webnovel

ชีฟและอดีต

หลายเดือนต่อมา การแข่งขันเพื่อคัดเลือกนักล่ารุ่นเยาว์เข้าสู่องค์กรพีเนชั่นก็เริ่มขึ้น การแข่งขันนี้ได้รับการสนับสนุนจากทางเมือง เนื่องจากในเมืองมีครอบครัวและเด็กยากจนเป็นจำนวนมาก หากใครผ่านเกณฑ์ที่กำหนดไว้ ทางองค์กรพีเนชั่นจะรับเข้าไปฝึกเป็นนักล่าขององค์กร ซึ่งจะช่วยทำให้เด็กเหล่านั้นมีงานทำและช่วยครอบครัวของตัวเองในการหาเงินได้ ทางเมืองจึงลงทุนให้เงินสนับสนุนด้านเงินรางวัล เพื่อที่หากว่าเด็กคนนั้นไม่สนใจที่จะเข้าร่วมกับองค์หรือทางองค์กรไม่คัดเลือก เด็กเหล่านั้นก็จะมีเงินทุนในการไปตั้งหลักสำหรับดำเนินชีวิตต่อไป

การสนับสนุนของเมืองทำให้บริษัทผลิตอาวุธและชุดเกราะมากมายสนใจ แต่สิ่งที่พวกเขาสนใจไม่ใช่เงินรางวัล แต่เป็นยอดคนดู เนื่องจากการสนับสนุนของเมือง ทำให้การแข่งขันสามารถรับชมได้หลายช่องทาง แถมการแข่งขันครั้งนี้ยังอนุญาตให้ผู้เข้าแข่งใช้ชุดเกราะส่วนตัวได้ด้วย เนื่องจากทางองค์กรพีเนชั่นนั้นมีงบประมาณไม่เพียงพอที่จะจัดหาชุดเกราะให้กับผู้เข้าแข่งขันทุกคน จึงอนุญาตให้ผู้เข้าแข่งจัดหาชุดเกราะมาเองได้ ซึ่งด้วยเหตุผลข้อนี้ ก็ทำให้มีบริษัทผลิตชุดเกราะน้อยใหญ่มากมายร่วมเป็นผู้สนับสนุนในการแข่งขันครั้งนี้

สนามฟุตบอลขนาดใหญ่ถูกหารแบ่งเป็นแปดส่วนเนื่องด้วยจำนวนผู้สมัครที่มีเป็นจำนวนมาก โดยการแข่งขันจะแบ่งเป็นสามระดับ ระดับแรกนั้นเด็กทุกคนจะต้องสู้ตัวต่อตัวด้วยเสื้อผ้าธรรมดาที่ไม่มีการเสริมความสามารถใด ๆ เด็กหนุ่มสาวทั้งหลายจะต้องชนะให้ได้สองในสามของรอบการต่อสู้ ส่วนวิธีชนะคู่ต่อสู้มีอยู่สามวิธี คือ หนึ่งทำออกนอกสนาม สองทำให้สลบ และสามคู่ต่อสู้ขอยอมแพ้ด้วยตัวเอง โดยมีกฎอยู่ว่าห้ามทำร้ายคู่ต่อสู้จนถึงแก่ชีวิต

การคัดเลือกในระดับแรกใช้เวลาถึงสิบวันในการคัดเลือก เด็กหนุ่มเด็กสาวจำนวนมากต้องเข้าต่อสู้กันเองเพื่อให้ตัวเองผ่านเข้ารอบ เพราะเพียงแค่สามารถเข้าไปยังระดับที่สองได้ เขาหรือเธอก็จะมีสิทธิ์ได้เข้ารับการฝึกฝนให้เป็นนักล่าขององค์กรพีเนชั่น

ทุกวันจะมีเสียงเชียร์มากมายจากพ่อแม่ ผู้ปกครอง เพื่อนฝูงและผู้ที่ปลาบปลื้ม ในสนามที่แปดชีฟวัยสิบสี่ปีเดินเข้าไปในสนามพร้อมกับโบกมือให้เหล่าพี่สาวจากร้านอาหารที่ส่งเสียงเชียร์ให้เขา ชีฟโบกมือตอบกลับตามภาษาคนรู้จักโดยไม่คิดอะไร แต่คนบางคนที่คิด กำลังนั่งทำหน้าไม่สบอารมณ์อยู่ข้าง ๆ แม่ของชีฟ ซึ่งนั่นก็คือชิซูกะนั่นเอง

แคทเทอลีนที่นั่งอยู่สูงกว่าไปขั้นหนึ่งก้มลงมาถามเพื่อนสาว

"ชิซูกะ ไม่ส่งเสียงเชียร์ชีฟหน่อยเหรอ"

ชิซูกะเหลือบไปมองเหล่าสาว ๆ ที่มาจากร้านอาหาร ก่อนจะตอบ

"ไม่จำเป็นมั้ง"

"นี่รอบสุดท้ายของระดับหนึ่งแล้วนา"

ชิซูกะมองค้อนใส่เพื่อนสาว ก่อนจะหันกลับมาทำหน้านิ่งตามเดิม แคทเทอลีนที่โดนค้อนวงใหญ่ก็ได้แต่ยิ้มเจือน ๆ ก่อนจะกลับไปนั่งที่เดิม

ฮิกที่นั่งอยู่ไม่ไกลก็กำลังคุยกับคริสอย่างออกรสออกชาติเกี่ยวกับวิธีที่ชีฟใช้สู้

"คริส เดี๋ยวดูนะ เจ้าเด็กนั่นจะจับคู่ต่อสู้ทุ่มให้สลบเหมือนเดิม"

คริสเลิกคิ้ว ก่อนจะหันไปถามกลับ

"ทำไมคิดแบบนั้น"

"นายลืมอะไรไปหรือเปล่า"

คริสขมวดคิ้วแล้วมองหน้าฮิก ซึ่งฮิกก็ตอบคลายความสงสัย

"ก็พวกเราไม่เคยสอนเจ้าหนูนั่นสู้มือเปล่าเลยไงละ"

คริสชะงักกึกเมื่อนึกขึ้นได้ถึงความผิดพลาดของตัวเอง ก่อนจะนึกย้อนความไปถึงอดีต อดีตที่เขานั้นเจอชีฟเป็นครั้งแรก ชีฟเป็นเด็กยากจนเหมือนคนอื่น ๆ แต่สิ่งที่ชีฟไม่เหมือนคนอื่นคือความสามารถในการดิ้นรน ในขณะที่เด็กยากจนหลายคนเลือกที่จะอยู่ตามยถากรรม เป็นโจร หรือปล่อยให้ตัวเองตายเพราะความหิว แต่ชีฟ เจ้าเด็กคนนี้กับกัดฟันสู้และดิ้นรน

คริสมองเด็กเนื้อตัวมอมแมมคนหนึ่งที่เอาแต่เดินดูร้านอาหารที่ดูหรูหรา และจ้องอยู่อย่างนั้นสักพัก ก่อนจะไปร้านอื่นต่อ ตกเย็นเมื่อคริสออกไปซ้อมยิงปืนด้วยการจัดการกับพวกสัตว์ประหลาดตัวเล็ก ๆ ใกล้ ๆ เมืองที่จัดการง่าย เขาจะเห็นเด็กคนหนึ่งคอยแอบตามนักล่าคนอื่น ๆ แล้วนั่งรอให้นักล่าเหล่านั้นกลับไปจนหมด จากนั้นเด็กคนนี้ก็จะไปค้นศพของสัตว์ประหลาดที่นักล่าทิ้งเอาไว้ เพื่อหาดูว่ามีตัวไหนที่นักล่าเหล่านั้นลืมลูกผลึกทิ้งเอาไว้บ้าง ซึ่งด้วยสัตว์ประหลาดขนาดเล็กผลึกก็จะเล็กตามไปด้วย นักล่าหลายคนเลยมักจะไม่สนใจที่จะเก็บเอาผลึกเหล่านั้น แต่เด็กคนนี้กลับไปควานหามันแล้วเอามาสะสมไว้ ก่อนจะเอาไปขายแรกเอาเงิน

คริสที่ยืนกินขนมปังอยู่หน้าร้านขายขนมปังมองเด็กคนหนึ่งถือขนมปังถุงเล็กเดินผ่านหน้าไป ขนมปังในมือเด็กนั้นมีถุงเล็กมาก ซึ่งผู้ใหญ่ตัวโตแบบเขาคงไม่มีวันกินอิ่ม ป้าเจ้าของร้านที่อยู่ใกล้ ๆ เห็นคริสมองเด็กคนนั้นก็นึกอยากเล่าให้ฟัง

"เด็กจนจนคนอื่นที่เคยเจอ ไม่ขอแบ่งฟรีก็ขโมย แต่เด็กคนนี้จะหาเศษเงินมาขอแบ่งซื้อป้าเป็นประจำ เห็นเด็กมันดีป้าเลยตัดขนมปังที่พอดีกับเงินให้ ลูกหลานใครน้อ นิสัยดีจริง ๆ"

ขณะที่คริสกำลังฟังป้าร้านขายขนมปังเล่า เด็กน้อยก็ออกวิ่ง เมื่อมีเด็กโตกลุ่มหนึ่งวิ่งไล่ตาม คริสหันไปเรียกเพื่อน

"ฮิก มาด้วยกันหน่อย"

เด็กน้อยที่ถือขนมปังวิ่งจนสะดุดล้ม ก่อนจะตัดสินใจกอดขนมปังไว้ตรงกลางแล้วขดตัวเองไว้

เด็กโตที่วิ่งตามมาพยายามที่จะงัดเอาขนมปังไป แต่เด็กน้อยก็กอดไว้แน่นมาก สุดท้ายพวกเด็กโตก็ใช้วิธีลุมกระทืบแทน

ฮิกเดินเข้ามาด้านหลังก่อนจะเตะเด็กคนหนึ่งเข้าสุดแรง

"เฮ้ย ๆ ตัวแค่นี้ก็หัดปล้นคนอื่นเขาแล้วงั้นเหรอ"

ฮิกไล่กลุ่มเด็กโตให้หนีไป ก่อนจะนั่งยอง ๆ ดูเด็กน้อยที่เอาแต่ขดตัวไม่ยอมลุกขึ้น แต่เมื่อเห็นว่าไม่มีใครทำร้ายตัวเองแล้ว เด็กน้อยก็ลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะถอยหลังไปจนติดกำแพง แล้วเหลือบมองฮิกเป็นพัก ๆ โดยไม่พูดอะไร

คริสลงนั่งยอง ๆ ด้วยอีกคน ก่อนจะมองดูผมสีดำ ผิวที่ขาวเหลือง และนัยน์ตาสีน้ำตาลที่ดูหวาดกลัว

"หน้าตาแบบนี้มันคนเอเชียชัด ๆ ถึงว่าทำไมตัวเล็กจัง"

คริสยื่นขนมปังที่เหลือของตัวเองให้

"ชื่ออะไร"

เด็กน้อยมองขนมปังตรงหน้า ก่อนจะเอื้อมมือออกไปรับมาแล้วเอาใส่ถุงของตัวเอง จากนั้นก็ตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

"ชีฟ"

ด้วยความสงสารหรือความเอ็นดู คริสก็พาชีฟไปออกล่าด้วยบ่อยครั้ง โดยทุกครั้งจะให้ชีฟเป็นคนแบกกระเป๋า และทุกครั้งที่ออกล่า ฮิกก็จะมองชีฟอย่างไม่สบอารมณ์เล็กน้อย เมื่อชีฟนั้นสามารถแบกของได้น้อยมาก เพราะแค่ครึ่งกระเป๋าชีฟมันก็แบกไม่ไหวแล้ว วันแรก ๆ อาจจะพอว่าแต่หลาย ๆ ครั้งฮิกก็เริ่มทนไม่ไหว

ฮิกเพ่งพินิจมองชีฟ นี่ก็ผ่านมาครึ่งปีแล้ว แต่ชีฟมันยังดูผอมผอมกะหร่องอยู่เลย ทั้ง ๆ ที่ตอนมากับพวกเขา เจ้าหนูจะได้วิ่งตลอดเพื่อหนีสัตว์ประหลาดหรือวิ่งแบกของ ซึ่งจริง ๆ แล้วเด็กคนนี้ควรจะแข็งแรงขึ้นได้แล้ว

ด้วยความสงสัยฮิกจึงแอบตามชีฟในขณะที่ซื้อขนมปังกลับไปบ้าน ชีฟจะเอาขนมปังเข้าไปในห้อง แล้วออกมาทันที เมื่อฮิกลองแอบชำเลืองมองที่หน้าต่าง ก็พบว่ามีหญิงสาววัยกลางคนกำลังกินขนมปังที่ชีฟเอาไปให้ ส่วนตัวชีฟนั้นก็ออกไปขอซุปฟรีที่แทบจะไม่มีคุณค่าทางอาหารใด ๆ มากิน

หลายวันหลังจากนั้นก่อนที่จะออกล่า ฮิกก็ลงจากรถมาหาชีฟที่นั่งอยู่ด้านหลังพร้อมกับถือถุงบางอย่างมาด้วย ฮิกล้วงไข่ต้มที่ปอกเปลือกแล้วสองฟองในถุงออกมา ก่อนจะยื่นไปตรงหน้าชีฟ

"กิน"

ชีฟมองอย่างแปลกใจแล้วเอ่ยถาม

"มันคืออะไร"

"ไข่ต้ม กินซะ"

ชีฟรับไข่มากัดกิน ก่อนจะรู้สึกว่ามันอร่อยมาก จากนั้นชีฟก็รับฟองที่สองมา

"ผมเหลือเก็บไว้ให้แม่ได้มั้ย"

"ไม่! แกต้องกินให้หมด"

คริสมองฮิกตะคอกเด็กน้อยหลังรถอยู่เงียบ ๆ โดยไม่ทำอะไร ชีฟทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ แต่สุดท้ายก็โดนฮิกบังคับให้กินลูกที่สองเข้าไปจนได้

แล้วหลังจากนั้นฮิกจะทำแบบนี้ทุกครั้งที่เจอชีฟจนกระทั่ง

"เหวอ ช่วยด้วย"

ชีฟแบกกระเป๋าใบใหญ่มาพร้อมกับของเต็มกระเป๋า โดยที่ข้างหลังมีหมาป่าตัวใหญ่วิ่งตามมาด้วย คริสสาดกระสุนใส่หมาป่าเพื่อช่วยเหลือชีฟ ก่อนจะมองเจ้าหนูที่ยังตัวเล็กอยู่ แต่กล้ามเนื้อที่มีนั้นไม่เล็กแล้ว

ในขณะที่คริสกำลังนึกถึงอดีต ชีฟก็จับเด็กที่โตกว่าทุ่มลงพื้นดังปักอีกแล้ว ด้วยพละกำลังของชีฟก็ทำให้เด็กหนุ่มคนนั้นสลบไปในทันที

ฮิกตบเข่าอย่างได้ใจ

"นั่นเห็นมั้ย มันทุ่มอีกแล้ว"

เร็กซี่ชะโงกหน้าไปถามฮิกอย่างสนใจว่าทำไมชีฟถึงทำแบบนี้

"ทำไมเป็นแบบนั้นละ"

เป็นคริสที่หันมาตอบ พร้อมกับเอามือเกาหัวแกรก ๆ

"ก็ พวกเราไม่เคยสอนทักษะการต่อสู้มือเปล่าให้ชีฟเลยน่ะสิ"

เร็กซี่ถึงขั้นบางอ้อ ชีฟสู้ไม่เป็นนี่เอง แต่หาจังหวะจับคู่ต่อสู้ทุ่มจนสลบได้นี่ก็ถือว่าดีขนาดไหนแล้ว

ชีฟเมื่อชนะแล้วก็วิ่งออกจากสนามแล้วขึ้นมาบนอัศจรรย์คนดู ก่อนจะวิ่งมาหาแม่ของตน

"แม่ ผมชนะสามรอบเลย"

คุณนายเชสเตอร์เอามือลูบหัวลูกชายอย่างเอ็นดู

"เก่งจ้ะลูก"

แล้วชีฟก็หันไปหาชิซูกะที่นั่งอยู่ข้าง ๆ แม่ของเขาก่อนจะยิ้มให้ แต่อีกฝ่ายกับไม่ยิ้มตอบซะงั้น แถมทำหน้านิ่งใส่ด้วย

เร็กซี่แอบกระซิบที่ข้างหูแคทเทอลีนเบา ๆ

"อุ้ย มีคนโดนงอนอีกแล้ว"

เมื่อเห็นชิซูกะไม่ยิ้มให้ชีฟก็ทำหน้าหงอย ก่อนจะหันกลับไปหาผู้เป็นแม่

"แม่ผมไปหาซื้ออะไรกินนะ"

พูดจบชีฟก็วิ่งไปยังทางออก

ด้านนอกสนามเต็มไปด้วยสินค้าและอาหารมากมาย ซึ่งมีทั้งของราคาถูกและของราคาแพงปะปนกันไป ชีฟเดินดูสิ่งเหล่านั้นด้วยความเพลิดเพลิน ด้วยเงินของชีฟในตอนนี้ เขาสามารถซื้อได้หลายอย่างเลย

ชีฟเดินไปสักพักก็ไปเห็นแผงขายสัตว์เลี้ยงขนาดเล็ก ซึ่งมันมีสัตว์น่ารัก ๆ อยู่มากมาย ชีฟหยุดจ้องมองดูเหล่าสัตว์ตัวเล็ก ก่อนจะไปสะดุดเข้ากับหนูตัวเล็กที่กำลังเคี้ยวเมล็ดทานตะวันจนแก้มตุ่ย ชีฟเงยหน้ามองป้ายที่เขียนว่าหนูแฮมเตอร์ แล้วหันไปมองเจ้าของร้านที่เป็นผู้หญิงสวมแว่นก่อนจะเอ่ยถามราคา

"หนูแฮมเตอร์ขายเท่าไหร่"

"ห้าหมื่นพ็อยจ้ะ"

ชีฟอ้าปากค้าง สัตว์ตัวเล็กนิดเดียวราคาแพงมาก แต่ด้วยขนสีขาวแซมสีส้มของมันก็ทำให้มันดูน่ารักจนชีฟอดใจไม่ไหว ก่อนจะยื่นบัตรของตัวเองให้เพื่อจ่ายตัง

เจ้าหนูน้อยเชื่องมาก ชีฟเอามาไว้บ่นไหล่ตัวเอง มันก็อยู่เฉย ๆ ไม่ไปไหน เมื่อซื้อเสร็จแม่ค้าก็แถมกรงและอาหารให้ด้วย หลังจากนั้นชีฟก็เดินไปซื้อของกินต่ออีกสักเล็กน้อย ก่อนจะกลับเข้าไปในสนาม

ชีฟเดินไปหาชิซูกะแล้วยื่นแขนไปตรงหน้าอีกฝ่าย จากนั้นก็แบมือให้ชิซูกะดู ซึ่งมันมีเจ้าหนูน้อยอยู่บนฝ่ามือของชีฟ ชีฟฉีกยิ้มแล้วเอ่ยถาม

"น่ารักมั้ย"

เจ้าหนูแฮมเตอร์เคี้ยวเมล็ดทานตะวันตุ่ย ๆ แล้วมองหน้าชิซูกะไปด้วย ส่วนชีฟก็เลียนแบบมันโดยการจ้องหน้าชิซูกะแล้วทำท่าเคี้ยวแก้มตุ่ยแบบเจ้าหนูน้อย

ชิซูกะหลุดหัวเราะออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเบือนหน้าหนีไปทางอื่น แล้วพยายามจะกั้นหัวเราะไว้ ซึ่งชีฟก็พยายามโยกตัวไปอยู่ตรงหน้าเพื่อทำให้คนตรงหน้าหัวเราะออกมาให้ได้ ซึ่งสุดท้ายชิซูกะก็ได้แต่ยอมแพ้และหลุดหัวเราะออกไป

เร็กซี่ยักคิ้วแล้วหันไปพูดกับแคทเทอลีนด้วยความอิจฉา

"หวงเธอทุกนาที เพราะเธอดีอย่างนี้นี่เอง"

การกระทำของชีฟไม่ได้แค่ทำให้ชิซูกะยิ้ม แต่สาว ๆ ที่อยู่แถวนั้นต่างก็พากันแอบอมยิ้มในความน่ารักของเด็กคนนี้

ชีฟที่เห็นว่าชิซูกะอารมณ์ดีแล้วก็เอาของกินออกมาจากถุงจากนั้นแบ่งให้แม่กับชิซูกะช่วยถือ แล้วกระโดดขึ้นไปนั่งแทรกกลางระหว่างชิซูกะกับแม่ของตน ก่อนจะพากันนั่งชมการต่อสู้คู่อื่น ๆ

การต่อสู้ดำเนินไปจนหมดวัน ผู้เข้ารอบในวันนี้มีเด็กสาวเป็นส่วนมาก เนื่องจากเด็กหนุ่มนั้นมีน้อย ด้วยเหล่าเด็กหนุ่มทั้งหลายหากหน่วยก้านดีก็มักจะถูกองค์กรใหญ่ ๆ คัดเอาตัวไปก่อนแล้ว และด้วยอีกเหตุผลหนึ่งคือมีวงนักร้องชายและหญิงชื่อดังในเมืองเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้ด้วย นั่นเลยทำให้มีเด็กสาวเข้าร่วมมากเป็นพิเศษ

บนห้องพิเศษที่อยู่บนอัศจรรย์คนดู มีหญิงสาวแต่ตัวหรูหราคนหนึ่งกำลังมองจำนวนผู้ชนะอย่างไม่พอใจ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์

"ไอ้เด็กผู้ชายสมัยนี้มันไม่รักชาติรักบ้านเมืองกันแล้วรึไง ทุเรศสิ้นดี"

ชายหนุ่มในชุดพ่อบ้านเดินเข้ามายืนข้าง ๆ แล้วพูดปลอบใจ

"ไม่ต้องห่วงครับคุณหนู จะชายหรือหญิงก็เหมือนกัน ด้วยอาวุธและชุดเกราะที่มีประสิทธิภาพของเรา องค์กรพีเนชั่นจะแข็งแกร่งยิ่งกว่าองค์กรนักล่าไหน ๆ แน่นอน"

หญิงสาวที่เห็นพ่อบ้านเดินเข้ามาใกล้ ก็ถามถึงบางสิ่ง

"พวกเด็ก ๆ ของฉันเป็นไงบ้าง"

"โปรดดูสิ่งนี้"

พ่อบ้านยื่นส่งแท็บเล็ตให้กับหญิงสาว

ในแท็บเล็ตมีข้อมูลของเด็กหนุ่มและเด็กสาวกลุ่มหนึ่งโชว์ขึ้นมา สามในสิบสองของเด็กทั้งหมดมีตัวอักษรสีเขียวขึ้นอยู่ข้าง ๆ ว่า 'Awake'

เด็กทั้งสิบสองคนนี้คือเหล่านักร้องชื่อดังที่เธอคัดสรรและได้ฝึกฝนมาเป็นอย่างดี ซึ่งแน่นอนว่าเด็กหนุ่มสาวเหล่านี้ ก็คือเป้าหมายและแรงบันดาลใจของเหล่าเด็กหนุ่มสาวทั้งหลายที่มาเข้าร่วมการแข่งขันคัดเลือกครั้งนี้นั่นเอง

ณ ห้องออกกำลังกายแห่งหนึ่ง ตัวห้องนั้นมีพื้นที่กว้างขวางและมีเครื่องออกกำลังกายหลายชนิด แต่กลับมีคนใช้งานอยู่เพียงแค่ไม่กี่สิบคนเท่านั้น เด็กหนุ่มชาวเอเชียหน้าตาดีสองคนกำลังวิ่งอยู่บนลู่วิ่ง พร้อมกับคุยกันไปด้วย

"ดาจอง นายคิดว่าจะมีเด็กวัยรุ่นแบบไหนมาเข้าองค์กรของเราบ้าง"

เจ้าของชื่อเอ่ยตอบ

"ไม่รู้เหมือนกัน แต่จะแบบไหนก็ช่างยังไงเราก็จะฝึกให้พวกเขาเป็นทหารที่แข็งแกร่งให้ได้"

"ทหารเหรอ ทำไมนายยึดติดกับคำนี้จัง ยุคนี้เขาเรียกว่านักล่ากันหมดแล้ว"

"ใช้คำว่าทหารน่ะดีแล้ว เพราะพวกนักล่ามันหิวเงินและเห็นแก่ตัว ส่วนทหาร พวกเรารบเพื่อปกป้องชาติบ้านเมือง และเพื่อปกป้องคนที่อ่อนแอ โดยไม่สนใจว่าพวกเขาจะจนหรือรวย"

"อย่าบอกนะนายยังไม่ลืมเรื่องในวันนั้นอีก"

เมื่อคุยถึงตรงนี้ ดาจองก็หวนนึกถึงอดีต อดีตอันแสนขมขื่นที่เขาไม่มีวันลืม

ห้าปีก่อนเด็กน้อยคนหนึ่งออกวิ่งไปทั่วเมือง เพื่อหอบเอาเศษเงินเพียงน้อยนิดไปจ้างวานนักล่า เมื่อเห็นนักล่ากลุ่มหนึ่งเด็กน้อยก็วิ่งเข้าไปหาทันที

"พวกคุณเป็นนักล่าใช่มั้ย"

เหล่านักล่าเจ็ดคนหันกลับมามองเด็กน้อย

"ใช่ มีอะไรไอ้หนู"

"ช่วยพ่อผมด้วย พ่อผมเป็นนักล่า เขาถูกพวกสัตว์ประหลาดล้อมเอาไว้ที่ตึกร้างทางทิศใต้"

"ไม่เอาด้วยหลอก ตอนนี้ทิศใต้มีสัตว์อสูรบุก สัตว์ประหลาดเยอะขนาดนั้นระดับพวกเราฝ่าไปไม่ไหวหลอก ว่าแต่ทำไมพ่อของเธอถึงโดนล้อมได้ แถวนั้นมีนักล่าอยู่ตั้งมากมาย"

"ผมไม่รู้ แต่พวกคุณช่วยพ่อของผมได้มั้ย ผมมีเงินนะ" เด็กน้อยอ้อนวอนทั้งน้ำตา พร้อมกับยื่นถุงเงินที่เขาเก็บสะสมเอาไว้

นักล่ามองถุงเงินที่มีแต่เศษเหรียญ ก่อนจะปฏิเสธอีกครั้ง

"เงินแค่นี้เนี่ยนะ พวกเราไม่เอาด้วยหลอก ตายขึ้นมายังไงก็ไม่คุ้ม"

เหล่านักล่าพากันหันหลังกลับเดินหนีไปทางอื่น แต่เด็กน้อยก็พยายามจะตามตื๊อพวกเขาให้ได้ เด็กน้อยวิ่งไปกอดขานักล่าคนหนึ่ง

"ได้โปรดเถอะ ช่วยพ่อผมด้วย"

นักล่าคนนั้นใช้มือแกะเด็กน้อยออก แล้วเหวี่ยงให้ไปไกล ๆ

"ไปหากลุ่มอื่นนู่นไป"

เด็กน้อยที่โดนเหวี่ยงกระแทกพื้นได้แต่นอนมองเหล่านักล่าเดินจากไป และเมื่อเขาลุกขึ้นมาได้ เขาก็พยายามจะไปขอร้องนักล่ากลุ่มอื่น แต่ก็ไม่มีนักล่ากลุ่มไหนยอมช่วยเขาเลย ภาพอดีตอันเลวร้ายได้ผลักดันให้เด็กหนุ่มเติบโตมาอย่างแข็งแกร่ง ดาจองจ้องมองไปข้างหน้าแล้วพูด

"ฉันจะเป็นทหารที่แข็งแกร่ง ฉันจะช่วยเหลือทุกคนที่อ่อนแอ และฉันจะไม่ทอดทิ้งใครเด็ดขาด"