webnovel

0982 หยุดความโกลาหล

ตอนที่ 982 หยุดความโกลาหล

เกาะหมอกทะเลแห่งความตาย

มีเกาะอยู่บนมหาสมุทรไกลสุดสายตา

นี่คือสถานที่ที่วิหารแห่งชะตากรรมตั้งอยู่

เหนือเกาะ บนท้องนภาที่ไกลสุดลูกหูลูกตา สองร่างพลันปรากฏขึ้น

ซูเสวี่ยเอ้อร์

หนิงเยว่ฉ่น

“ที่นี่ที่ไหน”

หนิงเยว่ฉานมองรอบข้างขณะถาม

“ด้านล่างพวกเราคือวิหารแห่งชะตากรรม” ซูเสวี่ยเอ้อร์ตอบ

นางสะบัดมือไปข้างล่างขณะร่ายวิชาเพื่อบอกกับวิหารว่านางกลับมาแล้ว

“ดูท่าข้าจะต้องสนับสนุนเจ้าเพื่อช่วยตัวตนที่ชื่อว่าผู้ส่งสารแห่งบาปสินะ” หนิงเยว่ฉานกล่าว

“ใช่ เรื่องนี้น่าจะข้องเกี่ยวกับการกระทำของกู่ฉิงซานมาก มันคือสิ่งที่ต้องทำให้สำเร็จให้ได้” ซูเสวี่ยเอ้อร์กล่าว

ทั้งสองมองหน้ากันก่อนไม่พูดอะไร

อัศวินวิหารจำนวนมากพุ่งเข้ามาห่อนคำนับให้ซูเสวี่ยเอ้อร์

“ลงไปก่อน ข้าจะจัดการกับบางอย่างเสียหน่อย จากนั้นค่อยกลับวิหาร” ซูเสวี่ยเอ้อร์กล่าว

“ขอรับ”

อัศวินวิหารมองซูเสวี่ยเอ้อร์ จากนั้นมองหนิงเยว่ฉานก่อนลงไป

หนิงเยว่ฉานยังคงเงียบขณะมองฉากนี้เงียบๆ

หลังจากซูเสวี่ยเอ้อร์ถ่ายทอดคำสั่งแล้ว นางมองหนิงเยว่ฉาน แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรพักใหญ่

ถึงแม้พวกนางจะเพิ่งได้พบกู่ฉิงซานเป็นเวลาอันสั้นมาก แต่พวกนางก็ฉลาด หลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นในสถานการณ์ตอนนั้น ทำให้เกิดการคาดเดามากมายอยู่ในใจ

ไม่มีใครอยู่รอบข้าง

ซูเสวี่ยเอ้อร์มองหนิงเยว่ฉาน นิ่งอยู่นานจนท้ายที่สุดก็เปิดปากพูดขึ้นว่า “ข้าเดาว่าเจ้าถึงกับรู้จักกับกู่ฉิงซานใช่หรือไม่”

หนิงเยว่ฉานพยักหน้า สีหน้าของนางสงบนิ่ง

ซูเสวี่ยเอ้อร์กัดริมฝีปากขณะมองอีกฝ่ายเงียบๆ

“พอนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ข้าคิดว่าเจ้าก็รู้จักเขาเช่นกัน” หนิองเยว่ฉานกล่าว

“แน่นอนว่ารู้จัก เขากับข้ามาจากโลกเดียวกัน พวกเรารู้จักกันตั้งแต่ตอนเรียนแล้ว” ซูเสวี่ยเอ้อร์สารภาพ

หนิงเยว่ฉานครุ่นคิด

การอ่านคือกิจกรรมอย่างหนึ่ง เทียบเท่ากับการร่ำเรียนวิชา

หรือก็คือ…

“แล้วเจ้าล่ะ เจ้ารู้จักเขาได้ยังไง” ซูเสวี่ยเอ้อร์ถาม

หนิงเยว่ฉานตอบว่า “เขาคือศิษย์ผู้ใช้วิชาดาบลำดับที่สามภายใต้การปกครองของภูตร้อยบุปผาจากสำนักร้อยบุปผา ข้าได้พบตอนถูกเขาช่วยชีวิตไว้ในสมรภูมิ”

ซูเสวี่ยเอ้อร์ตกตะลึง

สำนักร้อยบุปผา

ภูตร้อยบุปผา

ศิษย์ผู้ใช้วิชาดาบลำดับที่สาม

มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น

ซูเสวี่ยเอ้อร์มองหนิงเยว่ฉานก่อนถามแปลกๆ ว่า “เจ้าแน่ใจนะว่าไม่ได้จำผิดคน”

“ข้าแน่ใจว่าไม่ได้จำผิดคน ข้าอยากรู้มากกว่าว่าเจ้าไปพบเขาตอนไหน” หนิงเยว่ฉานถามกลับ

“ข้ารู้จักเขาเมื่อไม่กี่ปีก่อน” ซูเสวี่ยเอ้อร์ตอบ

หนิงเยว่ฉานครุ่นคิดสักพัก จากนั้นจึงเข้าใจ

“ดูท่าที่บางครั้งหาเขาไม่พบเพราะไปอยู่โลกของเจ้าเองสินะ” นางกระซิบ

ซูเสวี่ยเอ้อร์ดึงไม้เท้าออกมาแล้วชี้ไปที่อีกฝ่ายก่อนถามว่า

“นั่นไม่สำคัญอีกแล้ว ข้าขอถามเจ้า คนที่เจ้าพูดก่อนหน้านี้หมายถึงเขาอย่างนั้นหรือ”

หนิงเยว่ฉานตอบอย่างไม่ใส่ใจว่า “พวกเราเข้ากันได้ไม่ดีนัก โอกาสที่ได้พบกันก็มีไม่มาก ถึงจะไม่ใช่ลัทธิเต๋า แต่”

“แต่อะไร” ซูเสวี่ยเอ้อร์ถาม

“ข้าชอบเขาจริง ๆ ” หนิงเยว่ฉานตอบ

ซูเสวี่ยเอ้อร์ตกตะลึง

อีกฝ่ายตอบอย่างราบเรียบ จึงไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงต่อ

“เจ้ารู้หรือว่าที่นี่คือวิหารแห่งชะตากรรม ข้าคือตัวแทนจ้าววิหาร ตราบที่ถ่ายทอดคำสั่ง ผู้คนนับไม่ถ้วนจะบุกเข้ามาเอาชีวิตของเจ้า” ซูเสวี่ยเอ้อร์กล่าว

“เจ้าอยากจะพูดอะไรกันแน่” หนิงเยว่ฉานถาม

“อย่าหว่านเสน่ห์กู่ฉิงซานอีก ปล่อยให้เขาอยู่ใกล้ข้า!” ซูเสวี่ยเอ้อร์ตอบ

“ประทานโทษนะ ข้าไม่เคยหว่านเสน่ห์เขา”

“ในเมื่อเจ้าไม่ได้หว่านเสน่ห์ แล้วทำไมถึงอยากอยู่ใกล้เขาล่ะ”

“เพราะข้าชอบไงล่ะ” หนิงเยว่ฉานตอบ

ซูเสวี่ยเอ้อร์จนคำพูด

นางชูไม้เท้าในมือขึ้น

หนิงเยว่ฉานหลุบตาลงแล้วกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “ข้าแนะนำว่าเจ้าอย่าทำจะดีกว่า พลังของเจ้าเพิ่งใช้ไปในการต่อสู้เมื่อครู่ หากสู้กับข้า ข้าสามารถฆ่าเจ้าได้ก่อนที่คนอื่นจะมาถึงด้วยซ้ำ”

ซูเสวี่ยเอ้อร์ถามว่า “เจ้าแน่ใจหรือ ทำไมไม่ฆ่าข้าเสียเลยล่ะ”

“แล้วทำไมต้องข้าเจ้าด้วยล่ะ” หนิงเยว่ฉานถามกลับ

ซูเสวี่ยเอ้อร์ตะเบ็งเสียงตอบดังลั่นว่า “ข้าก็ชอบเขาเหมือนกัน!”

หนิงเยว่ฉานเอามือออกจากมีดยาวที่เหน็บตรงเอวก่อนกล่าวอย่างสงบว่า “กู่ฉิงซานคือผู้ใช้วิชาดาบ มีหลายคนที่ชอบเขา เขาอาจจะพบผู้หญิงเก่งกาจมากมายในชีวิตนี้ก็เป็นได้ ถ้าเอาตามตรรกะเจ้า ข้าก็ต้องฆ่าผู้หญิงเหล่านั้นด้วยหรือ”

ซูเสวี่ยเอ้อร์ตกตะลึง

หนิงเยว่ฉานถามอีกว่า “ข้า หนิงเยว่ฉาน เดินทางไปทั่วโลก พานพบผู้ชายที่หลงรักข้ามากมาย ตอนนี้มีผู้คนนับไม่ถ้วนอยากเข้ามาในชีวิตข้า ถ้าอย่างนั้นนักพรตที่จะมาเป็นคู่ชีวิตข้าในอนาคตข้าก็ต้องฆ่าพวกเขาทั้งหมดเลยหรือ”

ซูเสวี่ยเอ้อร์พูดติดอ่าง “แต่กู่ฉิงซานมีเพียงแค่คนเดียว ข้ายกให้เจ้าไม่ได้!”

หนิงเยว่ฉานหัวเราะออกมา “เจ้าน่ารักนะ ข้าเดาว่าเจ้าไม่ค่อยได้เอาใจใส่คนที่รักเจ้าเลยสิท่า”

“ข้าไม่เคยให้ความสนใจชายใดนอกเหนือจากกู่ฉิงซาน” ซูเสวี่ยเอ้อร์กล่าว

หนิงเยว่ฉานเผยสีหน้าครุ่นคิดออกมาแล้วกล่าวว่า “แบบนี้ ข้าก็คงพบเขาช้าเกินไป ข้าได้รับความนับถือจากผู้ฝึกยุทธชายมากมาย ดังนั้นข้าจึงรู้ดีกว่าเจ้าเวลารับมือกับผู้คน”

ซูเสวี่ยเอ้อร์เย้ยหยัน “จะบอกว่าเจ้าดีกว่าข้าอย่างนั้นหรือ”

“เปล่า ข้าแค่จะบอกว่ากู่ฉิงซานไม่ใช่ของเจ้า ไม่ใช่ของข้า เขาเป็นของเขาเอง”

หนิงเยว่ฉานกล่าวต่อว่า “ถ้าเจ้าชอบเขามากนัก เจ้าก็คงอยากได้เขาใจจะขาด ด้วยตรรกะนี้ เจ้าจะต้องฆ่าผู้หญิงทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องในชีวิตกับเขา ถ้าอย่างนั้นข้าก็ไม่มีอะไรจะพูด ข้าสาสามารถสู้กับเจ้าตอนนี้ได้เลย”

“อย่ามาทำไขสือ เจ้าไม่ได้อยากอยู่กับเขางั้นหรือ” ซูเสวี่ยเอ้อร์ถามด้วยความเกรี้ยวกราด

“ข้าอยากอยู่กับเขา” หนิงเยว่ฉานพยักหน้ายอมรับ “แต่ถ้าเขาไม่สามารถอยู่กับข้าได้ ต่อให้เขาอยู่กับเจ้า ข้าก็ยังชอบเขาอยู่ดี”

ซูเสวี่ยเอ้อร์ตกตะลึง

ใช่แล้ว ผู้ชายอย่างกู่ฉิงซานจะต้องมีคนชอบมากมายแน่นอน

นางจะต้องสังหารคนที่ชอบเขาทั้งหมดจริงหรือ

อย่าว่าแต่คนอื่นเลย แค่ผู้หญิงตรงหน้าคนนี้นางก็เอาชนะไม่ได้แล้ว

ผู้หญิงคนนี้ช่วยชีวิตนางไว้เช่นกัน

“ข้าจะไม่สู้กับเจ้า ไม่งั้นคงรู้สึกผิดแน่ๆ” ซูเสวี่ยเอ้อร์กล่าวด้วยความลำบากใจ

หนิงเยว่ฉานยิ้ม

“ใช้อารมณ์คนอื่นเพื่อทำให้ตัวเองรู้สึกไม่สบายใจ นี่เป็นความคิดที่อ่อนหัดมาก”

ขณะพูด นางชักมีดยาวออกมา

“มาสิ ข้ารู้ว่าเจ้ารู้สึกหงุดหงิด ดังนั้นข้าจะสู้กับเจ้าเอง”

ซูเสวี่ยเอ้อร์กล่าวอย่างเกรี้ยวกราดว่า “ข้าไม่แสดงความเมตตาแน่”

หนิงเยว่ฉานมองรูปลักษณ์เรียบง่ายและเกรี้ยวกราดของนางก่อนพลันหัวเราะออกมา

“วันนี้ข้าจะแสดงความเมตตาหน่อยละกัน”

หนิงเยว่ฉานหายไปจากที่ที่ยืนอยู่

ในเวลาเดียวกัน ซูเสวี่ยเอ้อร์โยนไพ่ออกไป

การต่อสู้เริ่มขึ้นแล้ว!

เวลาผ่านไป

เมื่อราชินีหนามบินเข้าสู่ส่วนลึกของพื้นที่เอกฐาน

สัตว์ประหลาดหุบเหวเพิ่งก้าวข้ามพรมแดนระหว่างพื้นที่เอกฐานและพื้นที่จ้าวโลกก่อนเข้าสู่พื้นที่เอกฐาน

ทันใดนั้น เสียงคำรามเกรี้ยวกราดดังขึ้นจากบนหลังของสัตว์ประหลาดหุบเหว

“บัญญัติถือกำเนิดขึ้นอีกแล้ว! เร่งมือเข้า พวกเราต้องตามไปฆ่าเจ้าของบัญญัตินั่น!”

สัตว์ประหลาดหุบเหวคำรามต่ำก่อนเร่งความเร็วอีกครั้ง

ทันใดนั้น แสงสว่างวูบไหวในวังวนความว่างเปล่าที่อยู่ไกลออกไป

ตูม!

แรงระเบิดรุนแรงดังขึ้นทั่ววังวนความว่างเปล่า

ระหว่างการโจมตีนี้ ภาพของโลกจำนวนมากสั่นสะเทือน เผยให้เห็นพรมแดนตามลำดับ

ในเสียงคำรามมันบ้าคลั่งและเจ็บปวด สัตว์ประหลาดหุบเหวหยุดบินไปข้างหน้า

มันเป็นสัตว์ประหลาดที่เทียบเท่าดาราจักรขนาดใหญ่ แต่มันถูกหยุดด้วยการโจมตี

แสงสีขาวอีกสายพุ่งเข้ามา

ตูม!

สัตว์ประหลาดหุบเหวร่นถอย

พลังการโจมตีครั้งนี้ยิ่งใหญ่เกินไป ไม่ใช่ปัญหาเลยที่จะใช้มันทำลายโลก

สัตว์ประหลาดหุบเหวส่งเสียงคำรามดังลั่น

หลังจากนั้น

แสงสีขาวสายแล้วสายเล่าพุ่งผ่านความว่างเปล่า

วิญญาณกรีดร้องตะโกนอย่างเกรี้ยวกราดว่า “ใครกัน อยากตายมากหรือไง”

ไม่มีคำตอบ

การโจมตีอีกชุดมาถึงตัวสัตว์ประหลาดหุบเหว ทำให้มันไม่สามารถขยับได้

ระยะเป้าหมายของสัตว์ประหลาดหุบเหวใหญ่เกินไป ไม่ว่ายังไงก็ถูกโจมตีเสมอ

วิญญาณกรีดร้องลังเลสักพัก กระโดดลงจากหลังสัตว์ประหลาดหุบเหวเพื่อเตรียมลงมือเอง

แต่มันไม่ได้ผล

ในวังวนความว่างเปล่า แสงสว่างนับไม่ถ้วนพุ่งมาจากไกลๆ กระแทกใส่สัตว์ประหลาดหุบเหวและวิญญาณกรีดร้องครั้งแล้วครั้งเล่า

ไม่ช้า ฉากอันตระการตายิ่งเผยขึ้นในวังวนความว่างเปล่าช้าๆ

การโจมตีทั้งหมดกลายเป็นกำแพงแสงขณะผลักพวกมันออกจากพื้นที่เอกฐานไปยังพื้นที่จ้าวโลก

ทั่ววังวนความว่างเปล่าถูกปกคลุมด้วยแสงเจิดจ้า เป็นไปไม่ได้ที่จะหลีกเลี่ยง

แสงสว่างเหล่านี้คือคัมภีร์ วิชา อาวุธ ปืน แท่นบูชา ปีศาจ สิ่งประดิษฐ์วิญญาณและอื่นๆ อีกนับไม่ถ้วน มันปลดปล่อยออกมาจากความว่างเปล่าซึ่งไม่ไกลกันนัก

วิญญาณกรีดร้องทำได้เพียงปกป้องร่างกายอย่างแน่นหนา ร่างของตัวเองยังถูกผลักออกมาโดยที่ขยับไม่ได้

ด้านหลังสัตว์ประหลาดหุบเหวไม่สามารถต้านทานการโจมตีได้อีกต่อไปก่อนค่อย ๆ ถอยกลับพื้นที่จ้าวโลกที่อยู่ด้านล่าง

เพราะเจอการโจมตีนับหมื่น มันเข้าสู่การหลับลึก ต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะตื่นขึ้นมาอีกครั้ง

ตอนนี้ วิญญาณกรีดร้องเสียพาหนะขี่แล้ว!

ความเร็วของมันลดลงไปมาก อาจจะไม่สามารถไล่ตามกู่ฉิงซานและคนอื่นได้ทัน

ไม่ไกลจากความว่างเปล่า

กองยานที่หนึ่ง สองและสามของอาณาจักรหนามยังอยู่กับที่

กองยานไม่สนว่าใครจะเข้ามา ไม่ว่าอีกฝ่ายจะทรงพลังแค่ไหน พวกเขาได้รับเพียงคำสั่งให้ทำการโจมตีทรงพลังที่สั่งสมไว้ในอาณาจักรหนามมานานหลายปี

การโจมตีด้วยวิชาทั้งหมดไม่ต้องใช้เงินตราเวลากระหน่ำไปยังทางแยกของพื้นที่เอกฐานและพื้นที่จ้าวโลก นี่จึงทำให้เกิดฉากแบบเมื่อครู่

เมื่อกองยานที่หนึ่ง สองและสามโจมตีสุดกำลัง พวกเขาสลับตำแหน่งก่อนบินไปยังส่วนลึกของพื้นที่เอกฐาน

กองยานที่สี่ ห้าและหกเข้ามาแทนที่เพื่อเปิดฉากโจมตีอันทรงพลังที่สั่งสมมาในอาณาจักรหนามอีกชุดใหญ่ไปทางพื้นที่จ้าวโลก

นี่คือการโจมตีขนาดใหญ่ที่ไม่ได้แตกต่างจากเดิม ย่อมไม่มีทางหลบเลี่ยงได้

วิญญาณกรีดร้องทำได้เพียงขัดขืนการโจมตีไม่มีสิ้นก่อนตะโกนออกมาเสียงดังว่า “กล้ามาฆ่าสัตว์ประหลาดของข้าได้นะ พวกเจ้าที่มาหยุดข้าจะต้องตาย! เพราะข้าคือผู้ส่งสารความโกลาหล!!!”

กองยานเมินเสียงคำรามก่อนส่งการโจมตีอีกมากมายใส่อย่างเงียบงัน

มีเพียงแม่ทัพหนาม ลิเลีย ที่ยืนอยู่บนชั้นดาดฟ้าของยานอวกาศขณะกล่าวกับตัวเองอย่างไม่ใส่ใจว่า

“ใช่ เจ้าคือผู้ส่งสารความโกลาหล แต่นายท่านของพวกข้าคือจ้าวแห่งความมั่งคั่ง”

……….……….……….……….