webnovel

นินจาในตำนานเกิดใหม่เป็นจอมเวท ตอนที่ 1

คาเนชิโระ ยูกิโตะ

ที่ราบสูงแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของอาณาจักรโซเชส กองทัพก็อบลินกว่าหนึ่งแสนตนที่มีทั้งก็อบลินคิงและก็อบลินลอร์ดร่วมอยู่ด้วยกำลังเผชิญหน้ากับมนุษย์กลุ่มหนึ่งที่มีกำลังเพียงแค่สามร้อยกว่าชีวิต

ฝ่ายมนุษย์ไม่ใช่ทหารปลายแถวทั่วไป พวกเขาคือกลุ่มนักผจญภัยฝีมือดีที่ไม่ว่าคนไหนต่างก็เคยมีประสบการณ์ในการล่าก็อบลินมาไม่มากก็น้อย แต่พวกเขากำลังหวาดหวั่นจนสติกระเจิดกระเจิง เหตุก็เพราะว่าฝ่ายของพวกเขามีกำลังน้อยกว่าถึงหนึ่งต่อสามร้อย

พวกเขาเข้าใจดีว่ามันคือภารกิจพลีชีพ แต่แม้จะรู้อยู่แก่ใจ พวกเขาก็ไม่สามารถถอยได้แม้แต่ก้าวเดียว หน้าที่ของพวกตนไม่ใช่การเอาชนะสงครามที่เป็นไปไม่ได้ แต่เป็นการซื้อเวลาให้ผู้คนที่อยู่แนวหลังได้มีเวลาอพยพหนีไป

"ข้าภูมิใจที่ได้สู้ศึกสุดท้ายในชีวิตพร้อมกับท่าน" ชายที่หนุ่มกว่าพูดกับชายสูงอายุผู้เป็นทั้งหัวหน้าในการรบครั้งนี้และเป็นชายผู้ที่ตนเคารพไม่ต่างจากบิดาคนที่สอง

"อย่าเพิ่งพูดเป็นลางสิ หน้าที่ของพวกเราคือซื้อเวลาให้นานที่สุด ใช่ว่าต้องสู้จนตัวตาย" ชายสูงอายุตอบ เขาพูดให้กำลังใจลูกน้อง แต่ความจริงตนได้ทำใจเผื่อไว้แล้วว่าคงไม่มีโอกาสเห็นดวงอาทิตย์ในวันรุ่งขึ้น

ก่อนที่ทัพของฝ่ายมนุษย์จะเคลื่อนไหว ใครคนหนึ่งเดินรุดหน้าออกไปโดยไม่สนใจคำสั่ง พวกเขาวางกับดักหลายแบบเอาไว้ด้านหน้าเพื่อลดทอนจำนวนของพวกก็อบลิน แต่ชายแปลกหน้าผู้นั้นไม่ได้สนใจแผนการอะไรทั้งนั้น เขาเดินผ่านหลุมพรางไปหน้าตาเฉยราวกับว่ามันไม่มีอะไรอยู่ตรงนั้น

"เฮ้ย เจ้าเด็กใหม่นั่นทำอะไรน่ะ ทำไมถึงเดินนำหน้าออกไปคนเดียว"

"มันบ้าหรือเปล่าฟระ" ใครบางคนตะโกนขึ้น อีกฝ่ายหูดีผิดปกติจึงได้ยินชัดเต็มสองหู แต่เขาก็ยังเดินตรงไปข้างหน้าราวกับแกล้งไม่ได้ยิน

อีกครั้งที่เขาเดินผ่านหลุมพรางที่ข้างล่างมีไม้แหลมรอเอาไว้ มันถูกปกคลุมด้วยหญ้าสานบาง ๆ ที่แม้แต่น้ำหนักที่เบากว่ามนุษย์อย่างก็อบลินก็สามารถร่วงลงไปได้ แต่เจ้าเด็กใหม่คนนั้นกลับเดินผ่านมันไปหน้าตาเฉย ราวกับว่าร่างของเขาไม่มีน้ำหนัก แม้แต่หญ้าเส้นเดียวยังไม่ขยับยามเมื่อเขาเหยียบย่ำลงไป

ทุกคนยังไม่รู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาแค่คิดว่าเจ้าหนุ่มนี่โชคดีที่เดินลอดผ่านกับดักมากมายไปได้โดยบังเอิญ

หัวหน้ากองกำลังเพ่งมองสเตตัสของเด็กใหม่ เขาคาดหวังลม ๆ แล้ง ๆ ว่าบางทีเด็กใหม่คนนี้อาจจะมีฝีมือไม่ธรรมดา เขาอาจจะเป็นชายผู้สามารถกลายเป็นแสงแห่งความหวังให้กับศึกนี้ แต่ครู่เดียวชายสูงอายุก็ส่ายหน้า

"ไม่ไหว นี่ข้าหวังอะไรอยู่เนี่ย"

[คาเนชิโระ ยูกิโตะ]

[อาชีพ: จอมเวท (ฝึกหัด) เลเวล: 15] [HP: 65/65 MP: 101/101 Body: 20/20]

[ความแข็งแรง: 13 ความรวดเร็ว: 8: สติปัญญา: 28 ความทนทาน: 15 โชค: 9]

[เวทธาตุไฟ Lv. 5, เวทธาตุดิน Lv. 3, เวทธาตุน้ำ Lv. 1, เวทธาตุลม Lv. 2, คลังเก็บของมิติ]

ถึงจะมีเวทมนตร์อยู่ถึงสี่ธาตุซึ่งค่อนข้างหายากระดับพันคนถึงจะมีสักคน แต่เลเวลของเขานั้นต่ำเกินไป จะบอกว่ามั่นใจเกินเหตุเพราะครอบครองอุปกรณ์ระดับสูงก็ไม่น่าใช่ พลังเวทที่แผ่ออกมาจากเด็กใหม่นั้นเบาบางมาก ชุดอุปกรณ์ก็ไม่เหมือนชุดของจอมเวทสักนิด แม้แต่ไม้เท้าเขาก็ไม่ได้พกไว้ อาวุธเดียวของเด็กใหม่ผู้นี้คือดาบที่รูปร่างแบบที่คนในโลกนี้ไม่คุ้นเคย

คาเนชิโระ ยูกิโตะเริ่มออกวิ่งตามลำพัง เขาขยับมือไปมาด้วยความเร็วสูง เส้นการเคลื่อนไหวของมือที่ประสานกันเป็นท่าทางสัญลักษณ์ แต่ละท่าที่ใช้มีความหมายทางจิตวิญญาณที่แตกต่างกัน เมื่อนำมาประสานกับการหายใจที่เขาฝึกฝนมาอย่างช่ำชอง พลังที่คนในโลกนี้ไม่รู้จักก็เกิดขึ้น

"วิชานินจา… หมื่นร่างเงาอสูร"

พูดจบเงาของยูกิโตะกระจายออกไป ร่างสีดำผุดขึ้นมามากมายรอบตัวเขา พวกมันทุกตัวกลายเป็นร่างที่เหมือนกับเขาไม่มีผิดเพี้ยน ผมสีขาว ชุดสีดำที่มีผ้าปิดครึ่งหน้า บ้างก็ถือดาบยาวที่คมกริบ บ้างก็ถืออาวุธเคียวติดโซ่ บ้างก็ใช้กรงเล็บเหล็ก เป็นการแต่งกายและการใช้อาวุธที่ไม่เหมือนจอมเวทคนไหนในโลกนี้

แล้วฝูงนักรบชุดดำหนึ่งหมื่นตนก็เข้าปะทะกับฝูงก็อบลินอย่างดุเดือด แต่ละรายเคลื่อนไหวรวดเร็วจนราวกับสายลม ทุกคนพุ่งเข้าปะทะ ตัดศัตรูเป็นชิ้น ๆ และพุ่งต่อไปข้างหน้า เพียงแค่ไม่กี่วินาทีหลังการปะทะ ก็อบลินจำนวนที่มากกว่าร่างเงาพากันล้มตายราวกับใบไม้ร่วง

"..." หัวหน้ากองกำลังยืนอึ้งทำอะไรไม่ถูก เช่นเดียวกับนักผจญภัยอีกราวสามร้อยชีวิตที่มองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความไม่เข้าใจ บางคนถึงกับคิดว่าพวกเขากำลังฝันกลางวันอยู่หรือไม่

"ตะ ตามไปช่วยเขากันเถอะ" ใครคนหนึ่งพูด

"ไม่ได้หรอก ข้างหน้ากับดักเต็มไปหมด พวกเราไม่ได้เดินผ่านกับดักได้เหมือนเจ้านั่นนะ" สาวรายหนึ่งชี้ไปที่ก็อบลินที่วิ่งทะเล่อทะล่าตกลงไปในหลุม พวกเขาจินตนาการออกว่าตนเองก็อาจจะเป็นแบบเดียวกัน

สงครามดำเนินต่อไปโดยที่กองทัพข้างหลังทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าการโจมตีด้วยอาวุธระยะไกลและเวทมนตร์ ก็อบลินปลายแถวส่วนใหญ่ถูกกำจัดจนหมดภายในไม่ถึงครึ่งชั่วโมงแรก ส่วนพวกก็อบลินพิเศษอย่างก็อบลินไรเดอร์ ฮอบก็อบลินและก็อบลินแชมเปียนก็มีจำนวนลดลงจนเหลือไม่ถึงครึ่ง

"แปลกมาก"

"นั่นสิครับ แปลกจริง ๆ ทำไมเก่งขนาดนั้น สกิลก็ไม่เคยเห็น แถมสเตตัสก็น้อยนิดเดียว"

"ไม่ใช่แค่นั้นหรอกนะ" หัวหน้ากองกำลังชี้ให้พวกลูกน้องดู "ลองดูที่ MP ของเจ้าเด็กใหม่สิ"

"ไม่จริงน่า! มีเท่าเดิมไม่ลดลงเลยสักนิด ทั้งที่ใช้สกิลสารพัดอย่างเนี่ยนะ"

"มันเป็นไปได้ด้วยเหรอครับ"

"เท่าที่ฉันอยู่จนอายุปูนนี้ก็ไม่เคยเห็นมาก่อน" ชายกลางคนหยุดคิดครู่หนึ่ง "อย่างกับว่าสเตตัสของเขา มันไม่ใช่ของจริง"

ฟังดูประหลาด แต่คนพูดไม่มีคำอธิบายอื่น มีหลายกรณีที่คนเราไม่สามารถมองเห็นสเตตัสของผู้อื่นได้ แต่แม้จะมีวิธีซ่อนเอาไว้ เขาก็ไม่เคยเจอใครที่สามารถปลอมแปลงมันได้มาก่อน

คาเนชิโระ ยูกิโตะที่กำลังสู้อยู่ด้านหน้า อยู่ห่างออกไปไกล แต่เขากลับได้ยินบทสนทนาทั้งหมดผ่านวิชาตรวจจับ มันให้เขาหวนคิดถึงที่มาของตนเอง

ถ้าจะให้เล่าเรื่องราวของเขา มันควรจะเริ่มจากตรงไหนนะ...

สิบแปดปีก่อนตอนที่เขาเกิดมาในโลกนี้ หรือสี่สิบสามปีก่อนที่เขาใช้ชีวิตอยู่ในอีกโลก หรือก่อนหน้านั้นที่เขาเคยเป็นชายหนุ่มธรรมดา ๆ ที่ทำงานในร้านขายโทรศัพท์มือถือ อะไรคือจุดเริ่มของเขากันแน่นะ

เช่นเดียวกับเรื่องราวอื่น ๆ ที่คนชอบอ่านหนังสือหรือรับชมภาพยนตร์คุ้นเคยกัน เขาในตอนนั้นที่ยังไม่ได้ใช้ชื่อคาเนชิโระ ยูกิโตะได้ประสบอุบัติเหตุ รถโดยสารที่เขานั่งมาพลิกคว่ำ เขาเชื่อว่าไม่น่าจะมีใครรอดชีวิต

เขาได้เกิดใหม่ในโลกที่คล้ายกับญี่ปุ่นโบราณ นั่นคือครั้งแรกที่เขาได้ชื่อนี้มา…

ในชาติแรกสุดที่เขายังมีความทรงจำ เขาคือชายหนุ่มอายุยี่สิบสาม เป็นพนักงานในร้านขายโทรศัพท์สมาร์ตโฟนแห่งหนึ่ง เขาเป็นคนธรรมดา ๆ ที่ไม่มีอะไรโดดเด่น งานอดิเรกซึ่งมีไม่กี่อย่างในชีวิต หลัก ๆ คือดูหนังผ่านทางสตรีมมิงไม่ก็แผ่นหนังที่ตอนนี้โลกนั้นยังมีอยู่หรือเปล่าก็ไม่รู้

กินข้าวคนเดียว เดินห้างคนเดียว ไม่มีเพื่อนฝูงแต่ก็ไม่เคยมีปัญหากับใครเช่นกัน ยกเว้นครั้งเดียวในชีวิตคือตอนที่แฟนเก่าที่เพิ่งคบกันได้ไม่กี่เดือนก่อหนี้เอาไว้และหนีไปพร้อมกับชายอื่น

เป็นชีวิตที่ห่างไกลจากคำว่ามีความสุข แต่เขาก็โทษใครไม่ได้ มันเป็นสิ่งที่เขาเลือกจะเป็นเอง

ตอนที่ได้เกิดใหม่ในโลกที่มีทั้งนินจาและสารพัดสิ่งเหนือธรรมชาติ เขาจึงคิดว่านี่คือโอกาสที่คนธรรมดาแบบเขาจะได้แก้ไขชีวิตของตนเอง แต่มันไม่ง่ายเหมือนที่คิด เพราะเขาไม่ได้มีทักษะพิเศษแอบซ่อนอยู่ในร่างใหม่ แต่เดิมในชาติแรกก็ไม่ใช่คนที่มีความรู้รอบตัวมากพอที่จะเอามาประยุกต์ใช้งานได้อยู่แล้ว

ทักษะที่พอจะเรียกว่าเป็นจุดเด่นของเขามีแค่ความรู้เรื่องสมาร์ตโฟน การแครกโปรแกรม หรืองานซ่อมเล็ก ๆ น้อย ๆ ทั้งหมดที่ว่ามาใช้อะไรไม่ได้กับโลกนินจาเลยสักนิด

แย่หนักกว่านั้นคือ ตระกูลคาเนชิโระที่เขาเกิดมาเป็นส่วนหนึ่ง ดันเป็นเพียงตระกูลนินจาระดับล่างของแคว้นเล็ก ๆ ไม่เคยมีคนในตระกูลสามารถไต่เต้าขึ้นไปจนกลายเป็นนินจาระดับสูง ในโลกที่วิชานินจาลับจะถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น ตระกูลของเขากลับมีแค่วิชานินจาขั้นพื้นฐาน

แม้จะฝึกหนักจนเลือดตาแทบกระเด็น แต่ก็เป็นเพียงการฝึกเพื่อที่เขาจะกลายเป็นนินจาธรรมดา ๆ คนหนึ่งเท่านั้น

อาจเพราะเคยรู้สึกว่าตนเองถูกกดมาตลอด เขาจึงฮึดสู้เป็นครั้งแรกในโลกนินจานั้น อย่างไรเสียโลกแห่งนั้นก็เหมือนกับหนังที่เขาชอบ เขาออกแรงและใช้เวลาไปกับการฝึกหนักยิ่งกว่าใคร

เขาเคยชินกับชีวิตที่ไม่เคยมีอะไรมาก่อน อย่างน้อย ในชีวิตนินจา เขาก็ยังมีวิชานินจาให้เริ่มตั้งต้นได้

เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ที่เขาเริ่มกลายเป็นที่ยอมรับ จากนินจาปลายแถวสู่นินจาระดับกลาง ยูกิโตะทำงานหนักให้กับแคว้นที่เขาสังกัด เสี่ยงชีวิตนับครั้งไม่ถ้วน บาดเจ็บหนักจนเกือบพิการก็หลายครั้ง แต่มันไม่ได้ทำให้ความมุ่งมั่นเขาลดลง

ในวัยสามสิบปี เขาขึ้นมาอยู่ในระดับหัวแถวของแคว้นตนเอง

ในวัยสามสิบห้าปี เขาขึ้นมาเป็นมือขวาของผู้นำแคว้น

และในวัยสี่สิบเอ็ดปี เขาก็ถูกยอมรับเป็นหนึ่งในห้านินจาในตำนาน ตำแหน่งอย่างไม่เป็นทางการที่มอบให้กับนินจาที่เชื่อกันว่าแข็งแกร่งที่สุดห้าคนในโลก

แม้แต่ยูกิโตะเองก็ไม่อยากเชื่อที่เขาสามารถไปถึงจุดนั้นได้ นินจาที่ไม่มีวิชานินจูตสึเฉพาะประจำตระกูล ไม่ได้มีพลังชี่มากมายตั้งแต่กำเนิด ไม่ได้มีพรสวรรค์ในการต่อสู้ระดับอัจฉริยะ เขาได้ทุกอย่างมาจากการฝึกฝนอย่างหนัก ทำซ้ำ เขาสร้างตัวตนขึ้นมาจากประสบการณ์ และทุ่มเทที่จะเอาชนะความคิดว่าตนเองไม่เคยเอาดีอะไรได้

ในมหาสงครามระหว่างกองทัพนินจาและโชกุนปีศาจผู้ชั่วร้าย ยูกิโตะมีบทบาทสำคัญทั้งในแง่การวางแผนและเป็นผู้ลงมือ เขาสามารถลอบสังหารขุนพลคนสำคัญของศัตรูและทำให้ฝ่ายพันธมิตรนินจาที่เสียเปรียบในด้านจำนวนกลับมาได้เปรียบในช่วงท้ายของสงคราม

และในศึกของห้านินจาในตำนาน เขาก็เป็นผู้ที่หยุดลมหายใจของทรราชได้สำเร็จ

แม้ว่ามันจะแลกด้วยชีวิตของเขาก็ตาม

คาเนชิโระ ยูกิโตะในวัยสี่สิบสามเสียชีวิตลงเยี่ยงวีรชน แม้ทั้งชีวิตจะเกี่ยวพันกับการต่อสู้จนไม่เคยมีโอกาสได้แสวงหาความสุขให้กับตนเอง แต่มันก็แตกต่างจากชาติก่อนอย่างสิ้นเชิง เขาไม่ได้ตายเปล่า แต่หลงเหลือบางสิ่งเอาไว้ให้ทั้งโลกได้จดจำ

มันควรจะจบแบบนั้น ทว่า ยูกิโตะแทบหัวใจหยุดเต้นเมื่อรู้ว่าจุดจบหนึ่งเพียงแค่พาไปสู่อีกจุดเริ่มต้น เขาเกิดใหม่อีกครั้ง และไม่ใช่โลกที่คล้ายญี่ปุ่นโบราณแบบเดิม มันคือโลกยุคของดาบและเวทมนตร์ที่คล้ายกับยุโรปยุคกลาง และยิ่งตกใจมากขึ้นเมื่อพบว่าตนเองถูกนำมาทิ้งไว้ที่หน้าโบสถ์แห่งหนึ่ง

[(ยังไม่มีชื่อ)]

[อาชีพ: จอมเวท (ฝึกหัด) เลเวล: 1] [HP: 3/3 MP: 2/2 Body: 3/3]

[ความแข็งแรง: 1 ความรวดเร็ว: 1: สติปัญญา: 1 ความทนทาน: 1 โชค: 2]

[คลังเก็บของมิติ]

สเตตัสร่วงกราวลงมาจนน่าสยอง มันก็ไม่น่าแปลกใจนัก ก็ตอนนี้เขากลายเป็นเด็กทารกที่แค่ช่วยเหลือตัวเองยังทำไม่ได้ เลเวลเองก็กลับมาเป็น 1 สกิลมากมายที่เคยฝึกฝนชาติก่อนก็หายเกลี้ยง

ไม่นานนักก็มีคนมาพบเข้า เธอคือซิสเตอร์ของโบสถ์แห่งนั้นเอง ช่วงแรกเธอวิ่งวุ่นไปทั่วเพื่อหาแม่ของเด็กที่ถูกนำมาทิ้ง แน่นอนว่าอีกฝ่ายหายไปไกลแล้ว เธอทิ้งลูกเอาไว้โดยไม่ได้แม้แต่จะตั้งชื่อให้

...บ้าจริง ชาตินี้แย่กว่าเดิมอีก กลายเป็นเด็กถูกทิ้งซะแล้ว...

"หาแม่เด็กไม่เจอหรอก เธอตั้งใจเอามาทิ้ง" ชายแก่คนหนึ่งพูดกับซิสเตอร์วัยสาวที่กำลังตกใจเพราะเจอเหตุการณ์แบบนี้ครั้งแรก

"ข้าจะลองหาแม่ของเด็กคนนี้ดูอีกทีค่ะ"

"ไม่มีประโยชน์หรอก โบสถ์คงต้องรับไว้นั่นแหละ จะตั้งชื่อไว้เลยก็ได้นะ"

"ชื่อเหรอคะ..."

...ถ้าได้ชื่อยูกิโตะเหมือนเดิมก็ดีสิ เบื่อที่จะต้องเปลี่ยนแล้ว… เด็กทารกในอ้อมอกซิสเตอร์คิด

"ยูกิโตะ… ข้าจะเรียกเขาว่ายูกิโตะค่ะ อย่างน้อยก็จนกว่าจะเจอแม่ของเด็กคนนี้"

เด็กน้อยรู้สึกประหลาดใจ ในชาติก่อนเขามีสกิลที่สามารถสื่อสารทางจิตได้ มันเหมือนกับว่าเขาใช้สกิลนั้นโดยไม่รู้ตัว แต่มันเป็นไปได้เหรอ ในเมื่อชาตินี้เขาไม่มีสกิลอะไรติดตัวเลย

ซิสเตอร์ไม่เคยหาแม่ของยูกิโตะพบ เป็นเหมือนที่ตาแก่คนนั้นว่าไว้ ยูกิโตะไม่ใช่เด็กพลัดหลง แม่ของเขาตั้งใจนำเขามาทิ้ง เธอหนีไปไกลแล้ว

ยูกิโตะจึงกลายเป็นหนึ่งในสมาชิกของโบสถ์ตั้งแต่นั้น

ยูกิโตะมีความลับที่เขาไม่เคยบอกใครหลายเรื่อง หนึ่งในนั้นคือเรื่องที่เขามีความทรงจำของชาติก่อน และอีกเรื่องคือเรื่องที่เขาค้นพบตั้งแต่วันแรก ๆ ที่ได้มองเห็นหน้าต่างสเตตัส ดูเหมือนเขามีหน้าต่างสเตตัสมากกว่าหนึ่งอัน มันถูกซ้อนกันไว้

หน้าต่างที่บอกว่าชาตินี้เขามีชะตากรรมที่จะต้องมาเป็นจอมเวทไม่ใช่หน้าต่างสเตตัสเดียวที่ยูกิโตะมี ด้านหลังนั้นมีอีกหน้าต่างซ้อนอยู่ มันคือหน้าต่างสเตตัสจากโลกนินจานั่นเอง

[คาเนชิโระ ยูกิโตะ]

[อาชีพ: นินจา มาสเตอร์ เลเวล: 243] [HP: 2370/2370 KI: 1949/1950]

[พละกำลัง: 352 ความคล่องแคล่ว: 532: การควบคุมปราณ: 195 ความทนทาน: 237 ความแม่นยำ: 294]

[นินจูตสึ Lv. 59, เกนจูตสึ Lv. 34, ไทจูตสึ Lv. 154, คลังเก็บของนินจา]

อาชีพและสเตตัสจากโลกเดิมไม่ได้หายไปไหน แต่แม้ว่ายูกิโตะจะสามารถมองเห็นมันทั้งคู่ได้แต่ดูเหมือนผู้คนในโลกนี้จะไม่เป็นแบบนั้น พวกเขามองเห็นสเตตัสที่ควรจะเป็นของโลกนี้เท่านั้น

ยูกิโตะในตอนนี้ยังเป็นแค่เด็กทารก เขาปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างที่ควรเป็น ใช้ชีวิตกลมกลืนในฐานะของเด็กคนหนึ่ง เริ่มหัดพูด หัดเดิน พยายามทุกอย่างตั้งแต่หนึ่งใหม่อีกครั้ง

ยูกิโตะเคยคิดว่าหากเขาเริ่มดูแลตัวเองได้ เขาก็จะแยกตัวออกไป เขารออย่างอดทนจนอายุสิบสามปีซึ่งถือว่าเป็นวัยผู้ใหญ่แล้วสำหรับในโลกนี้ แต่เมื่อเวลามาถึงเขาก็ไม่สามารถหักใจจากโบสถ์แห่งนั้นไปได้อย่างไร้เยื่อใย กว่าจะรู้ตัวเขาก็ผูกพันกับโบสถ์ กับผู้คนทั้งหลายที่ช่วยประคับประคองเขามาตลอดสิบสามปี

เขาตัดสินใจอยู่ต่ออีกสักพัก อย่างน้อยก็เพื่อทดแทนบุญคุณที่ชุบเลี้ยงตนมา จนถึงวันที่ซิสเตอร์คนที่ใกล้เคียงกับคำว่าแม่ที่สุดในชาตินี้จากไปด้วยโรคปัจจุบันทันด่วน ยูกิโตะจึงหมดห่วงจากที่แห่งนั้น

แม้จะมีอายุยี่สิบปีแล้วแต่เลเวลในฐานะจอมเวทของเขานั้นต่ำจนน่าใจหาย สาเหตุมาจากการที่ยูกิโตะไม่เคยมีเวลาสำหรับการฝึกฝน ที่ผ่านมาเขาได้เลเวลเพิ่มบ้างนาน ๆ ครั้งจากเศษของค่าประสบการณ์ที่ได้มาจากการดำเนินชีวิตประจำวัน เขาไม่เคยมีโอกาสได้ต่อสู้จริงเลยสักครั้ง