webnovel

ทะเลคลั่ง  Red Ocean

ระเบิดไปแล้วตั้งแต่ตีสี่ครึ่ง รอยเลื่อนถูกกระตุ้นเปลือกโลกเริ่มเคลื่อน แผ่นดินไหวเกินห้าริกเตอร์แมกนิจูดที่ 9.1 ถึง 9.3 ในมหาสมุทรอินเดียเป็นซึ่งเป็นแผ่นดินไหวขนาดเมกะทรัสต์ มีโมเมนต์แผ่นดินไหวกับแรงเฉือนสูงระดับศตวรรษ ชีวิตของลินกลายเป็นชีวิตที่แสงส่องถึง ชีวิตของบิลลี่คือเงาอีกโลกหนึ่งของเธอ ตัวตนของคนตรงหน้าลินคือความว่างเปล่าของการเลี้ยงดู คือสิ่งที่ลินไม่อยากให้เกิดขึ้นเมื่อมองในแววตาดำขลับดูดกลืนเป็นหลุมลึกของชีวิต

วิธีการสร้างภาษาจะยิ่งสร้างมุมมองต่อความทรงจำ การเรียนรู้ความสับสน และความสามารถในการจำทางเวลา สำหรับลินผู้ไม่มีโอกาสบอกลา เวลานี้เป็นเวลาแห่งการจดจำของบิลลี่ ลินรีบออกจากสถานที่จองจำ รีบวิ่งไปที่หาดรัวเท้าด้วยจุดมุ่งหมายแห่งชีวิต ความกลัวของลินที่จะไร้ความหมายพุ่งขึ้นสูงความเร็วในการก้าวเท้าเร็วข้น รอยเท้าของหญิงสาวผู้เร่งรีบทุกเซลล์ในร่างกายบอกให้ตรงไปที่นั่นวิ่งหาความว่างเปล่าก่อนที่จะว่างเปล่า ที่ที่เป็นคุณค่าเพียงหนึ่งเดียวในชีวิตยังหลงเหลืออยู่เพื่อเติมเต็มความหมายคุณค่าในชีวิตและสายสัมพันธ์แห่งตัวเอง รอยเท้าของเธอเป็นการสั่งเสียครั้งสุดท้ายของการย่างก้าว ทะเลาะไปกับการโทษตัวเองในลมหายใจ เพราะเกิดมาแบบนี้เลยต้องทนทุกข์ขนาดนี้

ลินไปถึงบริเวณธงจุดที่บิลลี่บอกว่ายังเป็นร่องรอยของความหวังของเธอ ใช้มือขุดทรายที่เหลือวักด้วยความเร่งร้อนพร้อมเวลาของเกลียวคลื่นใต้ทะเลที่ยิ่งถอยหลัง เวลากำลังขดตัวในน้ำ ลินรีบกวาดตักทรายอย่างไม่ไยดีสิ่งที่บดบัง จนกระทั่งเจอกล่องพลาสติกใบใหญ่ลินใช้หินทุบล็อกของที่เปิด ภาพตรงหน้าคือเด็กหญิงที่ขดตัวในกล่องพร้อมกับใส่หน้ากากออกซิเจนกับถังออกซิเจนสองถังอยู่ภายใน เสียงลมหายใจของเอ็มเพราะเหลือเกินถึงแม้มันจะน้อยเท่าไหน ลินรู้สึกถึงความอุ่นตัวของร่างกายในตอนที่ดึงร่างกายของน้องขึ้นมากอดถึงแม้ร่างนั้นจะยังไม่ได้สติแต่ลินต้องอุ้มน้องตัวเองออกจากหาดทรายที่กำลังจะกลายเป็นความตายครั้งใหญ่ เวลาหดตัวน้อยลงเข้าไปทุกที การนับถอยหลังเร่งเร้ากระตุ้นให้ลินอุ้มน้องและวิ่งออกจากหาดทราย

ร่างกายกำลังพาเด็กที่อุ้มอยู่ขยับตัว ถ้ามองจากบนท้องฟ้าจุดเล็ก ๆ กำลังรีบเคลื่อนตัว ในสายตาของพระเนตรสองคนนั้นยังเป็นเด็กเสมอ เธอทั้งสองมีเวลาเหลือตราบใดที่พระเจ้าจะให้ เวลากลับกลอกตัวกลายเป็นคลื่นสูงใหญ่ ห่างไกลจากจุดที่ลินวิ่งหนีอยู่เพียงสี่ร้อยเมตรและถอยหลังอย่างรวดเร็ว กระแสน้ำที่ถอยตัวกันรวมเป็นคลื่นลูกโต ลินตะเกียกตะกายวิ่งให้ทัน ก่อนความเงียบงันจะมาเยือนร่างกาย การดิ้นรนและใฝ่หาชีวิตนี่เป็นประสบการณ์ที่บิลลี่อยากให้ลินพบเจอ วิ่งเพื่อขอโอกาสที่จะบอกลาน้องตัวเองแม้ตัวเองอาจจะไม่รอดก็ตาม ทุกลมหายใจคือการมีชีวิตเพื่อคนอื่น ลมหายใจแบบนี้ยากกว่าลมหายใจเพื่อตัวเองมาก ลินอุ้มเอ็มอยู่ด้านหน้าของร่างกายตัวเอง

เอ็มอาจจะมีความสุขตามอัตภาพ ความสุขขณะอยู่ในการหลับใหล อยู่บนเรือโยงในทะเลความทรงและการหลับของการรับรู้ เอ็มเป็นศิลปินในความทรงจำของตัวเอง ขณะที่ร่างกายโตงเตงสั่นทุกครั้งที่ลินวิ่งก้าวไปข้างหน้า ชีวิตไม่ใช่สิ่งที่เงินซื้อได้ทุกการเต้นรัวของหัวใจเพื่อโอกาสรอดจากภัยพิบัติของตัวเอง คลื่นกำลังไล่หลังมาเกลียวคลื่นยักษ์โหยหาและกลืนกินชีวิตที่สิ่งเหล่านี้ได้พบปะ ยิ่งขนาดใหญ่ยิ่งชวนเชื่อที่จะคร่าขนาดของลมหายใจของสิ่งมีชีวิต คลื่นเริ่มกลืนกินชีวิตด้านหลังลิน สิบคน ห้าสิบคน เจ็ดสิบคนและมากขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะที่ลินวิ่งตรงเข้าเมือง พายุรุนแรงขึ้นเรื่อยแล้ว เวลาของลินและเอ็มเหลือน้อยเต็มที ที่ต้องเห็นทุกคนที่วิ่งผ่านไปเมื่อกี้เริ่มถูกกินด้วยน้ำไปก่อนเธอมันเป็นภาระทางจิตใจที่ใหญ่หลวง ถึงแม้เราจะรู้ว่าการเกิดมาต้องสูญเสียคนที่เรารักและอาจจะเป็นน้องตัวเองที่อุ้มอยู่ตอนนี้

มีทางไหนอีกที่จะได้รู้ว่าพวกเขาสำคัญกับเราแค่ไหน ความตายเป็นผู้คุ้นเคยมาเคาะเยือนประตูบ้านของชีวิตเรา การเข้าใจชีวิตล่ำลาเพื่อนเราคงจะไม่มีทางได้พบใครอีกมากมายที่กำลังจะหายไป เราจะสวดมนต์ถึงพวกเขาทุกคืนขณะนึกถึงพวกเขา ขณะร้องไห้ถึงคนเหล่านั้น ทะเลกำลังกลืนกินสิ่งที่เคยรู้จักและชีวิตมากขึ้นเรื่อย ๆ ทุกปริมาณน้ำที่จะเข้าไปในร่างกาย ถ้าท่วมปอดเมื่อไหร่จะสามารถทำให้เราตายได้ในสิบวินาที ที่จริงร่างกายเหล่านี้จะถูกกระแทกก่อน ใครที่หมดสติและหายใจในน้ำต่ออาจจะไม่ได้ตื่นจะเป็นเพียงร่างกายที่ถูกพัดพาและค่อยหลับไหลเข้าสู่ความมืด สติและการหาอากาศเท่านั้นคือสิ่งที่ลินย้ำเตือนตัวเองทุกก้าวขณะที่คลื่นไล่เข้ามาและผลักรถยนต์กับอาคารที่อยู่ด้านหลัง ลินมุ่งมั่นมากที่จะโกงความตายที่เรียกหาจากด้านหลัง ความกดดันและน้ำหนักของสิ่งมีชีวิตที่อุ้มอยู่ เธอร้องไห้ขณะวิ่ง กระเตงน้ำหนักตัวเอ็มไปมาเพื่อตรงออกไปจากจุดรับคลื่นทะเล

บิลลี่ปลายตาของบิลลี่มองเห็นชายขอบทะเลจากตึกควบคุมประพฤติของนักโทษที่มีอาการจิตเภท

แสงพระอาทิตย์สะท้อนใบหน้า "ว้าว นั่นแหละ บิงโก" วันนี้ผมหลับในคืนล้างบาปและอยู่ในทะเลทราย บิลลี่เฝ้ามองม้วนน้ำที่กำลังตีเข้าฝั่ง แววตาเป็นประกายของบิลลี่ประทับใจวินาศภัยที่ตัวเองเป็นจุดเริ่มต้น

ลินอุ้มน้องวิ่งเลยมาจากหาด คลื่นม้วนตัวจากด้านหลังเริ่มกระทบฝั่ง ลินรีบเข้ามาในอาคารที่สูงมากพอ อาคารนี้อาจจะไม่แข็งแรงมากพอ แต่ดีกับกว่าการรับความเสี่ยงของการอยู่ในคลื่น ทุกคนที่อยู่ใกล้อาคารสูงรีบอพยพขึ้นในอาคาร

ลินต้องหารทางหยุดเตาปฏิกรณ์ให้ได้ แต่ดาดฟ้าอาคารที่อยู่ใกล้จำเป็นต้องลงไปที่น้ำแล้วเดินย้ำไป ลินฝากเอ็มไว้บนอาคาร และรีบย้ำน้ำจากน้ำท่วมระลอกแรก ไปที่อาคาร อีกอาคารห่างห้าร้อยเมตร ลินต้องรีบไปก่อนคลื่นระลอกที่สอง ลินรีบบอกทุกคนให้คนขึ้นบนอาคารใกล้เคียง

"ห่าเอ๊ย!!" ลินรีบหยิบโทรศัพท์หาบีแมน "เอกมีวิธีอะไรให้เตาปฏิกรณ์หยุดทำงานทันทีมั้ย"

บีแมนไม่ได้ตอบทันที กำลังปวดหัวกับคำถามที่ลินมาถามทุกครั้ง "ต้องทำให้เครื่องร้อนเกินไปและกระจายความร้อน"

"ระเบิดเหรอ"

"ใช่ เหมือนทุกครั้ง ถ้าตัวเก็บพลังงานไม่พอมันจะร้อนเกินไป"

ลินกดสายวางจากเอกและรีบวิ่งย้ำน้ำไปที่อาคารที่บิลลี่บอก ลินต้องการยุติเรื่องพวกนี้ ก่อนที่คนจะเสียชีวิตไปมากกว่านี้ ทุกก้าวที่ย้ำคือความเป็นไปได้ของการมีชีวิตที่มากขึ้น ลินกระโดดข้ามรถที่น้ำท่วมและเหยียบพลาดได้แผลขูดเหล็กที่ขาข้างซ้าย

ลินมาถึงหน้าอาคารที่อยู่ใกล้หาดมากที่สุด สายไฟที่นี่นยังไม่โดนตัดทุกคนที่อยู่รอบที่นี่มีความเสี่ยง ทั้งแปลหรือคนที่ลอยตัวอยู่ ลินรีบวิ่งขึ้นดาดฟ้าของอาคาร มีตัวสั่งการสัญญาณของเครื่องที่อยู่ภายในอาคาร

ตอนนี้ตรงหน้าลินเป็นคอมพิวเตอร์จัดการการถ่ายโอนพลังงาน ลินใช้พลังงานในการเทไปที่ตัวเครื่อง เพื่อให้เกิดการจัดการพลังงานที่ไม่สมดุลและให้เครื่องช็อตกับระเบิดก่อน

ทางทีมงานของบิลลี่มีคนที่อยู่ใกล้เครื่องและเจอที่มาการสั่งการไฟฟ้ามาจากดาดฟ้า ซึ่งที่นั่นมีลินอยู่ เวลาลินเหลือน้อยที่จะจัดการเรื่องทั้งหมด แผลทั่วตัวย้ำความเจ็บปวดทั้งซี่โครงและแผลที่ขา

สองคนที่เป็นกลุ่มของบิลลี่ขึ้นมาพร้อมปืน ลินรีบหลบจากกระสุนที่ยิงไล่ต้อนและทำลายแผงหน้าจอให้พลังงานในเครื่องล้นและไม่ถ่ายออกไปที่สายไฟข้างนอก เธอหนีได้แค่บนอาคารก่อนคลื่นลูกที่สองกำลังจะมา

ตำรวจที่รับข้อมูลเห็นการกระจายกระแสไฟฟ้าที่ยังไม่สามารถหยุดได้ เสียงปืนของตำรวจต้องการยุติการไล่ลินบนดาดฟ้า ลินทำให้เครื่องกระจายความร้อนและหยุดทำงานได้ก่อนที่จะกระจายพลังงานไปมากกว่านี้ การกระจายกระแสไฟฟ้าหยุดลงมีเรือสำรองเข้ามาช่วยลินก่อนคลื่นละรอกที่สอง แต่ลินจมน้ำและลงไปกลับคลื่นก่อนจะหาทางขึ้นอาคารและช่วยคนที่จมน้ำเท่าที่จะทำได้ เท่าที่จะเป็นความหวังได้สำหรับที่ที่อยากให้เป็นมันยากกว่าที่จะใช้สิ่งที่รู้ในทางที่ถูก หลังจากนั้นเธอกับน้องก็รอดชีวิต

เหตุการณ์สึนามิในปี 2547 มีผู้เสียชีวิตยืนยันรวมหนึ่งแสนแปดหมื่นสี่พันหนึ่งร้อยหกสิบเจ็ดคน ถึงสองแสนสามหมื่นสองร้อยเจ็ดสิบสามคน สูญหายกว่าสี่หมื่นเจ็ดร้อยห้าสิบสองและไร้ผู้อยู่อาศัยกว่าหนึ่งล้านหกแสนเก้าหมื่นคนรวมสิบห้าประเทศ อินโดนีเซีย ศรีลังกา อินเดีย ไทย โซมาเลีย พม่า มัลดีฟส์ มาเลเซีย แทนซาเนีย เซเชลส์ บังกลาเทศ แอฟริกาใต้ เยเมน เคนยา และมาดากัสการ์