บทที่ 50 มุ่งสู่ระดับมหากาพย์
หลิวเฉินหลินติดอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
มีบางคนขอตัวกลับก่อน บางคนยังอยู่พูดคุยต่อ ในที่สุดจึงเหลือเพียงหลิวเฉินหลิน กัปตันเทียนซิง และกัปตันเจียงกู่เท่านั้น
“เขาเป็นเพียงเด็ก แต่ทำไมถึงทะนงตนแบบนี้?” เจียงกู่ยังไม่เข้าใจ เขาติดหนี้หลิวเฉินหลินมาก่อน หลิวเฉินหลินจึงต้องการให้เขาข่มเหงเกาเผิงยังดีที่เกาเผิงไม่ว่าอะไรเขา
หลิวเฉินหลินกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “อย่าเพิ่งขุ่นเคืองไป เราสามารถพบเขาอีกครั้งและขอให้เขาช่วยดูแลสัตว์อสูรของคุณ”
เจียงกู่ขมวดคิ้วและกล่าวเสียงเย็น “ไม่จำเป็น ผมไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก ลาก่อน”
หลังจากกล่าวจบคำ เจียงกู่ได้หันหลังกลับและจากไปทันที
เขาไม่ต้องการเกี่ยวข้องกับหลิวเฉินหลินจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ผู้นี้หากไม่จำเป็น
หลิวเฉินหลินจ่ายค่าอาหารและออกไปจากสถานที่แห่งนี้เช่นกัน
หลังจากเขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและต่อสายหาเกาเผิง
เกาเผิงเพิ่งถึงห้องพอดี เมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เขาเห็นชื่อของหลิวเฉินหลินปรากฏ เขาเลือกเพิกเฉยและแสร้งไม่ได้ยิน
อย่างไรก็ตาม หลังจากไตร่ตรองอยู่ชั่วครู่ เขากลับพบว่ามันไร้สาระ ดังนั้นเขาจึงตอบรับสายนี้ทันที
หลิวเฉินหลินเริ่มต้นบทสนทนา “คุณเกา ผมต้องขอโทษด้วยนะครับกับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ ผมไม่เคยคิดเลยว่าพวกเขาจะแสดงพฤติกรรมหยาบคายเช่นนี้”
“ไม่เป็นไรครับ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่” เกาเผิงตอบเสียงเรียบ
“เชื่อผมนะครับคุณเกา การที่พวกเขาไม่สุภาพกับคุณนั่นก็หมายความว่า พวกเขาไม่สุภาพต่อผมเช่นกันจากนี้ไปผมจะ…”
ตู๊ด ตู๊ด… สัญญาณขาดหายไปอย่างกะทันหัน หลิวเฉินหลินดูโทรศัพท์จึงรู้ว่าอีกฝ่ายตัดสายและรู้สึกว่าเกาเผิงเป็นเพียงเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้นเอง
บางทีมนุษย์น่ากลัวกว่าผี
ในความเป็นจริง ไม่เพียงแค่สัตว์อสูรเท่านั้นแต่เกาเผิงยังมองเห็นข้อมูลของมนุษย์อีกด้วยเช่นกัน มันเป็นเพียงเพราะเขาไม่ต้องการพูดถึงเรื่องนี้เท่าไหร่
ในช่วงเวลาที่เกาเผิงถูกรุมถามด้วยคำถามต่างๆ นานา เขาก็เห็นข้อมูลปรากฏด้านหน้า
หลิวเฉินหลิว สถานะ สุขภาพดีและรู้สึกพอใจอย่างลับๆ
ในทางตรงข้าม ข้อมูลของเจียงกู่กลับปรากฏว่า ‘สถานะ สุขภาพดีและรู้สึกผิด’
เหตุใดหลิวเฉินหลินจึงรู้สึกพอใจแต่เจียงกู่กลับรู้สึกผิด?
เกาเผิงยกมุมปากเย้ยหยันกล่าวตามตรง บางทีเขาก็ไม่ต้องการมองเห็นสถานะต่างๆ ของผู้อื่น
ยิ่งเขาเห็นมากเท่าใด เขายิ่งรู้สึกปวดหัวมากเท่านั้น
เขาวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะและรู้สึกว่าบนโลกใบนี้ไม่มีผู้ใดเป็นสีขาวหรือดำทั้งหมด ทุกคนล้วนเป็นสีเทาๆ มันก็แค่ว่าใครจะเป็นสีเทาเข้มหรือสีเทาอ่อนก็เท่านั้น
เกาเผิงลุกขึ้นมาเปิดทีวีเพราะนอนไม่หลับ
ตอนนี้เป็นเวลาสองทุ่ม ช่วงนี้จึงเป็นช่วงข่าวภาคค่ำ
“เซรุ่มสัตว์อสูรของเครือบริษัทดราก้อนถูกพบว่ามีข้างเคียงร้ายแรงมันถูกค้นพบโดยจากทางการญี่ปุ่น เหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้ลูกค้าเกิดความไม่พอใจได้ส่งคืนสินค้าไปเป็นจำนวนมาก”
“นักวิทยาศาสตร์ได้รายงานว่าเซรุ่มตัวนี้ผลลัพธ์ยังไม่สามารถควบคุมได้ ทำให้ประชาชนต้องเสี่ยงกับเซรุ่มตัวนี้”
ในภาพข่าวเกาเผิงได้เห็นงูหลามหินนอนอยู่บนพื้น เลือดกระจายไปทั่ว มีบาดแผลเต็มไปทั่วร่างกาย
เกาเผิงเห็นค่าสถานะของมันเป็น บาดเจ็บปานกลางจากการเสื่อมสภาพของเลือด
และนักข่าวก็เล่าข่าวต่อ
“การประกวดราชันแห่งสุนัขแห่งเมืองหยางเฉิงได้สิ้นสุดลงแล้ว ในรอบชิงนี้มีผู้เข้าแข่งขันจากหยางเฉิง หยงเฉิง และซูโจว ผู้ชนะได้แก่ชายวัยยี่สิบเอ็ดปี นามฮั่นนิง เขาเป็นอัจฉริยะ นักศึกษาปีหนึ่งจากวิทยาลัยเทคโนโลยีหยางเฉิง"
บนหน้าจอโทรทัศน์แสดงภาพชายผู้หนึ่งสวมชุดสูทต่อสู้สีขาวดำยืนอยู่บนโพเดียมพร้อมกับสุนัขสีเงินตัวโต ขนาดลำตัวยาวสามสิบสองฟุตและสูงสิบหกฟุต ที่ขนของมันยังแสงเป็นประกาย
ชื่อสัตว์อสูร สุนัขฝนดาวตก
เลเวล สามสิบเก้า [footnoteRef:0] [0: ]
ระดับ สมบูรณ์
....
ชายผู้นี้อายุยี่สิบเอ็ดปี นั่นหมายความว่าเขาอาจเป็นมนุษย์คนแรกที่สร้างพันธสัญญาเลือดกับสัตว์อสูร ภายในเวลาสามปี เขาสามารถบ่มเพาะสัตว์อสูรได้ถึงระดับนี้ เขาต้องเป็นผู้ฝึกสัตว์อสูรชั้นแนวหน้าอย่างไม่ต้องสงสัย
เกาเผิงหันหน้าไปมองต้าซื่อกับดัมมี่และรู้สึกว่าเส้นทางของพวกมันยังอีกยาวไกล
อย่างไรก็ตาม มันจะใช้เวลาไม่นานนัก
…
ที่สำนักงานของเขา
เกาเผิงรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เพราะวันนี้เป็นวันที่เขาจะยกระดับดัมมี่ให้เป็นสัตว์อสูรระดับมหากาพย์
เขาส่งแก่นคริสทัลสัตว์อสูรธาตุอันเดทชนชั้นขุนนางให้กับดัมมี่
ดวงตาของดัมมี่ส่องประกายขึ้นและรีบกัดกินแก่นคริสทัลสัตว์อสูรที่ได้รับจากเจ้านายทันที
ผงสีดำร่วงหล่นลงบนพื้น ขณะไฟสีฟ้าในตาของดัมมี่กำลังลุกโชน
ส่วนเกาเผิงกำลังบดส่วนผสมใส่ในขวดแก้ว
…
ด้านนอกสำนักงาน ประตูลิฟต์เปิดออก หลายคนเดินออกมา แต่ผู้ที่เดินนำหน้าคือ หลิวจ้าวหยูในชุดกระโปรงลายดอกไม้พร้อมกับอุ้มแมวมิ้นท์ไว้ในอ้อมแขนของเธอ
ตามด้านหลังด้วยเด็กผู้หญิงอีกสองคนกำลังกวาดตามองรอบๆ ด้วยความสงสัย
…………………………………………….