webnovel

0217 พระคาร์ดินัล

ตอนที่ 217 พระคาร์ดินัล

ดาบพิภพหนักหกหมื่นจิน ถูกฟาดออกไปโดยกู่ฉิงซาน ก่อให้เกิดรังสีดาบอันทรงพลังปะทุขึ้นนับสิบๆ ครั้ง

บางทีเจอดอกนี้เข้าไป เกรงว่าอีวานคงจะไม่สามารถกลับมาได้ในระยะเวลาสั้นๆ

กู่ฉิงซานเก็บดาบพิภพกลับคืน

ในความเป็นจริง ครั้งอดีตผู้คนมากมายได้ช่วยกันขบคิดอย่างหนัก และในที่สุดก็สามารถค้นพบวิธีที่จะใช้หลีกเลี่ยง เทคนิคเทียนซวน ‘การไถ่บาป’ จนได้

แต่วิธีการที่จะใช้หลบเลี่ยงมันนี้ จำเป็นต้องมีทักษะที่แข็งแกร่งผสานไปกับพลังในการควบคุมที่เป็นเลิศ

และกู่ฉิงซานก็เลือกใช้วิธีการนี้หลีกเลี่ยงฝ่ายตรงข้าม

เพราะทั้งหมดทั้งมวลที่เขาต้องทำมิใช่ต่อสู้เป็นตาย แต่เป็นการถ่วงเวลาให้แอนนาแค่สิบนาทีเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ย้ำอีกทีว่าวิธีการนี้ทำได้เพียงแค่หลีกเลี่ยง มิอาจเอาชนะเทคนิคเทียนซวนอันแข็งแกร่งอย่าง ‘การไถ่บาป’ ได้อยู่ดี

กู่ฉิงซานมองไปยังปลายทางเดิน ที่บัดนี้หลงเหลือทิ้งไว้แค่เพียงหลุมที่ว่างเปล่าขนาดใหญ่

เขามองลงบนไหล่ของตัวเองอีกครั้ง และพบกับกลุ่มแสงสีขาวบริสุทธิ์เกาะกุมอยู่อย่างเงียบๆ

มันคือสิ่งที่อีวานพยายามใช้ออกอย่างเต็มกำลัง ก่อนที่ทั้งคนทั้งร่างของเขาจะถูกส่งบินออกไป

เจ้ากลุ่มแสงพวกนี้ มันติดตรึงอยู่บนร่างของเขาไม่ยอมหลุด กู่ฉิงซานจึงใช้พลังวิญญาณแยกมันออกมา

นั่นเพราะมันคือสัญลักษณ์ที่เป็นตัวแทนบ่งบอกว่า นี่คือศัตรูแห่งคริสตจักร สาวกไม่ว่าจะระดับสูงต่ำ หากอยู่ในระยะใกล้กับมันมากพอ พวกเขาก็จะสามารถสัมผัสได้ถึงสัญลักษณ์นี้โดยอัตโนมัติ

โชคดีที่กู่ฉิงซานเคลื่อนไหวได้อย่างทันท่วงที และแยกมันออกอย่างรวดเร็ว มิฉะนั้นสัญลักษณ์นี้คงไม่แคล้วชักนำศัตรูที่ทรงพลังมาหาเขาเป็นแน่

ที่ชั้นล่าง บางคนได้ยินเสียงครวญของอีวาน ตามด้วยเสียงระเบิดดังลั่นของสันดาบ ผู้ศรัทธาบางส่วนจึงเริ่มที่จะลองตรงมาตรวจสอบที่นี่

เสียงฝีเท้าดังเข้ามาจากไม่ใกล้ไม่ไกล ผสมปนเปไปกับเสียงสนทนา

กู่ฉิงซานเอ่ยปากกล่าว “เทพธิดากงเจิ้ง”

“ฉันอยู่นี่”

“เครื่องจัมป์ยังคงอยู่ในห้องจัดแสดง พอครบเวลาสิบนาที หลังจากที่จิตวิญญาณขององค์ราชาสลายไป ขอให้คุณสั่งเริ่มต้นเปิดใช้งานมัน และส่งแอนนากลับไปในทันที”

“เข้าใจแล้ว แต่ตอนนี้เหลียวฮังต้องการสนทนากับคุณ”

“เชื่อมต่อเข้ามาได้เลย”

ในสมองควอนตัม น้ำเสียงจริงจังของเหลียวฮังดังออกมา “เย่เฟย์หยูต้องการที่จะไปช่วยแก”

“ไม่ต้องให้เขามา ถ้าเขาปรากฏตัวขึ้น แล้วถูกค้นพบถึงสถานะ ปัญหาใหญ่กว่าในตอนนี้มันจะตามมา”

“ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน ดังนั้นเลยคิดว่าช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ การพึ่งพาเทคโนโลยีจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด” เหลียวฮังเอ่ยอย่างภาคภูมิ

“พูดแบบนี้ แสดงว่าคุณมีข้อเสนอดีๆ จะแนะนำใช่ไหม?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม

เหลียวฮังเอ่ยอย่างรวดเร็ว “เครื่องจัมป์ของฉันที่ซ่อนอยู่ในเมืองหลวงของจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์ได้ถูกชาร์จพลังงานจนเต็มเปี่ยมแล้ว พร้อมใช้งานได้ทุกเมื่อ และฉันก็ระบุพิกัดของมันแก่เทพธิดากงเจิ้งเรียบร้อย ทั้งหมดที่แกต้องทำก็คือ รีบไปยังที่นั่นให้เร็วที่สุด”

กู่ฉิงซานกล่าว “ถ้าผมไปที่นั่น เกรงว่าตำแหน่งเครื่องจัมป์จะถูกเปิดเผยน่ะสิ”

“ไม่เป็นไรหรอก หลังจากแกจัมป์กลับมา มันจะทำการระเบิดตัวเองเอง”

“อย่างนั้นก็ดี หลังจากที่แอนนากลับไป ผมจะใช้วิธีที่ว่าหลบหนีออกจากที่นี่…ว่าแต่ตอนนี้พระสันตะปาปาอยู่ที่ไหนแล้ว?” กู่ฉิงซานเอ่ยถามอย่างจริงจัง

“พระสันตะปาปายังคงพักอยู่ภายในวิหารศักดิ์สิทธิ์”

กู่ฉิงซานรู้สึกโล่งใจขึ้นเล็กน้อย ปากเอ่ยกล่าว “หากเธอเริ่มเคลื่อนไหว ขอให้แจ้งฉันทันที ฉันจะทำทุกวิถีทางเพื่อหลบหนีออกจากจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์ ไม่ว่าจะต้องจ่ายด้วยสิ่งใดก็ตาม”

“ตกลง ฉันจะเฝ้าจับตาดูให้”

“ตกลงตามนั้น ได้ยินมาว่ายิ่งใช้สมองเยอะก็ยิ่งต้องเติมของหวานเข้ากระเพาะใช่ไหม? ไว้กลับไป ผมจะเอาของหวานไปฝากคุณก็แล้วกันนะ”

กู่ฉิงซานเอ่ยจบก็วางสายไป

แทบจะในทันทีที่วางสาย ชายหลายคนในชุดนักบวชสีดำก็วิ่งขึ้นออกมาจากโซนบันได

พวกเขาจ้องมองไปยังหลุมใหญ่ที่สุดปลายทางเดิน ก่อนจะสลับมามองกู่ฉิงซานและตะโกนด้วยน้ำเสียงตึงเครียด

“แกเป็นใครน่ะ!”

“อย่าขยับ! แจ้งชื่อมาเดี๋ยวนี้”

“แล้วท่านอีวานล่ะ? ท่านหายไปไหนแล้ว”

“รีบไปรายงานเรื่องนี้ให้คนอื่นๆ ทราบเร็วเข้า”

พวกเขาสาดน้ำลายใส่กันฝุ่นตลบ กู่ฉิงซานส่ายหัว ก่อนจะเรียกดาบพิภพออกมาและฟาดสันดาบออกไปยังพื้นเบื้องหน้าอย่างแผ่วเบา

ราวกับอุกกาบาตที่ตกลงมาสัมผัสกับผิวโลก พื้นบริเวณด้านหน้าเขาระเบิดออก แตกร้าวและพังทลายลงเป็นทางยาว

พื้นอาคารม้วนกลิ้งไปเป็นเส้นตรงอย่างต่อเนื่อง กระทั่งมาถึงใต้ฝ่าเท้าของนักบวชทั้งหลาย

นักบวชไม่มีทางเลือกอื่น จึงได้แต่กระโดดเลี่ยงมัน ก่อนจะร่วงลงตามพื้นที่พังทลาย หล่นไปยังพื้นอีกชั้นอย่างทุลักทุเล

ทั้งหมดพยายามยืนหยัดให้มั่นคง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมอง แต่กลับเห็นแค่เพียงชายคนนั้นยังคงยืนนิ่งอยู่บนขอบตัวอาคารชั้นสามในส่วนที่ยังไม่พังทลายลง ขณะที่ตัวดาบถูกวางพาดบนไหล่เขา

“คุณเป็นใครกันแน่?” นักบวชคนหนึ่งตะโกนถามลั่น

“ฉันเหรอ? เจ้าคนที่ชื่ออีวานไม่ได้บอกพวกคุณหรอกหรือ?” กู่ฉิงซานเอ่ยเสียงแผ่ว

นักบวชเหลือบมองหน้ากันวูบหนึ่ง ก่อนจะรีบหยิบอุปกรณ์สื่อสารขึ้นมาและกดโทรแจ้งเรื่องไปให้ทางสำนักงานใหญ่ทราบทันที

แต่พวกเขาก็กดมันได้แค่เพียงครึ่งหมายเลข ก็ไม่สามารถใช้งานมันได้อีกต่อไป

“ฝีมือคุณอย่างนั้นเหรอ?” กู่ฉิงซานหันไปเอ่ยถามทางสมองควอนตัม

“เป็นฉัน ฉันคิดว่าคุณต้องการยื้อเวลาเพิ่มขึ้นอีกซักเล็กน้อยเพื่อบรรเทาสถานการณ์ในตอนนี้ เลยเข้าแทรกแซง” เทพธิดากงเจิ้งกล่าว

“แล้วก็ทำได้ไม่เลวเลย” กู่ฉิงซานเอ่ยชื่นชม

นักบวชทั้งหลายมิคิดใช้งานเครื่องมือสื่อสารอีกต่อไป บางคนถึงขั้นปามันทิ้ง และสับสองฝีเท้าออกไป พร้อมทั้งตะโกนโหวกเหวกเสียงดังไปตลอดทาง

“ใต้เท้า เวลานี้มีกองกำลังติดอาวุธของคริสตจักรส่วนหนึ่งกำลังรวมตัวกันและตรงมาที่นี่ จำนวนของพวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ ฉันขอแนะนำให้คุณรีบหนีไปทันที” เทพธิดากล่าว

“ขอโทษนะ แต่ฉันต้องการยื้อเวลาไปอีกสักพัก”กู่ฉิงซานกล่าว

“อ้างอิงตามระบบเฝ้าระวังของจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์ หากกองกำลังติดอาวุธของพวกเขาเข้ามาที่นี่มากขึ้น เท่าไหร่ โอกาสสำเร็จของภารกิจของคุณก็จะลดลงเรื่อยๆ เป็นเงาตามตัวเช่นกัน” เทพธิดากงเจิ้งกล่าว

กู่ฉิงซานดึงเก้าอี้จากมุมมุมหนึ่งออกมา และนั่งลงบนมัน

เขาไขว้ขาข้างหนึ่ง และวางดาบพิภพไว้บนเข่า ปากเอ่ยกล่าว “ไม่นานหรอกน่า ขอแค่สิบนาทีเท่านั้น”

บนทางเดินชั้นสองที่ว่างเปล่า หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ขึ้นไม่นาน บัดนี้ทั่วทั้งบริเวณเต็มไปด้วยฝูงชน ส่วนหนึ่งกำลังวิ่งขึ้นมาตามบันได

กองกำลังติดอาวุธของคริสตจักรได้ล้อมกรอบที่นี่เอาไว้เรียบร้อยแล้ว

และคนที่แต่งตัวดูจะเป็นทางการมากกว่าคนอื่นๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าฝูงชน

“คุณเป็นใครกัน?” เขาเงยหน้าขึ้นไปบนชั้นสาม ปากเอ่ยถาม

“ผมเหรอ? ผมคือทหารของสถานทูตแห่งสหพันธรัฐรัฐบาลกลางประจำจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์ จางเหรินเจี๋ย”

“แล้วคุณมาทำอะไรที่นี่?”

“รับการสอนสั่งน่ะ”

“รับการสอนสั่งเหรอ?”

“อืม...ก็พอดีว่าสาวกศักดิ์สิทธิ์อีวานของพวกคุณดันมาโอ้อวดกับผมว่า ตัวเขานั้นเก่งกาจเหนือล้ำยิ่งกว่ามืออาชีพของรัฐบาลกลางน่ะสิ ผมเลยไม่อาจยอมโดนดูถูกได้”

“จากนั้นล่ะ?”

“จากนั้นเขาก็เชิญให้ผมเข้ารับการสอนสั่ง”

ทันทีที่ประโยคนี้หลุดออกมา ทุกผู้คนก็ตระหนักได้เป็นอย่างดี

อีวานเป็นคนเช่นนั้นจริงๆ

ไม่เพียงแต่จะปฏิบัติแบบนี้กับศัตรู แต่แม้กระทั่งคนคุ้นเคย อีวานก็ยังชอบที่จะทำลายความเชื่อมั่นในฝีมือต่อสู้ของพวกเขา และสลักความเจ็บปวดร้าวลึกไว้ในจิตใจอีกฝ่าย

เขามักจะรู้สึกพึงพอใจและมีความสุขกับสิ่งนี้

พอได้ฟัง สีหน้าของนักบวชในชุดทางการก็ดูจะผ่อนคลายลงเล็กน้อย และเอ่ยถาม “ถ้าอย่างนั้น แล้วท่านอีวานของพวกเราล่ะ?”

“ถูกผมตีปลิวหายไปแล้ว” กู่ฉิงซานกล่าว

ฝูงชนเบื้องล่างระเบิดเสียงฮือฮาออกมาทันที

ทุกผู้คนมิอาจยับยั้งชั่งใจ เอ่ยปากสนทนาอย่างมิอาจควบคุมได้

เพราะนี่คืออีวาน สาวกศักดิ์สิทธิ์อีวานที่ไม่เคยพ่ายแพ้!

“ถ้าคุณทำแบบนี้จริงๆ มันจะก่อให้เกิดผลกระทบร้ายแรงทางการทูตตามมานะ” นักบวชในชุดทางการกล่าวอย่างจริงใจและเฉียบขาด

“พวกคุณคิดมากเกินไปแล้ว นี่มันเป็นเพียงแค่การออกกำลังกายเล็กๆ น้อยๆ หลังมื้ออาหารค่ำระหว่างพวกเราก็เท่านั้นเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับกิจการในระดับชาติเลย” กู่ฉิงซานกล่าวต่อ “ตัวตนที่ทรงพลังของคริสตจักรได้เอ่ยปากขอว่าจะทำการสอนสั่งผม ต้องการวัดกันว่าใครจะแพ้หรือชนะ ง่ายดายแค่นั้น”

“แล้วพยานล่ะ? มีพยานหรือเปล่า?”

“ก็แค่การสอนสั่งเล็กๆ น้อยๆ นี่คุณยังต้องการพยานอีกหรอ”

“คุณกำลังจะบอกว่า นี่เป็นการแลกเปลี่ยนศิลปะการต่อสู้ ไม่ใช่เป็นการศึกระหว่างประเทศอย่างงั้นสินะ?”

“การแลกเปลี่ยนศิลปะการต่อสู้แบบนี้ นับว่าเป็นเรื่องที่พบได้ทั่วไป มันเป็นเรื่องธรรมดามากๆ” กู่ฉิงซานยืนยันหนักแน่น

ถูกต้องแล้วล่ะ มันเป็นความจริง การแลกเปลี่ยนศิลปะการต่อสู้ระหว่างกันในระบบของมืออาชีพ มักจะถูกนำมาใช้เป็นการแสดงในงานเลี้ยงที่ยิ่งใหญ่ แถมยังออกมาในรูปแบบการใช้เหรียญเดิมพันทั้งสองฝ่ายอีกด้วย เดิมพันว่าใครจะสู้ชนะหรือแพ้

การเดิมพันดังกล่าว มีจุดเริ่มต้นมาตั้งแต่การจัดงานเลี้ยงในราชสำนักโบราณ และยังคงดำเนินต่อมาจนกระทั่งถึงทุกวันนี้

แต่...

ผู้คนเบนสายตาไปยังหลุมใหญ่ที่อยู่ปลายทางเดิน ก่อนจะสลับไปมองกู่ฉิงซานอีกครั้ง

กู่ฉิงซานกล่าวด้วยความเสียใจ “ขอกล่าวอย่างซื่อตรง ว่าจริงๆ แล้วเวลาที่เขามองผม มันให้ความรู้สึกแย่ไม่น้อยเลย แถมเขาก็มักจะมองมาด้วยท่าทีไม่พอใจตลอดเวลา ดังนั้นผมเลยโมโห และใส่เต็มแรงแบบไม่ทันคิดว่าต้องยั้งมือน่ะ”

“ใต้เท้า เหลืออีกเจ็ดนาที” เทพธิดากงเจิ้งรายงานเสียงกระซิบ

“ตอนนี้เนื่องจากการแลกเปลี่ยนศิลปะการต่อสู้ได้จบลงแล้ว ฉะนั้นพวกเราคงต้องขอเชิญคุณลงมาก่อน เพื่อทำการจัดระเบียบและเก็บกวาดสถานที่” นักบวชในชุดทางการพยายามฝืนข่มน้ำเสียงให้สงบ

การที่เขาสามารถขึ้นมานั่งในตำแหน่งปัจจุบันนี้ได้ มิใช่เพราะในด้านพละกำลังของตน แต่เป็นสติปัญญาต่างหาก

เหตุการณ์นี้…เขารู้สึกได้ถึงบางสิ่งบางอย่างไม่ถูกต้อง

หนึ่ง...สาวกศักดิ์สิทธิ์อีวานไม่สามารถติดต่อได้

สอง...ไม่มีพยานรู้เห็น และไม่มีใครทราบว่ามันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น

สาม...เหตุการณ์เกิดขึ้นในชั้นสาม และเจ้าตัวคนก่อเหตุก็ไม่มีทีท่าว่าจะหลบเลี่ยง

หรือว่านี่จะหมายความว่า มีบางสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นในชั้นสาม?

สายตาของนักบวชชุดทางการ อดไม่ได้ที่จะกวาดมองไปตามจุดต่างๆ บนชั้นสาม

หลังจากกวาดสายตามอง ทุกอย่างก็ดูจะปกติดี ทว่าอย่างไรเสีย แม้นี่จะเป็นการแลกเปลี่ยนการต่อสู้กัน แต่สำหรับคริสตจักรศักดิ์สิทธิ์ มันนับได้ว่าเป็นความอัปยศอย่างแท้จริง

ไอ้พวกเรื่องการสอนสั่งน่ะมันเล็กน้อย ไม่จำเป็นต้องใส่ใจหรอก

แต่การที่อีวานหายตัวไป และมีเรื่องเกิดขึ้นที่ชั้นสาม นี่มีแนวโน้มว่าอาจจะเป็นเพราะเขาบังเอิญรู้สึกได้ถึงความลับอันน่าอัศจรรย์ใจบางอย่างก็เป็นได้

‘เกรงว่าเราคงต้องรีบไปตรวจสอบบนชั้นสามอย่างละเอียดทันทีซะแล้ว!’

“ใต้เท้า ท่านสามารถลงมาก่อนจะได้ไหม” นักบวชแห่งคริสตจักรกล่าวด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

“ไม่ล่ะ ผมไม่สะดวกลงไปในตอนนี้” กู่ฉิงซานส่ายหัวปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่า

สีหน้าของนักบวชแปรเปลี่ยนไป

กู่ฉิงซานกล่าว “อีวานบอกผมมาว่า ถ้าเขาพ่ายแพ้แก่ผม เขาจะไปพาตัวพี่ชายของเขามา”

“เพราะฉะนั้นผมเลยต้องรอพี่ชายเขาที่นี่ แล้วให้มาเริ่มทำการสอนสั่งอีกครั้ง…แต่ก็ไม่รู้หรอกนะว่าใครจะสอนใคร”

“สาวกศักดิ์สิทธิ์อีวานไม่มีพี่ชาย!” นักบวชแห่งคริสตจักรกล่าว

“อ้าว ไม่ใช่อย่างนั้นเหรอ แต่เขาบอกว่าพี่ชายของเขาชื่อว่า ฮัทท์ นะ”

ฝูงชนทั้งฉากเงียบลง โดยเฉพาะนักบวชคนดังกล่าว เขาหุบปากลงและใช้สองมือปิดมันอย่างแน่นหนาทันที

ฮัทท์เป็นสาวกศักดิ์สิทธิ์คนโต เขาเป็นหัวหน้าของเหล่าสาวกศักดิ์สิทธิ์ เป็นนักรบที่ทรงพลังที่สุดในคริสตจักร ด้อยกว่าแค่เพียงพระสันตะปาปาเท่านั้น

มันเป็นความจริงที่ว่า ฮัทท์กับอีวานนั้นมีสายเลือดเดียวกันอยู่ครึ่งหนึ่ง และนักบวชแห่งคริสตจักรหลายคนก็รู้เรื่องนี้ดี

แต่นอกเหนือไปจากอีวานและฮัทท์แล้ว ใครเล่าจะกล้าเอ่ยเรื่องนี้ต่อหน้าสาธารณชน? ใครมันจะไปกล้าบอกกับคนนอก?

คนสุดท้ายที่กระทำเช่นนั้น ได้ถูกฮัทท์จับอุทิศตนแด่พระผู้เป็นเจ้าต่อหน้าทุกคนเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดูเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

หากชื่อของฮัทท์ถูกกล่าวออกมาโดยอีกฝ่าย มีโอกาสเป็นไปได้สูงว่าอีวานนั่นแหละที่พลั้งปากออกมาเองอย่างไม่ตั้งใจ

“คุณบอกว่าเขาไม่มีพี่ชาย แต่อีวานพูดแบบนั้นจริงๆ นี่นา แปลกจัง” กู่ฉิงซานเผยสีหน้าไร้เดียงสา

นักบวชมิกล้าเอ่ยสอบสวนเขาอีกต่อไป

หากสองสาวกศักดิ์สิทธิ์คิดหมายจะสู้กับผู้อื่นจริงๆ และเขาเข้าไปแทรกแซง เกรงว่าหลังจากนั้นหากโดนลูกหลง ไม่ต้องกล่าวถึงร่างกาย กระทั่งกระดูกของเขาก็คงถูกป่นจนมิอาจหามันพบได้

“ถ้าเป็นเช่นนั้น คงต้องร้องขอให้ท่านเฝ้ารอที่นี่” นักบวชกล่าว

เขาหันหลังกลับ และเดินถอยออกไปอย่างรวดเร็ว

เรื่องที่เขาสามารถทำได้ในตอนนี้ คงเหลือแค่เพียงแจ้งข่าวให้แก่พวกระดับสูงได้ทราบเท่านั้น

“ไปยังสถานทูตของรัฐบาลกลาง แจ้งข่าวไปยังวิหารศักดิ์สิทธิ์ แจ้งไปยังบรรดาเหล่าสาวกศักดิ์สิทธิ์ที่กระจายตัวกันอยู่...เร็วเข้า!” เขาสั่ง

“สถานการณ์นี่มันอะไรกัน ข้าบังเอิญได้ยินว่าเกิดเสียงดังมาจากที่นี่” เสียงที่ฟังแลดูสงบ ทว่ามั่นคงได้ดังขึ้น

นักบวชแห่งคริสตจักรหันมองไปตามต้นเสียง และสีหน้าของเขากลับกลายเป็นสุขใจในทันที

ชายผู้สง่างามในชุดคลุมแดงที่ดูหรูหรากับหญิงสาวที่ครอบครองใบหน้าอันงดงาม เดินออกมาด้วยกันจากในงานเลี้ยง

สถานะของชายคนนี้แตกต่างจากพวกชุดคลุมยาวสีขาว ชุดคลุมสีแดงจะเป็นตัวแทนของผู้กำกับดูแลคริสตจักรและถือครองพลังอันมหาศาล

นี่คือหนึ่งในเจ็ดสาวกศักดิ์สิทธิ์ คาร์ดินัล คิดด์

“น้อมเคารพใต้เท้า แท้จริงแล้วเรื่องราวมันเป็นเช่นนี้…”

นักบวชชุดทางการเอ่ยปากเล่าเรื่องราวอย่างรวดเร็ว

“อ๋า? เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไงกัน!” สาวงามที่เดินตามมาอุทานเสียงหลง

“นี่เรื่องจริงอย่างนั้นหรือ? ฮ่าๆๆ อีวานไอ้เจ้าตัวโง่เง่า ถูกทุบตีจนปลิวหายไป?” คาร์ดินัลหัวเราะ

“ดูเหมือนว่าในเวลานี้ ในที่สุดเจ้าตัวโง่เขลาที่ชอบยืนให้คนอื่นทรมานตัวเอง ก็ดันไปเตะของแข็งเข้าซะแล้ว!”

พระคาร์ดินัลส่ายหัว ทว่าขณะเดียวกันก็ปรบมือไม่หยุด ปากเอ่ยกล่าวด้วยความพึงพอใจ

เขาหันไปมองสาวงามข้างกายและกล่าว “ไม่มีอะไรหรอก นี่มันก็แค่การแลกเปลี่ยนศิลปะการต่อสู้เล็กๆ น้อยๆ น่ะ”

“แต่เสียงอึกทึกเช่นนี้ มันจะทำให้แขกของฉันรู้สึกหวาดกลัว” สาวงามคร่ำครวญ

“มันช่วยไม่ได้นี่นา พอไอ้งี่เง่านั่นลงมือทีไร มันไม่เคยพิจารณาถึงความรู้สึกของคนอื่นเลยทุกที”

พระคาร์ดินัลขบคิด ก่อนจะกล่าว “เจ้าไปอำนวยความสะดวกสบายให้พวกแขกก่อนเถอะ ถ้าจะพูดให้ชัดล่ะก็ข้าจะจัดการที่นี่เอง”

ระหว่างกล่าว เขาก็เดินเข้าไปในอาคารหลังห้องจัดงานเลี้ยงที่กู่ฉิงซานนั่งอยู่

เมื่อเจ้าภาพเห็นแบบนั้น เธอก็หันหลัง และเดินกลับเข้าไปในโถงจัดเลี้ยง

บนชั้นสาม

“เหลืออีกสี่นาที เครื่องจัมป์จะเริ่มทำการเคลื่อนย้ายในไม่ช้า” เทพธิดากงเจิ้งกล่าว

“เข้าใจแล้ว”กู่ฉิงซานตอบรับ

เทพธิดากงเจิ้งเอ่ยเสริม “ใต้เท้า ข้อมูลการต่อสู้ระหว่างคุณกับอีวานกำลังถูกส่งไปยังภายนอก และการประเมินระดับความอยู่รอดของคุณได้ถูกยกระดับขึ้นเป็นอันตรายอย่างยิ่งแล้ว”

“ไม่เป็นไรหรอก”

ทันใดนั้นเอง ชุดคลุมยาวสีแดงที่ดูหรูหราก็ปรากฏสู่สายตาของเขา

“สวัสดี ข้าคือพระคาร์ดินัลแห่งคริสตจักรศักดิ์สิทธิ์ คิดด์”

ชายที่แลดูทรงพลังและไม่มีผู้ใดในกองกำลังเบื้องล่างไม่รู้จัก เอ่ยปากทักทายและจ้องมองมายังกู่ฉิงซาน

............................................................