webnovel

นินจาในตำนานเกิดใหม่เป็นจอมเวท ตอนจบ

"เอาสักหน่อย เห็นฝีมือข้าบ้าง" จอมดาบผู้เป็นอาจารย์ของผู้กล้าใช้ท่าลับ

แม้จะพลาดฟันได้แค่แขนของอัศวินไร้หัว แต่นั่นคือจุดเริ่มต้นของการพังทลายอย่างต่อเนื่อง ราวกับโดมิโนตัวแรกที่ล้มลงและพาโดมิโนตัวอื่นล้มตามกันไปจนหมด

"ขอบคุณที่ช่วยข้า" เจ้าหญิงดาบถูกสังฆราชช่วยให้คืนสติกลับมา

"เอาคืนไป" อัศวินโล่สะท้อนเวทใหญ่ของนักบวชแวมไพร์

"ท่าไม้ตายสุดยอด" ผู้กล้าเข้าประชิดครึ่งมังกร ใช้ท่าดาบเทพอัสนี วิชาที่เขาสามารถใช้ได้แค่เพียงวันละสองครั้ง

นักปราญช์แห่งสีทั้งสามที่ไม่ได้มีบทบาทมากมายในการต่อสู้รอเวลานี้อยู่ คนหนึ่งใช้เวทมนตร์น้ำกักขังไว้ คนที่สองใช้เวทน้ำแข็งหยุดการเคลื่อนไหวโดยสมบูรณ์ และจบด้วยสายฟ้าของคนที่สาม ทุกเวทเป็นเวทระดับสูงที่โลกนี้หาคนใช้ได้ยาก ใช้ได้ผลกับครึ่งมังกรที่มีความต้านทานสูง

ครึ่งมังกรเดิมก็เจ็บสาหัสจากท่าของผู้กล้า ถูกซ้ำด้วยเวทระดับสูงที่มีผลของธาตุเกื้อหนุน ต่อให้เป็นสัตว์ประหลาดระดับมังกรก็ยากที่จะผ่านไปได้ มันเสียชีวิตเป็นรายแรก

"เห็นฤทธิ์พวกเราแล้วสินะ"

นี่คือสาเหตุที่ปราชญ์ทั้งสามอยู่วงนอกมาตลอด เขาสงวนพลังทั้งหมดเอาไว้สำหรับการโจมตีที่ทำให้ถึงฆาต

ดูขี้ขลาด แต่ก็ได้ผลชะงัด

ทั้งสามมองดูอีกสองขุนพลที่กำลังถูกไล่ต้อนและพิจารณาว่าจะเลือกเป้าใดเป็นเป้าต่อไป

ยูกิโตะทำเช่นกัน เขาเฝ้ารอดูการต่อสู้นี้จากมุมมืดด้วยทักษะแฝงกายของนินจา เขาตั้งใจว่าถ้าพวกผู้กล้าไม่สามารถทำให้โชกุนปีศาจเปิดช่องได้เขาก็จะเพียงแค่เฝ้าดูเท่านั้น เขาตั้งใจจะลอบสังหารแทนที่จะโผล่เข้าไปสร้างโอกาสให้ผู้กล้า

โชกุนปีศาจกำลังหลงผิด คิดไม่ลึกพอ เขาไม่มองว่าคาเนชิโระ ยูกิโตะจะทำเรื่องขี้ขลาด ขณะที่ขุนพลทั้งสี่ไม่ได้มีความหมาย จอมมารหลงเข้าใจว่าพวกเขาไม่อาจทำให้การคงอยู่ของจอมมารสั่นสะเทือน หากยังมีสกิลไร้เทียมทานก็จะไม่มีใครล้มเข้าได้ ทุกคนที่ต่อต้านจะถูกฆ่าตายจนหมดในวันนี้

"ฮะๆๆ นี่มันไม่เจ็บอีกแล้ว เวทมนตร์ของแกอ่อนแรงลงหรือไง" โชกุนปีศาจพูดเย้ย

เขาสังเกตเวทมนตร์ที่ยูกิโตะยิงออกมา มันยังคงพุ่งมาต่อเนื่อง เขาไม่สามารถสลัดให้หลุดออกไปได้ แต่ทั้งที่ยูกิโตะไม่ได้ดูอ่อนแรงลงไปเมื่อดูจากภายนอก เขากลับรู้สึกว่ามีความเสียหายเกิดขึ้นน้อยลงเรื่อยๆ

...หรือว่าจะเป็นพลังต้านทานของข้าเพิ่มขึ้น…

เขาไม่ได้ใส่ใจนัก เวทมนตร์ของยูกิโตะรุนแรงกว่าเวทมนตร์แบบเดียวกันที่มนุษย์หรือแม้แต่เผ่าปีศาจใช้ แต่มันคงยังห่างไกลจากจุดที่จะฆ่าเขาได้

จอมมารเริ่มดันกระแสพลังกลับ เขาย่ามใจเมื่อยิ่งเห็นความเสียหายเบาลงในทุกขณะ

"บ้าจริง…"

ยูกิโตะได้เห็นความพยายามของเขาสูญเปล่า การเสียเวลาไปฝึกฝนอาชีพจอมเวทอาจจะทำให้เขาเก่งขึ้นอีกหลายขั้น แต่มันก็เท่านั้น เวทมนตร์เดียวที่แรงพอจะทำความเสียหายกับคู่ต่อสู้ได้อาจจะมีเพียงท่าไม้ตายของผู้กล้า ส่วนการโจมตีทางกายภาพ ก็อย่างที่เห็น มันไร้ผล

จอมมารตัดสินใจพุ่งสวนใส่ยูกิโตะ ในใจคิดว่ายูกิโตะอาจจะมีเวทมนตร์ที่แรงกว่านี้เป็นไม้ตายก้นหีบ แต่ก็แน่ใจว่าอย่างเก่งพลังของมันก็คงเท่ากับของสามนักปราชญ์หรือของผู้กล้า

ยูกิโตะหยุดยิงเวทและพุ่งสวนมาเช่นกัน มือหันไปชักดาบยูเมะคุอิทแทน

"ลืมไปแล้วหรือไงว่าดาบทำอะไรข้าไม่ได้" จอมมารยอมรับว่าเขาประหลาดใจ

ภาพของยูกิโตะหมุนคว้างอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหายไปจากคลองแห่งตา โชกุนได้เห็นภาพของท้องฟ้าและปลายปล่องภูเขาไฟที่อยู่ด้านบนแทน สาเหตุที่เห็นแบบนั้นไม่ได้เกิดขึ้นจากร่างของยูกิโตะที่ถูกเขาโจมตีจนปลิวกระเด็น แต่มันเป็นภาพที่เขามองเห็นยามที่หัวตัวเองหลุดกระเด็นจากบ่า

"เมื่อครู่นี้ มันอะไรกัน"

โชกุนปีศาจยังไม่ตาย หรือถ้าจะพูดให้ถูกคือเขาตายไปครั้งหนึ่งแล้ว

สาเหตุที่คอกลับมาอยู่ที่เดิมก็มาจากเจ้าลูกไฟสีเขียวที่เข้ามาหลอมรวมเข้ากับร่างเขาตั้งแต่ช่วงต้นของการต่อสู้ ระหว่างที่มันรวมร่างกับใครหากเจ้าของร่างเสียชีวิต เจ้าลูกไฟประหลาดจะเป็นฝ่ายตายแทน

ปัญหาก็คือ เมื่อกี้เขาถูกสังหารได้อย่างไร

"บ้าจริง มีคืนชีพได้ครั้งนึงเพราะเจ้าลูกไฟนั่นสินะ" ยูกิโตะบ่นด้วยความเสียดาย เขาเกือบจะจบการต่อสู้ได้แล้ว

เป็นครั้งแรกที่โชกุนปีศาจรู้สึกว่าตกใจและเริ่มกังวล เขาไม่รู้ว่าเมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น ดาบของยูกิโตะไม่น่าจะทำอะไรตนได้ เขาพยายามมองหาความช่วยเหลือเพิ่ม แต่เมื่อหันไปดูขุนพลปีศาจที่เหลือก็พบว่าพวกนั้นพ่ายแพ้จนหมดแล้ว

ถ้าว่ากันตามผลลัพธ์ ขุนพลทั้งสี่ถือว่าทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยม เจ้าลูกไฟสละชีพเพื่อต่ออายุให้กับจอมมาร ส่วนอีกสามแม้จะกำจัดศัตรูไม่สำเร็จ แต่ทั้งสิบชีวิตที่นอนหมดสภาพอยู่ตรงนั้นก็ควรนับเป็นผลงานที่เยี่ยมยอดแล้ว

โดยเฉพาะผู้กล้าที่นอนจมกองเลือด เขามีสภาพที่ดีกว่าซากศพเพียงนิดเดียว ไม่ห่างออกไปนักบวชที่ควรจะรักษาเขาได้ก็มีสภาพดีกว่าเขาไม่มากนัก

"เหลือแค่แกกับฉัน" ยูกิโตะมีใบหน้าที่มุ่งมั่น

โชกุนปีศาจเพิ่งเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่เขาตรวจสอบสกิลตนอีกครั้ง อาภรณ์เทพธิดา ยังอยู่ดี แต่มันมีสิ่งแปลกปลอมเข้ามาเพิ่ม

สกิลเกราะเวทสัมบูรณ์ (สกิลอัตโนมัติ)

สกิลที่จะเพิ่มผลการป้องกันเวทมนตร์โจมตีทุกชนิด ทุกครั้งที่ถูกเวทมนตร์โจมตีจะเพิ่มความต้านทานธาตุนั้น 0.2% แต่จะลดความต้านทานทางกายภาพลง 0.1% ผลที่เกิดจากสกิลนี้สามารถทับซ้อนได้ไร้จำกัด แต่ผลที่เกิดขึ้นจะคงอยู่ราว 48 ชั่วโมง

มีแต่เจ้านี่แหละที่เพิ่มเข้ามา เขามั่นใจว่ามันคือสกิลที่ถูกสลับมาจากผลของถุงมือแลกเปลี่ยน เมื่อกวาดตาอ่านคำอธิบายเขาก็เข้าใจทุกอย่าง

ที่พลังต้านทานเวทเพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติก็เพราะได้สกิลนี้นั่นเอง และก็เจ้าสกิลนี้อีกนั่นแหละที่ทำให้ผลของการโจมตีทางกายภาพไร้ผลหายไป

ถ้าไร้ผล คือการป้องกัน 100% ที่ว่าจะลดลงจนอาจจะถึง 0 ก็เป็นได้

...ไม่สิ ดูจากที่โดนทีเดียวก็คอขาดกระเด็น บางทีอาจจะต่ำกว่า 0 แล้วด้วยซ้ำ…

"เข้าใจใช้ลูกเล่นนักนะ"

"สกิลอาภรณ์เทพธิดา ไม่ว่าจะใช้วิชานินจาผนึกแบบไหนก็ไม่สามารถเอาชนะมัน ตอนที่คิดขึ้นได้ว่าทั้งข้าและเจ้าถูกส่งมาที่โลกเวทมนตร์ มันก็ทำให้คิดว่าบางทีคำตอบของการหยุดสกิลไร้เทียมทานนั่นอาจจะอยู่ในโลกนี้ก็ได้ แล้วข้าก็เจอมัน สกิลระดับสูงที่ตามมาด้วยผลเสียร้ายแรง"

"เพราะมันกลายเป็นสกิลของข้า แถมยังทำงานได้เอง ข้าจึงหยุดมันไม่ได้… ทำได้เจ็บแสบมาก แต่มันมีผลอยู่แค่สองวัน ถ้าแกจัดการข้าไม่ได้ในวันนี้ คราวหน้าก็ไม่มีโอกาสแล้ว"

"ก็คงงั้นแหละ คราวหน้าแกคงไม่ยืนรับการโจมตีด้วยเวทจนเสียค่าความต้านทานไปขนาดนี้ แต่ก็ต้องหนีให้รอดก่อนนะ"

"หนี" โชกุนปีศาจถลึงตาใส่แม้จะหวั่นใจอยู่บ้าง "ทำไมต้องหนี ในเมื่อคนที่จะถูกฆ่าก็คือแก คาเนชิโระ ยูกิโตะ"

"ลาก่อนโชกุนปีศาจ ไม่สิ… มินาโมโตะ ริวซากิ"

แล้วทั้งสองฝ่ายก็วิ่งสวนใส่กัน ไม่มีลูกเล่นใด ๆ ทั้งนั้น เป็นแค่การประลองดาบและความเร็ว

ราวกับพายุก่อตัวขึ้นเพราะทั้งสอง เมฆฝนเริ่มตั้งเค้า และไม่นานนักฝนก็เทกระหน่ำลงมา ทั้งคู่ไม่ได้เสียสมาธิกับฝนที่ราวกับฟ้ารั่ว สองสิ่งที่พวกเขาจดจ่ออยู่คือดาบของตนและคอของอีกฝ่าย

เสียงของเหล็กกระทบกันและคมดาบปะทะกันจนเกิดประกายไฟ เกิดสลับกับเสียงฟ้าร้องและแสงวาบของฟ้าผ่า แม้ว่าลานประลองของพวกเขาจะอยู่ในปากปล่องภูเขาไฟ ไม่เห็นทิวทัศน์โดยรอบ แต่ก็ไม่ได้ช่วยป้องกันพายุฝนที่กำลังเทกระหน่ำลงมาชนิดไม่ลืมหูลืมตา

เลือดของทั้งสองฝ่ายไหลปะปนไปกับน้ำฝน

ทั้งที่ตั้งใจเล็งไปที่คอของอีกฝ่าย แต่แผลส่วนใหญ่ก็เกิดขึ้นระหว่างการแลกดาบ ยูกิโตะมีแผลเหวอะหวะที่ไหล่และต้นขาซ้าย ส่วนโชกุนปีศาจได้แผลใหญ่ไปที่ท้อง เกราะซามูไรสีเลือดของเขาไม่สามารถต้านความแข็งและคบกริบของยูเมะคุอิได้

ฝนไม่มีทีท่าจะหยุด ยิ่งนานมันก็ยิ่งหนักข้อ เช่นเดียวกับการประลองของคนทั้งคู่ พวกเขาเร็วขึ้น บ้าระห่ำขึ้นราวกับไม่เกรงกลัวความตาย ยูกิโตะเสียนิ้วมือซ้ายไปครึ่งหนึ่งแต่จังหวะนั้นเขาได้แลกมันกับตาข้างหนึ่งของโชกุนปีศาจ

ทั้งคู่พุ่งเข้าหากัน สัมผัสนั้นยูกิโตะมั่นใจว่าดาบของเขาถึงก่อน หัวของอีกฝ่ายหลุดกระเด็น แต่ร่างนั้นยังเคลื่อนไหวได้ และราวกับต้องการพาอีกฝ่ายลงนรกไปเป็นเพื่อน ดาบของโชกุนปีศาจแทงทะลุร่างของยูกิโตะเช่นกัน

ความรู้สึกหนาวยะเยือกและโดดเดี่ยวแบบนี้ ยูกิโตะรู้ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น เขาเคยสัมผัสมาแล้วมากกว่าหนึ่งครั้ง บนรถบัสที่พลิกคว่ำเพราะถูกตัดหน้ากะทันหัน เมื่อถูกปลิดชีวิตโดยโชกุนปีศาจในชาติก่อน

และชาตินี้กับศัตรูรายเดิม...

ก่อนสติจะหายไปอย่างสมบูรณ์ ยูกิโตะได้ถามตนเองว่าเขาได้พยายามเพียงพอแล้วหรือยัง ภาพของซิสเตอร์ผู้เหมือนแม่ในชาตินี้ ภาพของริน หญิงสาวที่เขาจากมาโดยไม่ยอมบอกลา และภาพของเพื่อนเก่าในอดีตชาติย้อนกลับมาในทีเดียว

"..."

ยูกิโตะพบว่านิ้วของเขากลับมาขยับได้

เขาลืมตาขึ้นอย่างสงบ ใจอยากหัวเราะออกมา บอกตัวเองว่าเมื่อมีครั้งที่สองได้จะมีครั้งที่สามก็ไม่น่าแปลกใจ เขาว่าเขาตายไปแล้ว เรื่องนี้เขาไม่น่าเข้าใจผิด แต่ความรู้สึกถึงแสงสว่าง กลิ่นของหญ้าและดินที่มากระทบจมูกก็มีความหมายเดียว

"เกิดใหม่อีกแล้วเรอะ" ไม่ใช่เสียงของยูกิโตะ แต่เป็นเสียงของผู้ชายอีกคนที่อยู่ในบริเวณเดียวกันผู้ชายหน้าตาเจ้าเล่ห์ในชุดสีขาว

"ดูเหมือนว่าที่นี่ก็มีระบบด้วย ไม่สิเหมือนยกมาจากโลกเดิมทั้งชุดเลย" เด็กชายฮูดสีม่วงพูดระหว่างกำลังสำรวจหน้าต่างสเตตัส

"หน้าต่างของเราไม่เหมือนกัน… โลกก่อนของเธอเป็นแบบไหนเนี่ย" คราวนี้เป็นผู้หญิงในชุดที่คล้ายแม่มดแต่กลับมีสีชมพูสว่างและลูกไม้ประดับจนคล้ายกับชุดแต่งงาน

"สรุปว่าภารกิจยังไม่จบสินะ" ยูกิโตะหัวเราะอย่างประชดประชัน