ปัญหารอบเดียว
คำว่าปัญหารอบเดียวของพัฒน์มาจากการขึ้นเครื่องบิน 'เพื่อนรอบเดียว' เพื่อนที่เจอกันบนเครื่องแต่ละครั้งเราจะพูดอะไรก็ได้ เพราะเราจะเป็นเพื่อนกันแค่ครั้งเดียวแล้วอาจไม่เจออีกแล้ว เขาคิดว่าปัญหาบนโลกที่มนุษย์เจอถ้าไม่ใช่ปัญหาทางความขัดแย้งวัฒนธรรม ทุกอย่างบนโลกที่ยังไม่ถูกค้นพบจะเป็น 'ปัญหารอบเดียว' หากแก้ได้ มนุษย์คนอื่นก็จะสามารถทำมันให้ดีขึ้นและไม่ต้องกลับมาแก้เรื่องเดิมอีก เราแค่พยายามทำดีขึ้น ปัญหาที่พัฒน์แก้แต่ทั้งหมดก็อยู่ในขอบเขตเศรษฐกิจและทรัพยากรบนโลกที่มีราคาตลาดทุนนิยม
สองเหตุการณ์ในเดือนตุลาคม
หนึ่งอาทิตย์หลังจากที่พัฒน์ต้องนอนโรงพยาบาล สามชั่วโมงก่อนแถลงข่าว วิธีคืนดีของพัฒน์กับเบน หนึ่งในข้อห้ามของคิปป์ทีมคือการห้ามต่อยกัน ถ้าใครต่อยกันจะไม่ได้มาเรียนในหลักสูตรและหลักสูตรจะยุติไปหนึ่งอาทิตย์ ตอนนี้พัฒน์กับเบนยืนอยู่ต่อหน้ากันที่ลานจอดรถร้านอาหารฟาสต์ฟู๊ด พัฒน์ใส่ชุดผู้ป่วยโรงพยาบาล พวกเขาสองคนมีเรื่องพูดกันไปบ้างแล้วก่อนจะออกมายืนอยู่ที่ลานจอดนี้ ทั้งเรื่องการยอมรับกับเบนเรื่องต่าง ๆ
"มั่นใจนะ ว่านี่เป็นความคิดนาย"
พัฒน์หยักหน้าตอบ "มั่นใจ! นี่คือความคิดของผมคนเดียว" พัฒน์ย้ำเตือนเบน
"นายบอกว่าให้ฉันต่อยนายเนี่ยนะ" เบนถามซ้ำ
พัฒน์หยักหน้าตอบกลาย ๆ
"โอเค ๆ" เบนง้างหมัดชั่วพริบตาพัฒน์ หมัดกำปั้นขวาเบนสัมผัสพุ่งตรงเข้าใบหน้า ผัวะ!!! หมัดเบนกระทบใต้ตาขวาพัฒน์ เบนถอยหลังสะบัดมือเจ็บหลังจากต่อย
พัฒน์สบถในใจนับไม่ถ้วน หนนี้เจ็บฉิบหาย "ใครเขาบอกให้ต่อยเข้าที่ตากันวะ"
เบนสงสารพัฒน์ที่เจ็บและเอามือกุมใต้ตา หลังจากพัฒน์พึ่งยอมรับเรื่องปืนทั้งสองไม่มีใครอยากโทษตัวเอง แต่พัฒน์ก็อยากทำแบบนี้ พัฒน์บอก "ต่อยอีก!!" เขาเสียใจกับตัวเองหลายเรื่องที่เขาเป็นทั้งโดมิโน่และความมืด ทั้งยังเป็นความล้มเหลว เขาพยายามยอมรับทุกอย่างด้วยความเจ็บปวด เบนไม่กล้าต่อยในขณะที่เห็นพัฒน์เอามือปิดหน้าข้างที่ปวด
ทันใดนั้น พัฒน์กำหมัดต่อยเข้าสีข้างเบน เบนยกแขนขึ้นเพราะคิดจะป้องกันกำปั้นพัฒน์เข้ากกหู ผัวะ! เบนถอยตัวชะงักเจ็บไปทั้งสีข้าง "ห่า!!" เบนสบถพร้อมความเจ็บตะโกนเสียงดัง "อะไรของนายวะ!"
"นี่คือท่อนฮุกไง จบได้ยังความเศร้าของพี่" พัฒน์ประชดประชัน สุดท้ายต่อยกันอีกคนละสองสามหมัดจนลงไปนั่งพัก ทั้งสองพึ่งรู้ว่าต่อยกับคนแล้วจะเหนื่อยขนาดนี้ เบนเข้าไปหยิบขวดเบียร์ยกขึ้นดื่ม เขาสองคนนั่งที่ฟุตบาท เบนยื่นอีกขวดหนึ่งให้พัฒน์
พัฒน์ปฏิเสธเบนด้วยการทำมือส่ายไปมานิดเดียว เขารู้ว่าเขาต้องอ่านแถลงให้นักข่าวในอีกไม่กี่ชั่วโมง
"นายจะทำยังไงกับบริษัท คงฉลุยอยู่แล้วสิ"
"เมื่อวานผมยังเกาหัวแกรก ๆ ก็คิดว่ามันผ่านไปด้วยดี" ตอนนี้มูลค่าบริษัทพัฒน์เกินหนึ่งพันล้านเหรียญเรียบร้อยแล้ว "ผมพยายามทำดี แต่มันยากฉิบหายผมไม่รู้ว่ามันจะดีสำหรับคนอื่นยังไง เอาเถอะ" พัฒน์ถอนหายใจหลังประโยค
เบนสังเกตความกังวลของพัฒน์ เขาชูขวดเบียร์ และให้กำลังใจพร้อมรอยแผล "แด่รอยแผล"
"แด่รอยแผล" พัฒน์พูดตามเบน
สามชั่วโมงถัดมา พัฒน์เดินเข้ามาในหอประชุมที่เต็มไปด้วยแสงแฟลชระยิบระยับ เขาเดินขึ้นเวทีและยืนอยู่ต่อหน้านักข่าวและสื่อนับร้อย ไมค์อยู่ตรงหน้าเขา ในมือคือโพยในสิ่งที่เขาควรพูด
กับอีกสองสามประโยคที่ทำให้พัฒน์ดูดี เขาอ่านมันด้วยการกวาดสายตาก่อนร่อนโพยจากฝ่ามือ ความจริงที่สำคัญคือแล้วทรัมไดรฟ์จุลชีวะที่พัฒน์เอามา พัฒน์เอาไปใช้กับอัลกอริทึมที่แล็บที่ห้องพัก เราสามารถหาวัสดุแทนหมึกชีวภาพได้แทนการผูกขาดของตลาดในแต่ละระลอกของระบบเศรษฐกิจและคลื่นเคพีไอ เขาแค่พยายามเอาสิ่งแย่มาทำประโยชน์ เขาคิดมาตลอดแค่โล่งใจครู่เดียว คิดว่าพวกเราจะไม่เป็นไร แสงเทียนบนโลกก็ริบหรี่เหลือเกิน อยากจะออกจากดาวเคราะห์สีฟ้าไปอยู่ดาวอังคารหรือเคปเลอร์ถ้าแก้ปัญหาความเร็วแสงได้หรือการสร้างรูหนอน เออร์เนส เฮมมิ่งเวย์ เคยเขียนไว้ว่า 'โลกนี้คือที่ที่น่าอยู่ และคุ้มค่าที่จะปกป้อง' พัฒน์เห็นด้วยกับประโยคหลังเขาหลับตาคิด ตัดสินใจเรื่องที่จะพูดถัดไปโดยการถักทออดีตไปสู่อนาคตที่ต้องการ เขาต้องด้นสดชีวิตตัวเองเสมอ ทำไงได้คู่มือมนุษย์ก็ยังไม่มีความรู้และภูมิปัญญาก็โคตรจะขาดแคลน เต็มไปด้วยคนโง่ที่บอกว่าตัวเองรู้แล้ว เขาไม่อยากเป็นคนแบบนั้น
"ผมชื่อพัฒน์ ณ อยุธยา เด็กที่เกิดในภูเก็ตของประเทศโลกที่สาม ครั้งแรกที่ผมคิดจะพิมพ์อวัยวะ ผมคิดว่ามันจะสามารถช่วยเหลือคนอื่นได้ คนที่ผมรัก" พัฒน์พูดด้วยแววตาน้ำตา เขากระตุกนิ่งคิดก่อนจะพูดต่อ "แต่ผมเห็นสิ่งที่ผมทำคร่าคนหนุ่มสาวจำนวนมาก พ่อผมสอนว่าเราปาหินลงน้ำได้ แต่เราไม่สามารถควบคุมคลื่นได้ การกระทำที่ขาดวิสัยทัศน์จะนำมาซึ่งผลลัพธ์การโกหกระยะยาว แต่ในเวลาวิกฤตเราต้องหาเส้นทางของตัวเอง ผมทำได้ดีมากกว่าหาเงินให้ตัวเอง" พัฒน์สูดหายใจเข้าก่อนจะพูดประโยคถัดไป "สิทธิบัตรเราจะมอบให้สหประชาชาติ ทุกโรงพยาบาลและผู้ป่วยจะเข้าถึงและเป็นสิทธิพื้นฐานในการพิมพ์อวัยวะของตัวเองในเวลาฉุกเฉินได้" เขาพูดออกไปแล้วนี่คือโลกที่พัฒน์อยากเห็น เขาไม่สามารถให้สิทธิบัตรกับพระอาทิตย์ได้ นั้นคือสิ่งที่จะเสียใจกับมันน้อยที่สุดเป็นการปาหินลงไปในน้ำครั้งใหญ่อีกครั้ง เสียงหิวโหยคำตอบตะโกนจากฝากฝูงนักข่าวตรงหน้า แสงแฟลชมากกว่าสี่ถึงห้าเท่ากะพริบรัวอย่างกับมีดาราฮอลลีวูดแก้ผ้าบนเวที เสียงกะพริบของเลนส์ทำให้พัฒน์ตื่นเต้นหัวใจกับการรัวชัตเตอร์ไปด้วย ภายหลังสิ่งที่พัฒน์ทำถือว่าเป็นก้าวครั้งใหญ่และครั้งสำคัญต่อรากฐานศักยภาพมนุษย์ในศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด