ตอนที่ 1267 ใครบางคนจะต้องชดใช้
หมอกสีดำปกปิดถิ่นทุรกันดาร
กลุ่มทหารม้าทั้งหมดตั้งรูปแบบป้องกันขณะยังคงรุดหน้าต่อไป
กู่ฉิงซานตามหลังกลุ่มทหารม้าด้วยการวิ่งเหยาะ ๆ
…ไม่จริงน่า เขาได้รับการเลื่อนขั้นชั่วคราว ก่อนจะทันได้จัดสรรอุปกรณ์และพาหนะ เขาต้องเข้าต่อสู้เสียอย่างนั้น
ทันใดนั้น เสียงของดาบพิภพดังขึ้น
“กู่ฉิงซาน ท่านอาจจะฉวยโอกาสหนีออกจากกลุ่มได้”
ลั่วปิงหลีกล่าวด้วยเสียงดังก้องเช่นกันว่า “พวกเรามองเห็นแล้วว่ากฎของโลกใบนี้หลอมรวมบนตัวตนของทุกคน”
ฉานนู่กล่าวต่อว่า “ข้าไม่สามารถขัดขืนคำสั่งทหารได้ก็จริง แต่ตอนนี้แม่ทัพคนนั้นไม่ได้อยู่ใกล้ ๆ ท่านอยู่หลังกลุ่ม ขอเพียงวิ่งหนีไปตอนนี้ ตัวตนของท่านจะเปลี่ยนเป็น ‘ผู้หนีทัพ’ แล้วท่านจะไม่ตาย”
กู่ฉิงซานส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “อย่างที่เจ้าว่า กฎของโลกใบนี้หลอมรวมเป็นตัวตนแต่ละบุคคล ถ้าข้ากลายเป็น ‘ผู้หนีทัพ’ ข้าจะไม่ได้รับการปฏิบัติจากโลก ทำให้มีแต่จะเข้าอันตรายมากขึ้นเรื่อย ๆ ”
“…ดังนั้นข้าจะเป็น ‘ผู้หนีทัพ’ ไม่ได้”
ฉานนู่ถามด้วยความประหลาดใจว่า “เช่นนั้นจะทำยังไง ข้าไม่ยอมปล่อยให้มาตายแบบนี้หรอกนะ”
กู่ฉิงซานตอบว่า “จนกระทั่งตอนนี้ พวกเรายังไม่รู้เลยว่าวันสิ้นโลกจะทำอะไร ดังนั้นไปดูกันก่อนก็ไม่เสียหาย”
กลุ่มทหารกำลังรุกคืบอย่างรวดเร็ว ขณะกู่ฉิงซานใช้ความสามารถในการสนทนากับดาบสามเล่ม ทั้งกลุ่มผ่านที่ที่เขาตรวจสอบก่อนหน้านี้ไปแล้ว
หลังจากวิ่งมาอยู่หลายสิบอึดใจ ข้างหน้าพลันเปิดออกก่อนพุ่งเข้าหาหมอกสีดำ
กู่ฉิงซานกลับมามีสติ เพราะอยู่หลังกลุ่ม เขาทะยานเล็กน้อย เขาทะยานเพื่อมุ่งสู่ข้างหน้า
เขาเห็นถิ่นทุรกันดารรกร้างอยู่ข้างหน้า
สุสานแห่งแล้วแห่งเล่าเรียงรายแน่นหนาอยู่ทั่วถิ่นทุรกันดารจนสุดสายตา
สุสานเหล่านี้มีทั้งเล็กใหญ่ สูงต่ำ สุสานขนาดใหญ่บางแห่งสูงยิ่งกว่าหอระฆังในเมืองราชวงศ์ ขณะที่สุสานขนาดเล็กไม่สะดุดตามีขนาดเทียบเท่ากับสุสานมนุษย์
อีกฟากของดินแดนคือถิ่นทุรกันดารของสุสาน ที่สุดสายตาของทุกคน มีเรือลำใหญ่จอดอยู่
น่าแปลก เห็นได้ชัดว่าเรือลำนี้เคลื่อนลงมายังถนนหลักที่อยู่ไม่ไกลจากประตูเมืองนัก จู่ ๆ มันทำให้พื้นที่ดังกล่าวกลายเป็นถิ่นทุรกันดารรกร้างที่เต็มไปด้วยอิฐหินได้อย่างไร
กู่ฉิงซานสงสัย ทันใดนั้นก็เห็นว่าดินแดนบางส่วนเริ่มคลายตัวในพื้นที่รอบนอกของสุสาน
โครงกระดูกคืบคลานออกมาจากพื้นตัวแล้วตัวเล่า
พวกมันกำลังเดินไปทางทหารม้าอย่างเชื่องช้าพร้อมกับโล่และอาวุธที่แตกหักในมือ
ดวงตาของกู่ฉิงซานจับจ้อง
โครงกระดูก…
สัตว์ประหลาดระดับต่ำขนาดนั้นอยากขัดขืนทหารม้าที่ติดเกราะอาวุธอย่างดีงั้นหรือ
ตอนนี้ หัวหน้าทหารม้าที่อยู่หน้ากลุ่มหันมามองกู่ฉิงซาน
กู่ฉิงซานไม่มีทางพาหนะหรืออาวุธที่จำเป็นต่อการต่อสู้แบบทหารม้า เขามีเพียงถุงมือหนึ่งคู่ขณะตามติดกลุ่มมาตลอดทาง
หัวหน้าทหารม้ากล่าวว่า “คือ… หลี่ชิวซาน ไม่ต้องเข้าไป เจ้าไม่ได้ขี่ม้ามาด้วย!”
“อา ขอรับ! ท่าน!” กู่ฉิงซานรีบตอบ
ทหารม้าหัวเราะอย่างอ่อนโยน
“เจ้าเด็กใหม่ กลับไปฝึกฝนก่อนเข้าสู่สมรภูมิเถอะ!” ใครบางคนตะโกน
“พอแค่นั้นแหละ!”
เสียงหัวหน้าทหารม้าดังขึ้น “เตรียมตัว เปลี่ยนรูปแบบ รับมือศัตรู!”
กลุ่มทหารม้าทั้งหมดเปลี่ยนจากรูปแบบป้องกันเป็นรูปแบบโจมตี
พาหนะทั้งหมดเริ่มเร่งความเร็วช้า ๆ เพื่อเตรียมพุ่งเข้าไป
กู่ฉิงซานมองไปข้างหน้า
ทหารม้าชูอาวุธด้ามจับยาวขึ้นมา
ใกล้แล้ว ใกล้แล้ว…
หลังจากพยายามอยู่หลายอึดใจ ทหารม้าด้านหน้าเร่งความเร็วถึงขีดสุด
“ฆ่ามัน!”
ทหารม้าทั้งหมดเริ่มตะโกนเสียงดัง
ครืนนนน!
ในควันและฝุ่น ทหารม้าพุ่งเข้าไปเพื่อปะทะกับโครงกระดูกซึ่ง ๆ หน้า
เพื่อทำลายล้าง
โครงกระดูกถูกบีบรัดอยู่กับที่
ปลาที่ลอดผ่านแหถูกทหารม้าฟาดกลับไปเช่นกันก่อนถูกกระทืบกับพื้นจนกระดูกแตกหัก
หัวหน้าทหารม้าหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “ฮ่า ๆๆ เจ้าพวกไก่อ่อนทั้งหลาย กล้ามาหยุดการโจมตีพวกข้าแบบนี้ ไม่เจียมเนื้อเจียมตัวเลย!”
ทหารม้าทั้งหมดฮึกเหิม
ทันใดนั้น มีเสียงดังมาจากส่วนลึกของสุสาน
“รีบโอ้อวดเช่นนี้ มันคือสัญญาณของความล้มเหลวนะ”
สีหน้าของกู่ฉิงซานเปลี่ยนไป
พอได้ยินเสียงนี้ เขาจึงรู้ว่ามันคือสัตว์ประหลาดที่สนทนาก่อนหน้านี้!
“ระวังด้วย เจ้านั่นเป็นสัตว์ประหลาดที่ทรงพลังมาก!” เขาเตือนทุกคนเสียงดัง
แต่มันสายเกินไปแล้ว เพราะเสียงดังกล่าวดังขึ้นอีกครั้ง
“มนุษย์เอ๋ย ความชั่วที่พวกเจ้าก่อขึ้นจะสนองคืนกลับไป แต่สิ่งที่พวกเจ้าฆ่าจะนำมาซึ่งชีวิตใหม่”
นี่คล้ายกับเป็นคาถาอย่างหนึ่ง ทหารม้าไม่มีเวลาตอบสนอง การเปลี่ยนแปลงกะทันหันได้เกิดขึ้น…
น้ำตกงดงามปรากฏขึ้นในความว่างเปล่า
ทหารม้าทั้งหมดที่โจมตีโครงกระดูกถูกปกคลุมด้วยน้ำตกแสงสว่างนี้
ในลำแสง เสียงหนึ่งดังขึ้น
“เตรียมตัว เปลี่ยนรูปแบบ รับมือศัตรู!”
หลายสิบเสียงตอบรับพร้อมกัน “ฆ่ามัน!”
นี่คือคำสั่งและเสียงโจมตีที่มาจากทหารม้าก่อนหน้านี้!
เพียงพริบตา ร่างเลือนรางจำนวนหนึ่งปรากฏขึ้นจากลำแสงก่อนพุ่งไปทางทหารม้า
จู่โจม!
ในเสียงอึกทึกที่ดังขึ้น ร่างเลือนรางเหล่านั้นยิ่งมายิ่งเข้าใกล้
“นั่นมันเงาของข้านี่!” ทหารคนหนึ่งอุทานอย่างโหยหวน
“ข้าเห็นตัวเอง ทำไมถึงเป็นแบบนี้!” ทหารอีกคนกล่าวเสียงดัง
“อย่าส่งเสียง ทุกคนป้องกัน!” หัวหน้าทหารม้ากล่าวเสียงดัง
ทหารม้าพุ่งออกมาแล้วใช้รูปแบบป้องกัน
แต่มันไม่ได้ผล…
เงาเลือนรางเหล่านั้นที่ก่อตัวจากลำแสงล้วนพุ่งเข้ามาขณะผ่านร่างของทุกคน
ตาย!!!
หมอกโลหิตลอยขึ้นมา แขนขาขนาดเล็กกระจายไปทุกหนแห่ง
กลุ่มทหารม้าทั้งหมดถูกทำลายด้วยการจู่โจมครั้งนี้
…เหมือนที่โครงกระดูกเหล่านั้นประสบพบเจอมา
ครืนนนน!
สายลมพัดผ่านทุกหนแห่ง สายลมและหิมะส่งเสียงหวีดหวิว!
สิ่งมีชีวิตทั้งหมดถูกชะล้างโดยลำแสง กลายเป็นโลหิตและกระดูกก่อนหายไปตามสายลมและหิมะทุกทิศทาง
โครงกระดูกที่ถูกบดขยี้กลับมารวมร่างจนมีชีวิตอีกครั้ง
กู่ฉิงซานลืมตาขึ้นขณะมองฉากอันเหลือเชื่อตรงหน้า
ทันใดนั้น แสงสีแดงพุ่งมาทางกู่ฉิงซาน ทิ้งโลหิตไว้บนแก้มของเขา
กู่ฉิงซานไม่ปกปิด
…นี่คือโลหิตของทหารม้าแน่ ๆ
เมื่อครู่ เขายังเป็นวีรบุรุษที่มีชีวิตอยู่
น่าเสียดายที่เมื่อเผชิญหน้ากับพลังอันมหาศาล ความพยายามทั้งหมดของเขาคล้ายกับเล็กจ้อยและไร้ค่า
กู่ฉิงซานถอนหายใจขณะเช็ดโลหิตด้วยนิ้วก่อนหันไปมองข้างหน้า
ความสามารถของสัตว์ประหลาดคืออะไร
เป็นไปได้ไหมว่าการโจมตีของทุกคนจะย้อนกลับมาหาตัวเอง
นี่มันการต่อสู้อะไร!
ทันใดนั้น มือที่มีหนามแหลมคู่หนึ่งยื่นออกมาจากความว่างเปล่าก่อนพลันบีบคอของกู่ฉิงซาน
สัตว์ประหลาดกล่าวพร้อมกับแผ่จิตสังหารออกมาว่า “เป็นเจ้าอีกแล้ว เจ้ามนุษย์ ครั้งนี้ข้าจะ…”
เสียงพลันขาดห้วงอีกครั้ง
กู่ฉิงซานถูกบีบรัด ไม่สามารถขยับได้
“เอาสิ ข้าฆ่าเลย!”
เขายั่วโมโหสัตว์ประหลาด มือของเขาที่สวมถุงมือเหล็กกล้าแบออกเพื่อออกแรงหักหนามขนาดเล็กบนแขนของอีกฝ่าย
ในเวลาเดียวกัน ในความว่างเปล่า เสียงกรีดร้องเร่งเร้าดังขึ้น
“ฟิ่ว! ฟิ่ว ๆ !”
สัตว์ประหลาดเงยหน้าขึ้นอย่างเดือดดาล แต่เสียง “ฟิ่ว ๆ ” หายไป ต่อให้มันจะใช้ทักษะค้นหาอย่างหนักก็ไม่อาจหาร่องรอยของอีกฝ่ายได้
เกิดความเงียบสงัด
ในความว่างเปล่า เสียงคำรามที่เต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราดพลันดังขึ้น
“เจ้าพวกที่มาช่วงชิงความสามารถของข้า คิดหรือว่าจะสามารถจัดการกับข้าด้วยวิธีนี้ได้”
มันเหวี่ยงกู่ฉิงซานออกไปไกล
กู่ฉิงซานลอยไปไกลหลายสิบฟุตก่อนตกลงพื้นอย่างนุ่มนวล
…สัตว์ประหลาดตัวนี้ทรงพลังจนสามารถถึงกับพบว่าเหวยจุนได้ช่วงชิงความสามารถที่มันใช้เมื่อครู่ไป
แสดงว่ามันไม่กล้าฆ่าจริง ๆ
ไม่อย่างนั้นมันจะตาย ส่วนคนที่ถูกฆ่าก็จะกลับมามีชีวิต
กู่ฉิงซานกำลังจะพูดบางอย่าง ทันใดนั้น เขาเห็นมือมีหนามหนึ่งคู่ลอยอยู่ในอากาศขณะร่ายรำไปทางสุสาน
“เมล็ดพันธุ์ที่หลับใหลอยู่ใต้ดินเอ๋ย ตอนนี้ถึงเวลาที่พวกเจ้าจะตื่นขึ้นมาแล้ว” สัตว์ประหลาดร่ายคำสาป
เพียงพริบตา เขเห็นกองหลุมศพไม่มีสิ้นสุดเริ่มเคลื่อนไหว
แม้กระทั่งสุสานที่สูงราวหอระฆังที่อยู่ใจกลางเริ่มแยกออกเป็นสองฝั่ง
เมื่อกู่ฉิงซานเห็นมัน เขาหยุดพูดก่อนหันหลังแล้ววิ่ง
สัตว์ประหลาดเผยรอยยิ้มช้า ๆ “เจ้าหนีไม่รอดหรอก ทั่วโลกมีชะตาจะต้องถูกทำลายล้าง มนุษย์เช่นเจ้าจะไปเหลืออะไร”
กู่ฉิงซานไม่สนใจเรื่องเหล่านี้
เขาวิ่งไปทางที่มาด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มี
เร็ว!
เร็วเข้า!
เร็วกว่านี้!!!
สัตว์ประหลาดกำลังจะมาเอาชีวิตในไม่ช้า!
ดาบศักดิ์สิทธิ์ปรากฏขึ้นจากด้านหลังของเขา น้ำเสียงประหลาดใจของลั่วปิงหลีดังขึ้น “กู่ฉิงซาน เจ้ายังไม่ทันลงมือแต่กลับจะหนีงั้นหรือ”
“ไม่จริงสักหน่อย ก่อนที่ข้าจะโดนเล่นงาน ข้าคิดว่า…”
กู่ฉิงซานกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ใครบางคนจะต้องชดใช้ด้วยความตายสำหรับทหารม้าเหล่านี้”
เขายังคงย่อลงกับพื้นเพื่อก้าวพริบตาต่อไป ด้วยสกิลเทพที่ทำให้บินเร็วขึ้น ไม่ช้าก็มาถึงสุดขอบหมอก
“ฉานนู่!” กู่ฉิงซานเรียก
“ข้าอยู่นี่แล้ว นายท่าน” ดาบยาวราวน้ำสารทปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่าก่อนกลายเป็นหญิงสาวเย็นชางามสง่า
กู่ฉิงซานโยนนามให้นางแล้วกล่าวว่า “ยั่วโมโหเจ้านั่นที!”
“ได้!” ฉานนู่กล่าวอย่างเคร่งขรึมขณะถือหนามสัตว์ประหลาด
นางใช้งานความลึกลับของทุกชีวิต ทั่วร่างค่อย ๆ กลายเป็นสัตว์ประหลาดน่าเกลียดและน่าขนลุก
กู่ฉิงซานเช็ดโลหิตที่เหลือบนใบหน้า จากนั้นใช้ความลึกลับของสิ่งมีชีวิตเพื่อกลายเป็นทหารม้า
เขาบินออกไปอีกครั้งขณะพุ่งออกไปหลายพันเมตรเพียงไม่กี่ก้าว
เขาพุ่งออกจากหมอกสีดำไป!
สามรอบ
สองรอบ
หยุด!
กู่ฉิงซานย่อตัวลงกับพื้นก่อนกระอักโลหิตออกมาแล้วตะโกนอย่างสิ้นหวังว่า “ท่านแม่ทัพ! ท่านแม่ทัพ!”
เดิมคนเหล่านั้นกำลังรออยู่กับที่ พวกเขาได้ยินเสียงสั่นสะเทือนมาจากหมอกสีดำ
ทุกคนตกตะลึงเมื่อเห็นว่าทหารม้าคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัสขณะบินกลับมา
แม่ทัพขมวดคิ้วแล้วถามว่า “เกิดอะไรขึ้น มันเกิดเรื่องอะไรงั้นหรือ”
กู่ฉิงซานร้องไห้ออกมาแล้วตอบว่า “คนของพวกเราตายหมดเลย สัตว์ประหลาดนั่นแข็งแกร่งเกินไป! มันบอกว่าถ้าเจ้านายของพวกเราไม่กล้าเข้าไปส่วนลึกของหมอกสีดำเพื่อสู้กับมัน เช่นนั้นก็รีบก้มหัวเป็นทาสแต่โดยดี ทำแบบนี้จึงจะมีชีวิตรอดได้!”
เกิดความเงียบสงัด
แม่ทัพสูดหายใจเข้าขณะพยายามปรับสภาพจิตใจ
ตอนนี้เขาเป็นแม่ทัพ ตอนนี้เขาเป็นแม่ทัพ เขาจะไม่สามารถทำอะไรที่ขัดกับตัวตนได้…
ลูกน้องสองคนที่ขัดกับตัวตนก่อนหน้านี้หายไปแล้ว
แม่ทัพช่างน้ำหนักในใจเงียบ ๆ แล้วพลันหัวเราะออกมา “ช่างเป็นกลยุทธ์ที่แปลกประหลาดนัก จะมาหลอกให้ข้าเข้าไปหามันอย่างนั้นหรือ…”
ทันใดนั้น เสียงของสัตว์ประหลาดมาจากหมอกสีดำเพื่อกลบเสียงของแม่ทัพทันที
“อออออออา! แม่ทัพหลักของมนุษยชาติ!”
“ข้าจะรอเจ้าอยู่ในหมอกสีดำ ถ้าเจ้าเป็นแค่ขยะขี้ขลาดก็รอให้หมอกสีดำกระจายตัวก็พอ จากนั้น โลกทั้งก็จะถูกข้าทำลาย!”
ทุกคนตกตะลึง
เป็นเสียงของสัตว์ประหลาดจริง ๆ !
มันประกาศคำท้ากับผู้นำของมนุษยชาติ!
ทุกคนมองแม่ทัพพร้อมกัน
ตอนนี้ ทหารม้าคนนั้นเช็ดใบหน้าแล้วกล่าวอย่างขมขื่นว่า “ท่านแม่ทัพ พี่น้องของข้าตายหมดแล้ว ข้าอยากให้ท่านแก้แค้นเพื่อพวกเขา!”
แก้แค้น…
แม่ทัพก็คือแม่ทัพ เขายังยืนนิ่ง ริมฝีปากอ้าออกแล้วหุบลงอยู่นาน ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้
ถ้าโดนขนาดนี้ยังไม่เข้าไปอีก…
จะกลายเป็นว่า… มันขัดกับตัวตน... ของแม่ทัพ…
มันครุ่นคิดอยู่นาน ในที่สุดก็ยืนยันคำตอบได้
………………………………………..