"ท่าน... รังแกข้า ชังหน้าท่านนัก นีเทียนต้าเซิน เทพใจดำ ข้าไม่ชอบท่านแล้ว... ฮือ..."
ร่างสูงสง่าในอาภรณ์สีนิลเมินเสียงคร่ำครวญของผีเสื้อน้อย นางสรรหาถ้อยคำสารพัดมาตัดพ้อต่อว่าเสียจนเทพผู้ยิ่งใหญ่รู้สึกหน้าชา
เรือนไม้หลังงามบัดนี้ปกคลุมด้วยแสงจรัสจ้า เจ้าเมืองมรณาร่ายเวทหยางรอบทิศทางเป็นกรงขังปีศาจ ปิดบังทั้งภาพและเสียงของนางไม่ให้ผู้ใดมองเห็นและได้ยิน ก่อนไปทำงานของตน นำลูกแก้ววิญญาณมากมายลำเลียงสู่แดนปรภูมิ ค่อยกลับมาพบนางซึ่งเลิกทำตัวเป็นม้าพยศ นางนั่งหน้าตามู่ทู่ในอาภรณ์ขาวสะอาด ขบกัดเขี้ยวฟัน ดูไปดูมาเหมือนลูกแมวโมโห
"ทุกหมู่บ้านมีศพสุดโศกา ทุกเคหามีเสียงโศกร่ำไห้ ผู้คนล้มตายด้วยโรคระบาด บ้านเมืองเกิดการจลาจล ชีวิตจึงมีค่าควรถนอม"
"ท่านทำร้ายข้า ทำร้ายหัวใจข้า... ท่านตัวปลอม ข้าจะตบท่านคืนร้อยที จะลองกับข้าไหมล่ะ?"
'ตัวปลอม?'
คิ้วเข้มหนาโก่งเข้าหากันอย่างสงสัย นีเทียนต้าเซินปัดมือครั้งแรก ห้องรกรุงรังกลับมาสะอาดสะอ้าน ครั้งที่สองถอดเกราะยมทูตออก ปรากฏตรงมุมห้องบนชั้นวางในสภาพเรียบร้อย
นึกขึ้นได้ว่ารุ่งเช้านี้ใช้ดวงตาที่สามมาตรวจตราดูนาง วิวาทกับบุรุษเทพในร่างโปร่งใส ใบหน้าเหมือนเขาไม่ผิดเพี้ยน นางนั่งบนโต๊ะทำงานไม้ตัวใหญ่ มีถ้วยชาและแผนที่ เพ่งดวงตาไร้เดียงสามองมันตลอดวันที่ถูกกักขังให้อยู่แต่ในเรือน
นางให้ความสนใจแผนที่เมืองมนุษย์พอ ๆ กับเจ้าตำราสีชาด ไม่น่าเชื่อว่ามันย้ายตัวเองมาจากห้องทำงานของเขา ลอยละล่องอยู่กลางห้องนอนของนาง
'ข้าจับเทพรูปงามอย่างท่านทำสามีได้! นี่เป็นคำเตือน นีเทียนต้าเซิน ท่านไปให้พ้นหน้าข้า จะไม่ทำงานให้ท่านแล้ว คอยดูเถิด'
'เจ้าร่างปลอม บังอาจมายั่วยวนข้า เดี๋ยวข้าก็จับทำสามีซะหรอก!'
"ปีศาจน้อยอย่างข้าคงไม่กล้าเงื้อมือตบท่าน จะทำได้ยังไงเล่า แค่ท่านขังข้าเอาไว้ ล้วนเป็นเรื่องง่ายดาย ข้าเพียงเสียใจ..." เอ่ยพลางวางตะกร้าที่มีผลไม้สีชาดเหลือไม่กี่ลูกไว้ข้างกาย นางถอนหายใจ หน้าตาสลดเศร้า
"พูดจาเลอะเทอะอะไรของเจ้า ถิงถิง"
"ท่าน... เป็นตัวจริงหรือ?"
"เจ้าโง่เง่าขนาดแยกไม่ออกรึ?"
ถิงถิงส่ายหน้าสั่นกลัว สบนัยน์ตาสีชาดเย็นชา พิจารณาดูว่าใช่คนที่นางคิดหรือไม่ นางเบิกตากว้างตกใจ ใช่เทพมรณาตัวจริง!
"ช่วงนี้ข้างานล้นมือ เจ้าเก็บตัวเงียบ ๆ ในเรือนนอน กินผลไม้วิญญาณของเจ้าเท่าที่มีให้กิน ข้าจะไม่มารบกวนเจ้า รอให้เรื่องของเจ้าในเมืองปีศาจเงียบเสียก่อน ข้าจะพาเจ้าไปหาต้นไม้วิญญาณ"
"เจ้าค่ะ"
นางกลอกตาในสีหน้าสับสน ทำเก้ ๆ กัง ๆ ไม่กล้าพูดจามากความเหมือนเคย ก่อนที่นางจะหันไปสนใจตำราที่ลอยอยู่กลางห้อง
นีเทียนต้าเซินคว้ากรามน้อยขึ้นบีบด้วยท่าทีเกรี้ยวกราด เข่นเขี้ยวขู่นาง
"เลิกล้อเล่นกับเจ้าร่างปลอมนั่นด้วย"
"เจ้าค่ะ" นางหลับตาปี๋ ฝ่ามือหยาบกร้านยอมปล่อยนาง รู้สึกหนาวไปถึงขั้วกระดูก นางยกมือลูบแขนพลางถาม "ท่านย้ายมาอยู่ห้องนี้หรือ?"
"ข้ามีเหตุจำเป็นต้องเฝ้าดูเจ้า ไม่ต้องเป็นกังวลไป ยมทูตไม่เคยหลับใหล"
"หมายความว่าท่านไม่หลับฝัน?"
"ไม่ใช่เรื่องของเจ้า" น้ำเสียงเข้มขรึมราวกับว่าเป็นคนละคน บุรุษเทพผู้เคยเปี่ยมด้วยเมตตาหันหลังให้นางอย่างไร้เยื่อใย "เจ้าไม่ต้องถามมาก ถ้าเจ้าไม่อยากเห็นหน้าข้า จะไม่มารบกวนเจ้า พักรักษาตัวให้ดี ถึงเวลาทำงานเมื่อไรก็ลุกขึ้นมา"
เมฆาหยินหยางพลันหายไปเบื้องหน้านาง เหลือเพียงห้องว่างเปล่า ถิงถิงก้มหน้าลงมองพื้นไม้เป็นเงามัน ความสำนึกผิดท่วมท้นในใจนาง
"ข้าไม่ได้พูดสักคำว่าไม่อยากเห็นหน้าท่าน"
ใครว่านางไม่พูด... นางบริภาษเขาข้ามวันข้ามคืนจนคอแห้งเชียวล่ะ!
ถิงถิงอ่อนน้อมถ่อมตนเสมือนนางเป็นลูกไก่ในกำมือพญามัจจุราช เขาจะบีบนางก็ตายเปล่า นางอยู่แต่ในห้องของนาง นั่ง ๆ นอน ๆ ถอนหายใจ นางหันไปรื้อค้นหีบสมบัติซึ่งเขามอบให้นางทั้งอาภรณ์ของมีค่า ของวิเศษ ในขณะที่เขาไม่ได้กักขังนางด้วยแสงแห่งหยาง เขาไม่มารบกวนจิตใจนางตามที่กล่าวว่างานยุ่งรัดตัว แม้ว่าเขาจะย้ายมาอยู่ห้องเดียวกับนางเพื่อจับตาดูนาง กลับไม่พบหน้าเขาแม้สักวัน
'ข้าเหมือนนกน้อยในกรงทอง แม้แต่ท่านก็ยังไม่ไยดีข้า…'
ความคิดเศร้าหมองในราตรีมืดมิดมิอาจล่วงรู้ไปถึงเจ้าเมืองมรณา ถิงถิงเงยหน้ามองกลุ่มเมฆาสีขาวสลับดำเป็นดวงกลมนับหลายหมื่นลอยละล่องในเวหา พลันหันไปสบเข้ากับบุรุษเทพในอาภรณ์สง่างาม
"ท่านตัวปลอม มาหาข้าอีกแล้วหรือ? ไม่กลัวตัวจริงฆ่าท่านเอารึไง"
ร่างปลอมส่ายหน้า แยกเขี้ยวยิ้มตรงมุมปากในความหมายว่า 'ไม่'
ปีศาจสาวพิจารณารอบอาภรณ์สีนิลปรากฏแสงสีชาด ทำให้นางแยกแยะระหว่างตัวจริงตัวปลอมได้ คาดว่าตำราประหลาดที่เปล่งแสงเดียวกันนั้นเป็นผู้กระทำ นางเห็นว่าการข่มขู่ไม่ได้ผล ไล่เขาเท่าไรก็ไม่ยอมไป
เมื่อร่างสูงสง่าขยับฝีเท้าเข้าหานาง ใจกล้าบ้าคลั่งขึ้นมา กรงเล็บปีศาจวางล้อมกรามแกร่ง ลูบไล้ด้วยแววตาเย้ายั่ว นางยกเรื่องน่าขยะแขยงมากที่สุดของเหล่าเทพขึ้นกล่าว "แน่ใจนะว่าท่าน... ไม่กลัวข้าจับทำสามี? ข้าเป็นปีศาจสาว เป็นผีเสื้อโตเต็มวัย พร้อมผสมพันธุ์เชียวนะ"
แต่เท่าที่เห็นนางทำตาโตดูผู้อื่นร่วมสังวาสกัน สักพักหนึ่งนางก็ไปนอน...
นางกินแล้วนอน ต่อสู้กับเจ้าตำราแห่งความเป็นและความตาย อีกวันนางไม่ทำอะไรนอกเสียจากสาดเทความโศกศัลย์ว่าเจ้ามรณาใจดำ
"เจ้าช่างอ่อนต่อโลกนักถิงถิง น้ำหน้าอย่างเจ้าน่ะหรือ จะมีปัญญาจับใครทำสามีได้?"
"นะ... นั่นเสียงพี่ใหญ่ข้า ข้าจะเอาเรื่องท่าน ร่างปลอมนีเทียนต้าเซิน!"
ยามเอ่ยนามเทพแห่งความตายด้วยท่าทีโอหัง ปลายนิ้วชี้หน้าด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์
นีเทียนต้าเซินสะดุ้ง เบิกตากว้างมองเหล่ายมทูตที่มากันพร้อมเพรียง เขาพยายามข่มใจใช้สีหน้าเยือกเย็นระหว่างการประชุม หลังได้รับการไถ่ถามจากท่านลุงว่ามีเรื่องอะไรหรือ?
ในใจเทพมรณาไม่สบอารมณ์เพราะเจ้าปีศาจน้อยจอมสร้างเรื่อง นัยน์ตาสีชาดปรากฏกลางท้องนภา มองปีศาจสาววิวาทกับบุรุษในอาภรณ์สีนิล
สักพักหนึ่งนางไประบายความเศร้าบนหมอนจนเบ้าตาแดงก่ำ ร่างปลอมเฝ้าติดตามนาง นั่งลงบนฟูก ซับน้ำตาบนแก้มด้วยปลายนิ้วโป้ง ดวงตาไร้เดียงสามองตามปลายนิ้วเรียวยาว เขาไร้เกราะนิ้วอันน่ากลัวสำหรับดึงดวงวิญญาณ นางเคยเข้าใจผิดว่าเขาน่ะเป็นจอมมาร...
นีเทียนต้าเซินโมโหนางจนเกินควบคุมตนแล้วนางก็ยังไม่รู้ กระทั่งนางเริ่มเบื่อหน่าย ลุกขึ้นเดินช้า ๆ บนระเบียงเรือน เอี้ยวมองร่างสูงสง่าที่ติดตามนางเช่นเงา นางเดินไปทางไหน เขาผู้นี้ก็ตามนาง นางไปดูแผนที่บนโต๊ะทำงาน เขายืนเอามือไพล่หลัง ยิ้มให้นาง เสกชาถ้วยหนึ่งแล้วผายมือเชื้อเชิญ วางดอกเหมยฮวาลงบนโต๊ะ
"ข้าไม่หลงกลท่าน มาทำยิ้มเสแสร้ง อย่างไรก็มิใช่บุรุษเทพผู้เหี้ยมโหดของข้า" นางส่ายหน้าไปทางหน้าต่างไม้สลัก ดวงตากลางท้องนภาหายไป
นีเทียนต้าเซินออกไปประชุมกับเหล่ายมทูตเรื่องการรวบรวมดวงวิญญาณครั้งใหญ่ คงไม่มารบกวนใจอีกเป็นครึ่งค่อนวัน นางรู้สึกว่างเปล่าเงียบเหงาประหลาด ก้มมองแผนที่ขนาดใหญ่จนล้นโต๊ะด้วยแววตาซุกซน
โลกมนุษย์!
แผนที่ตรงหน้าเป็นสิ่งที่นางเฝ้าฝัน นัยน์ตาสีอำพันทอประกาย เมื่อใช้ดวงตาปีศาจเพ่งมองจุดดำจุดหนึ่ง บังเอิญเห็นสามีภรรยาเสพสังวาสในกระท่อมร้างบนฟางหญ้า
'มะ... มันใหญ่ขนาดนั้น!'
ท่อนที่ขยับเข้า ๆ ออก ๆ ผ่านช่องทางเล็กแคบเปียกชุ่มน้ำหนืด ในสีหน้าหลงใหลคลั่งไคล้ของบุรุษสตรี พวกเขาปลดปล่อยกามารมณ์ แลดูเป็นสุขยิ่งนัก
นึกย้อนไปเมื่อสองร้อยปีก่อนนางลอบดูพี่รองพี่ใหญ่สมสู่กับจิ้งจอกหนุ่ม พี่รองเล่นของใหญ่ตั้งสาม! หางสีขาวสะอาดที่สะบัดพลิ้วไปมาในเวหา บุรุษจิ้งจอกร่างกำยำสวมกอดมอบจุมพิต ขยับกายแนบชิดพี่สาวทั้งสอง แววตาเย้ายั่วหลายคู่สบมองมายังนางที่วิ่งหนีไป หลังจากวันนั้นเป็นต้นมา พวกเขาเอาแต่หัวเราะเยาะนาง