บทที่ 22 เรียนกากไม่มีสิทธิ์แสดงความเห็น
คิดถึงตรงนี้ เยี่ยหวันหวั่นก็ไม่คิดฟุ้งซ่านอะไรอีก เริ่มพลิกหนังสือเรียนอ่านทบทวน
ชายหนุ่มด้านข้างที่ฟุบตัวหลับบนโต๊ะได้ยินเสียงรบกวนจากการพลิกหน้ากระดาษ จึงคิ้วขมวดพลางหันมองข้างกาย
ผลคือเมื่อเงยหน้าขึ้นมา กลับเห็นเยี่ยหวันหวั่นอ่านหนังสืออยู่จริงๆ
ผู้หญิงคนนี้...ถูกกระตุ้นจนนิสัยเปลี่ยนเหรอ?
เขากำลังคิดอยู่เช่นนี้ แต่เมื่อได้เห็นท่าทางของเยี่ยหวันหวั่นอย่างชัดเจนแล้ว ชายหนุ่มมีสีหน้าโมโหทันที
เพราะเยี่ยหวันหวั่นพลิกหน้ากระดาษได้ไวกว่าความเร็วในการเปลี่ยนสีหน้าของวันนี้อีก
นี่มันอ่านหนังสือที่ไหนกันล่ะ?
หากไม่ใช่กำลังอ่านหนังสือ แล้วเธอกำลังทำอะไร? ว่างมากก็เลยพลิกหน้ากระดาษเล่นอย่างนั้นเหรอ?
“หนวกหูจะตายอยู่แล้ว” ใบหน้าหล่อเหลาของเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
เยี่ยหวันหวั่นทำหน้าหงุดหงิดเล็กน้อย หมอนี่ คิดจะหาเรื่องกันใช่ไหม!
เชื่อหรือเปล่าว่าฉันใช้สถานะบดขยี้นายให้ตายได้!
หากไล่ตามลำดับศักดิ์แล้ว เขาต้องเรียกเธอว่า ‘สะใภ้เก้า’ อย่างเคารพนอบน้อมด้วยซ้ำ
ชาติก่อนเธอเพิ่งมารู้ทีหลัง ซือเซี่ยหนุ่มหล่อประจำโรงเรียนมัธยมปลายชิงเหอแท้จริงแล้วเป็นหลานชายของซือเยี่ยหาน
เยี่ยหวันหวั่นหัวคิ้วกระตุก “เฮอะ รำคาญว่าหนวกหู? เก่งนักก็สอบไปนั่งข้างหน้าให้ได้สิ ผู้แข็งแกร่งที่สุดคือผู้อยู่รอด ผู้แข็งแกร่งถึงจะได้รับความเคารพ เรียนกากไม่มีสิทธิ์แสดงความเห็น!”
ชายหนุ่มสำลักจนพูดอะไรไม่ออก แสดงสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ
เมื่อครู่นี้เขาโดนคนได้ที่โหล่ของโรงเรียนพูดเสียดสีอย่างนั้นเหรอ?
หึ ดีมาก
การสอบในครั้งนี้ เขาจะทำให้เธอรู้ว่าผู้แข็งแกร่งที่สุดคือผู้อยู่รอด ผู้แข็งแกร่งถึงจะได้รับความเคารพมันคืออะไรกันแน่!
เสียงออดเลิกเรียนดังขึ้น เวลาหนึ่งวันได้ผ่านไปเร็วเหลือเกิน
โดดเรียนเป็นเวลาที่แสนสบาย แต่ทบทวนบทเรียนร้อนทรมานเหมือนเมรุเผาศพ
ตลอดทั้งวันที่ผ่านมา เยี่ยหวันหวั่นเห็นคนเป็นภาพซ้อนหมดแล้ว บนภาพซ้อนยังมีตัวหนังสือเบียดกันแน่น
เจ็ดวันข้างหน้า โรงเรียนจะหยุดให้ทุกคนตั้งใจทบทวนบทเรียนเพื่อการสอบที่จะมาถึง
โรงเรียนมัธยมปลายชิงเหอเป็นโรงเรียนแบบปิด จึงกำหนดให้นักเรียนทุกคนต้องพักที่โรงเรียน นอกเสียจากจะมีเรื่องด่วนเป็นกรณีพิเศษ
ช่วงหลายวันแห่งการทบทวนบทเรียนนี้ ทุกคนสามารถทบทวนอยู่ในหอพักตัวเอง หรือจะไปห้องเรียนก็ได้
หลังจากเลิกเรียน พวกนักเรียนทยอยกลับหอพัก เยี่ยหวันหวั่นเองก็ลากกระเป๋าสัมภาระเดินไปที่ตึกหอพักเหมือนกัน
หอพักของโรงเรียนเป็นห้องพักรวมสี่คน แต่เธอถูกเพื่อนร่วมห้องปฏิเสธไม่อยู่ร่วมกัน จึงถูกจัดให้พักห้องเดี่ยว
อีกทั้งเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับซือเยี่ยหานที่ไม่อาจให้คนรู้ได้ การพักห้องเดี่ยวกลับเป็นเรื่องดีสำหรับเธอ
นิ้วมือขาวเรียวยาวค่อยๆ ผลักประตูห้องพักเปิดออก บรรยากาศอันคุ้นเคยปะทะเข้ามา
ห้องพักเดี่ยวห้องนี้แม้จะมีพื้นที่ไม่กว้าง แต่ก็เพียงพอสำหรับเธอที่พักคนเดียว เทียบกับสวนจิ่นหยวนอันกว้างใหญ่จนน่ากลัวแล้ว ที่นี่ให้ความรู้สึกปลอดภัยกับเธอมากกว่า
อีกทั้ง ชิงเหอมีนักธุรกิจร่ำรวยและศิษย์เก่านับจำนวนไม่ถ้วนมาลงทุน สภาพของหอพักจึงดีมาก ไม่เพียงมีเครื่องปรับอากาศ ยังมีห้องอาบน้ำและห้องสุขาในตัว
เยี่ยหวันหวั่นวางสัมภาระลง นำสิ่งของจัดวางไปยังที่เดิม
หลังจากจัดเก็บทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว กำลังเตรียมจะนั่งทบทวนบทเรียนต่อ เสียงเคาะประตูพลันดังขึ้น
พอเปิดประตูออกไป เห็นเฉินเมิ่งฉีในชุดกระโปรงลูกไม้สีชมพูอ่อนยืนน่ารักอยู่หน้าห้อง
เมื่อหญิงสาวเห็นเยี่ยหวันหวั่นสีหน้าก็ตื่นเต้น นัยน์ตาเปล่งประกาย “หวันหวั่น ในที่สุดก็ได้พบเธอสักที ฉันเป็นห่วงแทบแย่ เห็นเธอไม่เป็นอะไร ดีจังเลย!”
เห็นท่าทางเป็นห่วงเป็นใยที่สุดของเฉินเมิ่งฉี เยี่ยหวันหวั่นอดถอนใจข้างในไม่ได้ ไม่แปลกเลยที่ในอนาคตเฉินเมิ่งฉีจะโด่งดังในวงการบันเทิงขนาดนั้น การแสดงนี่ไม่ต้องพูดถึงจริงๆ
เยี่ยหวันหวั่นนั่งลงหน้าโต๊ะหนังสือ เนื่องจากถูกรบกวน สีหน้าจึงเผยอาการหงุดหงิดอยู่บ้าง “มีอะไรเหรอ? ไม่ว่าเธอจะมีเรื่องอะไร อีกเจ็ดวันค่อยมาหาฉันเถอะ ตอนนี้ฉันไม่มีเวลา”
เฉินเมิ่งฉีคิดว่าเธออารมณ์ไม่ค่อยดีเพราะทะเลาะกับกู้เยว่เจ๋อ จึงเอ่ยโน้มน้าวเสียงอ่อนโยน “คุณชายกู้คงจะเข้าใจผิดเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับซือเยี่ยหาน แต่เป็นเพราะเขารักมากเลยโมโหมาก ในใจของเขายังมีเธออยู่นะ ไม่เช่นนั้นครั้งนี้เขาคงไม่ไปช่วยเธอหรอก ขอแค่เธอไปหาเขา แล้วอธิบายเรื่องเข้าใจผิดให้ชัดเจนก็พอแล้ว”
เยี่ยหวันหวั่นไม่มีเวลาพูดเรื่องไร้สาระกับเพื่อนสนิทที่แสดงได้ดีเยี่ยมคนนี้ เวลานี้เธอพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่หนังสือ
เห็นเยี่ยหวันหวั่นหงุดหงิดจนพลิกหน้ากระดาษไม่หยุด คาดว่าอารมณ์ยังไม่ดีขึ้น เฉินเมิ่งฉีจึงไม่พูดโน้มน้าวอีก
“งั้นหวันหวั่น ฉันไปก่อนนะ ใกล้สอบแล้ว ฉันก็ต้องรีบทบทวนบทเรียน พ่อฉันบอกว่าถ้าครั้งนี้รักษาสามอันดับแรกของชั้นเรียนได้จะซื้อมือถือใหม่ให้ ถ้าเธอมีเรื่องอะไร จำไว้ว่าต้องมาหาฉันนะ!”
“ฉันรู้แล้ว” เยี่ยหวันหวั่นตอบโดยไม่เงยหน้า
เฉินเมิ่งฉีขมวดคิ้วเบาๆ ไม่ค่อยชินกับท่าทางเย็นชาของเยี่ยหวันหวั่นเท่าไร
ตอนกำลังจะจากไป หางตาเธอเหลือบเห็นมุมหนึ่งบนโต๊ะเรียนของเยี่ยหวันหวั่นมีอะไรโดดเด่นสะดุดตา นั่นคือจดหมายรักฉบับหนึ่ง
……….…………………………………………………………..