บทที่ 18 วิวัฒนาการข้ามสายพันธุ์วานรโครงกระดูก
ชื่อสัตว์อสูร วานรธาราสีชาด ป่วยเพราะถูกธาตุหยินเข้าแทรก
เลเวล สิบ[footnoteRef:0] [0: ]
คุณสมบัติ ธาตุดิน
สถานะ ป่วยและจิตใจย่ำแย่
จุดอ่อน ธาตุหยิน
ความต้องการในการยกระดับ
หนึ่ง วิวัฒนาการตามธรรมชาติด้วยการกำจัดธาตุหยิน
สอง วิวัฒนาการข้ามสายพันธุ์ด้วยการรับพลังธาตุหยินเพื่อกำจัดจุดอ่อน มีโอกาสวิวัฒนาการข้ามสายพันธุ์เป็นสัตว์อสูรชนิดใหม่ที่เหนือกว่าสัตว์อสูรระดับสูง
“จริงหรือ?” เป็นครั้งแรกที่เกาเผิงเห็นทางเลือกในการยกระดับ
‘ถูกทดลองมาหนักอย่างนี้ ทำไมยังรอดล่ะ?’ เกาเผิงเริ่มสงสัย
ทันใดนั้นเอง เขานึกถึงสิ่งที่เจ้าหน้าที่บอก “เหตุผลที่มันยังมีชีวิตจนถึงตอนนี้คือพลังใจที่ไม่ธรรมดาของมัน”
“พลังใจที่ไม่ธรรมดาหรือ?” เกาเผิงพึมพำพร้อมมองวานรธาราสีชาดอย่างชั่งใจ
มันนอนอยู่ในกรง วานรธาราสีชาดมองเกาเผิงด้วยดวงตาแฝงปณิธานแรงกล้า
“แกต้องการยกระดับต่ออีกอย่างนั้นหรือ?” เกาเผิงกล่าว ก่อนจะหัวเราะออกมา “บ้าจริง แกจะเข้าใจฉันได้อย่างไร แกเป็นแค่สัตว์อสูรทั่วไป”
แต่ทันใดนั้น วานรธาราสีชาดกลับลุกขึ้นและเดินมาตรงขอบกรงพร้อมจ้องมองเกาเผิงด้วยสายตามุ่งมั่น มือของมันกำกรงเหล็กแน่นและส่งเสียงคำรามออกมาอย่างบ้าคลั่ง
…
เสียงคำรามแหบแห้งดังก้องก่อนจะเงียบลง จากนั้นมันฟุบลงกับพื้น แต่ยังคงมองเกาเผิงอย่างความหวังแรงกล้า
เมื่อเกาเผิงยังคงนิ่งเงียบ มันจึงจ้องเขม็งมากขึ้นกว่าเดิม
“ตกลงๆ ฉันจะช่วยนาย ฉันสัญญา” เกาเผิงพูดเสียงจริงจัง เขารู้สึกราวถูกสะกดด้วยเวทมนตร์ อาจเป็นเพราะเขาไม่เคยเห็นสายตาร้อนรุ่มและเต็มไปด้วยความทะเยอทะยานเช่นนี้มาก่อน ดังนั้นเขาจึงไม่อยากทำให้เจ้าลิงนี่ผิดหวัง
วานรธาราสีชาดไม่รู้ว่าเกาเผิงจะเข้าใจมันหรือไม่ เพราะเกาเผิงตรงไปนอนอย่างเหนื่อยล้า
เพื่อให้ได้ใบประกาศนียบัตร ไม่ว่าอย่างไรเขาต้องยกระดับวานรธาราสีชาดให้สําเร็จจงได้ แต่ปัญหาคือต้องเลือกวิธีในการยกระดับน่ะสิ
เขาต้องตรวจสอบให้แน่ใจก่อนว่าควรเลือกใช้วิธีใด
ข้อความเดิมเลือนหายไปก่อนจะปรากฏข้อความใหม่ขึ้นมา
การวิวัฒนาการข้ามสายพันธุ์ นำหญ้าเทียนดําสองร้อยห้าสิบกรัมให้กินสามมื้อเป็นเวลาสามวัน ใช้แก่นคริสทัลสัตว์อสูรประเภทอันเดทชนชั้นขุนนางแก่วานรธาราสีชาดกิน และนำมันไปแช่ในน้ำกรดซัลฟูริกเพิ่มผงเรืองแสงร้อยห้าสิบกรัม เห็ดกะโหลกห้าสิบกรัม หญ้าโรยราร้อยห้าสิบกรัม…
‘หากใช้วิธีนี้จะทำให้วานรธาราสีชาดเปลี่ยนไปเป็นตัวอะไรกัน?’ เกาเผิงรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีกับวิธีนี้
ของที่ต้องใช้ก็แปลกด้วย โดยเฉพาะแก่นคริสทัลสัตว์อสูรประเภทอันเดท ไม่ใช่ของที่สัตว์อสูรทั่วไปจะกินได้ หากสัตว์อสูรกินเข้าไปอาจทำให้ป่วยหรือแย่กว่านั้น
สาเหตุที่เกาเผิงไม่เลือกวิธีแรก เพราะว่ามีค่าใช้จ่ายมากเกินกว่างบที่ผู้คุมสอบตั้งไว้ให้ เมื่อเทียบกับวิธีที่สองที่ค่าใช้จ่ายถูกกว่าเล็กน้อย
เกาเผิงยื่นรายการสิ่งของต้องใช้ในการยกระดับให้แก่เจ้าหน้าที่
หลังจากได้รับใบรายการสั่งของที่เกาเผิงต้องการแล้ว เขาถึงกับมองเกาเผิงด้วยสายตาแปลกๆ ‘เจ้าเด็กนี่ต้องการจะฆ่าวานรธาราสีชาดหรืออย่างไร?’
วันถัดมา เกาเผิงไม่ได้ออกไปข้างนอกเพราะที่นี่มีสิ่งของจำเป็นในชีวิตประจำวันทั้งหมด
สามวันผ่านไปไวเหมือนโกหก หลังจากวานรธาราสีชาดกินหญ้าเทียนดำมาอย่างต่อเนื่อง พละกำลังของมันเริ่มฟื้นฟู ดวงตาสว่างสดใส ขนเงางามกว่าก่อนหน่านี้ อาการบวมตามตัวลดลงอย่างเห็นได้ชัด
หลังจากสูดหายใจลึกๆ เดินไปเปิดประตูกรงเหล็ก แม้ว่าวานรธาราสีชาด ไม่ใช่สัตว์อสูรดุร้ายมากนัก แต่ยังคงค่อนข้างอันตราย หากมันคลุ้มคลั่งขึ้นมาเกาเผิงอาจจบชีวิตที่นี่เป็นได้
วานรธาราสีชาดมองทางประตูก่อนจะก้าวเท้าออกมาอย่างเนิบนาบ เมื่อเห็นเกาเผิงไม่ว่าอะไร มันจึงเผยรอยยิ้มร่าเริงและเข้าโอบกอดเกาเผิงไว้ในอ้อมแขนอย่างตื่นเต้น
และคลายแขนออกในที่สุดพร้อมนั่งตรงหน้าเกาเผิงอย่างเชื่อฟัง
เกาเผิงชี้นิ้วไปที่อ่างน้ำ “เข้าไปนอนในอ่างสิ”
วานรธาราสีชาดมองอ่าง มันดึงขนของออกมา แล้วหย่อนลงไปในน้ำ
ทันทีที่ขนของมันสัมผัสโดนกับผิวน้ำ จู่ๆ ก็เกิดควันขึ้นและขนนั้นได้หายไป
วานรธาราสีชาดงอ้าปากค้างด้วยความตกใจ
มันมองอ่างน้ำและเกาเผิงสลับไปมา
จากนั้นจึงกระโดดออกมานั่งจ้องมองเกาเผิงด้วยสายตาไร้เดียงสา
เกาเผิงกลับเป็นฝ่ายมึนงง
หรือเขาผสมน้ำผิดวิธี ถึงได้มีฤทธิ์กัดกร่อนร่างกายของวานรธาราสีชาดมากเกินไปอย่างนั้นหรือ?
เกาเผิงหัวเราะแห้งและทดลองผสมน้ำกรดอีกครั้ง
เด็กหนุ่มวางมือบนไหล่ของวานรธาราสีชาดงและให้กำลังใจมัน
“ฉันสามารถมอบพลังให้นายได้ แต่นายต้องมีความกล้าด้วย”
เกาเผิงไม่มั่นใจนักว่าวานรธาราสีชาดจะเข้าใจความหมายของเขาหรือไม่ เขานิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะชี้นิ้วที่อ่างน้ำ "ถ้าอย่างนั้นลงอ่างเลย"
วานรธาราสีชาดเผยรอยยิ้มให้เกาเผิงก่อนจะกระโดดลงอ่างโดยไม่ลังเล
มันเป็นอ่างน้ำขนาดใหญ่ที่วานรธาราสีชาดจุ่มได้ทั้งตัว
เกาเผิงจ้องมองวานรธาราสีชาดที่กำลังเล่นน้ำอย่างมีความสุข
เขาอยากหัวเราะออกมาแต่ทำไม่ได้ เพราะเขายังรู้สึกกังวล
ไม่นานนัก ควันสีขาวค่อยๆ ลอยขึ้นสู่อากาศ
ทันใดนั้นเอง เสียงสัญญาณเตือนไฟไหม้ได้ดังขึ้นอย่างไม่คาดคิด
เจ้าหน้าที่ดับเพลิงมายังห้องของเกาเผิงอย่างรวดเร็ว
พวกเขาพุ่งเข้ามาในห้องและเตรียมดับไฟ พวกเขามองที่อ่างน้ำด้วยความสับสน ‘ไฟอยู่ไหน?’
“เอ่อ…โทษทีที่รบกวน”
“อาจมีบางอย่างผิดพลาดกับสัญญาณเตือน” เจ้าหน้าที่ดับเพลิงกล่าวด้วยความเขินอายเล็กน้อย และหัวหน้าผู้คุมสอบเดินมาถึง เขาจึงขมวดคิ้วถาม
“เกิดอะไรขึ้น?”
บางคนอธิบายสถานการณ์ทั้งหมด หลังจากได้ยินเรื่องราว
หัวหน้าผู้คุมสอบกลับรู้สึกประหลาดใจ
“คุณหมายความว่าสัญญาณไฟไหม้ดังขึ้น สาเหตุมาจากการจากการทดลองของผู้เข้าสอบอย่างนั้นหรือ?”
หัวหน้าผู้คุมสอบเดินเข้ามาและกวาดสายตามองสิ่งที่เกิดขึ้น เขาเห็นควันลอยออกมาจากอ่างน้ำ
“การยกระดับล้มเหลวหรือ?” ผู้เข้ารับการทดสอบคนอื่นๆ ยืนมองอยู่หน้าห้องด้วยความสงสัย
“หึ! เจ้าเด็กนั่นสร้างปัญหาเสียจริง” ชายอ้วนที่เคยนั่งสอบข้างเกาเผิงถอนหายใจ
ไม่กี่วินาทีต่อมา คลื่นยักษ์ได้ปะทุขึ้นจากอ่างน้ำพร้อมสัตว์อสูรลึกลับโผล่มา
“นั่นอะไรน่ะ?” เสียงกรีดร้องจากบางคนดังเมื่อเห็นมัน
ศีรษะของสัตว์อสูรสีดําปรากฏพร้อมแสงไฟสีฟ้าลุกโชนจากดวงตาของมัน อย่างน่าสะพรึง
ปัง!
แรงกระแทกเมื่อครู่ ทำให้ห้องสั่นเล็กน้อย
ด้วยความสูงสองเมตรครึ่ง ร่างกายเป็นโครงกระดูกสีดำไม่มีเครื่องใน มีเพียงเส้นสีแดงเชื่อมกระดูกสีดำเข้าด้วยกัน
ไฟสีฟ้าลุกโชนอยู่ในเบ้าตาว่างเปล่า
ทุกคนตะลึงกับสัตว์อสูรเบื้องหน้า
ข้อมูลได้ปรากฏขึ้นตรงหน้าของเกาเผิง
ชื่อสัตว์อสูร วานรโครงกระดูก
…………………………………………….