ตอนที่ 346 กลืนกินโชคชะตา
ค่ำคืนผ่านพ้นไป
ในวันถัดมา
บนเกาะหมอก
ภายในสถาบัน
ณ จัตุรัสแแห่งการเสียสละอันศักดิ์สิทธิ์
โชคชะตากำลังเฝ้ารออยู่
แม้กลุ่มเด็กสาวเมื่อวานจะถูกแมงมุมจับกินแล้ว แต่ก็ยังมีนักเรียนฝึกหัดอีกมากกว่าหนึ่งร้อยคนที่มาเฝ้ารอพิจารณาการทดสอบในตอนนี้
ทุกคนกระจายตัวอยู่รอบจัตุรัส รายล้อมมันอย่างระแวดระวัง
“นั่นคือ ‘โชคชะตา’ ใช่ไหม?” บางคนถามเสียงกระซิบ
น้ำเสียงของคนคนนั้นดูจะสั่นเล็กน้อย
“ใช่ ตามวรรณกรรมบางเล่มที่บันทึกไว้ นั่นคือ ‘โชคชะตา’” คนที่ตอบกลับไปก็ดูจะประหม่าอยู่บ้างเช่นกัน แต่อย่างน้อยก็ดีกว่าอีกฝ่าย
“ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมจัตุรัสถึงถูกสร้างขึ้นให้มีขนาดใหญ่ขนาดนี้” อีกคนกล่าวด้วยอารมณ์
โชคชะตาที่พวกเขากำลังกล่าวถึงอยู่นี้ ถูกวางต้องแสงอาทิตย์อยู่ใจกลางจัตุรัสแห่งการเสียสละอันศักดิ์สิทธิ์
มันคืออสูรยักษ์ที่ไม่มีใครเคยพบเจอมาก่อน มันดูคล้ายกับจระเข้ แต่ขณะเดียวกันก็ดูเหมือนมังกร
หากมีคนไปยืนอยู่เบื้องหน้ามัน ขนาดตัวของเขาคงเล็กยิ่งกว่าเล็บเท้าของมันด้วยซ้ำ
อสูรยักษ์เผยอปากเล็กน้อย ผ่อนลมหายใจหนัก เป่าพัดพาผ่านจัตุรัส
แม้จะมองจากระยะไกล แต่คุณก็จะสามารถเห็นฟันอันแหลมคมในปากของมันที่เรียงกันเป็นทิวแถวได้อย่างชัดเจน
ราวกับว่าปากของมันถูกรังสรรค์มาเพื่อใช้ในการฉีกกัด บดขยี้โดยเฉพาะ
แต่สิ่งที่โดดเด่นที่สุดคือดวงตาของอสูรยักษ์
ดวงตาของมันไม่ได้กลมหรือเป็นแนวตั้ง แต่กลับเป็นสีขาวขุ่น
เมื่อมองเข้าไปในดวงตาของมันปฏิกิริยาแรกของเรา จะรู้สึกว่ามันตาบอด
แต่หากคุณเฝ้ามองมันอย่างใกล้ชิด คุณจะพบว่าชิ้นส่วนสีขาวของมันนี้ช่างสดใส มีชีวิตชีวา และเต็มไปด้วยพลัง
นี่คือสิ่งที่เรียกว่าโชคชะตา ที่ปัจจุบันเป็นอสูร
มันมาจากคณบดีของสถาบัน และเป็นเทคนิคเทียนซวนของคณบดี
อสูรยักษ์แห่งโชคชะตาก้มกวาดสายตามองผู้ชมรอบสนาม และค่อยๆ ลุกขึ้นอย่างช้าๆ
ผู้ทดสอบทั้งหมดได้มากันพร้อมหน้าแล้ว
การทดสอบจะเริ่มต้นอย่างเป็นทางการ
ในจัตุรัส ไม่มีผู้ฝึกสอนหรืออาจารย์อาวุโสของสถาบันปรากฏกายขึ้น มีเพียงนักเรียนฝึกหัดกว่าร้อยคนที่กำลังเตรียมพร้อมอยู่เท่านั้น
“ไม่มีพวกผู้ฝึกสอนเลย? แล้วถ้าอย่างนั้นพวกเราควรจะทำอย่างไรดี?” หนึ่งในนั้นอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามเสียงดังออกมา
แล้วเสียงสั่นไหวก็ดังกึกก้องไปทั่วบริเวณอย่างกะทันหัน “พูดแบบนี้ แสดงว่าเจ้าไม่ได้ไปที่ห้องสมุดสินะ?”
มันเป็นเสียงของอสูรยักษ์แห่งโชคชะตา
ผู้คนต่างมองไปที่มันด้วยความตกใจ
“ผมต้องขออภัยด้วยจริงๆ พอดีว่าผมพึ่งได้รับชีวิตกลับคืนมาเมื่อวานนี้เอง เชิญท่านโปรดอธิบายด้วย” ชายคนนั้นรีบพูดแก้ตัวอย่างร้อนรน
เสียงใหญ่ดังขึ้นอีกครั้ง “โฮ่ พึ่งฟื้นคืนชีพเมื่อวานนี่เอง งั้นก็ไม่น่าแปลกใจเลย”
อสูรยักษ์แห่งโชคชะตามองผู้ฝึกหัดกว่าหนึ่งร้อยคนบนลานกว้างและอธิบายว่า “พวกเจ้าจำเป็นที่จะต้องถูกกัดกินโดยข้า”
หลายคนพลันขนลุกซู่ ถอยหลังไปหลายก้าวด้วยความตกใจ ขณะที่บางคนถึงขั้นล้มลงก้นกระแทกพื้น
อสูรยักษ์แห่งโชคชะตาดูจะผิดหวังเล็กน้อย “ดูเหมือนว่าพวกเจ้าหลายคนจะไม่ได้ไปศึกษาหาความรู้มาก่อนจากที่ห้องสมุด นี่มันไม่ดีเลยนะรู้ไหม ความรู้น่ะคือสิ่งที่สามารถเปลี่ยนแปลงชะตากรรมได้ แต่พวกเจ้ากลับไม่รักมัน”
เสียงของอสูรยักษ์เผยร่องรอยดูหมิ่นออกมา
มันยังคงหันไปมองรอบๆ อย่างเงียบๆ
ซูเซี่ยเอ๋อไม่รีรออีกต่อไป เธอก้าวเดินออกไปข้างหน้า ปากอ้าเปล่งวาจา “หนูรู้ขั้นตอนนี้ดี โปรดให้หนูได้ทดสอบเป็นคนแรกด้วยเถอะ”
เธอนั่งแช่อยู่ในห้องสมุดทุกวัน และรู้ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับอสูรยักษ์แห่งโชคชะตา
เธอพร้อมแล้ว
ไม่ว่าอย่างไรตนเองก็ต้องอยู่ในอันดับบนๆ ให้จงได้
จนกว่าการทดสอบจะจบสิ้นลง ไม่ว่าผู้ฝึกสอนคนใดก็ไม่ได้รับอนุญาตให้มารบกวนการทดสอบอันศักดิ์สิทธิ์นี้
ยี่ชาก็ไม่มีข้อยกเว้น
ดังนั้น ด้วยวิธีนี้ เมื่อคุณเข้ารับการทดสอบเป็นคนแรก คุณก็จะมีช่วงเวลาอันล้ำค่ามากขึ้น กล่าวได้ว่ายิ่งรู้ผลไวเท่าไหร่ ก็จะยิ่งมีเวลาคิดหาหนทางต่อไปได้มากขึ้นเท่านั้น
คุณสามารถขบคิดหามาตรการรับมือตอบโต้ได้ในเวลาช่วงที่คนอื่นๆ กำลังทำการทดสอบ
คิดถึงสิ่งที่จะต้องทำต่อไปโดยพิจารณาตามผลการทดสอบของคุณ
ในจัตุรัส
เมื่ออสูรแห่งโชคชะตาได้ยินเสียงของซูเซี่ยเอ๋อ
มันก็หันหัวขนาดใหญ่โต และใช้ดวงตาขาวขุ่นจับจ้องมาที่เธอ
วิสัยทัศน์ของมันติดตรึงอยู่กับร่างของซูเซี่ยเอ๋อ และไม่ละสายตาไปเลย
เพียงแค่ดวงตาของมันก็มีระดับความสูงเกือบเทียบเท่าทั้งตัวของเธอ
รูม่านตาของอสูรยักษ์ถูกปกคลุมไปด้วยสีขาวขุ่น บัดนี้เกิดการเปลี่ยนแปลงฉับพลัน มันเบิกกว้างออกเล็กน้อย
‘นี่คือหมอกแห่งโชคชะตาที่ถูกกล่าวถึงในหนังสือใช่หรือไม่?’
ซูเซี่ยเอ๋อคิด
ในวินาทีต่อมา เสียงสั่นสะเทือนของคลื่นโซนิกบูมจากตัวอสูรยักษ์แห่งโชคชะตาก็ถูกเปล่งออกมาจนเธอแทบจะทนยืนไม่ไหว
“ไม่ล่ะ เจ้ามันเป็นอาหารอันโอชะที่หาได้ยากยิ่ง และควรที่จะถูกกินเป็นมื้อสุดท้าย”
สิ้นคำกล่าว อสูรยักษ์แห่งโชคชะตาก็หันไปงับคนที่อยู่ถัดไปจากซูเซี่ยเอ๋อ
มันเคี้ยวเลือดเนื้อของคนคนนั้นโดยไม่สนใจเสียงกรีดร้องแสนสาหัสของอีกฝ่ายเลย
เลือดหยดย้อย ไหลทะลักออกมาจากปากของมัน
การถูกเจาะ ฉีกกัด เคี้ยว บดขยี้ซ้ำๆ ด้วยฟันอันแหลมคมนับไม่ถ้วน มันเป็นความเจ็บปวดที่มนุษย์มิอาจต้านทานรับไหว
นี่นับว่าเป็นขั้นตอนที่เจ็บปวดอันหาที่เปรียบมิได้สำหรับผู้ทดสอบ
ความเจ็บปวดที่รุนแรงอย่างฉับพลัน มันเกินเลยเหนือล้ำไปยิ่งกว่าการลงโทษจากนรก
ผู้ชมทั้งหมดที่มองไปยังฉากนี้ต่างเหวอจนแทบจะกลายเป็นโง่งม
“อา...อาหารรสจืดชืด...แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ได้หลบหนีจากชะตากรรมเดิม...”
อสูรยักษ์แห่งโชคชะตาหยุดเคี้ยวและคายซากเลือดออกมา
เลือดพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ก่อนจะแปรรูปเป็นร่างมนุษย์ และร่วงตกกลับลงมาบนพื้นอีกครั้ง
และคนที่ปรากฏตัวขึ้นก็ยังคงเป็นผู้ชายคนเดิม
เป็นคนที่เมื่อครู่กรีดร้องอลหม่านด้วยความตกใจและหวาดกลัวแทบคลั่ง
หลังจากที่ผ่านไปสักพักหนึ่ง เจ้าตัวก็ค้นพบถึงสิ่งผิดปกติ
เขายกมือขึ้น และสัมผัสลงบนใบหน้าของตัวเอง
ไม่มีร่องรอยของบาดแผลเลย?
“ฉันว่าเมื่อกี้ฉันตายไปแล้วแน่ๆ นี่มันน่าทึ่ง! ปาฏิหาริย์ชัดๆ!” เขาบ่นพึมพำ
ในอากาศที่ว่างเปล่า จู่ๆ ไพ่ใบหนึ่งก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา
ชายคนนั้นจ้องมองมันราวกับถูกแช่แข็ง ก่อนจะเผยถึงใบหน้าสุขสมเปี่ยมล้น
“ฉันทำได้! ฉันทำได้สำเร็จแล้ว! ฉันได้ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นอีกครั้งในฐานะเทียนซวน! ผู้ที่ถูกเลือกโดยสวรรค์”
ซูเซี่ยเอ๋อโน้มตัวไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น จ้องมองไปที่ไพ่
มันเป็นไพ่สีเทา
ในมุมมองห่างไกล เราจะสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามันมีอาวุธอยู่ภายในไพ่ใบนั้น
แววตาของหลายคนแสดงถึงความริษยา
ซูเซี่ยเอ๋อม้วนริมฝีปากของเธอ และไม่สนใจมันอีกต่อไป
มันก็แค่ไพ่ใบหนึ่งที่ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาเท่านั้น แถมยังเป็นไพ่อาวุธสีเทา ซึ่งนับการเป็นการตื่นขั้นต่ำสุด
ด้วยการประสบความสำเร็จของคนแรก ทำให้ทุกคนต่างเริ่มกระตือรือร้น
“คนต่อไป เจ้ามานี่”
อสูรยักษ์แห่งโชคชะตาตะโกนสั้นๆ ไปยังชายคนหนึ่ง
นั่นคือคนที่เมื่อครู่ได้เอ่ยปากออกมาว่าพึ่งได้รับชีวิตกลับคืนมาจากความตายเมื่อวานนี้เอง
อสูรยักษ์แห่งโชคชะตาอ้าปากของมัน และกัดงับอีกฝ่ายโดยไม่รีรอคำตอบใดๆ จากเขา
มันเคี้ยวหงับๆ ในปาก
เห็นได้ชัดว่าชายคนนั้นรู้ว่าเขากำลังจะถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมา แม้จะเจ็บปวด แต่ก็อดไม่ได้ที่จะส่งเสียงร่ำร้องที่แฝงแววปีติยินดีออกมาอย่างบ้าคลั่ง
“อืม เจ้ามีคุณสมบัติไม่เลวเลย” อสูรยักษ์แห่งโชคชะตาแม้จะกำลังเคี้ยว แต่ก็กล่าวประเมินอีกฝ่ายไปในตัว
และมันก็หยุดเคี้ยวอย่างกะทันหัน
‘โฮก!’
เสียงคำรามด้วยความโกรธดังขึ้น
เหล่านักเรียนฝึกหัดที่เข้ารับการทดสอบตกใจจนผงะ
ขาของหลายคนสั่นสะท้าน ทิ้งก้นกระแทกลงพื้นอีกครั้ง
แต่ละคนต่างคิดกันว่าอสูรยักษ์แห่งโชคชะตาจะคายคนคนนั้นออกมา แต่ใครจะรู้ จู่ๆ มันก็คำรามออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยเสียอย่างนั้น
“พึ่งได้ฟื้นคืนชีวิตกลับมาเมื่อวาน? มันจะใช่หรือ? เจ้าได้เกิดใหม่มาตั้งหลายวันแล้ว แถมยังลักขโมยสิ่งของจากคนอื่นๆ ไปมากมาย!” อสูรยักษ์แห่งโชคชะตาสาดเสียงดังดั่งฟ้าร้อง
เสียของมันเต็มไปด้วยความโหดร้ายที่มิอาจเขียนบรรยายได้
ท่ามกลางสายตาของทุกผู้คน อสูรยักษ์ก็ผงกหัว ยกคอขึ้นทันใด
และมันก็กลืนชายคนนั้นลงไป!
ชายคนนั้นถูกกินเข้าไปแล้ว...
ผู้ชมนิ่ง ทึ่ง อึ้ง เงียบกันโดยสมบูรณ์
สักพัก อสูรยักษ์แห่งโชคชะตาก็อ้าปากกว้างที่เต็มไปด้วยเลือด และหันไปมองหาผู้ทดสอบคนต่อไป
“ใครจะมาเป็นคนต่อไป?” มันเอ่ยถาม
หลายคนหดตัวลีบด้วยความหวาดกลัว
แต่แล้วเด็กหนุ่มรูปหล่อคนหนึ่งก็ยืนขึ้นและกล่าวว่า “ผมเองแล้วกัน จัดมาเลย”
ในแววตาของเขา มันถูกขีดเขียนไว้ด้วยความเด็ดเดี่ยว
“โห? ข้าพึ่งจะกินคนเข้าไปนะ เจ้ายังกล้าที่จะลุกขึ้นมาขอรับการทดสอบอีก?” อสูรยักษ์แห่งโชคชะตาพูดด้วยความสนใจ
หนุ่มรูปหล่อกล่าวว่า “มันไม่สำคัญหรอกว่าคนอื่นจะโดนอะไร เพราะนับจากนี้ไป หลังจากที่ถูกปลุกให้ตื่นขึ้น ผมก็จะพัฒนาการเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว และในที่สุดก็จะได้กลายเป็นจ้าวโลก นี่คือโชคชะตาของผม!”
“ยอดเยี่ยม! มีความกล้าหาญและทะเยอทะยานไม่เลว งั้นคนต่อไปเป็นเจ้า” อสูรยักษ์กล่าว
มันเปิดปากออกและกินเด็กหนุ่มเข้าไป
ฟันนับร้อยนับพันเคี้ยวกรุบกรับไปมา เด็กหนุ่มอดไม่ได้ที่จะระเบิดเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
หลังจากนั้นไม่นาน
อสูรยักษ์แห่งโชคชะตาก็เงยคอขึ้น และกลืนเด็กหนุ่มรูปหล่อคนนั้นเข้าไปเสียดื้อๆ!?
“คนต่อไป” มันกล่าวเสียงหนักทึบ
แต่ละคนต่างหันมามองหน้ากันด้วยความตกใจ
บางคนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามออกมาว่า “ท่าน...แล้วสหายผู้นั้นล่ะ?”
“ก็อย่างที่เจ้าเห็น ข้าได้กินมันเข้าไปแล้ว” อสูรยักษ์กล่าว
ชายที่เอ่ยถามชะงักไป ก่อนจะเริ่มเอ่ยถามอีกทีว่า “ทำไมกัน? ทำไมท่านถึงไม่ปลุกให้เขาตื่นขึ้นมา?”
อสูรยักษ์ “นี่ไม่อาจตำหนิข้าได้ มันเป็นเพราะเขาไม่มีคุณสมบัติที่สอดคล้อง ดังนั้นเขาจึงต้องตาย”
“ความตาย ก็คือหนึ่งในโชคชะตาเช่นกัน”
เงียบ
บังเกิดความเงียบสงัดแพร่กระจายออกไปเป็นวงกว้าง
อารมณ์ความรู้สึกที่เรียกกันว่าตื่นตระหนกเริ่มกัดกินเข้ามาในจิตใจของทุกคน
แท้จริงแล้วกลับปรากฏว่า ผู้ที่ไม่มีคุณสมบัติอย่างไรก็ต้องตกตาย
จะต้องถูกอสูรยักษ์ขบเคี้ยวจนตาย และกลืนกินเข้าไปในท้อง...
ทันใดนั้นก็มีคนหนึ่งตะโกนขึ้นมาว่า “อย่ามาล้อกันเล่นนะ! ฉันจะไม่เข้าร่วมการทดสอบบ้าๆ นี่แล้ว ฉันต้องการที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป!”
เขากำลังจะกลายเป็นบ้า ใบหน้าอาบนองด้วยน้ำตา หน้าผากของเขาถูกปกคลุมไปด้วยเหงื่อเม็ดใหญ่ขนาดเท่าลูกปัด
หลังจากถอยหลังไปไม่กี่ก้าวจนสะดุดล้มลง ชายคนนั้นก็ลุกขึ้นหันหลังและวิ่งออกไปจากจัตุรัสอย่างสิ้นหวัง
อสูรยักษ์เฝ้ามองดูฉากนี้ด้วยความรังเกียจ และไม่เหลือบแลชายคนนั้นอีกต่อไป
ในความว่างเปล่า บังเกิดเสียงกระซิบกระซาบขึ้นมากมาย
“สุดท้ายแล้วกลับกลายเป็นแบบนี้”
“ข้าเห็นเขามาตั้งหลายปี...”
“เจ้าบ้านั่นมันไม่ได้เรื่อง”
“เป็นแค่คนขี้ขลาด โชคชะตาจะไปใส่ใจมันได้อย่างไรกัน”
ทันใดนั้นดูเหมือนว่าเสียงเหล่านี้จะบรรลุข้อตกลงร่วมกันแล้ว
“ปล่อยให้เขาไป ให้รับหน้าที่เป็นคนทำความสะอาดบนเกาะจนตาย”
“อืม”
“เห็นด้วย”
“เห็นด้วย”
แล้วเสียงทั้งหมดก็หายไป
ในเวลาเดียวกัน หลุมดำก็ปรากฏขึ้นใต้ฝ่าเท้าเบื้องล่างของชายที่กำลังวิ่งอย่างสิ้นหวัง
ทันใดนั้นเขาก็ตกลงไปในพื้น และหายวับไป
และหลุมดำก็หายไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน
พื้นจัตุรัสเรียบเนียน และไม่ปรากฏร่องรอยใดๆ ให้เห็นอีกเลย
จนกระทั่งเวลานี้ เหล่าผู้เข้ารับการทดสอบก็ได้รับรู้
ว่าแต่เดิมคณะผู้ฝึกสอนของสถาบันนั้นเฝ้ามองดูพวกเขาอยู่เสมอมา เพียงแต่พวกเขาไม่อาจมองเห็นได้ก็เท่านั้นเอง
บางที ที่ปรึกษาของทุกคนอาจกำลังเฝ้าสังเกตพวกเขาอย่างเงียบๆ
“ยังมีคนอื่นที่ต้องการจะถอนตัวอีกหรือไม่?” อสูรยักษ์เอ่ยถาม
ผ่านไปสักพัก
ก็ไม่มีใครส่งเสียงอะไรออกมา
“งั้นข้าขอเริ่มต่อก็แล้วกัน” อสูรยักษ์กล่าว
ไม่ว่าสิ่งที่ผู้ทดสอบเหล่านี้จะกำลังคิดสิ่งใดอยู่ แต่การกัดกลืนของอสูรยักษ์แห่งโชคชะตาก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง
ทีละคน คนแล้วคนเล่าถูกกินเข้าไป กลายเป็นสิ่งแปลกๆ ก่อนจะถูกถุยออกมา
อสูรยักษ์แห่งโชคชะตาบางครั้งก็คายเลือดออกมา ขณะที่บางครั้งก็คายเนื้อ หรือแม้กระทั่งกระดูก
แต่ไม่ว่าสิ่งที่คายออกมาจะเป็นอะไร เหล่าผู้ทดสอบก็จะได้รับการปลุกให้ตื่นขึ้นอย่างแน่นอน
แต่แล้ว เมื่ออสูรยักษ์แห่งโชคชะตาได้คายน้ำกลุ่มก้อนหนึ่งออกมา ในอากาศที่ว่างเปล่า ก็บังเกิดเสียงสนทนานับไม่ถ้วนดังกึกก้องขึ้น
“ดูนั่นเร็ว นั่นน้ำล่ะ!”
“มันช่างเป็นเรื่องยากจริงๆ ที่จะได้เห็นลางบอกเหตุแห่งน้ำหลังจากเกิดใหม่”
“นับว่ามีคุณสมบัติที่ดี”
“เอาล่ะ ข้าตัดสินใจแล้วว่าจะรับเอาเจ้าเด็กคนนี้เป็นศิษย์”
บอลน้ำได้แปรสภาพกลายเป็นนักเรียนฝึกหัดอย่างรวดเร็ว
เบื้องหน้าเขา ปรากฏไพ่ขึ้นถึงสามใบ
ตลอดช่วงเวลารับการทดสอบที่ผ่านมา เขาเป็นคนที่ได้รับไอเท็มเทียนซวนมากที่สุด!
นักเรียนฝึกหัดหลายคนที่เฝ้ามองดูฉากนี้ แถมยังได้ฟังเสียงสนทนาในอากาศที่ว่างเปล่า พวกเขาก็บังเกิดความอิจฉา ทว่าขณะเดียวกันก็บังเกิดความกระตือรือร้นที่จะคว้าชัยชนะ!
การทดสอบดำเนินต่อไปโดยไร้ซึ่งปัญหาใดๆ
ในที่สุด มันก็เป็นตาของซูเซี่ยเอ๋อ
ทันใดนั้นการเคลื่อนไหวของอสูรยักษ์แห่งโชคชะตาก็กลายเป็นอ่อนโยนลง
มันยื่นหัวของมันออกมา ข้ามผ่านพื้นมาหยุดลงตรงหน้าซูเซี่ยเอ๋อ
“ข้ารู้มาว่าพ่อแม่ของเจ้าเสียสละชีวิตเพื่อเกาะหมอก ในภัยพิบัติครั้งนั้น”
ขณะกล่าว กระแสเสียงของอสูรยักษ์แห่งโชคชะตาก็สั่นไหวในอากาศ
ทุกสรรพเสียงรอบตัวเงียบสงัดลง ราวกับกำลังเคารพความเป็นส่วนตัวของมัน
ดูเหมือนว่าคนทั้งหมดจะจมลงสู่ห้วงความทรงจำ
อสูรยักษ์แห่งโชคชะตากล่าวต่อว่า “จงมั่นใจเถิด หากเจ้าไม่มีคุณสมบัติ ข้าจะใช้พลังของข้า สร้างเจ้าให้เกิดใหม่เป็นคนปกติดังเดิม แล้วเจ้าจะสามารถใช้ชีวิตในเกาะหมอกได้อย่างปลอดภัย”
ซูเซี่ยเอ๋อรับฟังอย่างตั้งใจ จนกระทั่งอสูรยักษ์แห่งโชคชะตากล่าวจบ
เกือบจะไม่มีความคิดใดๆ เธอก็เผยรอยยิ้มสดใสบริสุทธิ์ออกมา
“ขอบพระคุณท่าน แต่หากหนูไม่มีคุณสมบัติจริงๆ ก็โปรดกินหนูเหมือนที่ปฏิบัติกับคนอื่นๆเถอะ”
“เพราะเหตุใด? มีชีวิตอยู่ต่อไปมันไม่ดีหรือ?”
“ไม่ใช่เช่นนั้น”
ซูเซี่ยเอ๋อกล่าว “หากต้องเผชิญหน้ากับโชคชะตาที่ยากจะต้านทาน ดังเช่นการถูกปกป้อง ถูกขังให้ตายลงอย่างโดดเดี่ยวบนเกาะ เหมือนซากศพแทนที่จะได้ใช้ชีวิต แบบนั้นมันจะดีกว่าหากปล่อยให้จิตวิญญาณของหนูกลับไป...ให้กลับไปยังสถานที่ที่มีคนรักและห่วงใย ถ้าอย่างนั้นต่อให้ต้องตาย หนู...ซูเซี่ยเอ๋อก็ไม่เสียใจ ”
“นี่คือคำขอสุดท้ายของเจ้าใช่หรือไม่?”
“ใช่ ถ้าหนูไม่มีคุณสมบัติ ก็ตามนั้นเลย”
“ข้ารับปากเจ้า”
อสูรยักษ์แห่งโชคชะตากล่าว และค่อยๆเปิดปากที่เต็มไปด้วยฟันอันแหลมคมอย่างช้าๆ
ซูเซี่ยเอ๋อเดินเข้าไป
ขณะนี้ ภายในความว่างเปล่าทั้งหมด พวกเขาแทบจะลืมหายใจ
ซูเซี่ยเอ๋อยืนอยู่ในปากของอสูรยักษ์แห่งโชคชะตา เฝ้ารอคอยความเจ็บปวดจากฟันอันแหลมคม
ร่างกายของเธอสั่นไหวเพราะความกลัว
วิสัยทัศน์ค่อยๆ เปลี่ยนจากสว่างไสวลงสู่ความมืดมิด
เนื่องเพราะเวลานี้อสูรยักษ์แห่งโชคชะตากำลังปิดปากของมันลงอย่างช้าๆ
ทันใดนั้นความหวาดกลัวในสายตาของซูเซี่ยเอ๋อก็จางหายไป
ท่ามกลางฟันมากมายนับไม่ถ้วน แหลมคมดั่งหาที่ใดเปรียบ ปากงามของเธอเปล่งเสียงนุ่มนวลแผ่วเบาราวกระซิบออกมาคำหนึ่ง “ฉิงซาน...”
………………..………………..