ตอนที่ 1162 ความเชื่อใจของมังกรมาร (สาม)
พายุหิมะพัดพาไปหนึ่งคืน
ดวงตะวันลอยขึ้น
ทั่วโลกปกคลุมด้วยสีแดง
บนยอดตึกระฟ้า แมวสีส้มตัวหนึ่งนั่งอยู่ขอบกำแพงชั้นนอกขณะก้มมองลงมาอย่างตั้งใจ
ด้านหลังของมัน ดาบยาวคล้ายสารทลอยอยู่ในอากาศ
“นายท่าน…” เสียงของฉานนู่ดังขึ้นในสติของแมวสีส้ม
“หืม”
“ถ้าพวกเรามัวแต่ยืนอยู่ที่นี่ไม่ไปไหน มันจะมีอะไรแตกต่างหรือเปล่า”
“เจ้าหมายความว่ายังไง”
“ตอนนี้ แบร์รี่กำลังขัดขืนวิญญาณกรีดร้อง วิญญาณกรีดร้องทรงพลัง ข้าเกรงว่าแบร์รี่จะไม่สามารถต้านทานมันได้หลังจากยื้อกันไปสักพัก” ฉานนู่ตอบอย่างกังวล
แมวสีส้มหาวจนอดที่จะเอาลิ้นเลียอุ้งเท้าไม่ได้
เดี๋ยวนะ ข้าไม่ใช่แมวจริง ๆ สักหน่อย ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วยล่ะ
แมวสีส้มดึงอุ้งเท้ากลับด้วยความวิตกก่อนตอบฉานนู่ว่า “ข้ามอบคำสั่งให้เขาแค่แยกวิญญาณกรีดร้องออกจากมังกรมาร ความสามารถของเขาไม่ธรรมดา แต่ที่จริงเขาไม่ต้องต่อสู้กับวิญญาณกรีดร้องหรอก”
“นี่ นายท่าน ข้าไม่เข้าใจ” ฉานนู่กล่าวด้วยความสับสน
แมวสีส้มถามโดยไม่หันหลังกลับมาว่า “ฉานนู่ ถ้าพวกเรากลับไปอดีตอีกครั้ง คิดว่าข้าต้องกลับไปเมื่อไหร่”
“เรื่องนั้นมัน…”
ฉานนู่กำลังจะพูด แต่ทันใดนั้นก็ตอบสนอง
จริงด้วย…
นายท่านเพียงต้องกลับไปยังช่วงเวลาที่เขาจากมา ในช่วงเวลานั้น แบร์รี่ยังไม่ได้ลงมือกับวิญญาณกรีดร้อง
ในช่วงเวลานั้น มังกรมารออกไปพร้อมกับนายท่าน เหลือแค่เพียงวิญญาณกรีดร้อง
จากมุมมองพวกแบร์รี่ จู่ ๆ กู่ฉิงซานหนีไป จากนั้นจู่ ๆ ก็กลับมา
ทว่า มังกรมารไม่กลับมาในช่วงเวลานั้น
นี่มันช่าง…
“เป็นแบบนั้นเอง” ฉานนู่ยิ้มอย่างวางใจ “แสดงว่านายท่านสามารถดูดกลืนพลังมังกรมารได้อย่างวางใจ หลังจากพลังทั้งหมดนี้ถูกเปลี่ยนสภาพ มันก็ไม่สายเกินกว่าจะกลับไปช่วงที่หอคอยพังพินาศ”
แมวสีส้มมองทั่วเมือง ดวงตาจับจ้องตรอกโดดเดี่ยวแห่งนั้น
“นอกจากดูดกลืนพลังแล้ว ยังมีบางสิ่งที่ต้องทำ…” เขาพึมพำเสียงต่ำ
“มันคืออะไรหรือ” ฉานนู่ประหลาดใจ
กู่ฉิงซานดึงจิตเทพกลับก่อนจมเข้าสู่ทะเลแห่งความตระหนักรู้
เหรียญมิติและเวลาสามเหรียญลอยอยู่ใจกลางของทะเลแห่งความตระหนักรู้
พวกมันส่งเสียงฮัมเล็กน้อยราวกับกำลังถามบางสิ่ง
ถึงแม้หน้าต่างระบบเทพสงครามจะอธิบายคร่าว ๆ เกี่ยวกับสามเหรียญแล้ว แต่ยังไม่ได้พูดถึงหน้าที่กับการทำงานพิเศษของเหรียญ
เทวภัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์จะต้องถูกเปิดเผยโดยวิญญาณของเทวภัณฑ์เท่านั้น ผู้ใช้จึงจะสามารถเข้าใจและใช้พลังของเทวภัณฑ์ได้
นี่คือกรณีเดียวกับดาบขุนเขาศักดิ์สิทธิ์หกภพ ดาบศักดิ์สิทธิ์และดาบพิภพ
ตอนนี้เหรียญมิติและเวลาสามเหรียญนี้ยังไม่ยอมรับกู่ฉิงซาน
ตอนนี้พวกมันกำลังขอร้อง
“โลกใบนี้ล้าหลังเกินไป โปรดช่วยอำนวยความสะดวกด้วย”
ช่วยอำนวยความสะดวก…
แมวสีส้มหรี่ตา ดวงตาจับจ้องตรอกสกปรกที่ห่างไปหลายพันเมตร
เด็กได้กินจนมีสารอาหารมาหล่อเลี้ยง ตอนนี้เขากำลังหดตัวอยู่ที่มุมหนึ่งขณะหลับตาไม่ขยับไปไหน
ที่จริงด้วยจิตใจกับความสามารถของมังกรมาร มันสามารถได้รับพละกำลังเบื้องต้นจนเหนือกว่าคนธรรมดาได้อย่างรวดเร็วเพียงแค่อึดใจเดียว
แต่สามเหรียญยังไม่วางใจ
คนอย่างมังกรมารสามารถได้รับการยินยอมจากสามเหรียญ การที่ยอมช่วยจนวินาทีสุดท้ายนับว่าน่าสนใจทีเดียว
แมวสีส้มจมสู่ห้วงความคิด
ถ้างั้น เขาสามารถช่วยอะไรมันได้อีกล่ะ
แมวสีส้มเงยหน้าขึ้นก่อนปล่อยจิตเพื่อสังเกตการณ์โลก
ความล้าหลัง…ไม่ใช่ปัญหาใหญ่
ปัญหารากฐานที่สุดในโลกนี้คือไม่มีร่องรอยของพลังพิเศษ
ในโลกนี้มนุษย์เลือกเทคโนโลยีเพียงเพราะไม่มีทางเลือกอื่น มีเพียงเทคโนโลยีที่สามารถช่วยให้อารยธรรมมนุษย์ก้าวหน้าขึ้นได้
มันออกจะเป็นปัญหานิดหน่อย…
ต่อให้เป็นมังกรมาร มันก็ยังต้องใช้เวลานานกับโลกนี้พอสมควร
แมวสีส้มครุ่นคิดสักพักก่อนตั้งท่วงท่าอยู่ที่จุดหนึ่ง จากนั้นบิดร่างกายช่วงล่างลงเล็กน้อย
เต้น!
เพียงพริบตา ทั่วโลกหายไปตรงหน้าเขา แสงหมองหม่นปรากฏขึ้นตรงหน้าแมวสีส้ม
เจตจำนงดั้งเดิมของโลกนี้มาเยือน
มีเสียงกระซิบนับไม่ถ้วนในสายลมราวกับกำลังบอกบางสิ่งกับแมวสีส้ม
แมวสีส้มตั้งใจฟัง สีหน้าของเขาค่อย ๆ หนักอึ้งเล็กน้อย
กลายเป็นว่าความกังวลของสามเหรียญไม่สมเหตุสมผล
เป็นการยากที่มังกรมารจะก้าวข้ามขีดจำกัดสูงสุดของพละกำลังโลกนี้
เพราะในช่วงอดีต พลังดั้งเดิมของโลกนี้ถูกใช้มากเกินไป ทำให้ไม่สามารถสร้างพลังพิเศษขึ้นมาได้
ความจริง ทรัพยากรของทุกโลกมีจำกัด
หากอารยธรรมสนเพียงการใช้ทรัพยากรของโลกจนทำให้ท้องนภามีมลพิษ ทำให้มหาสมุทรและดินแดนแปดเปื้อน แต่สุดท้ายกลับไม่ตอบแทนและหล่อเลี้ยงโลก สิ่งมีชีวิตอื่นในโลกจะสูญพันธุ์อย่างรวดเร็ว พลังดั้งเดิมของทั่วโลกจะค่อย ๆ ถูกใช้
โลกนี้จะเสื่อมถอยด้วยความมืดบอดและความละโมบของอารยธรรม ท้ายที่สุดก็จะถูกทำลาย
แมวสีส้มครุ่นคิดสักพัก จากนั้นคำนับช้า ๆ
มันตกลงไปตรงตรอกเล็ก ๆ เพื่อมาหาเด็กอีกครั้ง
“มีอะไร”
เด็กลืมตาขึ้นขณะถามอย่างแผ่วเบา
แมวสีส้มชี้เด็กและร้องเหมียวอยู่หลายครั้งต่อหน้าแสงหมองหม่นในความว่างเปล่า
แสงหมองหม่นจมเข้าสู่ร่างของเด็ก
สีหน้าของเด็กพลันกลายเป็นสีกุหลาบ ทั่วร่างเต็มไปด้วยพละกำลัง ไม่มีอาการป่วยอีกต่อไป
เด็กเปลี่ยนสีหน้าแล้วกล่าวว่า “นี่คือพลังต้นกำเนิดโลก เจ้าสามารถใช้พลังนี้ได้ด้วย เจ้าทำให้เจตจำนงยอมฟังได้ยังไง”
เสียงของกู่ฉิงซานดังขึ้นในหูของเขา “มันก็แค่การแลกเปลี่ยนน่ะ เจ้าไม่ต้องกดดันเกินไป อีกไม่ช้าก็จะเป็นที่โปรดปรานของโลกแล้ว”
“เป็นที่โปรดปรานหรือ”
“ใช่ เจ้าจะเป็นอิสระจากพันธนาการของร่างนี้ ไม่ถูกพันธนาการโดยวงเวททั่วไปของโลกนี้ เจตจำนงโลกจะตั้งใจช่วยเจ้าเพื่อให้สามารถพัฒนาระดับการฝึกฝนได้อย่างรวดเร็วจนฟื้นคืนพละกำลังให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้”
เด็กไม่ได้แสดงความยินดี แต่ถามด้วยเสียงที่ยังไม่โตเต็มที่ว่า “ถ้างั้น ข้าต้องจ่ายด้วยอะไร”
กู่ฉิงซานตอบว่า “โลกนี้กำลังตกต่ำลง เจ้าต้องพยายามให้มากเพื่อรักษาสมดุลของระบบนิเวศขณะที่ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น จากนั้นถ่ายทอดความรู้และทักษะชั้นสูงให้กับอารยธรรมที่นี่เพื่อที่อารยธรรมจะได้ปราศจากการพึ่งพาทรัพยากรมากจนเกินไป ในเวลาเดียวกันก็จะเป็นการช่วยโลกแบบค่อยเป็นค่อยไป เสริมสร้างแหล่งกำเนิดพลังจนกลับคืนสู่สภาพที่แข็งแกร่งก่อนเปลี่ยนเป็นระดับที่สูงยิ่งขึ้น”
เด็กสัมผัสเจตจำนงของโลกทั้งใบเงียบ ๆ แล้วกล่าวว่า “ยุติธรรมดี ข้าสัญญาก็แล้วกัน แต่ไม่รู้ว่าจะทำข้อตกลงนี้สำเร็จหรือเปล่า”
สายลมนับไม่ถ้วนพัดอยู่รอบข้างเขาและหูของแมวสีส้มเพื่อตอบคำถาม
แมวสีส้มพยักหน้า
เด็กพยักหน้าเช่นกัน
เมื่อเห็นว่าเรื่องราวคลี่คลายแล้ว แมวสีส้มพูดอีกครั้งว่า “ข้าไปล่ะ”
เด็กมองแมวสีส้มครั้งสุดท้ายแล้วกล่าวว่า “หวังว่าจะได้เจอกันโอกาสหน้า”
คำพูดมีความหมายยิ่ง แมวสีส้มอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้
ในเวลาเดียวกัน ในทะเลแห่งความตระหนักรู้ของแมวสีส้ม สามเหรียญส่งเสียงฮัมอย่างยินดี
พวกมันพึงพอใจกับการเตรียมการของกู่ฉิงซานยิ่ง
ดูท่าปัญหาจะคลี่คลายแล้ว
แมวสีส้มพยักหน้าเล็กน้อยให้กับเด็กอีกครั้งก่อนยื่นอุ้งเท้าเพื่อโบกไปในความว่างเปล่า
โลกถอยออกมาทั้งสองด้าน เผยให้เห็นกระแสวังวนความว่างเปล่าออกมา
แมวสีส้มเดินเข้าไปพร้อมกับหางที่กระดิก
ไม่ช้า
ความว่างเปล่ากลับมาเป็นปกติ
เด็กนั่งอยู่ที่เดิมอยู่หลายอึดใจ รู้สึกถึงพละกำลังไม่มีสิ้นสุดในร่างกาย
ทั่วโลกมีสีสันเมื่ออยู่ในสายตาของเขา
ทันใดนั้น มีความโกลาหลเกิดขึ้นในตรอกเล็ก
ขบวนรถยาวเข้าสู่ตรอกนี้
ชายมากความสามารถหลายสิบคนในชุดดำและสวมแว่นตาออกมาจากรถ
จากนั้น ชายชราผมเทาเดินออกมาจากรถ
เขาเดินมาหาเด็ก ย่อตัวลงช้า ๆ แล้วถอนหายใจ “ผู้สืบทอดคนสุดท้ายของตระกูลอันยิ่งใหญ่ของข้า อายุเพียงห้าขวบแต่กลับสามารถหาทางหนีรอดหลังจากถูกลักพาตัวมาได้ สุดท้ายก็มาซ่อนอยู่ในสลัมนี้โดยที่ไม่มีใครหาตัวพบ”
“ปู่เห็นความหวังของตระกูลในตัวเจ้า”
เขาจับมือของเด็กก่อนดึงเข้ามากอด
“หลานชายแสนดี วางใจได้ คนที่กล้าใส่ร้ายเจ้าได้รับโทษที่สาสมแล้ว ปู่สัญญาว่าเรื่องนี้จะไม่มีวันเกิดขึ้นอีก”
ในระหว่างเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ มังกรมารรู้สึกสับสน
มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่
พรของโลกหรือ
เขาไม่มีเวลามาคิดให้มากความก่อนขึ้นไปนั่งเบาะหลังของรถคันยาวอย่างแผ่วเบา
ชายชรามองเขาแล้วถามว่า “เจ้าถูกกลั่นแกล้งหรือเปล่า เจ้าเจ็บตรงไหนหรือไม่”
เด็กตอบอย่างแผ่วเบาว่า “เรื่องเล็กน้อย”
ชายชราตกตะลึงก่อนพลันหัวเราะออกมา
“ดี กลับบ้านกันเถอะ!”
รถออกตัว
ขบวนรถยาวออกจากตรอกนี้ไป
ในรถม้าที่สะดวกสบายและอบอุ่น เด็กครุ่นคิดอย่างเงียบงัน
ในช่วงเวลาหนึ่ง เขากระซิบว่า “แสดงว่า ข้าสามารถฟื้นฟู… วิญญาณ… ของโลกใบนี้ได้งั้นหรือ”
..............................