webnovel

ตลาดมืด Black Market

ตลาดมืดเป็นชีวิตหลังความตายของอุปกรณ์ชิ้นเอก ในตลาดซอฟต์แวร์ มีความเห็นอกเห็นใจมากเกินไปอยู่บนโลกนี้ไม่ได้ ต่อให้ทุกข์ทรมานมากแค่ไหนก็ต้องกัดฟันทน

เรื่องทั้งหมดทำให้ลินกำลังคิดถึงไวโอลินที่เคยเล่นในวัยเด็ก เธอแสดงท่าทางเศร้าสร้อย เธอเป็นคนเกลียดมนุษย์แต่ก็พยายามมีเมตตาเต็มที่ เป็นคนมีอารมณ์ไม่คงที่มากนัก และเป็นคนอุดมการณ์สูง ลินย่อยปรัชญาได้ดีกว่าย่อยอาหาร ผู้คนต่างหากที่ทนลินไม่ได้ ลินเป็นคนไม่เป็นมิตรกับผู้คนเมื่อพวกเขาเข้ามาใกล้ นอกกระจกรถยนต์ล้วนเป็นแต่สิ่งที่ไม่อยากเห็น

'ฉันขาดทุน' ชีวิตที่เกิดมาแบบนี้ ล้วนแล้วแต่ไม่ได้ผลกำไร ถ้าแสงสว่างเกิดจากความมืดที่นี่ไม่ได้มีตั้งแต่แรกจะไม่มีพระเจ้าถ้าไม่มีปีศาจ ความหวังก็ไม่ได้อยู่ในที่นี้ โดพามีนเป็นที่ต้องการมากเกินไปในชีวิตลิน เป้าหมายเป็นการเรียนรู้ให้แตกฉาน อพาร์ตเมนต์นี้เหมือนคนปกติแบบที่คนทั่วไปอยู่

เราต้องเห็นปีศาจเพื่อยืนยันความหวัง เราเกลียดสิ่งที่เราจะเป็น เราผิดพลาดที่เป็นตัวเองและเป็นตัวประหลาดจากเรื่องราวของตัวเองเสมอ ชีวิตบนโลกคือความผิดพลาดและเป็นแค่สถานีอวกาศด้วยกฎของนิวตัน เราพลาดที่จะเป็นตัวเองและเสียดายเวลาในชีวิตตลอด เพราะทั้งหมดแล้วโอกาสที่จะรอดชีวิตในอนาคตเหลือศูนย์ จิตใจของมนุษย์เป็นจิตใจที่ฟุ้งซ่านและจิตใจที่ฟุ้งซ่านเป็นจิตใจที่ไม่มีความสุข บนโลกนี้คับแคบเกินไปสำหรับทุกอย่าง เบื้องหลังความคิดของลินเกิดจากตัวค่าตามวิธีของเบส์ (Bayesian estimators) และการเรียนรู้ด้วยตัวเองของคอมพิวเตอร์ (Machine learning) และการตัดสินใจโดยอาศัยความน่าจะเป็น จิตวิญญาณที่เราเกือบจะสูญเสียไปคือการรับรู้ตัวเองว่าจะรู้สึกกับเรื่องไหนมากเท่าไหน เราเข้าใกล้เบเกิลสีดำที่ดูดกลืนทุกอย่าง

มองเลยไปจากเรื่องความเสียใจของมนุษย์ทั้งหมดเกี่ยวกับสายสัมพันธ์ การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่สามประการ ทั้งการผสมข้อมูลในโลกจริงกับโลกเสมือนเข้าด้วยกัน ปัญญาประดิษฐ์ และคอมพิวเตอร์ระบบควอนตัม หลังจากนั้นการเรียนรู้ของมนุษย์ระดับสูงสุดคือการเรียนรู้ที่จะเรียนรู้ ในวงการวิทยาศาสตร์และวิศวกรรม เราพยายามจะค้นหาสิ่งที่เรียกกันว่า "ค่าสูงสุดสัมบูรณ์ (global maxima)" ซึ่งเป็นศัพท์ทางคณิตศาสตร์สำหรับใช้เรียกจุดสูงสุดของฟังก์ชัน การไล่ตามสูงสุดของการเป็นมนุษย์ทำให้เกิดการคำนวณ ตัวเลข คุณค่าและการเข้ารหัส ลินไม่กล้าพูดออกไปถึงความคิดของตัวเองทั้งหมด แนวคิดต่อความหมายของ 'วัฒนธรรม' เป็นคำที่กว้างอธิบายไม่ชัดเจนไม่แน่นอน ราวกับว่าเป็นจิตไร้สำนึกทางสังคม

ที่นี่และแสงบนรถยนต์การขับเคลื่อนผ่านนิวตัน รูปแบบการเคลื่อนที่ความเร็วที่ไปข้างหน้า ภาพที่ย้อนหลัง ยิ่งเข้าใกล้ความเร็วมากเท่าไหร่ รอบ ๆ ตัวจะยิ่งช้าลงเท่านั้น รถยนต์กำลังเคลื่อนตัวไปในจุดที่ต้องการ เป็นทั้งความอึดอัดใจอีกห้วงเวลาของความจริง เป็นถ้อยความปักเข้ากลางอกซ้ำเข้าอีกแผล เราอยู่ในอนุรักษนิยมที่ต้องทำอะไรบางอย่างเสมอในเมืองท่องเที่ยว มันมีราคาของการอนุรักษ์อยู่ ทุกอย่างรอบ ๆ ที่นี่ ทำให้เกิดบุคลิกการแสดงอารมณ์ที่เป็นรูปแบบตามวัฒนธรรม เราสร้างบางสิ่งบางอย่างแล้วบอกว่าเป็นการอุ้มชูและเปิดรับ

บนรถหลังเที่ยงคืน

"มันเหมือนเธอไม่อยู่ตรงนี้อีกแล้ว เหมือนเธอเป็นผีไปแล้ว ฉันรู้สึกว่ามันมีบางอย่างผิดปกติ"

"ใช่ มันเปลี่ยนไป ผู้คนเปลี่ยนไป ฉันแค่เปลี่ยนไป และนั้นเป็นเรื่องปกติ"

"ใช่ ฉันเข้าใจ แต่เธอมัน"

"มันอะไร เธอต้องการจะสื่ออะไร ฉันสบายดี" ลินประชด

แนวคิดของลินเหมือนการบูชาซาตานสำหรับอนุรักษนิยม การบังคับให้คล้อยตามนั้นตะหากที่กำลังฆ่าเด็ก ทว่าเราพบแต่ความว่างเปล่าในโรงเรียน โรงเรียนกลายเป็นช่วงชีวิตที่แย่มี่สุดในชีวิต

"เธอไหวมั้ยเนี่ย" วิวถาม

"ฉันมันเกินเยียวยา โรงเรียนแม่งโคตรห่วยที่สุด" ลินรู้ว่าตัวเองรับไม่ได้กับการเป็นตัวเอง บ่นพึมพำกับตัวเอง เธอรู้ว่าการชอบตัวเองเป็นเรื่องไม่จำเป็นสำหรับชีวิต แม่เคยสอนว่าสนุกกับมันตราบที่ยังทำได้ การยอมรับความจริงทั้งหมดต่างหากที่ยากเรื่องนี้เกี่ยวกับความจริงของตัวเอง ที่ถูกเข้ามาเปลี่ยนไม้ผลัดกันบอกว่าชีวิตของใครเป็นยังไง เราแค่พยายามนั่งลงแล้วทำเป็นเหมือนใจเย็นแบบทุกครั้ง เรากลับกลายเป็นเพียงแค่สัตว์ร้ายที่อยู่ภายในทุกครั้ง แค่สวมเสื้อสัตว์ทางสังคมแบบโฮโมเซเปียนส์ เราเรียนทุกอย่างก่อนจะจากทุกสิ่งทุกอย่างไป

อพาร์ทเม้นท์ที่นี่เป็นความปกติที่น่าตกใจของสิ่งที่เกิดขึ้น ที่นี่ไม่มีรูปครอบครัว เวลาไม่คอยท่า ทั้งหมดดูธรรมดาเกินกว่าเป็นปกติ ที่นี่ดูปกติเกินไปเหมือนกล่องซีเมนต์สี่เหลี่ยมที่มีคนปกติทั่วไปอยู่ ดูเหมือนบรรณารักษ์ ที่นี่มีทั้งหนังสือที่ถูกเขียนและหนังสือที่ถูกอ่าน บางเล่มเป็นสารานุกรมเล่มหนา แผ่นกำแพงครึ่งหนึ่งเต็มไปด้วยข่าวของคิปป์ทีมรูปของสมาชิกทุกคนและคนในครอบครัวของลิน วิศุทธิ์เหมือนจะเป็นปัญหาใหญ่สำหรับห้องนี้ ทั้งแม่ลิน และภรรยาคนอื่น สิ่งที่ลินไม่รู้เกี่ยวกับพ่อที่ชวนอ้วกที่จะรับรู้เรื่องทั้งหมด ทั้งโครงการการขายที่ดินในประเทศเพื่อการลดหนี้ของประเทศ วิศุทธิ์ทำให้กฎหมายการซื้อที่ดินขาดผ่านคนที่ถือสัญชาติอื่นได้ 99 ปี พ่อเป็นหนึ่งในคนที่อนุมัติเรื่องพวกนี้ในสภา เขาเคยพูดในหนังสือพิมพ์ว่าเพื่อคนไทยห้องนี้เต็มไปด้วยบาปของพ่อลิน

ที่นี่เต็มไปด้วยตำรวจใส่ชุดกันฝนสีเหลืองจากข้างนอก เป็นพลาสติกที่เปียกน้ำคอยกันเครื่องแบบไม่ให้โดนน้ำฝนและเปื้อนสิ่งเหล่านี้ หลังจากนี้จะเป็นมากกว่าความบาปของพ่อ ทุกคนแบกรับความรู้สึกผิดแล้วก้าวต่อ ไม่มีอะไรที่ทำได้เมื่อหลายอย่างผ่านไปแล้ว การให้อภัยตัวเองเลยสำคัญมที่สุด มีเด็กห้องอื่นสนใจที่เกิดเหตุ ตั้งแต่ได้ยินเสียงรถตำรวจหลายคันเข้ามาจอดรอบอพาร์ทเม้นท์

เด็กผู้หญิงแอบดูแถวห้องของผู้ต้องสงสัย

"ใจเย็นแล้วอยู่แต่ในบ้าน" ตำรวจเตือนชายหนุ่มห้องข้าง ๆ

"นี่ออกมาไม่ได้นะ เข้าไปในบ้านซะ" ตำรวจเตือนเด็กคนนั้น เด็กที่สนใจถูกยุติตจ่อสิ่งเร้า เด็กหลายคนถูกห้ามออกจากบ้าน และให้อยู่แต่ในบ้านในช่วงที่เกิดเหตุ

ตีหนึ่งสิบห้านาที ลินเดินเข้ามาที่เกิดเหตุ เราถึงห้องที่อยู่ที่สองของผู้ต้องสงสัย แสงไฟและในห้องเต็มไปด้วยตำรวจเข้ามาเก็บหลักฐาน ตรวจทุกห้องของที่นี่ถูกจัดเป็นระเบียบ ยุ่งเหยิงแต่ไม่สกปรก ห้องแต่ละห้องมีกิจกรรมเป็นของตัวเอง มันดูเหมือนเป็นห้องทั่วไปที่คนอยู่มากกว่า เราคาดว่าคนที่ทำเรื่องพวกนี้ต้องเป็นปีศาจมันคงจะดี แต่ทุกครั้งที่เราค้นพบว่าเรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้น คนที่ทำเป็นเพียงคนธรรมดาทั่วไป นั้นทำเราใจสลายอย่างแท้จริง ที่นี่ไม่มีร่องรอยแม้แต่รอยนิ้วมือ มีหลายวิธีที่คนเหล่านี้ทำได้ อย่างการตะไบรอยนิ้วมือหรือใช้กาวร้อนทาที่นิ้ว ให้ ลินรู้สึกว่าตัวเองอยู่ในที่นี้ไม่ได้ขนาอนั้นถ้าความอยากรู้เรื่องน้องไม่ได้รั้งไว้อยู่ ลินเดินตรงผ่านห้องครัวห้องรับแขกมาถึงห้องน้ำโล่งกว้าง ด้านบนอ่างอาบน้ำเป็นรูปฟิล์มที่ถูกขยายเท่าขนาดเอสี่ ส่วนในอ่างอาบน้ำคือน้ำยาสร้างภาพหลังจากที่โฟตอนตะลอนไปทั่วฟิล์มแล้ว

ห้องน้ำมีหลอดไฟสีแดง รูปที่ถูกแขวนอยู่มีทั้งรูปลินที่อยู่ที่ป่าในตอนเจอร่างเด็กสาว

"เราเคยเจอเขาแล้ว" ลินตะโกนบอกวิวด้วยความโมโห

"พูดเรื่องอะไร"

"ช่างภาพที่ป่านั้น" ลินตะโกนอุทานไปหาวิว "ห่าเอ๊ย!!" วิวเดินมาก้มดูรูปภาพในอ่างอาบน้ำ "เราเจอเขาแล้วแต่ปล่อยเขาไป" ลินพูด

วิวสำรวจเอกสารที่เป็นสมุดบันทึก หนังสือที่นี่มีเกินห้าสิบเล่มที่เป็นบันทึกภาษาไทย มีทั้งภาษาอังกฤษ และตัวอักษรเข้ารหัส ถ้าให้ตำรวจเจ็ดคนอ่านทั้งหมดวันละร้อยหน้าอาจจะใช้เวลาสามเดือนกว่าจะอ่านหมด ถึงแม้จะรู้ว่าซ่อนเด็กไว้ที่ไหนถึงเวลานั้นอาจจะไม่ทันแล้ว ลินเดินมาเทียบข้างวิว

"แมวหลังงอสีฟ้า คำรามไปมาระหว่างทะเลกับดวงอาทิตย์"

"เรามาแล้วอับราฮัม มารับแล้วอีก 300,000 คนจากสายน้ำคดเคี้ยวแห่งมิสซิสซิปปี้ และชายฝั่งแห่งนิวอิงแลนด์สื่อได้ถึงน้ำตาเงียบงัน"

"นรกและความบาปถอยหลังก่อนสิบก้าวและวิ่งขึ้นหน้าสิบเอ็ดก้าว เสียงร้องจะโหยหวนและทุเลาด้วยร่องรอย" วิวอ่านประโยคตัวอย่างจากสามเล่ม มันปิดกั้นความหมายเกินไป

ลินสังเกตเห็นว่ามีบางคำอย่างคำว่าล้างบาปและเข้าพิธีเป็นจุดสังเกตหยิบมาอ่านจากมือวิว

"เราพึ่งเจอนักเขียนรางวัลซีไรต์ นี่อาจจะไม่ได้พาเราเชื่อมโยงไปสู่การลักพาตัว เสียเวลาเปล่า"

ลินเงียบพร้อมตั้งใจเปิดทีล่ะหน้า แชะ! แชะ! แชะ! เสียงถ่ายฟิล์มตั้งใจถ่ายหลักฐานเสียงเหล่านี้รบกวนจิตใจ

"เราไม่เจออะไรเลย ทั้งสมุดนัด เงินเดือน เลขผู้เสียภาษี อย่างมากแค่ใบเสร็จ" ตำรวจคนหนึ่งเข้ามาบอกวิวพร้อมกับยื่นหลักฐานมาให้

"หาต่อไป" วิวบอกตำรวจนายนั้น

"มีอีกเรื่องหนึ่ง แกอาจจะไม่ชอบ เรายังไม่พบรอยนิ้วมือเขาเลย" วิวบอกลินหลังดูข้อมูลจากตำรวจอีกคน

"ใช่ ชั้นไม่ชอบ" ลินหยิบลูกแก้วหิมะที่ข้างในมีตุ๊กตาเด็กทารกและมีมดขึ้นบนตัวถืออยู่ในอุ้งมือ "บ้านนี้ไม่มีอะไรเพี้ยนเลย ปกติสุด ๆ" ลินประชด

เสียงกริ้งมือถือดัง มีตำรวจที่ใกล้โทรศัพท์ที่สุดรับ ตำรวจที่ทำหน้าที่แกะสัญญาณเรียบตรวจสอบผ่านคอมพิวเตอร์ส่วนตัวและมีการอัดเสียง ปลายสายต้องการคุยกับลิน ตำรวจที่ยืนข้างโทรศัพท์ที่ติดมุมเสายื่นโทรศัพท์ให้ลิน

เสียงสัญญาณไม่ค่อยชัด ลินพูดเริ่ม "ฮัลโหล"

"ฉันประทับใจในความพยายามของเธอ" เสียงแหบปลายสายตอบ

ลินตอบโดยการฟังก่อนที่จะถาม "ตอนนี้เอ็มอยู่ไหน แกคิดจะทำอะไร"

"ไม่ ไม่ ไม่ เราทำงานด้วยกัน แต่ฉันจะฆ่าอีก ฆ่าอีก และฆ่าอีก จนกว่าวันของการลงโทษ ฉันกำลังปกป้องเธออยู่"

"แกหมายความว่าอะไร…"

ตรู๊ด.. ตรู๊ด.. ตรู๊ด.. ปลายสายกดวางแล้ว

"ห่าเอ๋ยยย!!!" ลินอุทานพร้อมกระแทกโทรศัพท์ ขาดตอนและหงุดหงิด รากคุณค่าในตัวลินกำลังจะหายไป ที่แห่งนี้ไม่ได้มีอะไรไปมากกว่าความสิ้นหวัง

ลินมาห้องเก็บศพของโรงพยาบาลประจำจังหวัดภูเก็ต ห้องที่เย็นเงียบกลิ่นเหมือนตู้เย็นที่มีของใส่ตลอด ไฟที่นี่สีขาวแต่พอสะท้อนกลับโลหะและอลูมิเนียมพร้อมกับกลิ่นน้ำยาฟอร์มาลีน บางศพถูกชันสูตรแล้วเครื่องในจะอยู่ภายในถุงพลาสติกที่ทั้งหมดจะอยู่ในท้องและเย็บปิดเป็นรูปตัวอักษรวายใหญ่อยู่กลางหน้าอก

ลินเอกสารสาเหตุการตายและหลักฐานอันอื่นที่อยู่ข้างตัวศพ และสิ่งของที่อยู่ข้างในร่างกาย ลินเข้ามาตรวจสอบแผลที่ข้อมือและข้อมูลที่ปลายเตียง สิ่งที่ไม่รู้ช่างทรมานใจลิน เธอกลับมาดูศพที่สองวันนี้ลินจบวันด้วยความสงสัย ทั้งที่มาของบาดแผลทั้งหมดและสาเหตุการตาย รูปภาพโดปามีนผู้เป็นวาทยกรของวงออร์เคสตราลงจากเวทีของวัน คำถามผุดขึ้นมากมายในวันนี้แต่คำตอบของทุกอย่างยังคงว่างเปล่า ความว่างเปล่ากำลังดูดความรู้สึกให้ทั้งหมดที่เจอวันนี้เป็นเพียงหลุมของอารมณ์ ลินแค่พยายามทำนบอารมณ์เท่านั้น

หลังจากเหตุการณ์เดือนธันวาคม หนึ่งปี ครั้งที่สามของการบำบัดกลุ่ม

ลินสูบบุหรี่หน้าประตูทางเข้ากลุ่ม

"ว่าไงลิน" เกล็นคนนำกลุ่มบำบัดทัก

"ไง" ลินหันตัวกลับมาหลังจากจะเดินออก

"ไม่เจอกันนานนะ เป็นไงบ้าง"

"ก็ดีนะ"

"ดีนะ ดีแล้ว เราจะเริ่มกันแล้วนะ เข้ามามั้ย"

ลินเดินตามเข้าไป ตามผู้นำกลุ่มบำบัด

การพูดคุยเลยไปกว่าครึ่งของการตรวจสอบสถานะสุขภาพจิตของแต่ละคน

"ความจริงคือเราเปลี่ยนอดีตไม่ได้ สิ่งที่ผ่านไปแล้วก็ผ่านไป เราต้องยอมรับการกระทำของตัวเองด้วยการพิจารณาตัวเอง พิพากษา ตัดสินประหารตัวเอง แต่แบบนั้นมันไม่ถูก เพราะหลาย ๆ สิ่งที่ได้จากการตัดสินตัวเองก็แค่ทำให้เรามั่นใจว่าเราจะทำแบบเดิม จริงมั้ย ฉันมันเลว ไม่มีความหวังหรอกน่า จะทำเพื่ออะไร เสพยาดีกว่า" เกล็นพูดหลังจากฟังเรื่องหลาย ๆ คน "ลินช่วงนี้คุณเป็นยังไงบ้าง"

"ฉันกลับไปสูบบุหรี่อีกแล้ว" ลินพูดขึ้น

"แล้วตอนนี้หล่ะ"

"ไม่แล้ว สองสัปดาห์แล้ว"

"สองสัปดาห์คือสองสัปดาห์ ตอนนี้คุณมาแล้ว เธอยังทำงานเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์อยู่มั้ย"

"มันห่วยแตก" ลินพูด

"งั้นลินมีเรื่องอะไรจะเล่ามั้ย"

ลินก้มหน้ารู้สึกผิดกับเรื่องของตัวเอง

"ฉันรู้สึกผิดต่อการเป็นตัวเอง ฉันเสียใจกับสิ่งที่เป็น สิ่งที่เคยทำ การยอมรับว่าตัวเองเคยทำลำบาก" ลินพูดโดยมือซ้ายกดโคนนิ้วโป้ง

"ใช่กว่าเราจะเรียนรู้ด้วยตัวเองเราอาจจะมีปัญหาเป็นสิบปัญหา"

"แต่ฉันไม่พยายามฆ่าตัวตายอีกแล้ว"

ผู้นำกลุ่มบำบัดพยักหน้า "ขอบคุณที่เล่าให้ฟัง มันอาจจะเป็นเรื่องที่เจ็บปวด แต่สิ่งที่ผมเห็นคือเธออยู่ในระหว่างการเยียวยาตัวเอง"

"ฉันพยายามคิดว่าเรื่องทั้งหมดไม่ใช่ความผิดของฉัน แต่การปฏิเสธเรื่องแบบนั้นฉันยังทำไม่ได้"

"มันโอเคที่จะยังทำไม่ได้ตอนนี้"

"ฉันไม่เจอเป้าหมายในความเศร้า แต่มันไม่เป็นไร บางทีฉันก็ยังอยู่ในความทรงจำ ที่ที่มีทุกคนอยู่ ที่ที่ฉันสามารถมีความสุขได้อยู่"

ลินเดินออกจากกลุ่มบำบัดนี้ออกไปหลังประตูด้วยลูกตาเคลือบแววน้ำตาและเหยียบที่ตัวเองเคยนั่งข้างนอกนั้น เราคิดว่าเรื่องทั้งหมดจบแล้วในสัปดาห์นั้น แต่มันยังมีชีวิตอยู่ภายในตัวลินเติบโตอย่างฉ้อฉล การได้พูดถึงสิ่งที่เคยเป็นในอดีตเหมือนงานคืนสู่เหย้า ที่โรงเรียนสามารถพิมพ์บางอย่างออกมาได้ มันมีหลายเรื่องที่ลินผ่านมาได้ แค่ทุกอย่างยังดูเคลื่อนไหวอยู่ในความทรงจำ