webnovel

บทส่งท้าย Epilogue  

วันที่ 8 มกราคม สำหรับแซม บิลลี่และฮวน หลังจากนี้เราแค่นับวันจนกว่าใครฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะตายจากไป ผังอาคารในคุกเป็นเพียงแผนผังคุมขังของนรกดันเต้ในโลกของเขาตอนนี้เขายังอยู่ในนรกของความเศร้าโศก 'ตายละนี่ต้องอ่านอะไรมืด ๆ ไปอีกนานเลย' หนึ่งในความคิดที่หลุดลอดออกมา ห้องสมุดเรือนจำมีไว้แค่ขังตัวตน เรายังคงมีจิตวิญญาณโลดแล่นบนตัวอักษร หนังสือสองเล่มที่เป็นที่นิยมในห้องสมุดคุกคือ 'ตำราพิชัยสงคราม' และ 'ดิอาเธอร์ไซต์ออฟมิดไนต์' เหตุผลก็รู้กันอยู่แต่ถ้าอยากได้วิธีเอาตัวรอดที่นี่ 'เสียงเรียกจากพงไพร' เขียนโดยแจ็ค ลอนดอน เขียนถึงหมาและสอนทุกอย่างที่ต้องรู้ ที่นี่มีแต่หนังสือกับควันบุหรี่

ผ่านมาสองอาทิตย์หลังเกิดเหตุการณ์สึนามิ การสื่อสารภายในเป็นสติปัญญาของลิน ทุกคนรับภาระทางอารมณ์ในแต่ละวัยของตัวเองหลังเหตุการณ์การสูญเสียและการสูญหาย ในครอบครัวเบนและพัฒน์ปลอดภัยจากสถานการณ์วันเมื่อวาน ลินอยากตายเพื่อขอโทษทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ทุกอย่างและอยากให้ความรู้สึกที่มีทั้งหมดเกี่ยวกับตัวเองเป็นเพียงภาษาที่แปดเปื้อนน้ำหมึกวางตัวเองอยู่บนกระดาษ ตัวอักษรกลายเป็นความมืดมนก่อนรุ่งอรุณ ทุกความผิดหวัง ทุกการโดนปฏิเสธ พาลินมาอยู่ตรงนี้ สายลมและกลิ่นอายฝนสร้างตัวลิน นี่คือกลไกการรักษาบาดแผลในจิตใจของลินเพื่อให้เป็นที่ยอมรับของตัวเองนั้นคือการเปิดแผลมาดูให้ชัด ๆ

"รู้มั้ยเจ็บปวดแค่ไหนที่เป็นเธอ" เบนพูดเพราะนี่เป็นเรื่องหัวข้อที่คุยกับโทนี่เมื่อวานแต่ลินก็ไม่ได้ทักท้วงถึงการเป็นตัวเอง "เธอนี่ไม่เป็นห่วงตัวเองเลยจริงๆ"

"ฉันสมควรโดนแล้ว แกเปลี่ยนอะไรไม่ได้หรอก ไม่ว่าแบบไหนมันไม่ใช่ความผิดของใคร" ลินพยายามยอมรับตัวเองในการครอบครองผลลัพธ์ที่แย่ที่สุด ตลอดชีวิตลินตั้งแต่เด็กมีแต่ความตายเพราะฉะนั้นเลยมีทางออกเดียวเท่านั้น คนที่ยังอยู่ก็จะเฝ้าคิดถึงคนที่ตายไปไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง มันจะเป็นอย่างนั้นไปเรื่อย ๆ ไม่มีวันจบ

"ยากที่สุดสำหรับชีวิตนี้ คือการยอมรับว่าเราไม่สามารถช่วยได้ทุกคน" เบนพยายามเห็นใจลินถึงแม้จะรู้ว่ามันไม่ได้ผล "สรุปพัฒน์เลือกแผนการเรียนชีวโอลิมปิก ฉันเห็นด้วยกับเธอเรื่องนี้นะ" เบนเปลี่ยนเรื่อง

"ใช่" ลินพยักหน้ารับ "พัฒน์ชอบคอมพิวเตอร์นี่"

เบนหันไปหยิบคอมพิวเตอร์พับและเปิดกางออกมา และเปิดโปรแกรมจำลองและขึ้นรูปทรงกระดูกโหนกแก้มลิน

"ขอเชิญพบกับการพิมพ์กระดูกแห่งอนาคต โปรแกรมสร้างต้นแบบเร่งด่วน ใส่แผ่นเอกซเรย์เข้าไป คอมพิวเตอร์เชื่อมโยงพื้นผิวแล้วก็เชื่อมต่อทีละจุดโดย ฟลิปหน้าอีกด้านแล้วก็พิมพ์ส่วนที่ไม่มีจุดทับกัน นี่คือกระดูกโหนกแก้มเธอที่พิมพ์จากหมึกชีวภาพไฮดรอกซีไฮปาไทต์ พัฒน์ทำอันนี้มาให้ มันคงยังไม่สายไปนะ"

ลินภูมิใจทั้งในตัวพัฒน์และเบน "ยังไม่สายนะที่จะเปลี่ยนวิชาเอก ฝากขอบคุณพัฒน์ด้วย" ลินส่ายหน้าพร้อมแกะกล่อง "นายได้อ่านหนังสือของมัลคอร์มมั้ย" ลินถามเบนขณะกำลังก้มหน้าดูชิ้นส่วน

"อื้อ"

"แล้วไง" เธอถาม

"ไม่รู้สิแบบว่ามันออกแนวอคติเกินไปหน่อย กับโกลาหลเกินไปหน่อย เหมือนเขาจะอีโก้จัด" เบนบ่นให้ลินฟัง

"นั้นเป็นเรื่องที่สองที่เราจะไม่เสียเวลาเถียงกัน"

"คิดว่าหลังจากนี้จะเป็นยังไง เธอเป็นคนจัดตารางได้ดีเลยนะ"

"ใคร ๆ ก็พูดแบบนั้น ฉันไม่ชอบความวุ่นวาย ฉันอยากเกษียณ"

เบนพยักหน้าเข้าใจมองดูลินระหว่างเก็บของ ความสงบน่าเบื่อจะตายสำหรับเบน "เธอว่าโลกที่เราอาศัยอยู่มันเป็นยังไง"

"การแสดงออกถึงศรัทธาคือกลไกของโลก ไม่ใช่ข้ออ้างที่จะไม่ทำอะไรเลย ช่วงเวลาของคิปป์ทีมมันจบไปแล้ว เธอรู้ฉันขายไปแล้ว" ลินตัดสินใจขายหลักสูตร คิปป์ความรู้คือพลังให้มหาลัยในแคลิฟอร์เนีย กับซานฟรานซิสโก ลินสังเกตหน้าสับสนของเบน "ไม่ชอบเรื่องชื่อเหรอ มีชื่อไหนไว้ในใจมั้ย"

"ฉันคุยกับพัฒน์ พัฒน์อยากทำเป็นชมรมมากกว่า" เบนพูดและเงียบสักพัก "มีชีวิตต่อไปกันเถอะลิน เราต้องมีชีวิตต่อไป" เบนตั้งใจพูดสิ่งนี้ออกมา การเขียนคือเครื่องมือแก้ปัญหาสำหรับการสื่อสารพัฒน์ในตอนนั้น เบนล้วงหยิบกระดาษในกระเป๋ากางเกงยื่นให้ลิน เป็นสิ่งที่พัฒน์ฝากมา ลินรับกระดาษแผ่นนั้นมา

ในที่สุดลินก็ตัดสินใจบอกเบนว่า "ฉันน่าจะฆ่าตัวตายสักหกเดือน" ลินตะโกนบอกเบนที่ออกจากห้องนั้นคือการลองไปเรียน ลินกำลังจะเขียนชีวิตบทใหม่ที่แคลเทคที่ แคลิฟอเนีย สหรัฐอเมริกาเนื่องจากได้รับเลือกแต่ลินยังไม่ตอบตกลงในตอนแรกเธออยากพาตัวเองให้ไปใช้เวลาในที่ที่ตัวเองรู้สึกโง่บัดซบและเป็นทางเดียวที่จะก้าวไปข้างหน้า ลินรักษาบาดแผลทางใจผ่านการเรียน เราต่างช้ำใจกดความทรงจำลงไป สมองเป็นช่างทำนาฬิกาทำให้เรื่องตรงหน้าไหลเร็วขึ้นและช้าลงและบางทีมันก็ว่างเปล่าเกินจะหยั่งถึง ลินสร้างที่ปลอดภัยขึ้นมาในใจเพื่อการฟื้นฟูอารมณ์และรับการชี้แนะจากตัวตนผู้เปี่ยมปัญญาทั้งที่ภายในรับรู้ตลอดด้วยความผิดหวัง ทั้งหมดจะแย่ลงอีกครั้งลินทำเพียงได้แต่เตรียมตัวให้ดีขึ้น เราทุกคนต้องหาเสียงตัวเอง ทั้งจังหวะ และการขยับร่างกาย หาภาษามาเพื่อกำกับทิศทางมากขึ้นเพื่อคุ้มค่ากับการได้เกิดเป็นมนุษย์ ลินเรียนรู้อย่างรวดเร็วว่า เมื่ออพยพจากย้ายถิ่นเดิม เราจะเสียสิ่งค้ำจุนคอยสนับสนุน หลังจากนั้นต้องเริ่มจากสูญเพราะอดีตถูกลบไปในพริบตาเดียว ไม่มีใครสนใจว่าลินมาจากไหนหรือทำอะไรมาก่อน ลินไปเรียนที่แคลเทคหกเดือนและดรอปตัดสินใจไปสถานีจังโบโก ที่ทวีปแอนตาร์กติก้า ร่วมกับทีมนักวิทยาศาสตร์เกาหลีในการสำรวจอุกาบาตที่พุ่งตัวมายังโลก มันแค่เห็นได้ง่ายบนน้ำแข็ง สถานีนี้อยู่ที่ชายฝั่งแอนตาร์กติกตะวันออกที่มีคนอยู่เพียงแค่ห้าสิบคน ที่นี่พระอาทิตย์ขึ้นหกเดือนเราจะสำรวจและเดินไม่ต่ำกว่าสิบห้ากิโลในวันที่เดินตระเวนหา ที่นี่ใช้คำว่าเหงาสุดขั้วหัวใจได้ อำนาจควบคุมภายในจะเชื่อมโยงโครงสร้างอำนาจภายนอกสู่รางวัลของความเป็นจริง

ลินแกะข้อความที่พับไว้หลังจากย้ายไปที่สถานีจังโบโกหนึ่งสัปดาห์ โน๊ตในมือลินเขียนจากลายมือพัฒน์ไว้ว่า

"โครงการก้าวกระโดด / เดอะ ไฟนอลคลับ" เป็นความแปรผันอันเป็นผลจากการกระทำโดยตรงและโดยอ้อมของสภาพภายนอกสภาวะชีวิต โครงการความเป็นไปได้ ธรรมชาติไม่ก้าวกระโดด ธรรมชาติสร้างการผันแปรอย่างฟุ่มเฟือยแต่กลับขี้เหนียวในการสร้างสิ่งใหม่ ๆ อย่างที่เราเห็นแล้วดีเอ็นเอของมันเริ่มร้อยพันกันยาวนานก่อนหน้านั้น ความรู้เป็นทิศทางของรากและความยั่งยืนถาวรช่วงเวลาเป็นจุดสำคัญและนี่ก็เป็นเพียงจุดสำคัญที่พึ่งเริ่มต้นขึ้น