webnovel

Twilight memories : รักต้องห้ามชายาแวมไพร์

โคโกะ หนุ่มน้อยรูปงามผู้เติบโตมาด้วยความเกลียดชังในตัวแวมไพร์ เขาปฏิเสธทุกอย่างแม้กระทั่งสายเลือดที่อยู่ในตัวเองเฉกเช่นเดียวกับกลุ่มแวมไพร์ที่ปฏิเสธในตัวเขา ทว่าความงดงามของหนุ่มน้อยผู้นี้นั้นต่างสร้างความบ้าคลั่ง ความหลงใหลราวกับถูกมอมเมา เมื่อโตขึ้นเขาเลือกที่จะใช้ชีวิตร่วมกับมนุษย์ แต่เมื่อคืนเดือนมืดมาถึงในขณะที่เขากำลังปลูกต้นกุหลาบขาวนั้น เขาได้ถูกแวมไพร์ปริศนาฝังรอยเขี้ยวเอาไว้บนต้นคอ เลือดสีแดงสาดกระเซ็นลงบนกลีบกุหลาบสีพิสุทธิ์ การกระทำทุกอย่างผ่านไปเชื่องช้าราวกับเวลาถูกหยุด สิ่งสุดท้ายที่โคโกะสัมผัสได้ก่อนหมดสติคือน้ำเสียงนุ่มนวลชวนหลงใหลที่บอกราตรีสวัสดิ์กับเขา...

Starry_Alis · Fantasia
Classificações insuficientes
11 Chs

ชั้นเรียน ข้อควรทำ และการระวังตัว

เวลาบ่ายโมงมาถึง ห้องโถงใหญ่ของปราสาทถูกเนรมิตให้กลายเป็นห้องจัดเลี้ยงสุดเลิศหรู อาหารคาวหวานหน้าตาน่าอร่อยถูกลำเลียงอย่างไม่ขาดสาย เหล่านักเรียนจากหอพักทั้ง 4 พากันเอร็ดอร่อยกับอาหารตรงหน้า เหล่ารุ่นพี่รู้สึกตื่นเต้นที่ได้พบรุ่นน้องหน้าใหม่ ใครที่มาจากตระกูลดังจะได้รับความสนใจเป็นพิเศษ โคโกะคือหนึ่งในคนที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก นอกจากเรื่องตระกูลแล้วคงไม่พ้นเสน่ห์จากรอยยิ้ม และดวงตาสีฟ้าอ่อนใส ซึ่งเป็นสีที่หาได้ยากยิ่ง

"เฮ้ ๆ ตักอาหารให้น้องโคโกะเพิ่มอีกสิพวก" รุ่นพี่ชั้นโบโซนิดคนหนึ่งเอ่ย แขนของเขาคล้องอยู่ที่คอของโคโกะ

"โนอาห์ นายไม่เห็นหน้าน้องเขารึไงว่าลำบากใจน่ะ" รุ่นพี่ชั้นโบโซนิดอีกคนเอ่ย แต่มือกลับดึงน่องไก่งวงวางบนจานของหนุ่มน้อยจากตระกูลเบลินดา "กินเยอะ ๆ นะจะได้โตไว ๆ" เขาเอ่ยแซว

"ว่าแต่น้องโคโกะอยากเป็นผู้สังเกตการณ์แบบคุณพ่อไหม" รุ่นพี่ชั้นโรชชิงผู้มีท่าทางเหมือนเด็กเรียนเอ่ยขณะก้มหน้าอ่านหนังสือเล่มหนาในมือ

"อืม..เรื่องนั้นค่อนข้างไกลตัวสำหรับโคโกะในเวลานี้ครับ" โคโกะเอ่ยตอบก่อนจะหยิบขนมปังขึ้นมาทาเนยตามด้วยแยมราสเบอร์รี่ ผู้คนมักถามเขาเสมอว่าอยากเดินตามรอยคุณพ่อไหม เขายังตอบไม่ได้ในตอนนี้ แม้จะรู้เนื้อหางานมาบ้างจากการเห็นมาตลอด 10 ปีก็ตาม

"แต่การสอบเป็นผู้สังเกตการณ์ยากมากเลยไม่ใช่รึไง รุ่นพี่อีวานสนใจเหรอครับ" โนอาห์เอ่ยถาม "ต้องเรียนสาขารัฐศาสตร์ และนิติศาสตร์พร้อมกัน ต้องผ่านการอบรมอาชญาวิทยา จิตวิทยา ต้องผ่านการทดสอบร่างกายและจิตใจ ไหนจะต้องลงพื้นที่สังเกตการณ์จริง ๆ ในฐานะผู้ช่วยอีก 5 ปีถึงจะได้รับการประเมินว่าสมควรเป็นผู้สังเกตการณ์หรือไม่ แค่คิดก็สยองแล้ว" เขาเอ่ยด้วยสีหน้าขยาดเมื่อลองไล่เลียงดูว่ากว่าจะเป็นผู้สังเกตการณ์นั้นทรหดแค่ไหน แต่ถึงจะทรหดแทบจะกินครึ่งชีวิตไปกับการเรียน จำนวนคนสอบเข้าสาขานี้กับมีมากเหลือทุกครั้ง ซึ่งสวนทางกับคนที่จะได้รับตำแหน่ง

"แค่มองไว้เป็นทางเลือกน่ะ" อีวานเอ่ยพร้อมกับดันแว่นกรอบหนาของตัวเองขึ้น

กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง เสียงอาจารย์ใหญ่เนโรใช้ช้อนทองคำขาวเคาะกับแก้วน้ำทรงสูง เสียงดังจ๊อกแจ๊กจอแจในห้องโถงจึงค่อย ๆ เงียบลง ชายวัยกลางคนยืนขึ้นพร้อมกับกล่าวว่า

"ไม่เจอกันนานเลยนะเหล่าเด็กนักเรียนชั้นโบโซนิดและโรชชิง หายหน้าหายตาไปฝึกงานกัน พวกเธอดูโตขึ้นมากเลยทีเดียว ส่วนชั้นโดนิดพวกเธอเลื่อนชั้นแล้ว ขอให้เป็นปีการศึกษาที่สนุกสนาน แล้วก็ยินดีต้อนรับชั้นแลนเณียนที่เข้ามาใหม่ในปีนี้ด้วยนะ รับรองว่าที่ไบรอันนาจะไม่ทำให้พวกเธอเบื่อแน่นอน" รอยยิ้มปรากฎบนใบหน้า สำหรับชั้นแลนเณียนแล้วรอยยิ้มของอาจารย์ใหญ่ช่างอบอุ่น แต่สำหรับชั้นโดนิดขึ้นไปนั้นรอยยิ้มนั้นชวนสยอง เพราะการเรียนที่นี่นั้นไม่ทำให้น่าเบื่ออย่างที่อาจารย์ใหญ่ว่าไว้ "วันนี้ที่เรียกรวมตัวนั้นนอกจากจะให้รุ่นพี่มาเห็นหน้ารุ่นน้องแล้ว เราจะมาแนะนำอาจารย์ที่ปรึกษาของแลนเฌียนแต่ละห้องกัน เพราะใช่ว่าพวกเธอจะได้อาจารย์ที่ปรึกษาคนเดียวกันกับรุ่นพี่ เริ่มที่ห้อง 1 อาจารย์ที่ปรึกษาคือมาสเตอร์ฮันน่า สุเมรางิ"

สิ้นเสียงอาจารย์ใหญ่เนโรอาจารย์สาวผมสีม่วงพลัม สวมชุดครุยสีแดงเลือดหมูยืนขึ้น เสียงปรบมือเกลียวกลาวดังมาจากโต๊ะอาหารฝั่งซ้ายสุดติดกับบานหน้าต่างของห้องโถง

"ห้อง 2 มาสเตอร์เอไลจาห์ เมสัน" ชายหนุ่มผิวสีเข้ม ศีรษะไร้เส้นผม สวมชุดครุยสีน้ำเงินยืนขึ้น เสียงปรบมือเกลียวกลาวจึงเปลี่ยนจากเด็กห้อง 1 มาสู่เด็กห้อง 2

"ห้อง 3 มาสเตอร์เมดี้ มินาเสะ" หญิงวัยกลางคนผมหยักศกสีดำเช่นเดียวกับดวงตากลมโตของเธอ สวมชุดครุยสีเหลืองเหรียญทะเลยืนขึ้น เสียงปรบมือเกลียวกลาวของเด็กห้อง 3 ดังกระหึ่มไปทั่วห้องโถงจนมาสเตอร์เมดี้ยกนิ้วโป้งให้สองนิ้ว

"ห้อง 4 มาสเตอร์ลูคัส ซามูเอล"ชายวัยกลางคนค่อนไปทางชรา ผมสีดอกเลา ดวงตาสีเทา ท่าทางบุคลิกใจดียืนขึ้นพร้อมกับปรบมือให้ตัวเองและนักเรียนภายใต้การดูแลของเขานับจากนี้

"มาสเตอร์จะดูแลพวกเธอไปจนกว่าจะจบการศึกษาชั้นเซเลียน" อาจารย์ใหญ่เนโรกล่าว "หลังจากนี้จะให้พวกเธอไปทำความรู้ตักกับอาจารย์ที่ปรึกษานะ"

"ดูเหมือนอาจารย์ที่ปรึกษาของพวกเราจะไม่ใช่อาจารย์ที่สอนเลยนะ" โคโกะเอ่ยกับเอลีน เขาหยิบรายการหนังสือที่พกติดมาดูกับเพื่อนเพียงคนเดียวของเขา

"น่าจะเป็นอาจารย์พวกเราในระดับชั้นที่สูงขึ้น แต่มาสเตอร์ลูคัสท่าทางใจดีมากเลยนะ" เอลีนเอ่ยขณะหยิบขนมปังอบเนยกระเทียมมากิน

"นั่นสิ โคโกะอิ่มแล้วละ เราต้องไปรวมตัวที่ห้องแห่งการหวนคืน จะไปเลยไหม" โคโกะหันมาถามเอลีนที่ยังคงตักอาหารกิน เขาน่ะถูกรุ่นพี่ยัดอาหารตั้งแต่ก้นนั่งติดกับเก้าอี้ เหล่ารุ่นพี่ตักสารพัดอาหารคาวหวานให้เขาไม่หยุดมือจนเขารู้สึกอิ่มก่อนหน้าที่จะเริ่มแนะนำอาจารย์ที่ปรึกษาเสียอีก

"ขอฉันกินอีกหน่อยนะ" เอลีนเอ่ย เขาเอาแต่ตื่นเต้นกับบทสนทนาเรื่องเล่าจากปากรุ่นพี่จนแทบไม่ได้กินอะไรเข้าไป ตอนนี้จึงนั่งนึกเสียใจที่ต้องมารีบยัดทุกอย่างลงกระเพาะ เชื่อเลยว่าคืนนี้เขาต้องท้องอืดแน่ ๆ

โคโกะนั่งรอเอลีนจัดการตัวเองให้อิ่มท้องระหว่างรอเขาจึงหยิบพานาคอตตาราดด้วยซอสผลไม้ขึ้นมาตักกินไปพลาง ๆ เขาเห็นรุ่นพี่เริ่มจับกลุ่มคุยกันเกี่ยวกับเรื่องฝึกงานหรือสายอาชีพในอนาคต เรื่องพวกนี้ไกลตัวเขามาก เขาในตอนนี้ยังไม่รู้ว่าอยากเป็นอะไรในอนาคต ยังไม่รู้ว่าตัวเองถนัดด้านอะไร ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่มีความสนใจด้านไหนเป็นพิเศษ เขาเชื่อว่าเรียนที่นี่สักพัก อาจจะได้คำตอบขึ้นมาบ้าง

"ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวเลยนะครับ ขอบคุณที่เอ็นดู ไปกันเถอะ..โคโกะ" เอลีนเอ่ยพร้อมกับลุกไปจากโต๊ะอาหาร ขายาว ๆ ก้าวนำหน้าไป ทำให้โคโกะต้องเร่งเดินตามไปอย่างช่วยไม่ได้

"นี่..อีวาน นายอยากเป็นผู้สังเกตการณ์จริง ๆ น่ะเหรอ" เพื่อนร่วมชั้นโรชชิงเอ่ยถามอีวาน ถึงแม้ใครต่อใครในหอเพเลสจะรู้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้เรียนเก่ง อนาคตการันตีว่าต้องมีตำแหน่งสูง ๆ ให้กับเขา ทว่าเขากลับมีตำแหน่งที่ต้องไปรับ ไม่ว่าจะขัดกับหัวใจตัวเองมากแค่ไหน ก็มีแต่ต้องรับหน้าที่นั้นต่อจากครอบครัว

.

.

- ห้องแห่งการหวนคืน -

ห้องแห่งการหวนคืนเป็นห้องขนาดใหญ่ เก้าอี้และโต๊ะถูกตั้งเรียงรายเป็น 2 ฝั่ง สุดกำแพงห้องคือกระดานดำขนาบด้วยตู้หนังสือขนาดใหญ่ที่บรรจุหนังสือเต็มเอี๊ยด บนชั้นของตู้หนังสือยังมีลูกโลกจำลอง และม้วนแผนที่เก่าจนกระดาษเป็นสีเหลือง หน้าต่างของห้องนี้มีความพิเศษตรงที่เป็นทั้งหน้าต่างและหน้าปัดนาฬิกาในเวลาเดียวกัน มาสเตอร์ลูคัส ซามูเอลยืนอยู่ตรงกลางห้อง บัดนี้รอบกายเขารายล้อมไปด้วยนักเรียนหน้าใหม่ชั้นแลนเณียน บางคนเริ่มหาเพื่อนได้บ้าง บางคนยังคงเก้ ๆ กัง ๆ อยู่ บรรยากาศเช่นนี้ถึงจะเหมาะสมกับเปิดเทอมวันแรกของวัยรุ่นที่พร้อมจะเรียนรู้เพื่อเตรียมพร้อมผจญภัยในอนาคต

"สวัสดีเด็ก ๆ ทั้งหลาย" แม้จะมีภาพลักษณ์เป็นชายใจดี แต่น้ำเสียงของมาสเตอร์ลูคัสกลับสยบเสียงเจี๊ยวจ๊าวของนักเรียนได้ นี่สินะที่เขาเรียกว่าเก๋าประสบการณ์ "ที่ห้องโถงเรารู้จักชื่อกันไปแล้ว แต่ครูจะขอแนะนำตัวอีกครั้ง ครูชื่อลูคัส ซามูเอล ในปีนี้พวกเธอยังไม่เจอครูในชั้นเรียน แต่ในอนาคตเราจะได้เจอกันแน่นอน เอาละ..วันนี้เป็นวันปฐมนิเทศน์ของพวกเธอ ครูจะมาอธิบายระดับการเรียน ระบบการเรียนและเรื่องที่พวกเธอควรรู้ ก่อนอื่นครูมีคำถามว่าพวกเธอจะทำตัวอย่างไรเมื่อเดินสวนกับแวมไพร์ที่นี่" เด็กหนุ่มผมสีฟ้าแซฟไฟร์ยกมือขึ้น

"บอกชื่อของตัวเองก่อนตอบด้วยนะ" มาสเตอร์ลูคัสเอ่ย

"โจนาธาน เลียมครับ หากเราเดินสวนกับแวมไพร์ให้ทำตัวเหมือนเดิม อย่าได้ต่อต้าน อย่าได้ทำร้ายซึ่งกันและกัน เนื่องจากพื้นที่นี้เป็นพื้นที่สันติภาพตามพันธะสัญญา 4 เผ่าพันธุ์" โจนาธานเอ่ยตอบอย่างมั่นใจ

"ดีมาก ๆ เอาละเรามาต่อกันที่ระดับการเรียนของที่นี่แล้วกันนะ ที่โรงเรียนไบรอันนานั้นแบ่งการเรียนรู้ออกเป็น 3 ระดับ ระดับต้นคือชั้นแลนเณียนและชั้นโดนิด ในระดับชั้นต้นนั้นพวกเธอจะเรียนที่โรมานาตลอด 2 ปีโดยจะมีการเรียนทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ เราจะเปิดเทอมกันทุกวันที่ 1 สิงหาคม และสิ้นสุดการเรียนการสอบในวันที่ 1 พฤษภาคม พวกเธอจะได้เวลาปิดเทอมเป็นเวลา 3 เดือน ต่อมาคือระดับกลางคือชั้นโบโซนิดและโรชชิง ในระดับชั้นโบโซนิดนั้นพวกเธอจะไม่ได้เรียนที่นี่ แต่จะไปเรียนที่ประเทศต่าง ๆ โดยในชั้นโบโซนิดพวกเธอจะต้องวนเรียนตามประเทศในพันธะสัญญาทั้ง 4 เผ่าพันธุ์บวกกับ 1 ประเทศ ได้แก่ โรมานา ฟรองซัวร์ เจมานอตตา อิงกริช และแอนดอร์เร่ ซึ่งแต่ละห้องจะจัดตารางไม่เหมือนกัน เมื่อจบการเรียนเวียนแต่ละรัฐแล้วนั้นพวกเธอจะต้องให้คำตอบกับทางโรงเรียนว่าสนใจที่จะเรียนที่ประเทศไหน เมื่อขึ้นชั้นโรชชิงพวกเธอจะต้องไปเรียนที่ประเทศนั้นโดยการเรียนการสอนแต่ละประเทศใช้เวลาแตกต่างกันไป แต่สิ่งที่แน่นอนคือพวกเธอจะต้องฝึกงานเป็นเวลาอย่างน้อย 250 ชั่วโมง ต่อมาคือระดับการเรียนสูงสุดคือชั้นออทโทและชั้นเซเลียน ในระดับชั้นนี้พวกเธอจะยังคงเรียนที่ประเทศที่ทำการลงทะเบียนเรียนไว้ แต่เมื่อจบชั้นออทโทนั้นพวกเธอต้องตอบตัวเองให้ได้ว่าอยากทำอาชีพอะไรในอนาคต เพราะเมื่อขึ้นชั้นเซเลียนพวกเธอจะได้เรียนรู้ศาสตร์เพื่อประกอบอาชีพนั้นโดยตรง เมื่อจบการศึกษาแล้วพวกเธอจะได้รับประกาศนียบัตร สามารถนำไปยื่นขอทดสอบเพื่อเข้ารับตำแหน่งตามสาขาอาชีพที่ตัวเองจบมาได้ สำหรับใครที่อยากเป็นผู้เชี่ยวชาญหรือเป็นมาสเตอร์จะมีการเรียนการสอนระดับพิเศษคือชั้นพลิงเบิร์กและชั้นโฮเอิน ระดับชั้นพลิงเบิร์กจะเรียนที่นี่เป็นเวลา 4 เดือนครึ่ง จากนั้นจึงไปเรียนที่ประเทศที่ตัวเองอยากค้นคว้าอีก 4 เดือนครึ่ง ระดับชั้นโฮเอินจะไม่มีการเรียนการสอนแต่เป็นเวลาสำหรับการค้นคว้าอิสระ มาถึงตรงนี้แล้วมีใครมีคำถามบ้างไหม" มาสเตอร์ลูคัสเอ่ยถามหลังจากอธิบายติดต่อกันเป็นเวลานาน

"..." ความเงียบคือคำตอบจากนักเรียนชั้นแลนเฌียน บางคนหลับคาโต๊ะ บางคนมีสีหน้าว่างเปล่า บางคนมีสีหน้าซีดเซียว ไม่ใช่ว่ามาสเตอร์ลูคัสเล่าไม่เข้าใจ แต่เพราะข้อมูลเยอะเกินจนหลายคนจัดเก็บเรียบเรียงลงสมองได้ไม่หมดในคราวเดียว

โคโกะจดข้อมูลลงสมุดโน้ตในตอนแรก แต่ไป ๆ มา ๆ เมื่อข้อมูลเยอะมากขึ้น ลึกมากขึ้น เขาจึงล้มเลิกความตั้งใจที่จะเตรียมตัว และตั้งใจจะไปเผชิญหน้ากับมันเมื่อเวลานั้นมาถึงแทน ส่วนเอลีนนั้นฟุบหน้านอนกับโต๊ะ จนเขาได้ยินเสียงกรนเบา ๆ ออกมา ตอนแรกเขาไม่คิดจะถามคำถามอะไร แต่ความคิดหนึ่งแวบเข้ามาในหัวเขา เป็นเรื่องที่คุณพ่อกับคุณแม่เล่าให้ฟังว่าที่นี่จะมีการจัดกิจกรรมเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับแวมไพร์ เขาอยากรู้ว่าจะมีกิจกรรมนั้นเกิดขึ้นไหม ที่อยากถามไม่ใช่อยากเข้าร่วมนะ เขาจะโดดกิจกรรมนั้นต่างหาก!

"มาสเตอร์ครับ" โคโกะยกมือขึ้น "ได้ยินมาว่าทุกปีจะมีการจัดกิจกรรมเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับแวมไพร์ อยากรู้เรื่องนี้น่ะครับ"

"เธอคือโคโกะจากบ้านเบลินดาสินะ ฝากความคิดถึงไปหาบาร์ธาซ่าด้วยล่ะ พูดถึงเรื่องงานเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับแวมไพร์ที่นี่จะจัดเป็นกิจกรรมล่าปีศาจ ไม่ใช่ให้พวกเธอไปล่าปีศาจจริง ๆ ปีศาจน่ะคือเป้าเคลื่อนที่เวทมนตร์ แต่ละหอพักจะส่งตัวแทนมาหอละ 2 คนเช่นเดียวกับทางฝั่งแวมไพร์ รวมทั้งสิ้น 16 คน จากนั้นจะจับคู่มนุษย์และแวมไพร์เป็น 8 คู่ แข่งกันว่าใครล่าปีศาจได้มากที่สุด จะเป็นฝ่ายชนะไป กิจกรรมนี้ดำเนินมาได้หลังจากพันธะสัญญา 4 เผ่าพันธุ์เรียบร้อยไปแล้วกว่า 15 ปี" มาสเตอร์ลูคัสอธิบาย

โคโกะเมื่อทราบว่าต้องคัดเลือกไปเข้าร่วมการแข่งขันจึงรู้สึกผ่อนคลาย เขาเป็นเด็กที่เล่นกีฬาได้หลายชนิท แต่ให้ไปบุกป่าฝ่าดง ใครหลายคนในหอพักอาจจะคิดว่าเขาไม่เหมาะสม ยิ่งถ้าบอกว่าเขาเป็นคุณหนูที่ทำอะไรไม่เป็น เขายิ่งรู้สึกยินดีเข้าไปใหญ่

"มีใครมีคำถามอีกไหม" มาสเตอร์ลูคัสเอ่ยถามอีกครั้งหลังจากตอบคำถามของโคโกะไปเป็นที่เรียบร้อย

"...." ความเงียบจากนักเรียนชั้นแลนเฌียนยังคงเป็นคำตอบ มาสเตอร์ลูคัสจึงระบายยิ้มออกมา

"ถ้าอย่างนั้นครูจะอธิบายเกี่ยวกับเรื่องที่พวกเธอควรรู้เกี่ยวกับโรงเรียนนี้ อย่างที่พวกเธอรู้กันแวมไพร์ในยุคปัจจุบันสามารถออกมาใช้ชีวิตท่ามกลางแสงแดดได้แล้ว พื้นที่ในโรงเรียนนี้พวกเธอจะต้องใช้ร่วมกันกับพวกเขา แต่ว่าเมื่อเวลา 4 ทุ่มตรงนั้นครูขอเตือนไว้สักหน่อยว่าอย่าออกจากหอพัก ช่วงนั้นการป้องกันของทางโรงเรียนจะหลวม เนื่องจากเป็นช่วงผลัดเปลี่ยนเวรยามเฝ้าระวัง" มาสเตอร์ลูคัสเอ่ย เรียกเสียงฮือฮาจากนักเรียน

"หมายความว่าพวกเรามีโอกาสที่จะถูกดูดเลือดเหรอครับ" เด็กหนุ่มผมสีแดงกุหลาบเอ่ยด้วยอาการหวั่นวิตก

"การผลัดเปลี่ยนเวรยามจะใช้เวลาประมาณ 15 นาที เราจะเรียกช่วงเวลานั้นว่า '15 นาทีที่ความมืดคลืบคลาน' ครูขอเตือนพวกเธอให้ระวังตัวเอาไว้" มาสเตอร์ลูคัสเอ่ยเตือนด้วยน้ำเสียงจริงจัง ทำเอานักเรียนหลายคนหน้าถอดสีไปตาม ๆ กัน "แต่เดี๋ยวก่อน..แวมไพร์ที่เป็นมิตรกับมนุษย์ก็มีนะ" มาสเตอร์เอ่ยให้เด็ก ๆ ผ่อนคลายลง จะได้รู้สึกมั่นคงกับการรักษาความปลอดภัยของโรงเรียน

"แต่ถึงเป็นมิตรยังไงก็น่ากลัวอยู่ดีเนอะ ว่าไหม..โคโกะ" เอลีนที่เพิ่งตื่นเอ่ย เขาเองก็กลัวแวมไพร์เช่นกัน เขาเชื่อว่าไม่มีมนุษย์คนไหนในโรมานาไม่หวาดกลัวแวมไพร์ ไม่ใช่แค่กลัวถูกดูดเลือด แต่ยังกลัวไปถึงอำนาจที่ฝังลึกอยู่ในสังคม

"พวกแวมไพร์จะขาดสติเมื่ออดเลือดเป็นเวลานาน ตอนที่ยังเด็กโคโกะเคยได้ยินคุณพ่อเล่าว่ายิ่งพวกมันกระหายเลือดมากเท่าไหร่ ยิ่งกระทำรุนแรงต่อเหยื่อมากเท่านั้น" โคโกะเอ่ยกับเอลีน แน่นอนเขาประสบพบเจอกับเรื่องนั้นมาโดยตรง ภาพของเลือดสาดกระเซ็นบนกระจกใสของห้องที่กักขังเขาเอาไว้ กลิ่นคาวเลือดที่ยังคงอยู่ในความทรงจำไม่มีวันจางหาย ทุกอย่างคอยย้ำเตือนว่าครั้งหนึ่งเขาเคยอยู่จุดต่ำที่สุดของสังคม

"ฉันว่านะพวกเราควรมีสมาคมมือปราบแวมไพร์" เอลีนเอ่ย "แต่เรื่องนั้นคงเป็นไปไม่ได้หรอก เดี๋ยวพวกตาลุงจะบอกว่าขัดกับพันธะสัญญา 4 เผ่าพันธุ์อะไรนั่น" เขาหัวเราะออกมาเบา ๆ ในใจอยากให้ตาลุงที่นั่งอยู่ในรัฐสภาลงจากเก้าอี้ไปเลี้ยงลูกเลี้ยงหลานได้แล้ว

"พันธะสัญญาพวกนั้นไร้สาระจะตายไป" โคโกะเอ่ยเบา ๆ กับตัวเอง

"เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะ" เอลีนถามกับโคโกะ เพราะเขามัวแต่สนใจคำถามจากนักเรียนคนอื่น ๆ

"ไม่มีอะไร" โคโกะเอ่ย เขาระบายยิ้มให้กับเอลีนเพื่อปกปิดความเคียดแค้นที่สุมอยู่ในอก

.

.

ช่วงเวลาล่วงเลยมาถึงกลางดึกโคโกะกำลังนั่งอ่านข่าวการเมืองและสุขภาพของราชาอาเดลลี่ที่ 9 บนหนังสือพิมพ์รายวัน ในข่าวบอกว่ากษัตริย์อาเดลลี่ที่ 9 ป่วยหนัก แต่ไม่มีใครทราบถึงอาการป่วยเลยสักคนเดียว และยังมีข่าวลือว่าราชินีของกษัตริย์อาเดลลี่ที่ 9 ก็ป่วยเหมือนกัน บรรยากาศการปกครองจึงคล้ายจะเริ่มคุกกรุ่นเหมือนกองไฟที่ไม่ได้ลุกโชน แต่ยังคงมีประกายไฟร้อนระอุอยู่ ทางด้านเอลีนนั้นกำลังเปิดกล่องสีดำผูกริบบิ้นสีน้ำเงิน เขาพบจดหมายสีดำและอะไรบางอย่างคล้ายกับตลับลวดสลิง

'ยินดีด้วยเอลีน บาร์เบอร์ คุณได้รับการคัดเลือกให้ทำงานกับเลทเทอร์เรีย นี่คืออุปกรณ์ที่พวกเราภูมิใจ มันเรียกว่า 'สลิงกี้' เราจะส่งคนไปฝึกฝนการใช้มันถึงโรงเรียนไบรอันนา'

เอลีนพับจดหมายลง เขาไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เห็น เขาได้ทำงานเป็นเลทเทอร์เรีย! อาชีพที่ใครต่อใครก็รู้ว่าได้เงินดีขนาดไหนหากทำผลงานออกมาได้ยอดเยี่ยม แต่สิ่งที่น่าแปลกใจไม่แพ้กันคือทางเลทเทอร์เรียจะส่งคนมาสอนการใช้สลิงกี้กับเขาถึงรั้วโรงเรียนทั้งที่ทุกอย่างขององค์กรนี้เป็นความลับ!

มาอัพแล้วค่ะ หายไปหลายวันเนื่องด้วยความเครียด 555+ แต่ตอนนี้ดีขึ้นแล้วค่ะ พยายามกลับมาสดใสอัพงานถี่ ๆ เหมือนเดิม ไรท์แอบหวังว่านิยายเรื่องนี้จะได้รางวัล >< จริง ๆ อยากเจอเพื่อน ๆ ที่ลงประกวดเหมือนกันค่ะ

Starry_Aliscreators' thoughts