ครอบครัวเราก็คงต้องกลับมาอยู่ในสถานะจนกรอบอีกรอบ ซีหลินไม่รู้ว่าพี่ชายเหลือเงินอยู่สักเท่าไหร่ แต่คิดว่าพี่ก็คงมีเหลืออยู่ไม่มากนัก ส่วนตัวเธอนั้น หลังจากโอนเงินสิบสองล้านออกไปแล้วก็เหลือเงินอยู่ในบัญชีแค่หลักพันเหรียญต้นๆเท่านั้นเอง
เงินพันกว่าเหรียญนี้เป็นเงินที่พี่ชายได้จากการทำงานขับรถรับจ้าง แล้วทยอยโอนมาให้เธอไว้ใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ส่วนตัวเจ้าของร่างไม่ได้ทำงานอะไร
ตั้งแต่ครอบครัวล้มละลาย เมื่อถูกเพื่อนที่มหาวิทยาลัยกลั่นแกล้งล้อเลียนเธอก็ไม่ได้กลับไปเรียนที่นั่นอีก ใช้เวลาอยู่บ้าน ไปเยี่ยมพ่อบ้าง และเวลาส่วนใหญ่ก็คือตามไปดักรอง้อขอคืนดีกับเหอยี่หาน
ซีหลินพยายามทบทวนความทรงจำว่าช่วงที่ผ่านมาเจ้าของร่างใช้ชีวิตอยู่อย่างไร ในบัญชีมีเงินอยู่แค่ไม่กี่พัน ทำไมเมื่อวานถึงใส่ชุดเกาะอกกระโปรงสั้นราคาแพงไปหาเรื่องพระเอกนางเอกได้
เมื่อนึกแล้วก็ได้คำตอบว่า เมื่อวานหลี่ซีหลินเอาเครื่องประดับราคาแพงที่ติดตัวเธอมา ฝากถังซูหนี่ย์เพื่อนคนที่มายุแหย่ให้เธอไปหาเรื่องพระเอกนางเอกที่บ้าน เอาไปแลกเปลี่ยนเป็นชุดสวยๆมาให้
ถังซูหนี่ย์เอากำไลข้อมือราคาหลายหมื่นของหลี่ซีหลินไปแลกเปลี่ยนเป็นชุดเกาะอกสีม่วงกระโปรงสั้นโป๊ๆมาหนึ่งชุด ส่วนเงินส่วนต่างที่เหลือเธอไม่ได้พูดถึงและหลี่ซีหลินก็ไม่ได้ถาม
แม้ซีหลินจะคิดว่าชุดเกาะอกเมื่อวานจะเป็นชุดมียี่ห้อพอมีราคาอยู่บ้าง แต่ก็คิดว่าราคาของมันคงไม่น่าจะแพงขนาดหลายหมื่นเท่ากับกำไลหยกวงนั้นที่หลี่ซีหลินให้ถังซูหนี่ย์เอาไปแลกเปลี่ยนแน่ๆ!!
ยัยซูหนี่ย์ คิดจะโกงงั้นเหรอ!