ตอนที่ 212 โชคชะตา
พระสันตะปาปาหยิบไพ่คนแคระขึ้นมา แล้วยื่นมืออีกข้างออกไปในความว่างเปล่า
คว้าจับเอาไพ่อีกใบหนึ่งที่ปรากฏออกมาในอากาศ บนไพ่เป็นรูปแมงมุมที่มีสีสันสดใส กำลังคืบคลานอยู่รอบโครงกระดูกที่ติดพันท่ามกลางใยแมงมุม
พร้อมด้วยบรรทัดตัวอักษรเล็กๆ ที่ติดไว้บนหน้าไพ่
“จิตมารแมงมุมทอรังแห่งความตาย สามารถควบคุมร่างกายตามคำสั่งของผู้ใช้ มีระยะเวลาสามวัน”
พระสันตะปาปามองดูไพ่ใบนี้ ปากเอ่ยพึมพำกับตัวเองว่า “เวลานี้คงต้องใช้เจ้านี่ไปก่อน”
เธอถอนหายใจและโยนไพ่ใยแมงมุมในมือออกไป
ไพ่หายไปในอากาศที่ว่างเปล่า
ตามมาด้วยแมงมุมสีสันสดใสปรากฏตัวขึ้นบนพื้นห้องโถง
“จงไปเถิด นั่นคือบ้านใหม่ของเจ้า” พระสันตะปาปากล่าว
แมงมุมรับฟัง และค่อยๆ คืบคลานขึ้นไปบนร่างขององค์ราชาอย่างช้าๆ
มันเข้าไปในท้องของราชา ก่อนจะเริ่มพ่นใยออกมา และเย็บผนังท้องที่แยกออกให้กลับมายึดติดเข้าหากันดังเดิมจากภายใน
คอที่ห้อยตกขององค์ราชาพลันเงยขึ้นมาอย่างกะทันหัน ในแววตาของเขาเปล่งประกายราวกับฟื้นคืนชีวิตกลับมาอีกครั้ง
“เจ้านาย” องค์ราชาเปิดปากพูด
“เจ้าต้องเล่นละครแสดงเป็นราชา ในช่วงสามวันนี้” พระสันตะปาปากล่าว
“ขอรับ เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน”
องค์ราชากล่าวจบ ทั้งคนทั้งร่างก็ลุกขึ้นยืน ก้าวยาวๆ เดินจากไปอย่างรวดเร็ว
พระสันตะปาปาคว้าจับเอากล่องไพ่สีดำออกมา และวางไพ่คนแคระลงไป
คนแคระที่อยู่ภายใน กระโดดกรีดร้องตะโกนอย่างบ้าคลั่ง บนใบหน้าของเขาฟุ้งไปด้วยความหวาดกลัวโดยสมบูรณ์
กล่องใบนี้ดูเหมือนว่าจะทำให้เขาคลั่ง
พระสันตะปาปามองดูคนแคระในไพ่และเอ่ยปากกล่าว “จงตริตรองถึงสิ่งที่ผิดพลั้งให้ดี”
จากนั้นก็ปิดฝากล่องลง ภายในโถงถูกปกคลุมในความเงียบอีกครั้ง
พระสันตะปาปาเก็บกล่องกลับคืน
หลังจากนั้นไม่นาน ชายในชุดคลุมยาวสีดำก็เดินเข้ามา คุกเข่าลงเบื้องหน้าเธอและกล่าว “ผมมาที่นี่ ตามคำสั่งของท่านแม่ชี ท่านให้มาบอกว่างานเลี้ยงฉลองในค่ำคืนนี้กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว”
“ข้ารู้แล้ว” พระสันตะปาปากล่าว
ในคริสตจักรศักดิ์สิทธิ์สีของเสื้อผ้าที่สวมใส่จะเป็นตัวแทนที่บ่งบอกถึงหน้าที่และความรับผิดชอบ
ชุดคลุมยาวสีขาวคือผู้ที่ทนทรมานฝึกยุทธ ชุดคลุมยาวสีแดงคือนักบวชของคริสตจักรผู้เผยแพร่คำสอนสั่งในทางโลก และชุดคลุมดำคือผู้รับใช้ที่มอบทั้งกายใจให้แก่พระสันตะปาปาและพระเจ้า
ชายที่กำลังคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าโค้งคารวะพอเป็นพิธี และถอยกลับไปยืนในมุมด้านข้างอย่างเงียบๆ
เขาคือนักรบที่ทรงพลังที่สุดของทางฝั่งพระสันตะปาปา และยังเป็นหัวหน้าของเจ็ดสาวกศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย
แต่แล้วจู่ๆ พระสันตะปาปาก็สัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง คิ้วของเธอขมวดเข้าหากัน
“ความรู้สึกนี้มันอะไรกัน มีบางสิ่งไม่ถูกต้อง ทว่าปัญหาเกิดขึ้นตรงจุดไหนกันแน่?”
ในฐานะที่เธอก็เป็นการดำรงอยู่ของตัวตนที่แข็งแกร่ง ครั้นเมื่อลางสังหรณ์ร้องเตือน มันย่อมหมายความว่าได้เกิดเรื่องบางอย่างขึ้นอย่างแน่นอน
และพระสันตะปาปาก็เพ่งความสนใจมาที่มันทันที
“ฮัทท์ ไม่นานมานี้เกิดเรื่องราวใดๆ ผิดปกติขึ้นหรือไม่?”
“ทุกอย่างอยู่ในการควบคุมของคริสตจักรศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีความผิดปกติใดๆ” ฮัทท์ในชุดคลุมดำตอบ
“แล้วพวกเรื่องทางฝั่งต่างประเทศล่ะ มีการเปลี่ยนแปลงอะไรจากทางฝั่งฟูซีกับรัฐบาลกลางไหม?”
“ไม่มีขอรับ”
“แต่ความรู้สึกแปลกๆ นี่ มันไม่สมควรจะเป็นความเข้าใจผิด…”
พระสันตะปาปาที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ ก้มคางลงไปวางบนมือซ้าย ขณะที่มือขวากำลังพรมนิ้วทั้งห้าลงบนพนักแขน
“ดูเหมือนว่าข้าจะต้องทำการพยากรณ์เสียแล้ว” เธอกล่าว
เมื่อฮัทท์ได้ยินคำกล่าวนี้ เขาก็เงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจและกล่าว “ท่านตั้งใจจะทำการพยากรณ์อย่างนั้นหรือ หากทำเช่นนั้น ผลพวงของมันจะไม่ทำให้ท่านอ่อนล้าเกินไปหรอกหรือ?”
“มันเหนื่อยก็จริง แต่เพื่อที่จะได้แง้มเห็นอนาคตและเพื่อความสบายใจ ย่อมสามารถแลกได้”
ระหว่างกล่าว พระสันตะปาปาก็เหยียดมือขวาออกไปแตะในอากาศที่ว่างเปล่าเบื้องหน้าอย่างอ่อนโยน
ทันใดนั้น ไพ่ใบหนึ่งก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าเธอ
ในไพ่ใบนี้ เป็นรูปกล่องที่ถูกประดับประดาไปด้วยอัญมณีระยิบระยับ ทว่าฝากล่องกลับเปิดอ้าอยู่และมีมือมือหนึ่งยื่นออกมาจากภายใน
“‘ไพ่รับทรัพย์สมบัติ’ กระนั้นหรือ?”
พระสันตะปาปาค่อนข้างแปลกใจเล็กน้อย
ไพ่ใบนี้สามารถเป็นตัวแทนของความหมายที่มีมากเกินควร และมันไม่เพียงพอที่จะไขความสงสัยในใจของเธอได้
เมื่อเธอดึงไพ่พยากรณ์ใบนี้ออกมา ห่วงโซ่ตรวนสีดำก็ผุดออกมาจากชั้นอากาศ และเข้าโอบรัดรอบมือซ้ายเธอไว้อย่างแน่นหนา
โซ่ตรวนโอบรัดอยู่หลายวินาที ก่อนที่มันจะค่อยๆ จางหายไป
มือของพระสันตะปาปาวูบไหวออกไปเองโดยไม่รู้ตัว และดึงไพ่พยากรณ์ออกมาจากอากาศที่ว่างเปล่าอีกครั้ง
ไพ่ใบที่สองตกลงในมือของเธอ
เมื่อเห็นไพ่ใบนี้ แผ่นหลังที่เอนอิงอยู่บนพนักของพระสันตะปาปาก็ตั้งตรงทันที
“มันกลับกลายเป็นว่าข้าจับได้ไพ่ใบนี้…” เธอกล่าวด้วยความประหลาดใจ
ภายในไพ่ ปรากฏร่างของโครงกระดูกในชุดเกราะที่กำลังนั่งอยู่บนม้าขาวพร้อมกับธงสีดำในมือ
นี่มันไพ่แห่งความตาย
“หึหึ ความตายกำลังมาเยือนอย่างนั้นหรือ? นี่มันหมายความว่า ผู้ที่สามารถเปลี่ยนแปลงวิถีแห่งโชคชะตาได้ปรากฏตัวขึ้นแล้วสินะ”
พระสันตะปาปาเอ่ยออกมาคำหนึ่ง ก่อนระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น
เธอโยนไพ่ทั้งสองออกไป อย่างไรก็ตาม พวกมันกลับไม่ร่วงหล่นลง แต่ลอยนิ่งอยู่กลางอากาศอย่า
เงียบๆ
ในความว่างเปล่า ครานี้บังเกิดเสียงหนักทึบ และโซ่ตรวนสีดำก็เข้าโอบรัดขาซ้ายของเธอ
และไม่นาน โซ่ตรวนสีดำก็หายไปอย่างรวดเร็ว
“ดูเหมือนว่าข้าจำต้องเรียกดูไพ่พยากรณ์อีกใบเพื่อที่จะได้รู้ว่า แท้จริงแล้วมันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่” พระสันตะปาปาเอ่ยถึงข้อความในความคิดออกมาดังๆ
“หากกระทำเจ้าสิ่งพวกนี้ต่อไป มันจะยิ่งเป็นการผนึกพลังของท่าน โปรดอย่าได้พยากรณ์ต่ออีกเลย หากยังมีผมอยู่ที่นี่ ย่อมไม่มีสิ่งใดสามารถคุกคามหรือสร้างภยันตรายแก่ท่านได้อย่างแน่นอน” ฮัทท์กล่าวอย่างเร่งร้อน
“เพียงเท่านี้ไม่นับว่าเป็นอะไรหรอก ก็แค่ห่วงโซ่พวกนี้มันจะดักจับพลังของข้าไว้ชั่วคราวเท่านั้นเอง” พระสันตะปาปากล่าวโดยไม่สนใจคำเตือนของอีกฝ่าย “กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ หากพบเจอกับสถานการณ์คับขัน ข้าก็จะสามารถจ่ายสิ่งอื่นออกไปทดแทน เพื่อปลดผนึกพลังชั่วคราวได้”
“เอาล่ะ ไหนขอดูไพ่พยากรณ์ใบสุดท้ายหน่อยซิ”
เธอกล่าวพลางเอื้อมมือออกไปในอากาศที่ว่างเปล่าอย่างช้าๆ
ไพ่ใบสุดท้ายถูกคว้าจับมาอยู่ในกำมือของเธอ
ต่อมา โซ่ตรวนสีดำก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง คราวนี้มันโอบรัดรอบตัวเธอ
พระสันตะปาปาไม่เหลือบแลห่วงโซ่ตรวนเลย สายตาของเธอเอาแต่จดจ้องไพ่ในมืออย่างพิถีพิถัน
ในไพ่ใบนี้ ภายในเป็นรูปตาชั่ง
ขณะที่ปลายทั้งสองของตาชั่ง ฝั่งหนึ่งมีมงกุฎสีเทาที่ดูเก่าแก่ ส่วนอีกด้านเป็นหัวใจที่กำลังเต้นอย่างช้าๆ
พระสันตะปาปาจ้องมองไพ่ในมือชนิดหัวชนฝา มืออีกข้างจิกแน่นลงบนพนักบัลลังก์
“เหตุใดจึงเป็นไพ่พยากรณ์ใบนี้ องค์ราชาตายไปแล้วไม่ใช่หรือ?” เธอเอ่ยปากออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ
นี่คือไพ่พิเศษที่จะถูกดึงออกมาเพื่อใช้ในการปลดปล่อยพลังโจมตีที่ทรงประสิทธิภาพและลึกลับที่สุดใส่ศัตรู
ในช่วงเวลาที่ต้องลอบฆ่าองค์ราชา พระสันตะปาปาก็ต้องพึ่งพาไพ่ใบนี้เช่นกัน และเพราะมันนี่แหละเธอจึงลอบฆ่าเขาได้สำเร็จ
แต่ภายใต้การตอบโต้แบบเต็มกำลังขององค์ราชา ไพ่ใบนี้ก็หมดพลังลง และกลายเป็นไพ่ที่ไม่มีประโยชน์อันใดอีกต่อไป
ตั้งแต่นั้นมา ไพ่ใบนี้ก็ไม่สามารถเปิดใช้งานได้อีกเลย
ไม่คาดคิดเลยว่า ในการพยากรณ์นี้ แท้จริงแล้วกลับปรากฏเหตุการณ์อันแสนแปลกประหลาดเช่นนี้ขึ้น
พระสันตะปาปาผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว สองมือห้อยตกลงข้างลำตัว สองเท้าก้าวเดินอย่างไร้จุดหมาย วนไปมารอบวิหารใหญ่อย่างช้าๆ
คำพยากรณ์จากไพ่พวกนี้ ย่อมไม่มีทางที่จะผิดพลาด
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ องค์ราชายังมีชีวิตอยู่?
‘ไม่ นี่มันไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะร่างของเขาตอนนี้อยู่ในมือของข้า…หรือว่านี่จะหมายถึงตัวตนที่มีระดับความอันตรายเช่นเดียวกันกับองค์ราชาได้ปรากฏตัวขึ้น?’
“ไพ่รับสมบัติ … ไพ่เทพแห่งความตาย … ไพ่ที่เสียหาย ..”
พระสันตะปาปาเอ่ยงึมงำ
ความรู้สึกถึงบางสิ่งที่ไม่ถูกต้องเริ่มแข็งกร้าวขึ้นเรื่อยๆ
แล้วจู่ๆ น้ำเสียงของเธอก็ยกสูงขึ้นในทันใด “ฮัทท์!”
สาวกศักดิ์สิทธิ์ชุดคลุมดำขานรับ “ขอรับ!”
“ติดต่อสาวกศักดิ์สิทธิ์ทั้งเจ็ด บอกพวกเขาให้เฝ้ารักษาการณ์เส้นทางสำคัญๆ รอบเมืองหลวง และหากพบสิ่งผิดปกติใดๆ ให้รีบแจ้งแก่ข้าทันที”
“…ทราบแล้ว”
มองไปยังท่าทีและคำกล่าวของฮัทท์ที่เริ่มลังเล พระสันตะปาปาจึงเอ่ยปากถาม “มีอะไรอย่างนั้นหรือ?”
“ผมเพียงแค่คิดว่าท่านไม่จำเป็นต้องใส่ใจกับคำพยากรณ์มากเกินไปนักก็ได้ ในโลกใบนี้ ย่อมไม่มีการดำรงอยู่ของตัวตนใดๆ ที่จะสามารถคุกคามท่านได้”
“ไม่ๆ เจ้าไม่เข้าใจ การที่ข้าต้องแง้มดูทิศทางของโชคชะตา นั่นเป็นเพราะโชคชะตามันเป็นสิ่งที่ยากจะเปลี่ยนแปลง จงไปทำในสิ่งที่เจ้าสมควรจะทำเสีย”
“แต่สิ่งที่ผมสมควรทำคือปกป้องท่าน เนื่องเพราะตอนนี้ท่านถูกผนึกพลังไปถึงสามครั้ง...”
“นั่นไม่สำคัญ หากตกอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉิน ข้าสามารถยกเลิกผนึกได้ตลอดเวลาดั่งใจต้องการ”
ในตอนนั้นเอง แม่ชีนางหนึ่งก็ได้เดินเข้ามา พร้อมเอ่ยรายงาน “งานเลี้ยงของมาดามกำลังจะเริ่มขึ้นแล้วเจ้าค่ะ...”
พระสันตะปาปาขบคิดถึงบางสิ่งและกล่าว “สิ่งนี้ไม่นับว่าเป็นเรื่องสำคัญ ส่งสาวกศักดิ์สิทธิ์อีวาน ออกไปรับหน้าแทนข้าก็แล้วกัน เขาจะได้ช่วยสอดส่องดูว่าในงานเลี้ยงมีใครน่าสงสัยหรือไม่”
“เจ้าค่ะ”
แม่ชีถอยฉากออกมา
เกราะรบขับเคลื่อนข้ามผ่านหมู่เมฆในยามค่ำ มุ่งหน้าตรงไปในทิศทางเมืองหลวงของจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์อย่างรวดเร็ว
เมื่อชุดเกราะกำลังจะมาถึงปลายทางในไม่ช้า เสียงของเทพธิดากงเจิ้งก็ดังขึ้น
“ใต้เท้าผู้ทรงเกียรติ ฉันได้รับรายงานมาว่า สาวกศักดิ์สิทธิ์ได้นำกองกำลังติดอาวุธของคริสตจักรกว่าสองร้อยคน มาปรากฏตัวขึ้นบริเวณใกล้เคียงกับคฤหาสน์ และหน้าที่ของเขาคือการระบุตัวคนที่น่าสงสัย”
“เข้าใจแล้ว”
กู่ฉิงซานหันอีกทิศทางหนึ่ง และจู่ๆ ก็ร่อนลงไป
เกราะเหล็กกล้าจมลงไปในทะเลสาบ
หลังจากนั้นไม่นาน
กู่ฉิงซานก็เดินผุดขึ้นมา พร้อมด้วยพลังวิญญาณที่ขับเคลื่อนไปทั่วตัว ระบายความชื้นให้ร่างกายที่เปียกปอนกลับมาแห้งดังเดิม บังเกิดไอน้ำระเหยขึ้นมาในอากาศ
“เป็นไง การเข้ามาด้วยวิธีนี้ ไม่มีใครสังเกตเห็นเลยใช่ไหม?” เขาเอ่ยถาม
“ต้องขอบอกว่านี่ช่างเป็นการแทรกซึมที่สมบูรณ์แบบ โดยที่ไม่ต้องสัมผัสกับเครือข่ายเฝ้าระวังของจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์” เหลียวฮังส่งเสียงออกมาจากสมองควอนตัม
“ยิ่งไปกว่านั้น พระสันตะปาปายังคงพักอยู่ในวิหารศักดิ์สิทธิ์ ไม่ได้มาร่วมงานเลี้ยงฉลอง” เขาเอ่ยเสริม
“พระสันตะปาปาไม่ได้มางานเลี้ยง? นี่นับว่าเป็นข่าวดีที่สุดเลย” กู่ฉิงซานกล่าว
จอม่านแสงฉายขึ้นเพื่อแสดงตำแหน่งของเขา
เสียงของเทพธิดากงเจิ้งดังตามมา “ใต้เท้า คุณจำเป็นต้องเดินทางไปยังทิศตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 2 กิโลเมตร หลังจากนี้อีกราวๆ สิบห้านาที รถของคณะผู้แทนรัฐบาลกลางจะผ่านไปยังเส้นทางดังกล่าว”
“ฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้” กู่ฉิงซานปิดสมองควอนตัม และทะยานตัวไปตามเป้าหมายที่ถูกระบุไว้
หลังจากนั้นไม่นาน
รถยนต์ที่มีธงของรัฐบาลกลางก็วิ่งผ่านภูเขาเข้ามา
เมื่อรถยนต์ขับผ่านมุมมุมหนึ่ง ประตูรถก็ถูกเปิดออก พร้อมกับมีเงาดำๆ พุ่งเข้าไปภายใน
ภายในรถ ชายสองคนชี้อาวุธของพวกเขาไปยังกู่ฉิงซาน ส่วนอีกคนหยิบเครื่องตรวจจับขึ้นมาและชี้ไปที่เขา
“สถานะผ่าน” บนเครื่องตรวจจับ ปรากฏเสียงอิเล็กทรอนิกส์ดังขึ้น
ผู้คนทั้งหลายในรถถอนหายใจโล่งอก
พวกเขามองไปในดวงตาของกู่ฉิงซาน และเผยถึงความรู้สึกชื่นชมอย่างไม่อาจพรรณนาได้
เดิมทีภารกิจระดับความลับสุดยอดของรัฐบาลกลาง มักจะถูกส่งมอบไปยังทีมมืออาชีพขนาดใหญ่ให้เป็นผู้ดำเนินการ
ทว่าในเวลานี้ภารกิจที่ว่ากลับถูกส่งมอบให้คนเพียงคนเดียวเท่านั้น
นั่นหมายความว่าบุคคลคนนี้จะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
พวกเขารีบดึงกล่องขนาดใหญ่จากใต้ที่นั่งขึ้นมา และเปิดมันอย่างรวดเร็วเบื้องหน้ากู่ฉิงซาน
“เครื่องแบบทหาร”
“รองเท้าบูททหาร”
“เข็มขัดหนัง”
“เอกสารประจำตัว”
“กระเป๋าสตางค์”
“ส่วนปืนและดาบไม่ได้ถูกเตรียมมา เพราะพวกเราจำเป็นต้องไปเข้าร่วมงานเลี้ยง”
กู่ฉิงซานมองดูสิ่งต่างๆ เบื้องหน้าเขา และรีบสวมใส่มันอย่างรวดเร็ว
เอกอัครราชทูตหยิบผ้าไหมออกมาอย่างระมัดระวัง และคลี่มันออก
เหรียญเงินสีขาวปรากฏสู่สายตาของกู่ฉิงซาน
“เหรียญตราอิสรภาพชั้นหนึ่ง?” กู่ฉิงซายเอ่ยปากถาม
“ใช่แล้ว นี่คือเครื่องยืนยันที่ยอดเยี่ยมที่สุด ที่จะสามารถอธิบายถึงอายุและตำแหน่งในรัฐบาลกลางของเธอได้” ท่านทูตกล่าว
“ลองใส่มันดูสิ” เขาเอ่ยอย่างเคร่งขรึมและส่งมอบเหรียญให้แก่กู่ฉิงซาน
“ขอบคุณท่านมากนะครับ” กู่ฉิงซานกล่าว
เขารีบเปลี่ยนเสื้อผ้าและเอ่ยถามอย่างรวดเร็ว “แล้วผมต้องแสดงท่าทีแบบไหน”
หลายคนหันมามองที่เขา
ท่านทูตครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยปาก “อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ นิดหน่อยตามแบบฉบับทหารของรัฐบาลกลาง และเธอต้องหยิ่งผยองในพลังของตัวเองสักเล็กน้อย”
กู่ฉิงซานทำสมาธิอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่แรงกดดันจากทั้งคนทั้งร่างของเขาจะเกิดการเปลี่ยนแปลงไป
ตลอดทั้งสองชีวิตที่ได้แต่ต่อสู้ กวาดคมดาบฆ่าฟันเผ่ามารมาหรือวิญญาณของสิ่งมีชีวิตอื่นๆ มาแล้วไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ ดังนั้นตอนนี้ เพียงแค่การเลียนแบบลักษณะนิสัยของทหาร คงไม่จำเป็นต้องกล่าวถึง
“ยอดเยี่ยม เธอดูเหมือนทหารที่ถูกส่งตัวมาแล้วจริงๆ แม้กระทั่งทหารอย่างพวกเราเองก็คงไม่อาจแสดงได้ดีไปกว่านี้แล้ว” ท่านทูตเอ่ยชื่นชม
“แล้วเธอต้องการให้พวกเราทำอะไรอีกหรือเปล่า” ท่านทูตถาม
“ไม่แล้วล่ะครับ หลังจากนี้ไปพวกคุณไม่ต้องเป็นห่วงผมเลย ผมจะจัดการทุกอย่างเอง” กู่ฉิงซานกล่าว
ท่านทูตและคนอื่นๆ พยักหน้ารับ ถอนหายใจอย่างเงียบๆ
ในห้องโดยสารกลับคืนสู่ความสงบ
กู่ฉิงซานเบนสายตาออกไปจ้องมองทิวทัศน์ภายนอกรถที่เคลื่อนผ่านวิสัยทัศน์ของเขาอย่างไม่รู้จบ แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะสาเหตุอะไร ที่จู่ๆ ก็ทำให้เขาก็เริ่มจะรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยขึ้นมา
...........................................................