webnovel

หลังการจากลา After You’re Gone  

"โครงสร้างระบบเป็นเหมือนเปเปอร์มาเช่ ทำจากกระดาษและจะละลายไปกับน้ำ"

วันอังคารที่ 21 วันที่ภาวะสมดุลทับซ้อนเกิดขึ้น วันที่สอง ในพลศาสตร์ท้องฟ้าและอวกาศ เราไม่ได้เงยหน้าขึ้นแล้วเห็นสายรุ้งอย่างเดียว ข้างหลังนั้นเต็มไปด้วยระบบสุริยะ จักรวาลและหลุมดำ

หลังลืมตาเป็นการฟื้นคืนความสอดคล้องเป็นเพียงการเดินทางสู่ทะเลยามราตรี แผนที่จิตใจแหว่งวิ่นเมื่อปัญหาแล้วแท้จริงคือทางออก ลินกลับมาบ้านของตัวเองหลังถูกสอบปากคำ ความหนักอึ้งเหลือทนของการจดจำ ความทรงจำเริ่มมี เริ่มต้น กึ่งกลางและจุดจบและทำสำนวนพยาน ต่อสายจากคิมยองซู และอาจารย์ที่โรงเรียนว่าลินไม่ได้อยู่ในฐานะผู้ต้องหาหรือผู้กระทำความผิด เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกฟ้องและอยู่ในโครงการการคุ้มครองพยาน ลินรู้ดีว่าเรื่องพวกนี้ไม่ได้เกี่ยวกับความจริง ใครสร้างความน่าเชื่อถือของหลักฐานได้มากกว่ากัน คนนั้นชนะคดี การผูกพันกับผู้อื่นกลายเป็นกระบวนการแบบแผนภาระทางชีวภาพ ทางเดียวที่จะเก็บสิ่งที่สูญเสียในความทรงจำคือการวาดมัน รูปภาพเป็นสัญลักษณ์แห่งพันธสัญญา

เริ่มมีการประกาศเตือนและประกาศคนหายเพื่อตามหา ลินเข้าร่วมการตรวจสอบพื้นที่ ทั้งป่าโดยรอบ พื้นที่ที่คาดหวังที่น่าจะเจอชีวิตที่หายไปและผู้ลงมือกระทำได้ อาสาและคนจำนวนมาก พวกเราเดินหาหลักฐานความเป็นไปได้ที่ใกล้เคียงความรอดชีวิต ลินก้าวเท้าทีละก้าวเหยียบลงไป สายตายังคงสอดส่องไปที่พื้นแนวหน้ากระดานห่างกัน แค่ช่วงตัวทอดยาวไปแต่ละกลุ่มพื้นที่หนึ่งร้อยเมตรค่อย ๆ ก้าวไปข้างหน้าหากพบบางอย่างจะมีเสียงยกหวีดเตือน พื้นที่ที่น่าจะมีความเป็นไปได้บางอย่างในทุกครั้งที่เหยียบไปข้างหน้า

"เธอไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ก็ได้" คิมยองซูเตือนลิน ตั้งแต่เมื่อวานที่ซูรู้ข่าวก็รีบกลับมาตอนเช้ามาเป็นหนึ่งในทีมอาสา

"ฉันไม่มีที่ไหนให้ไปแล้ว"

'ฉันเริ่มจำหน้าน้องไม่ได้แล้ว อาทิตย์ก่อนยังจำได้อยู่เลย ถ้าฉันไม่มีรูปภาพเป็นหลักฐาน ฉันคงลืมทุกอย่างไปแล้ว' ลินอยากพูดสิ่งนี้แต่ไม่ได้พูดออกไป น้องถูกเลี้ยงผ่านพ่อส่วนลินมีที่พักของตัวเองตั้งแต่ได้เงินมรดกแม่ที่เสียไป ส่วนพ่อเป็นคนจัดการเงินประกัน

ซูเงียบก่อนที่จะถาม "เธอจะจัดการเรื่องนี้ยังไงต่อ"

"ก็แค่จัดงานรวมตัว และพยายามเสียใจให้น้อยลง"

ทันใดนั้น "ปรี๊ดดด!!" เสียงนกหวีดกรีดร้องดังยาว นี่ไม่ใช่เสียงแรกของวัน ตรงจุดนั้นจะมีคนมุงอยู่บ้างในระยะเวลากระจัดสั้น แต่ลินจะเดินตามเสียงไปเพื่อไปดูพยานหลักฐานที่อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องได้ ตอนนี้คนเริ่มมุงกันแล้วและมากกว่าปกติ นักข่าวที่ยืนบนขอบถนนกำลังกรูกันเข้ามา ลินเข้ามาดูว่าทั้งหมดจะมุงอะไรกันเธอคิดแบบนั้นขณะก้าวเท้าแทรกตัวระหว่างคน สิ่งที่เหลือและได้รับความสนใจตรงหน้ากำลังนอนนิ่ง

เป็นการหลับของเด็กผู้หญิงใส่ชุดสีขาวกระโปรงสีกรมนอนตะแคงหันหลังให้กับใบหน้าผู้สงสัย หัวใจลินรัวกลอง เซลล์ทุกเซลล์ต้องการคำตอบ เพื่อลั่นความทุกข์หรือเปล่งประกายความเหงา เข่าลินติดพื้น ผู้มุงดูหลีกทางให้กับสายสัมพันธ์ที่หลงเหลืออยู่ ลินพยายามยอมรับใบหน้าและทรงผมเข้าอย่างจัง ชุดทั้งหมดเป็นของเอ็มแต่ผู้เสียชีวิตรายนี้ไม่ใช่เอ็ม

คนที่ลินตามหาไม่ตอบรับ แต่เหตุการณ์ตรงหน้าก็ดูจะปรากฏเป็นคำตอบที่มากเกินไปสำหรับเธอ สถานการณ์ข่มขวัญความเป็นไปได้ แค่ชั่วพริบตาน้ำตาก็อาบแก้มก่อนที่จะเอามือเช็ด

"แชะ!" เสียงแฟลชวาบทั่วจุดรูเข็มแสงหันหน้าท่องเที่ยวบันทึกไปบนแผ่นฟิล์ม ทั้งร่างไร้การตื่นที่นอนอยู่และน้ำตาของผู้เคราะห์ร้าย ดูเป็นข่าวที่ดีสำหรับผู้สาดส่องเลนส์กล้อง ชายใส่แว่นวัยกลางคนรัวชัตเตอร์ "แชะ! แชะ! แชะ!"

ลินลุกขึ้นใช้มือขวาปัดกล้องตกพื้น เสียงเตือนภัยทางอารมณ์มาที่หลังความโกรธ ลินไม่สามารถเก็บความโกรธบนใบหน้าตัวเองได้ ความรู้สึกเสียใจถูกหักหลังแสดงออกเป็นความเอื้อมระอาไปยังตากล้องที่โวยวาย "ขอโทษนะครับ" ชายตากล้องตะโกน แชะ!! มีแสงแฟลชจากนักข่าวบางคนที่มาสำรวจด้วย คนนั้นใส่ชุดอาสาแต่พกกล้องฟิล์มมาด้วย เสียงชัตเตอร์และแสงแฟลชยังดังไม่หยุดเกินสามถึงสี่ครั้งแล้ว นักข่าวคนนั้นตกใจกึ่งสับสน

"บัดซบเอ๊ย!! นี่อาจจะเป็นที่เกิดเหตุ ออกไปซะ"

"ผมมีสิทธ์ที่จะอยู่ที่นี่ ผมช่างภาพข่าวไทยโพส"

"ไปให้พ้น!!" ลินตะโกนอีกทีจนชายคนนั้นเล่มถอยไป เขาเดินถอยหลังสะดุดล้ม

"ผมมีสิทธ์ที่จะอยู่ที่นี่" เสียงตะโกนจากชายที่หันแผ่นหลังที่ไกลออกจากลิน

"ไสหัวออกไปซะ ออกไปเลยไป" ลินตะโกนพร้อมปาหินแถวนั้นใส่ใกล้ ๆ ลินกะน้ำหนักหินได้ยากกว่า เธอได้แค่ปาไล่หลังการวิ่ง ชายคนนั้นวิ่งหนีออกจากบริเวรขอบป่ายางด้วยความทุลักทุเล ท่ามกลางการถอนหายใจของฝน เสียงดังกลบเสียงรอยเท้าออกไป

วิววื่งตามมาจากจุดสำรวจของตัวเอง "เธอมีปัญหาอีกแล้วเหรอ" วิวถามลิน

"ไม่ ไม่มีปัญหา ทำไมพวกนี้ถึงมาได้" ลินตอบพร้อมดูวัตถุพยานชิ้นนั้น

"ก็จ่ายเงินซื้อที่จากตำรวจไง จ่ายหนักซะด้วย"

"ฟังนะ ชั้นขอโทษคนพวกนี้น่ารำคาญ"

"ไม่เป็นไร น่าประทับใจที่แกแสดงอารมณ์" วิวตอบ

ลินรู้สึกผิดถึงแม้จะพบหลักฐานใหม่ กับเป็นเรื่องน่าหัวเสียด้วยความสับสนและการคาดคะเนว่าอาจจะมีชีวิตอยู่หรือไม่อยู่ดี นักมานุษยวิทยาภาษาศาสตร์คิดว่า ศาสนาคือไวรัสทางภาษา ไวรัสตายพร้อมคนที่พูดความแม่นยำนี้ทำให้มนุษย์วิเศษและไร้ตัวตน การมองโลกในแง่ร้าย ยิ่งทำให้ลินโดดเดี่ยวคนตรงหน้าผิวสบกับเม็ดฝน ร่างกายรับน้ำอย่างกับพระหัตน์ของพระเจ้า เป็นวาทยกรร่วมกับการขับร้องกับเหล่าเทวดาเป็นฝน พระเจ้ากำลังหลั่งเลือดเป็นคำโกหกของความเชื่อ ความจริงกำลังแยกกัน ยิ่งค้นพบความสามารถวิญญาณกำลังถูกกักบริเวณในร่างกายอันคับแคบ แปลกมากที่ทั้งหมดทำให้เกิดความรู้สึกส่วนตัวได้

มีจดหมายอยู่ในกระเป๋าเสื้อศพที่นอนอยู่ วิวหยิบถึงมือให้ลินใส่ถุงมือ แกะกระดาษที่พับอยู่ในมือคลี่ออกมา

จดหมายฉบับที่สาม

ห่างไกลจากความศิวิไลซ์ ผู้เจริญผายลมเพียงต้องการความพอใจ แล่เนื้อเถือหนังคนเป็นด้วยเหรียญและเงินตรา โดยคนที่เธอกำลังคิดถึงฉันแน่

อีกสามชั่วโมงถัดมา

ลินเดินตากฝน กระเปาะเม็ดกลมทักทายด้วยการกระทบทั้งตัว มีเพียงแขนที่ใช้แฟ้มพลาสติกกันฝนจากด้านเหนือหัว เสียงฟู่จากลมแรงกระทบหู เสื้อเปียกไปด้วยไอน้ำเท้าเหยียบพาตัวเองข้ามถนนไปสู่รถยนต์ของตัวเอง เป็นรถเก๋งเก่า ๆ เอื้อมมือหยิบที่เปิดสลักประตูเปิดออกพาตัวเองมุดเข้าที่ร่มเหล็กทรงกล่องความอัดอั้นของเรื่องราวเป็นบรรยากาศคละคลุ้งไปทั่วภายในรถ ลินมีขอบเขตความเป็นตัวเองที่น่าอึดอัดพร้อมเสื้อคลุมเลอะฝน ขณะเดียวกับที่ความโมโหดังลั่นทุกลมหายใจ ความเครียดสะสมกำลังดึงทุกอย่างให้ช้าและทุกทรมาน เธอตรวจสอบเอกสารด้วยความกระฟัดกระเฟียด และเขวี้ยงเอกนสารไปด้านหลังรถ ก่อนนั่งนิ่งเกร็ง ในความคิดลินเหมือนพวกเรากำลังเดินถอยหลังดวงจันทร์ ไกลจากจุดที่ตัวเองต้องการอยู่ตลอดเวลาถูกฉุดรั้งด้วยแรงโน้มถ่วงของการมุดตัวสีดำภายในใจ

ข้างนอกรถเสียงฝนกลบสิ่งที่ลินคิดไม่ให้ออกมา เสื้อเปียกฝนเหนอะหนะ เธอกางหนังสือที่เคยอ่านออกพร้อมกวาดสายตาผ่านตัวอักษร

"มันห่าอะไรนักหนาวะ" ลินปากระดาษใส่ที่เก็บของหน้าเบาะเก้าอี้ ก่อนฟาดด้วยความโมโหไปที่พวงมาลัย "โธ่เว้ย หอกเอ๊ย!!" เธอปวดหัวกับเรื่องพวกนี้ ลินรู้ว่าคำว่าเถือเนื้อหนังมาจากดันเต้ แวบเดียวเธอนึกถึงโปรเจคที่เคยเขียนซอฟต์แวร์กับบีแมน

**วิธีเพิ่มนักเรียนในคิปป์ทีม

เป็นข้อมูลการค้นหาประวัติการยืมคืนหนังสือในห้องสมุด ในคิปป์ทีมเรียกว่าดั้มบล็อก (dump block) เป็นคำที่มาจากอิฐที่ทับแกรไฟต์ไว้กดการเกิดปฏิกิริยาการปล่อยประจุพลังงานนิวเคลียร์ ที่จริงซอฟต์แวร์ทำงานง่าย ๆ คือใครที่อ่าน 'โมบี้ดิ๊ก' 'สัมฤทธิ์พิศวง (Outliner)' เขียนโดย มัลคอร์ม แกรดเวล และ 'เขียนไว้เมื่อเป็นไม้ใกล้ฝั่ง' บันทึกของไอน์สไตร์ ที่ห้องสมุดจังหวัด ลินจะเป็นคนติดต่อให้มาลองเรียนหลักสูตรของคิปป์ทีม แน่นอนเป็นวิธีที่โง่เง่าที่สุดแต่ฟามิเนะ ไดโตะ โชกับพอล ไมล์แล้วก็โทนี่ ยามาซากิก็มาจากวิธีนี้ ถ้าอยากรู้ว่าใครอ่าน 'เกตตีสเบิร์ก' 'อินเฟอร์โน' และ 'เพื่อนลึกลับ' เขียนโดยเอลิซาเบธ แลร์ดเธอต้องใช้ดั้มบล็อก โปรแกรมจะบอกเรา

ลินรีบกดโทรศัพท์โทรหาบีแมน พร้อมส่งข้อความชื่อหนังสือสามเล่นไปขณะรอสาย

"ดั๊มบล็อกยังใช้ได้อยู่มั้ย ฉันอยากให้นายช่วย"

บีแมนอึกอักก่อนตอบ "ฮาร์ดแวร์มันเสียไปแล้ว"

"งั้นก็ซ่อมสิ ฉันต้องการมันตอนนี้ ใช้เวลาซ่อมเท่าไหร่"

"สองสามวันได้"

"ไม่ได้มีเวลาขนาดนั้น"

"ขอร้องลินอย่าพูดว่าจักรวาลสร้างเร็วกว่านั้น"

"ฉันแค่ต้องการชื่อพวกนั้น"

บีแมนเงียบถอนหายใจ "ขอสามสิบสองชั่วโมง"

"ฉันส่งชื่อหนังสือให้แล้ว"

"ฉันเห็นแล้ว"

"ขอบคุ.." ลินพูด บีแมนกดวางก่อนเธอจะพูดจบ บีแมนลูบหน้าตัวเองพร้อมเข้าใจและเห็นใจ ไม่อยากปฏิเสธในช่วงที่เพื่อนกำลังลำบากและลินก็ช่วยเรื่องหลักสูตรเยอะกว่าที่คิด บีแมนหยิบแว่นที่ใช้ทำงานหน้าคอมพิวเตอร์และเตรียมตัวช่วยลินต่อ เขารู้ว่ากว่าจะหาและซ่อมมันเจอเปลืองเวลามากกว่านั้น การหาคีย์โน๊ตสมการแล้วเขียน อัลกอริทึ่มทับต่ออาจจะเร็วกว่าทุกอย่างขึ้นอยู่กับเวลา และเวลากำลังไปข้างหน้าอย่างถอยหลังต่อหนึ่งชีวิต

วิทยุในรถลินนักข่าวอธิบาย "คดีฆาตกรรมลุกลามสู่เมืองภูเก็ต" โทรทัศน์ตามบ่ายและข่าวช่องหลักพูดถึงแต่เรื่องนี้ "ฆาตกรรมต่อเนื่องถูกอ้างอิงตั้งแต่เช้าวันจันทร์จากผู้ว่าท้องถิ่น ไปจนถึงเหยื่อเยาวชน ผู้เสียชีวิตเพศหญิงกลับจากโรงเรียน เรียนผู้ว่าท้องถิ่น" ข่าวออกภายในบ่าย "นี่มันไม่มีความขัดแย้งอะไรทั้งนั้น เราต้องได้ตัวคนร้ายในเร็ววันแน่" อัยการเขตประกาศกับนักข่าวที่รุมสัมภาษณ์ บริเวณชายป่า การเกิดและการกลัวที่แสนเจ็บปวดคนในเมืองคิดว่าตัวเองเป็นเหยื่อกับทุกอย่างที่เกิดขึ้น ความกลัวใช้ได้กับที่นี่ ในรถของตัวเองที่เต็มไปด้วยความอัดอั้น

ลินจบวันด้วยหัวใจที่หนักอึ้งตะโกนเสียงดังในรถ อาการนอนไม่หลับ ยิ่งทำให้เวลาสูญเปล่า ความโมโหทำให้เรื่องต่าง ๆ หนักขึ้นเรื่อย ๆ พาไปในจุดที่เคยคิดว่าปลอดภัยในวัยเด็กชีวิตลินกลายเป็นเกมคุณภาพต่ำ ราคาถูกที่ถูกทำอย่างหยาบ ๆ ทั้งพิกเซลน้อยและออฟไลน์ ที่เก็บของด้านในรถมีปืนพกอยู่ ตอนนี้ในมือเธอเป็นไอเทมเป็นกระสุนปืนกลิ้งอยู่ เธอตรวจสอบจำนวนพร้อมบรรจุก่อนที่จะลงจากรถยนต์ตัวเอง ลินก้าวเท้าลงพร้อมความรุนแรงในมือ เดินไปป่าใกล้ชายหาดความโกรธที่แสดงออกบนใบหน้ากลายเป็นเพียงแสงวาบพร้อมควันกลิ่นดินปืน

"ปัง!! ปัง!! ปัง!! ปัง!! ปัง!! ปัง!! ปัง!!" เขม่าควันและดินปืนคละคลุ้งไปทั่วใบหน้า พวกเราเห็นความโกรธเพียงเท่านั้น วูบวาบตามเสียงปืน เป็นเพียงแค่โอกาสที่แสงจะให้เราได้เห็น เสียงตะโกนสะท้อนทั่วลำคอ แข่งกับเสียงปืน ไม่มีอะไรเหมือนท้องฟ้าคืนนี้ ทั้งหมดของความจริงเป็นเพียงความปลิ้นปล้อนของพระเจ้า แสงเป็นอนุภาคหรือคลื่นกันแน่ทิ่มแทงคนถือกรวยแสงผู้มองปัจจุบันเสมอ ลินเริ่มลิ้มรสชาติของความรุนแรงและอำนาจจากสิ่งที่คร่าชีวิต นี่คือสิ่งที่ชีวิตต้องการมากขึ้นหลังจากที่ควบคุมความเสียใจไม่ได้ ตลอดมาสิ่งที่ลินฟุ่มเฟือยคือความเห็นต่อโลก เมืองนี้ได้ตายไปแล้วสำหรับเธอแล้วจะไม่ฟื้นกลับมา เมืองนี้เสียงดัง ดังจนนอนไม่หลับ

เดือนกุมภาพันธ์ ปี 2548 เจ้าหน้าที่สอบถามลินเพื่อชี้แจงการให้การ ตำรวจนักสืบคดีถามเกี่ยวกับคิปป์ทีม

"คุณอยู่ไหนบ้างในวันที่ 21 ธันวาคมและหลังจากนั้น"

"ฉันออกสำรวจไปกับทีมอาสา เจอศพที่สองในสัปดาห์นั้น แล้วก็กลับที่พักนอนรอคอยวันต่อไป" ลินโกหกกับเจ้าหน้าที่รัฐในการบันทึกข้อความ

"แล้วเหตุการณระเบิดเมื่อสามปีที่แล้วหล่ะเกี่ยวข้องมั้ย" ตำรวจถามเกี่ยวกับกิจกรรมในคิปป์ทีม

"นั้นเป็นโปรเจคพลังงานที่เราอยากทำให้โรงเรียนประจำจังหวัดในจังหวัดภูเก็ต…" ลินตอบเรื่องนี้ตรงไปตรงมาพร้อมสังเกตตำรวจตรงหน้าทั้งสองนายที่ผลัดกันถาม "คุณเคยรู้ที่มาเกี่ยวกับเอกภพมั้ย" ลินหยิบแก้วเปล่าที่กินน้ำหมดไปแล้วมาวางคว่ำตรงหน้า ใช้นิ้วชี้ก้นแก้วที่อยู่ด้านบน "นี่คือบิ๊กแบง พื้นที่ที่เหลือคือความว่างเปล่า" ในแก้วที่คว่ำอยู่ เธอเอาบุหรี่ที่ตัวเองสูบเกือบหมดบนโต๊ะ หายใจเข้าแรงและเป่าเข้าใต้แก้ว ภายในแก้วมีควันพร้อมกับครอบมดโชคร้ายที่บังเอิญอยู่บนโต๊ะ "มันเต็มไปด้วยอิเล็กตรอนและข้อมูลมหาศาล เราเป็นแค่มดในควันจำนวนมากตะเกียกตะกายหาอากาศอยากให้สิ่งต่าง ๆ ในชีวิตง่ายไปหมดผ่านเงิน แต่มันไม่ได้มีความหมายสิ่งมีชีวิตในแก้วจะตายทันทีมันจะทุรนทุราย ร้องขอความช่วยเหลือและสิ่งมีชีวิตที่มิติสูงกว่าอยู่เหนือกาลเวลาจะก้มลงมองเวลาและข้อมูลที่เป็นวงกลม มองเห็นความตายและการเกิดวนไปเรื่อย ๆ โดยไม่ต้องสนใจเรื่องเหล่านี้"

ตำรวจตั้งใจฟังอย่างสับสนในความเอาแน่เอานอนของลินไม่ได้ บุคลิกลินได้รับอิทธิพลนอกเหนือจากสิ่งที่ตำรวจทั้งคู่คิดไว้ ลินอยู่ในฐานะผู้ต้องสงสัยหลายเรื่อง ทวีเลือกที่จะมองไปที่ตำรวจคู่หู นี่มันแปลกเกินกว่าที่ข้าราชการทั้งสองจะเข้าใจ ทวีตัดสินใจพูด "เราพบว่ามีความเกี่ยวข้องทางความชอบและกิจกรรม หรือโครงการต่อพยานหลักฐาน" ลินเป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัยหลังจากมีการเปิดแฟ้มคดีสืบอีกรอบ

ลินจ้องมองแววตาทั้งสองใจเย็น พร้อมกับดับบุหรี่ ไหล่ลินทิ้งเอนพิงพนักด้านหลังอย่างสบายใจ เธอมั่นใจว่าเธอไม่ได้เกี่ยวข้องทั้งหมด ทุกอย่างดูบังเอิญเกินไปสำหรับตำรวจพยานหลักฐานมีมาก พูดอะไรไปตอนนี้ก็อาจจะติดคุก

"ถ้าสงสัยเกี่ยวกับฉันก็ขอหมายศาล คุยกับทนาย แล้วค้นดูเอาเอง" ทั้งหมดเป็นเพียงการเสนอข้อกล่าวอ้างแต่ไม่มีหลักฐานยืนยันแม้แต่ข้อเดียว ลินลุกจากที่นั่งแล้วเดินออกจากโต๊ะนั้น ที่นี่ไม่มีสิทธิ์กุมตัวเธอ เธอรู้เรื่องนี้ดี ก้าวเท้าออกจากสถานีตำรวจด้วยความเจ็บปวดของข้อมูลเป็นประโยคคำตอบที่ดังในหัวลินอยู่ขณะนั้น 'พวกเราต่างเป็นมด' สำหรับลินทั้งหมดเป็นแบบนั้น