webnovel

ตอนที่ 3 แดนซาตาน

สีแดงฉานสลับกับโทนดำมืดปกคลุมไปทั่วปราสาทแก้ว ไฟโลกันต์ที่เรียงรายกันตามทางเดินลุกพุ่งขึ้นจากเตาเป็นระยะ เสียงกลองกึกก้องกัมปนาทบรรเลงจังหวะเร่งเร้า นางระบำห้าตนพันผ้าคาดอกสีแดงรับกับกระโปรงสีดำชายระบายด้านล่าง เนินอกสาวล้นทะลักจนผ้าคาดปิดแทบไม่มิด ทุกนางหน้าท้องแบนราบ เอวคอดกิ่ว สะโพกเด้งผาย ออกลวดลายร่ายรำเย้ายวนอยู่บนแท่น เหล่าธารกำนัลและองครักษ์มองดูการแสดงด้วยสีหน้าเรียบเฉย ราวกับเห็นภาพนี้อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

ปราสาทแก้วของ 'องค์ซาลีมาน' จัดงานสังสรรค์รื่นเริงเป็นนิตย์ ดื่มเหล้าเคล้าสตรีเป็นว่าเล่น ลือกันว่าองค์ซาลีมานไม่พึงใจในตัว 'ราชินีเซลีน' มาตั้งแต่ไหนแต่ไร เลยหาความสำราญใจด้านนี้แทน น้อยนักจะออกจากปราสาทไปตรวจตราความเป็นอยู่ของประชาซาตาน หากไม่ได้ 'สมี' เสมียนรับใช้คู่กายคอยช่วยเป็นมือเป็นเท้า ปานนี้ชาวบ้านคงเอ็ดตะโรกันไปแล้ว

แต่องค์ซาลีมานโหดเหี้ยมและไร้คุณธรรมปานนั้น ถึงอย่างไรทุกคนก็หวาดหวั่นเจ้าแห่งซาตานผู้นี้อยู่ดี ต่อให้ต้องเอ็ดตะโรเพราะงานการไม่ทำก็คงต้องร้องเสียงเบาหน่อย เดี๋ยวศีรษะจะหลุดออกจากบ่าได้

"สมี วันนี้มีกิจอันใดก็ไปทำเถิด ทางนี้ปล่อยให้นางกำนัลจัดการไป" ราชินีเซลีนเอ่ยสั่งเสมียนรับใช้ผู้ซื่อสัตย์ด้วยน้ำเสียงอ่อนใจ

"พ่ะย่ะค่ะ" สมีบ่าวรับใช้รองมือรองเท้าเอ่ยตอบ โค้งศีรษะที่มีผมอยู่น้อยนิดลงคำนับ ก่อนจะยืดหลังที่ค่อมมาแต่กำเนิดขึ้นตรงเท่าที่สามารถทำได้ แล้วเดินออกไปจากปราสาท

"ท่านแม่ ดูนี่สิ ลูกไปเก็บมาเองเลยนะเพคะ" ห่างจากสมีเดินออกไปได้ไม่นาน เด็กสาวร่างอรชรอ้อนแอ้นนางหนึ่งก็เดินเข้ามาพร้อมดอกไม้หลากสี

ราชินีเซลีนหันมองลูกสาวของตนด้วยความรักใคร่เอ็นดู นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนของ 'เซนิต' ช่างเหมือนบิดานัก หน้าตาอ่อนเยาว์ พริ้มเพราหยาดเยิ้ม คิ้วสีดำโก่งสวยได้รูป จมูกเรียวเล็กเชิดรั้น ริมฝีปากสีแดงระเรื่อตัดกับผิวขาวนวลอย่างชวนมอง เรือนร่างเย้ายวนบุรุษเพศ ใครที่พบเห็นก็ต้องปราถนานางเป็นคู่ครอง ทว่าบุตรีของนางยังเด็กนัก

"ไหนให้แม่ดูสิ อื้ม สวยเชียว เอาไปใส่แจกันในห้องลูกเถิด"

สาวน้อยหน้ามุ้ย "ลูกเก็บมาให้ท่านแม่ เช่นนั้นเอาไปใส่แจกันในห้องท่านแม่ดีกว่าเพคะ" พูดจบก็ยิ้มตาหยีส่งให้ผู้เป็นมารดา นางยังอ่อนต่อโลกนัก

"ขอบใจจ้ะ"

ขณะเด็กสาวกำลังจะพุ่งตัวเดินไปยังห้องของมารดา ก็ปะทะเข้ากับนางระบำกลุ่มหนึ่งที่เดินตรงเข้ามายังโถงปราสาทพอดี "อ๊ะ" เด็กสาวร้องอุทาน ท่ามกลางนางระบำเหล่านั้นคือบิดาบังเกิดเกล้าที่กำลังเมามายหลุ่มหลงอยู่กับโลกีย์รอบกาย มือหนึ่งถือจอกสุรา อีกมือขยำนวดเฟ้นเต้านมของนางระบำนางหนึ่งอย่างเมามัน

เมื่อเห็นธิดาของตนเดินมา องค์ซาลีมานหันมองบุตรีแวบหนึ่งด้วยสายตาหมางเมิน ก่อนจะเดินโซเซไปยังห้องบรรทมกับนางระบำเหล่านั้นโดยไม่หันกลับมามอง

"เซนิต ไม่ต้องสนใจ เอาดอกไม้มาให้แม่ ลูกออกไปเที่ยวเล่นกับบ่าวรับใช้เถิด" ราชินีเซลีนประคบประหงมลูกสาวคนนี้เยี่ยงไข่ในหิน นางพยายามเลี่ยงไม่ให้เด็กน้อยเห็นภาพบัดสีเหล่านี้มาโดยตลอด แต่บางครั้งก็มักไม่เป็นผลอย่างที่เห็น จึงมักบอกปัดให้บุตรีออกไปเดินเล่นนอกปราสาททุกครั้งที่มีงานสังสรรค์

"พะ เพคะ" เด็กสาวรับคำมารดาอึ้งๆ นางรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจกับการกระทำเหล่านั้นของบิดาเหลือเกิน สาวน้อยซาตานผู้เลอโฉมเกิดมาฐานะสูงศักดิ์ ทว่าโชคชะตาของนางช่างอาภัพนัก นับแต่เล็กจนโตนางได้รับสายตาเช่นนี้จากบิดาอยู่เสมอ ผู้ที่อ่อนโยนและรักใคร่นางมีเพียงมารดาผู้ให้กำเนิด ส่วนบิดานั้น….จะว่าไม่ใยดีลูกสาวคนนี้เลยก็ไม่ใช่เสียทีเดียว

ยามนางเจ็บไข้บิดามักส่งแม่หมอวิชาแก่กล้ามาตรวจดูอาการ พร้อมด้วยอาหารและโอสถ ยามนางขาดแคลนอาภรณ์ก็ให้คนนำมาบำเรอไม่เคยขาด แต่เขาแทบจะไม่โผล่หน้ามาให้บุตรีได้เห็นเลย นางอยากได้ความรักและความอบอุ่นจากผู้เป็นพ่อบ้าง ทว่าก็ไม่เคยเรียกร้องให้เขารำคาญใจ บิดาปฏิบัติกับนางเสมือนคนนอก หรือนางจะไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของเขา…นี่คือสิ่งที่เซนิตคิดมาตลอด

เด็กสาวเดินออกจากปราสาทใหญ่โตพร้อมกับนางกำนัลคนสนิทสองตน นางเดินไปอย่างไร้จุดหมายด้วยอาการเหม่อลอยไม่พูดจา กำลังจมอยู่ในความคิดของตนเอง

ในฐานะทายาทหนึ่งเดียวขององค์ซาตาน นางต้องแบกรับอะไรมากมายหลายอย่าง โดยเฉพาะตำแหน่งผู้สืบทอดบัลลังก์คนต่อไปจากบิดา นางต้องเรียนรู้กิจการงานทุกอย่างในดินแดน รวมไปถึงความเป็นอยู่ของประชาซาตาน เพื่อจะได้พรั่งพร้อมขึ้นสู่ตำแหน่งในภายภาคหน้า

"องค์หญิง วันนี้ไม่ต้องไปร่ำเรียนงานราชกับท่านสมีหรือเพคะ" 'เพธา' บ่าวซาตานคนสนิทเอ่ยถามผู้เป็นนายเพื่อไม่ให้บรรยากาศเลวร้ายไปมากกว่านี้ ทั้งๆ ที่นางก็รู้ดีว่าเหตุใดเซนิตถึงได้ออกมาเดินเหม่ออยู่เช่นนี้

"วันนี้เราอยากพักน่ะ…." เด็กสาวเอ่ยตอบหลังได้สติกลับมา

"เช่นนั้น เราไปเล่นที่ลำธารตรงทุ่งบุปผากันเถิดเพคะ ยามนี้น้ำใสเย็นนัก" จู่ๆ เสียงของ 'เพนนี' แฝดผู้น้องของเพธาก็ดังขึ้น หลังจากที่นางปิดปากเงียบมาตลอดทาง

เซนิตแย้มยิ้มเบาบาง ยามใดที่นางได้ไปเที่ยวเล่นที่ลำธารสายนั้น จิตใจมักเบิกบานเสมอ

"อื้ม ไปสิ" เซนิตส่งยิ้มหวานให้บ่าวทั้งสอง เพธาและเพนนีเป็นทั้งบ่าวรับใช้และสหายสนิทของนางมาตั้งแต่ยังเล็ก ย่อมรู้ใจนางที่สุดว่านางโปรดสิ่งใด หลังจากได้ความคิดจะหลีกหนีจากความว้าวุ่น เซนิตกางปีกสีนิลเปล่งแสงเงินวิบวับแผ่ออกอย่างสง่างาม ก่อนกระเพื่อมปีกบินพุ่งขึ้นสู่ฟากฟ้า ตามด้วยเพธาและเพนนีที่บินตามขึ้นไปติดๆ

"กำไลใหม่รึ ไยพี่ไม่เคยเห็นเจ้าใส่" ระหว่างสยายปีกสีดำบินโต้ลมตามหลังของผู้เป็นนาย เพธาเหลือบเห็นกำไลสังวาลสีดำทองวงเล็กของน้องสาว จึงเอ่ยถามด้วยความสนใจ

เพนนีที่กำลังตกอยู่ในภวังค์พลันสะดุ้งตื่น ก่อนยิ้มแห้งให้พี่สาว "เจ้าค่ะ ข้าเพิ่งได้มาจากร้านเครื่องประดับเมื่อวาน" นางลูบกำไลวงนั้น พลางตอบพี่สาวด้วยสีหน้าหลากอารมณ์

เมื่อถึงที่หมาย ซาตานสาวทั้งสามลดระดับความสูงบินร่อนลงสู่ลำธารใส เก็บปีกงามกลับเข้าไปในกาย แล้วเดินไปพักอิริยาบถ ชื่นชมทัศนียภาพบริเวณนั้น