webnovel

1092 จุดจบของความสิ้นหวัง

ตอนที่ 1092 จุดจบของความสิ้นหวัง

ยานอวกาศดาราเคลื่อนไปข้างหน้าในความมืดด้วยความเร็วสูงสุด

ประกายแสงสว่างตามยานอวกาศมาตลอดทาง

ในความมืดของความว่างเปล่าอันไร้พรมแดน ยานอวกาศและดวงดาวหลอมรวมเป็นหนึ่งจนดูเหมือนกับอุกกาบาตกำลังพุ่งผ่านไป

ในยานอวกาศ ทุกคนมองดูเปลวเพลิง

“แสดงว่านี่คือแสงสว่างบนไม้เท้าภูตหรือ” หลานซิ่วถาม

“ใช่ พวกเขาเดินทางมากับพวกเรา ไม่อย่างนั้นมีแต่จะพบทางตัน” กู่ฉิงซานกล่าว

เขาและซูเสวี่ยเอ้อร์กำลังขับยานอวกาศด้วยกันขณะบินมุ่งสู่จุดสิ้นสุดบนแผนที่ดารา

ยานอวกาศพลันส่งเสียงแจ้งเตือนหยาบกระด้าง

กู่ฉิงซานเปิดคอนโซล ข้อมูลถูเรียกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

กลุ่มนกกระดูกกำลังไล่หลังมา

ถูกตาม

หัวใจของทุกคนดิ่งวูบ

ซูเสวี่ยเอ้อร์ไม่กล่าวอะไร รหัสผ่านยาวเหยียดถูกแสดงบนจอแสง

คอนโซลแยกออกไปด้านข้าง หมวกสีดำใบหนึ่งที่ซ่อนอยู่ข้างในถูกเผยขึ้นมา

ซูเสวี่ยเอ้อร์หยิบหมวกออกมาแล้วสวมเข้าไป

ปีกเหล็กกล้าของยานอวกาศพลันกางออกเป็นมุมเล็กน้อย

เมื่อยานอวกาศเริ่มหมุนตัวและร่ายรำอย่างต่อเนื่อง แสงสว่างแพรวพราวนับร้อยถูกยิงออกจากยานอวกาศเข้าสู่ความมืดมิดสุดหยั่งที่ด้านหลัง

กลุ่มนกกระดูกที่ไล่ตามมาถูกแสงสว่างโจมตีก่อนจะกลายเป็นดอกไม้ไฟ

บนจอแสง นกกระดูกทั้งหมดหายไปแล้ว

แต่เสียงแจ้งเตือนยังไม่หยุด

“พระเจ้าช่วย นี่มัน…” ฉ่าเฉียงส่งเสียง

บนจอแสง กรงเล็บกระดูกยักษ์ไร้เทียมทานโผล่ขึ้นมาจากใต้ยานอวกาศอย่างช้าๆ เพื่อจับยานอวกาศเอาไว้

กรงเล็บกระดูกยักษ์นี้คล้ายกับอันที่ติดอยู่ในเส้นทางลับ แต่มันมีขนาดใหญ่กว่าหลายเท่า

ยานอวกาศเหล็กกล้าที่อยู่ต่อหน้ากรงเล็บยักษ์นี้ไม่อาจรอดพ้นเงื้อมมือไปได้

ลำแสงหลายร้อยสายตัดผ่านความมืดขณะกระแทกใส่กรงเล็บกระดูกยักษ์

ถึงแม้แสงสว่างยังคงกระแทกใส่กรงเล็บกระดูก แต่ความเร็วของกรงเล็กระดูกไม่ได้ลดลงไปเลย

“มันกำลังมา!” กู่เหยียนตะโกน

เขาวางมือบนพื้นยานอวกาศ ทันใดนั้นก็กระตุ้นวิชาเดียวของเขาที่มี

นกอมตะเพลิงเจิดจ้าปรากฏขึ้นใต้ยานอวกาศ

นกอมตะเพลิงราวกับมีชีวิต มันกางปีกออกขณะบินไปทางกรงเล็บกระดูก

ตูม!

นกอมตะเพลิงกระแทกใส่กรงเล็บกระดูก เกิดเสียงดังสั่นสะเทือนโลก

กรงเล็บกระดูกถูกเล่นงานก่อนหยุดนิ่งอยู่ในความมืด

ทุกคนเพิ่งถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่เสียงแจ้งเตือนของยานอวกาศพลันหยาบกระด้างมากยิ่งขึ้น

กรงเล็บกระดูกยักษ์อีกอันปรากฏขึ้นบนจอแสง!

กรงเล็บกระดูกยักษ์อยู่ตรงหน้ายานอวกาศขณะรอให้ยานอวกาศบินเข้ามาหาเอง

กู่เหยียนกล่าวทันทีว่า “ก็ได้ ให้ข้าจัดการเอง!”

เขาใช้งานวิชาอีกครัง

ใต้ยานอวกาศ นกอมตะสองตัวปรากฏขึ้นพร้อมกัน!

นกอมตะเพลิงกางปีก ปะทะเข้ากับกรงเล็บกระดูกยักษ์ที่อยู่ตรงหน้า

เกิดเสียงระเบิดอย่างรุนแรงขึ้น แม้กระทั่งยานอวกาศยังสั่นสะเทือนไปสักพัก

กรงเล็บกระดูกยักษ์กระเด็นออกไปไกล

ยานอวกาศเคลื่อนผ่าน

หลานซิ่วกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “ไม่ ไม่ถูกทำลาย กรงเล็บกระดูกที่อยู่ด้านหลังไล่ตามมาอีกแล้ว!”

มือของกู่ฉิงซานที่อยู่บนคอนโซลชะงักเล็กน้อย

ยานอวกาศเร่งความเร็วอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง แต่มันไม่ได้สูงขึ้นเลย

…ตอนนี้อยู่ที่ระดับสูงสุดแล้ว เหนือกว่านั้นคือกำแพงล่องหน

กรงเล็บกระดูกหนึ่งคู่ถูกแยกออกจากกันชั่วคราว แต่หัวใจของทุกคนสั่นสะท้านมากยิ่งขึ้น

กู่ฉิงซานสัมผัสได้เช่นกัน

ครั้งนี้ ไม่จำเป็นต้องมองจอแสงเขาก็รู้ว่าช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายมาถึงแล้ว

กู่ฉิงซานพลันตะโกนว่า “ท่านชายชรา ยิง!”

แสงดาราไม่มีสิ้นสุดที่อยู่นอกยานอวกาศพลันรวมตัว ลำแสงสีม่วงงดงามระเบิดเข้าใส่ด้านหน้ายานอวกาศ

ในตำแหน่งนั้น หัวกะโหลกที่เต็มไปด้วยหนอนยักษ์เพิ่งปรากฏตัวจากความมืด

หัวกะโหลกอ้าปากเพื่อกัดยานอวกาศ

มันคือเจ้าของกรงเล็บกระดูกคู่นั้น!

ในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตาย พลังผสานที่เกิดจากภูตมาถึง

ลำแสงสีม่วงกระแทกใส่หัวกะโหลก ทำให้มันเลือนราง

ยานอวกาศและแสงดาราที่ติดอยู่ทั้งซ้ายขวาของตัวยานพุ่งตรงผ่านปากของหัวกะโหลกก่อนทิ้งความว่างเปล่าเอาไว้ที่เบื้องล่าง

จนกระทั่งบินไปไกลแล้ว หัวกะโหลกจึงกลับมาเป็นรูปร่างอีกครั้ง

ประตูปืนใหญ่ของยานอวกาศเหล็กกล้าเปิดออกบานแล้วบานเล่า ทุกกระบอกกระหน่ำใส่กำแพงข้างหน้า

เสียงระเบิดดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า

หินก้อนใหญ่ตกลงมาจากท้องนภา กระแทกใส่หัวกะโหลกยักษ์

นกโลหิตอีกกลุ่มกรีดร้องขณะพุ่งไปข้างหน้าในแนวทแยง

ซูเสวี่ยเอ้อร์ควบคุมยานอวกาศทันทีเพื่อปล่อยคลื่นกระแทกที่มองไม่เห็น ทำให้กลุ่มนกโลหิตนี้หลงทางจนตกลงไปในเส้นทางที่มืดมิด

ในความมืดข้างหน้า กรงเล็บกระดูกอีกอันปรากฏขึ้นอีกครั้ง

สัตว์ประหลาดยักษ์อีกตัว

ภูตเปิดฉากยิงอีกครั้ง

ลำแสงสีม่วงเจิดจ้ากระแทกใส่กรงเล็บกระดูก ทำให้มันเลือนรางอีกครั้ง

ยานอวกาศผ่านไป

แต่บนยานอวกาศ สีหน้าของทุกคนไม่ได้ผ่อนคลายลงเลย

“แบบนั้นไม่ได้ผลแน่” หลานซิ่วกล่าวอย่างเคร่งขรึม “มีสัตว์ประหลาดมากเกินไป พวกเรากำจัดพวกมันไม่ได้แน่ ลองใช้วิชาเคลื่อนย้ายพริบตาดีกว่า!”

อารักขาที่อยู่ด้านหลังเขาหยิบไพ่ออกมา เขามองดูใกล้ๆ ก่อนรายงานว่า “นายท่าน ที่นี่คล้ายกับถูกปิดกั้นด้วยพลังบางอย่าง ทำให้เคลื่อนย้ายพริบตาไม่ได้!”

กู่เหยียนเดินไปหาคนของตัวเอง

ลูกน้องส่ายหน้าด้วยความหงุดหงิดเช่นกัน

ฉ่าเฉียงยังคิดถึงการต่อสู้เมื่อครู่ก่อนกล่าวว่า “บัดซบ พวกมันไล่กัดพวกเราราวกับสุนัขล่าสัตว์ หากมองในมุมผู้ล่าแล้ว นี่คือการรอให้กองทัพขนาดใหญ่มาถึง”

ดวงตาของกู่ฉิงซานคมปลาบขณะสาวเท้าไปยังหน้าต่างของยานอวกาศแล้วกล่าวกับภูตเสียงดังว่า “พวกท่านมีกันตั้งมากมาย ทำไมวิชาทั้งหมดที่ใช้ออกไปถึงไม่ใช่วิชาโจมตีที่รุนแรงเลยล่ะ”

ประกายแสงสว่างเหล่านั้นชะงัก ไม่ช้าก็กลายเป็นทะเลเพลิง ก่อเกิดเป็นรูปลักษณ์ของชายชราเครายาวที่มีเปลวเพลิงขณะส่งเสียงอื้ออึงว่า

“เพราะ… ถูกขัง… มา… หลายร้อยล้านปี… ก็… เลย… ไม่มี… ทรัพยากร… สำหรับ… ร่ายวิชา…”

ทุกคนบนยานอวกาศตกอยู่ในความเงียบ

ภูตเป็นเผ่าพันธุ์ที่ทรงพลังมาก ในโลกเก้าร้อยล้านชั้น คนธรรมดาไม่กล้าหาเรื่องพวกเขา

แต่ในทางเดินลับ เพราะใช้ทรัพยากรไปจนหมดในช่วงหลายร้อยล้านปี ท้ายที่สุดพวกเขาจึงสามารถใช้ได้แค่วิชาพื้นฐานเท่านั้น

ไม่สงสัยเลยว่าพวกเขาถึงหลบเลี่ยงสัตว์ประหลาดมาตลอด

เพราะพวกเขาไม่สามารถใช้วิชาทรงพลังโจมตีศัตรูได้อีกต่อไปแล้ว

ตอนนี้พวกเขาควรทำอย่างไรดี

สลัดศัตรูไม่หลุดเลย

กู่เหยียนพลันกล่าวว่า “ทำนาย”

“ขอรับ นายท่า”

ผู้ติดตามของเขาตอบรับขณะโยนบอลไฟในอากาศเพื่อร่ายคาถา

ในเปลวไฟ ผู้ฝึกยุทธ์สวมหน้ากากกับฝูงสัตว์ประหลาดเหล่านั้นกำลังเคลื่อนที่มาหา

อีกไม่นาน พวกมันจะตามยานอวกาศทัน!

“มันจบแล้ว พวกเรากำลังจะตายที่นี่” ฉ่าเฉียงกล่าวอย่างหงุดหงิด

หลานซิ่วถอนหายใจ ไม่พูดอะไร

กู่เหยียนกล่าวอย่างขมขื่นว่า “ก่อนตายขอฆ่าสักหน่อยก็แล้วกัน!”

คนของเขาตอบรับเมื่อได้ยินเช่นนั้น

กู่ฉิงซานก้าวถอยกลับมาขณะมองทุกคน

เขามองเห็นความสิ้นหวั

เขาหันศีรษะอีกครั้งเพื่อมองซูเสวี่ยเอ้อร์

ซูเสวี่ยเอ้อร์ถอดหมวกออก นางยังคงควบคุมการบินของยานอวกาศ

นางมองเขาด้วยความกังวล

ไม่ใช่ความกลัว แต่เป็นความกังวล

กู่ฉิงซานเพียงรู้สึกถึงความโล่งใจ

เขาหยิบหินแห่งสรรพสิ่งออกมา เดินมาอยู่ข้างซูเสวี่ยเอ้อร์แล้วกระซิบว่า “ข้ามีบางสิ่งจะมอบหมายให้เจ้า”

“มีอะไรหรือ” ซูเสวี่ยเอ้อร์ถา

“ข้าขอฝากฝังการดูแลความปลอดภัยไว้ที่เจ้า ก่อนกลับมา เจ้าทำแทนข้าได้เลย” กู่ฉิงซานกล่าว

ทุกคนได้ยินบทสนทนาระหว่างทั้งสองจึงหันมามองกู่ฉิงซาน

“เจ้ามีวิธีหนีหรือ” ฉ่าเฉียงถาม

“ไม่มี” กู่ฉิงซานตอบ

เขาพูดเสียงดังเพื่อให้ทุกคนได้ยิน “ภูตมอบวิชาหนึ่งให้ข้าด้วยการใช้หินในมือ ตอนนี้หินก้อนนี้ทำให้สามารถใช้ได้อีกสองวิชาได้”

ดวงตาของทุกคนมืดมน

สองวิชาจะไปมีประโยชน์อะไร

ดูจากพละกำลังและจำนวนของศัตรูแล้ว มันมากพอที่จะเริ่มสงครามระหว่างโลกมากมายได้เลย!

กู่ฉิงซานกล่าวต่อว่า “ที่จริงข้ามาที่นี่เพื่อตามหาอาวุธ ข้าเคยเห็นความยิ่งใหญ่ของอาวุธนั่นมาก่อน มันสามารถหยุดยั้งและทำลายเทพได้ การทำลายทุกสรรพสิ่งไม่ใช่ปัญหา ที่ข้ามาในครั้งนี้ก็เพื่อนำมันกลับมารวมกับชิ้นส่วนที่แตกหักออกมาจนแข็งแกร่งขึ้น”

“แต่เจ้าจะออกไปตอนนี้ไม่ได้” หลานซิ่วกล่าว

“ใช่ ทันทีที่ออกจากยานอวกาศไป เจ้าจะถูกฆ่าและกินโดยสัตว์ประหลาดแน่นอน” ฉ่าเฉียงกล่าว

กู่ฉิงซานกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “อย่าเพิ่งยอมแพ้ พวกเราต้องสู้กับศัตรูด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มี เชื่อข้าเถอะ ข้าจะต้องนำอาวุธนั่นกลับมาช่วยพวกเจ้าได้อย่างแน่นอน”

หลังจากพูดจบ เขาขยี้หินแห่งสรรพสิ่งทันที

เพียงพริบตา สองสกิลที่เขาเลือกถูกคลายออก!

“วิชาลับ ผนึกร่างในความมืด ทำให้เข้าสู่สภาพแห่งความตาย ไม่ต่างจากผู้ที่ตายในโลกไปแล้ว”

“วิชาลับ วิญญาณหวนกลับ เมื่อท่านตาย วิญญาณที่เข้าสู่ยมโลกจะสามารถหวนกลับมาได้”

นี่คือวิชาเคลื่อนย้ายจากยมโลกของเซี่ยเต้าหลิงนี่!

………………………………….