ตอนที่ 553 ราชามารวิญญาณมรณะ
ท่ามกลางพายุหิมะ การสนทนาระหว่างกู่ฉิงซานกับต้นกำเนิดยังคงดำเนินต่อไป
“กล้าประกาศสงครามกับข้า? เจ้าน่าจะกระจ่างใจดี ว่าตนเป็นเพียงมนุษย์ ขณะที่ข้า ‘ต้นกำเนิด’ เป็นถึงระบบที่สามารถเปลี่ยนแปลงโลกทั้งเก้าร้อยล้านชั้นได้” ต้นกำเนิดกล่าว
“ก็แล้วอย่างไร? ถ้าไม่สู้จะรู้หรือว่าใครจะแพ้ ใครจะชนะ” กู่ฉิงซานเถียง
เขามองเข้าไปในภูเขาน้ำแข็ง
ลอดผ่านชั้นผิวโปร่งใสของมัน จะสามารถเห็นถึงภายในของตัวภูเขาใหญ่ ที่ค่อยๆ ปรากฏธารเลือดหลั่งรินเป็นสายลงมาจากยอดเบื้องบน
หมอกเลือดสีแดงสดลอยไปตามกระแสน้ำอย่างเงียบๆ
มันค่อยๆ ไหลลงไปภายในตัวภูเขาน้ำแข็ง และแปรเปลี่ยนสีของน้ำทั้งหมดให้กลายเป็นสีแดง
ยอดหิมะน้ำแข็งที่เดิมเป็นสีฟ้า บัดนี้ถูกเปลี่ยนเป็นยอดภูเขาเลือด!
หลังจากได้ยินคำพูดของกู่ฉิงซาน ต้นกำเนิดดูเหมือนจะติดอยู่ในความสับสนบางอย่าง
มันเอ่ยถาม “ตั้งแต่ที่ข้าถือกำเนิดมาในโลกใบนี้ และได้วิวัฒนาการจากเชื้อไฟมาเป็นต้นกำเนิด กระบวนการทั้งหมดเป็นไปอย่างราบรื่นยิ่ง มีเพียงไม่มีคนที่สงสัยและต่อต้านข้า แต่ก็ไม่เคยมีใครต่อต้านข้าถึงขั้นเจ้ามาก่อนเลย ข้าอยากจะรู้จริงๆ ว่าเจ้าจะทำแบบนี้ไปทำไมกัน?”
กู่ฉิงซานเงยหน้ามองหมอกเลือดที่กำลังแพร่กระจายอยู่ในภูเขาน้ำแข็งและเอ่ยอย่างแผ่วเบาว่า “แกลองฟังสิ”
ท่ามกลางพายุหิมะ เสียงกรีดร้องเจ็บปวดและร่ำไห้ครวญคร่ำสะท้อนไปมาระหว่างภูเขา ยิ่งนานก็ยิ่งดังขึ้น ดังขึ้นเรื่อยๆ
บนยอดน้ำแข็ง การฆ่าสังหารหมู่เริ่มจะรุนแรงขึ้น
เลือดสีแดงสดในชั้นผิวน้ำแข็งค่อยๆ แผ่ขยายและเข้มข้นขึ้น
“เจ้าไม่พอใจเกี่ยวกับพวกเขาหรือ?” ต้นกำเนิดถาม
กู่ฉิงซานเงยหน้าขึ้นมองดูเกล็ดหิมะที่ร่วงตกลงจากท้องฟ้าและกล่าว “มันไม่ใช่เพราะพวกเขา”
ต้นกำเนิดงงงวย เอ่ยในสิ่งที่คิดออกมา “ข้าไม่เข้าใจ เจ้าไม่เหมือนกับทาสคนอื่นๆ เลย ทำไมข้าถึงไม่สามารถควบคุมเจ้าได้? นี่มันช่างแปลกประหลาดจริงๆ เพราะเหตุใดข้าจึงไม่อาจเริ่มต้นกระบวนตัดสินระบบทาสกับเจ้า? เหตุใดข้าถึงไม่สามารถเปลี่ยนเจ้าเป็นมารได้?”
“แบบนี้ไม่ดีแน่ เจ้ามันเป็นการดำรงอยู่ที่ผิดแผกเกินไป และจำต้องตายทันที”
ว่าจบ เสียงของต้นกำเนิดก็หายไป
กู่ฉิงซานก็มิได้เอ่ยสิ่งใดต่อ
เขายังคงนั่งอยู่บนหลังม้า กอดลอร่าเอาไว้อย่างเงียบๆ และคอยฟังเสียงที่ดังลงมาจากยอดเขาต่อไป
เบื้องบนภูเขา เสียงกรีดร้องน่าสยดสยองค่อยๆ แผ่วลง ทว่าทุกชนิดของเสียงขู่คำรามแปลกๆ กลับค่อยๆ ดังขึ้น ดังขึ้นเรื่อยๆ
ช่วงจังหวะนั้นเอง สายตาของกู่ฉิงซานก็เบนมองไปยังระยะที่ไกลออกไป
ในระยะห่างไกลออกไปจากภูเขาสูงตระหง่าน คือภูเขาที่บ้างสูงบ้างต่ำปะปนกันไป พวกมันทั้งหมดกระจายตัวอยู่โดยรอบ คล้ายกำลังคอยปกป้องภูเขาวิหารทวยเทพนี้
กู่ฉิงซานเร่งควบม้าทมิฬไปตลอดเส้นทาง
ในเวลานี้ เริ่มปรากฏให้เห็นถึงจุดดำๆ ผุดขึ้นมาจากยอดเขาอื่นๆ ที่อยู่ไกลออกไป
นั่นคือผู้เข้าสู่วิถีมาร
พวกเขาทยอยกันปรากฏตัวขึ้นทีละคน ทีละคน และในไม่ช้าก็ปกคลุมไปตลอดทั้งภูเขาน้ำแข็งน้อยใหญ่ทุกลูก
ทั้งหมดถูกขับเคลื่อนโดยต้นกำเนิดหลายร้อยล้านผู้เข้าสู่วิถีมารได้ปรากฏกายขึ้นแล้ว!
พวกเขาอยู่ตามภูเขาลูกต่างๆ รายล้อมรอบภูเขาหิมะของทวยเทพ และกำลังวิ่งตรงเข้ามา ฉากนี้แลดูคล้ายกับกระแสคลื่นสึนามิ ที่กำลังเคลื่อนที่เข้ามาโถมท่วมทับหอไอเฟลสูงตระหง่าน
จุดสีดำกระเพื่อมไหวเป็นระลอกคลื่นอย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดว่าเหล่าผู้เข้าสู่วิถีมารกำลังค่อยๆ เร่งความเร็วมากขึ้น
“กู่ฉิงซาน...”
ลอร่าชี้ไปยังภูเขาน้ำแข็งในระยะไกลออกไป ส่งสัญญาณให้เขาดู
“ใจเย็นไว้ กว่าจะวิ่งมาถึงที่นี่ได้ พวกมันคงจำเป็นต้องใช้เวลาอีกสักพักหนึ่ง” กู่ฉิงซานปลอบประโลมอย่างอ่อนโยน
ลอร่ายืดคอของเธอ และหันไปมองรอบๆ
ตลอดทั้งภูเขาน้ำแข็ง ในทุกๆ ลูกบัดนี้ถูกปกคลุมไปด้วยคลื่นทะมึน
นอกจากนั้น ยังมีจุดดำเล็กๆ มากมาย ที่กำลังบินว่อนอยู่บนท้องฟ้าอีกด้วย
แม้ว่าจุดดำๆ เหล่านั้นจะอยู่ห่างไกลออกไป ทว่าเพียงมองไปยังคลื่นพลังงานที่ผันผวนอยู่ในอากาศ ก็สามารถบ่งบอกได้ว่าคนเหล่านี้มิใช่ตัวตนธรรมดาๆ
คนเหล่านี้เลือกที่จะบินมาโดยตรง เห็นได้ชัดว่าในหัวใจกำลังเร่งร้อน!
พวกเขากระตือรือร้นที่จะสังหารกู่ฉิงซานกับล่อร่า หมายมั่นจะได้รับรางวัลอันเลอค่าจากต้นกำเนิด
จากพื้นดินไปจนถึงท้องฟ้า ศัตรูปิดล้อมพวกเขาอย่างหนาแน่นตลอดทุกทิศทาง
ลอร่าอดไม่ได้ที่จะหยิบกล้องส่องทางไกลขึ้นมา และมองไกลออกไป
“เป็นอย่างไรบ้าง?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม
“มีคนมากมายเหลือเกิน แม้กระทั่งทุ่งน้ำแข็งที่ห่างไกลออกไป ตอนนี้ก็ยังถูกปกคลุมไปด้วยจุดดำๆ ของฝูงชน พวกเขาทั้งหมดกำลังมุ่งตรงมาทางนี้” ลอร่ากล่าว
“แล้วมีทั้งหมดประมาณกี่คนกัน?” กู่ฉิงซานถาม
ลอร่าหยิบจออิเล็กทรอนิกส์ ทรงสี่เหลี่ยมเล็กๆ ออกมา และแนบมันกับกล้องส่องทางไกล
“แสดงตัวเลข” เธอสั่ง
แล้วตัวเลขบนหน้าจออิเล็กทรอนิกส์ก็เริ่มกระโดดอย่างดุเดือด ต้องใช้เวลาสักพักเลยทีเดียวกว่าพวกมันจะหยุดลง
“สองเจ็ดห้าแปดสี่หกเก้าสองหนึ่ง”
“มีผู้เข้าสู่วิถีมารมากกว่าสองร้อยล้านคน” ลอร่ากล่าวด้วยความสิ้นหวัง
แม้ว่าเธอจะครอบครองสิ่งประดิษฐ์เทวะมากมาย ทว่าด้วยความแข็งแกร่งของเธอและกู่ฉิงซานเพียงสองคน มันย่อมไม่สามารถขับเคลื่อนสิ่งประดิษฐ์เทวะจำนวนมากในคราเดียวได้!
และมันย่อมไม่สามารถใช้สังหารผู้เข้าสู่วิถีมารทั้งหมดกว่าสองร้อยล้านคนที่ถูกชักนำมาโดยต้นกำเนิด!
กล่าวได้เลยว่าด้วยจำนวนผู้เข้าสู่วิถีมารที่มากมายขนาดนี้ ก็นับว่ามากพอแล้วที่จะกวาดล้างโลกใบหนึ่งทั้งใบ!
…
ในเวลาเดียวกัน
เสียงโหยหวนจากภายในวิหารบนยอดภูเขาน้ำแข็งก็ดับลง
นักรบเทพเดินตรงไปยังทางเข้าวิหาร
เบื้องหลังเขา คือเผ่ามารที่เดินเรียงกันเป็นแถว และตามเขาออกจากวิหาร
นักรบเทพหยุดยืนหน้าประตู ก้มลงมองดูภูเขาน้ำแข็งลูกอื่นๆ ที่ระดับเตี้ยกว่าในระยะไกลออกไป
เขาเห็นถึงการปรากฏกายของผู้เข้าสู่วิถีมารนับไม่ถ้วน
“พวกเจ้าคิดจะมาแย่งชิงมันไปจากข้าอย่างนั้นหรือ?” นักรบเทพงึมงำกับตัวเอง
แล้วจู่ๆ เขาก็หันกลับมา
พร้อมด้วยเลือดสีดำที่สาดกระเซ็น!
บังเกิดเสียงกรีดร้องของมารเบื้องหลังเขา ตนแล้วตนเล่าร่วงตกลงกับพื้น ร่างกายแยกกระจายเป็นหลายส่วน
อย่างไรก็ตามเผ่ามารเหล่านี้ไม่ได้ตายลงเพราะการทดลองเปลี่ยนสิ่งมีชีวิตเป็นมาร แต่พวกมันถูกสังหารโดยนักรบเทพอย่างโหดร้ายต่างหาก!
จนตอนนี้ เหลือเพียงนักรบเทพคนเดียวเท่านั้นที่ยังคงยืนอยู่บริเวณประตูวิหาร
แม้ว่าตัวเขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่เลือดที่ไหลรินออกมาตามทวารทั้งเจ็ด สองตา สองหู สองรูจมูก และหนึ่งปากของเขา ส่งผลให้สภาพเขาดูราวกับภูตผี
“เจ้าถามว่าทำไมข้าถึงสังหารพวกมันอย่างนั้นเหรอ? แน่นอน ก็เป็นเพราะแต้มพลังวิญญาณไง หรือว่าเจ้าไม่ต้องการแต้มพลังวิญญาณกัน?”
นักรบเทพตอบกลับไปในอากาศที่ว่างเปล่า
คล้ายกับว่าประโยคเหล่านี้มันไม่มีพลังที่จะโน้มน้าวใจได้มากพอ จู่ๆ สีหน้าของนักรบเทพก็เผยถึงความเจ็บปวดยิ่ง ราวกับมีบางสิ่งบางอย่างกำลังทรมานเขา
นักรบเทพฝืนอดทนอย่างไม่ยินยอม พยายามอธิบายต่อว่า “แน่นอนว่าข้าย่อมรู้ดี ว่าการสังหารฝ่ายเดียวกันมันไม่ถูกต้อง แต่ปัจจุบันพวกเรามีเรื่องที่สำคัญยิ่งกว่าต้องทำ นั่นก็คือฆ่าเจ้าคนๆ นั้นซะ”
เนื่องด้วยความเจ็บรุนแรงที่ถาโถมลงมาอย่างต่อเนื่อง นักรบเทพทนไม่ไหวจำต้องคุกเข่าลงและกระอักเลือดออกมา
ความเจ็บปวดยิ่งนานยิ่งสาหัส จนเขาต้องลงไปนอนกลิ้งบนพื้นหิมะ คร่ำครวญอย่างกับคนบ้า
แต่ก่อนที่เขาจะถูกทรมานจนตายลง ด้วยความโกรธแค้นที่มี นักรบเทพจึงเปล่งเสียงคำรามลั่น “ข้าคือผู้นำของแปดร้อยผู้เข้าสู่วิถีมาร! ข้าได้สังหารสิ่งมีชีวิตโบราณไปมากมาย! และสังหารพวกฝ่ายเดียวกันไปเช่นกัน ฉะนั้นตอนนี้ มันก็น่าจะได้แต้มพลังวิญญาณมามากพอแล้ว”
“ข้าอยากจะขอแลกแต้มพลังวิญญาณเหล่านี้ทั้งหมดกับเจ้า! ช่วยแลกเปลี่ยนกับอะไรก็ได้ที่จะสามารถสังหารเจ้าคนจากสมาคมกำปั้นเหล็กให้ได้อย่างแน่นอนด้วยเถอะข้าต้องการสังหารพวกมัน!”
ไม่ทราบว่าตรงประโยคไหนของส่วนนี้ที่ไปสะกิดใจของต้นกำเนิด
ทันใดนั้นเอง เลือดตามทวารทั้งเจ็ดของนักรบเทพก็หยุดไหล ความเจ็บปวดทั่วร่างกายหายไปในพริบตา
เขานอนแผ่อยู่บนพื้นน้ำแข็ง ปากอ้าค้างสูดลมหายใจถี่รัว ก่อนจะพยายามลุกขึ้น
เห็นแค่เพียงมือของนักรบเทพที่กดลงไปในความว่างเปล่า ปากข้าขยับด้วยความเหนื่อยล้า “แลกเปลี่ยนอสุรกาย ราชามารวิญญาณมรณะ”
นี่คือหน้าต่างแลกเปลี่ยนรางวัลที่กู่ฉิงซานเคยเห็นในตอนแรก และเจ้าอสุรกายตนนี้ คืออสุรกายที่ร้ายกาจที่สุดจากในบรรดารายชื่ออสุรกายทั้งหมด!
ความแข็งแกร่งของมันเหนือล้ำยิ่งกว่าอสุรกายประเภทดัดแปลง เป็นอสุรกายประเภทปฐมบทแห่งความโกลาหลที่ครอบครองทุกชนิดของความสามารถอันน่าตื่นตะลึง!
แต้มพลังวิญญาณของนักรบเทพถูกสูบกินจนสิ้น
ในสายตาของเขา บรรทัดตัวอักษรเรืองรอง ปรากฏขึ้นอย่างเงียบๆ
นักรบเทพกวาดสายตามองคำเหล่านี้ ปากเอ่ยเสียงกระซิบ “ต้นกำเนิด ข้าขอเสนอแต้มพลังวิญญาณทั้งหมดแด่เจ้า เพื่อทำการแลกเปลี่ยน ‘ราชามารวิญญาณมรณะ’ ให้ออกมารับใช้”
วินาทีต่อมา ดูเหมือนว่าจะปรากฏอะไรบางอย่างขึ้นในความว่างเปล่า
แม้นี่ไม่ใช่ยักษ์ใหญ่อย่างเดียวกันกับสิ่งมีชีวิตโบราณ และอยู่ในอีกโลกหนึ่ง แต่กลิ่นอายน่าเกรงขามที่หลุดลอดออกมา ไม่ว่าผู้ใดได้สูดดมก็อดไม่ได้ที่จะขนหัวลุก เมื่อถูกเรียกออกมา ดวงตาของมันก็เปิดออกและมองมายังอีกฟากมิติ
นักรบเทพร้องร่ายคาถาสรรเสริญ “มารวิญญาณมรณะ! ราชาผู้คอยกลืนกินจิตวิญญาณ จงคืบคลานออกมาจากโลงในหุบเหวลึกเสีย ระบบหมื่นสวรรค์ต้นกำเนิดกำลังเรียกขานเจ้า!”
ปัง!
บังเกิดเสียงกระหน่ำ! อากาศที่ว่างเปล่าแยกออก
ตามด้วยรูปลักษณ์ที่ดูเปี่ยมบารมีเดินออกมา
มันเอื้อมมือกลับไปยังความว่างเปล่า แล้วดึงมงกุฎออกมาสวมบนหัว จากนั้นจึงหันมองไปยังนักรบเทพ
“เพื่อระบบหมื่นสวรรค์ต้นกำเนิด ข้าจักสังหารหมู่ศัตรูของเจ้า”
สิ้นเสียง ราชามารวิญญาณมรณะในรูปลักษณ์หมาป่า ทั้งตนทั้งร่างของมันก็พลันลุกไหม้ ปะทุไปด้วยเปลวเพลิงอันมืดมิด
มันมองออกไปยังกลุ่มภูเขาน้ำแข็งที่อยู่ห่างไกลออกไป
“อ่า… ศัตรูคงจะเป็นหลายร้อยล้านคนตรงนี้สินะ แม้พวกมันจะอ่อนแอ แต่ก็คงจะใช้เวลาไม่มากเท่าไหร่ … ไม่สิ พวกมันไม่ใช่ศัตรู แต่เป็นทาสของระบบ”
ราชามารวิญญาณมรณะลองเพ่งสำรวจโดยรอบอย่างต่อเนื่อง
“เห็นแล้ว ตรงระหว่างครึ่งทางขึ้นเขา มีหนึ่งผู้ฝึกยุทธกับอีกหนึ่งวิหคหนาม ศัตรูมีแค่สองคนเท่านั้นเองหรือ?”
ราชามารวิญญาณมรณะดูจะประหลาดใจเล็กน้อย มันหันกลับมามองนักรบเทพ
“ชะ...ใช่แล้วล่ะ” นักรบเทพตอบรับอย่างตะกุกตะกัก
เพียงแค่ได้จ้องมองราชามารวิญญาณมรณะ จิตใจของนักรบเทพก็สั่นสะท้านอย่างไม่อาจข่มกลั้นได้
เขาเป็นถึงผู้สืบสายโลหิตจากทวยเทพ และข้ามผ่านประสบการณ์ต่อสู้มานับครั้งไม่ถ้วน แต่ในขณะนี้กลับถูกกดดันอย่างหนัก กระทั่งน้ำเสียงก็ยังมิอาจควบคุมได้
ด้วยพลังอันยิ่งใหญ่ของฝ่ายตรงข้าม มันได้ฉีกกระชากความมั่นใจของเขาออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ท่ามกลางอาการเหม่อลอย สติของนักรบเทพก็เริ่มฟื้นคืนอีกครั้ง
การที่เขาสามารถสั่งการพลังอำนาจเช่นนี้ได้ นั่นย่อมหมายความว่าตนสามารถฉีกทึ้ง ทรมานอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย
เมื่อได้ยินคำยืนยันจากนักรบเทพ ราชามารวิญญาณมรณะก็ดูจะถอนหายใจด้วยความผิดหวัง
มันเหยียดกรงเล็บอันแหลมคมออกไป และสะบัดเบาๆ “ข้าสัมผัสได้ถึงพลังของพวกมัน … มันอ่อนแอเกินไปสำหรับข้า ข้าเพียงดีดนิ้วเดียวก็สังหารพวกมันได้แล้ว”
“ฮะฮ่าๆ!”
นักรบเทพเหยียดแขนออกไปและหัวเราะคลุ้มคลั่ง “น้องชายของข้าเอ๋ย ข้ากำลังจะล้างแค้นศัตรูอันน่าเกลียดชังให้กับพวกเจ้าแล้ว!”
“แน่นอนว่าทั้งสองคนนั้นคือเป้าหมาย แต่ขอเจ้าจงอย่าเพิ่งสังหารพวกมันให้ตกตายลงในทันทีนะ เข้าใจไหม?” นักรบเทพเอ่ยสั่ง
“อยากจะทรมานพวกมันสินะ? ตกลงตามที่เจ้าปรารถนา”
ราชามารวิญญาณมรณะหยิบนักรบเทพมาวางไว้เหนือหัวของมัน ก่อนที่ทั้งตนทั้งร่างจะโน้มกายลง และตู้ม! โฉบลงจากยอดเขา
…………………………………..........