บทที่ 9
สายตาของเขาและเธอมองสบกัน จี้อี้หัวใจกระตุกเผลอกำมือแน่นโดยไม่รู้ตัว
นี่ดูเหมือนจะเป็นการสบตากันครั้งแรกในคืนนี้หลังการกลับมาพบกันอีกในรอบหลายปี แววตาของเขาราบเรียบและเย็นชา คล้ายกับว่าเขาและเธอไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
จี้อี้กำลังตกตะลึง เธอจึงไม่ได้ดึงสายตากลับมา แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเฮ่อจี้เฉินเองก็ไม่ได้ถอนสายตากลับไปเช่นกัน
คนทั้งสองต่างจ้องมองกันและกันผ่านสายฝนที่โหมกระหน่ำ
ประจวบเหมาะกับที่ขณะนั้นมีลมพัดมาวูบหนึ่ง หนาวจนทำให้จี้อี้สั่นไปทั้งตัว
เฮ่อจี้เฉินบังเอิญเห็นภาพนั้นเข้าพอดี เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยคล้ายกับว่าท่าทางของเธอเรียกสติของเขากลับคืนมา ชายหนุ่มจ้องเข้าไปในดวงตาของเธอเสี้ยววินาที แล้วจึงหันไปมองทางอื่น
เมื่อไม่ต้องเผชิญกับสายตาของเขา จี้อี้ก็รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น เธอเอามือยันกับพื้น เตรียมจะลุกขึ้นยืน ทว่าทันใดนั้นเองเฮ่อจี้เฉินก็หันกลับมามองเธออีกครั้ง
จี้อี้ที่กำลังดันตัวเพื่อลุกขึ้นยืนถึงกับชะงักงัน เธอพบว่าเฮ่อจี้เฉินยังคงมองเธออยู่อย่างนั้นไม่มีวี่แววว่าจะหันกลับไปแต่อย่างใด และเห็นว่าเขากำลังจ้องแขนของเธออยู่
จี้อี้ก้มลงมองตามสายตาของเขา แล้วเธอก็เห็นว่าแขนของตนถลอกตอนที่หกล้มเมื่อครู่ มีเลือดไหลออกมาจากปากแผลไม่หยุดทว่ากลับถูกสายฝนชะล้างไปอย่างรวดเร็ว
ถึงแม้ว่าจี้อี้จะไม่ได้มองเฮ่อจี้เฉินแล้ว แต่เธอยังคงรู้สึกได้ถึงสายตาของเขาที่กำลังจ้องมองแขนของตนเอง
จี้อี้ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเฮ่อจี้เฉินจึงต้องจ้องบาดแผลของตนเอง หรือให้พูดอีกอย่างก็คือเธอไม่ได้อยากจะไปคิดหาเหตุผลหรอกว่าทำไมเฮ่อจี้เฉินจึงต้องจ้องแผลของตนเอง เธอแค่รู้สึกว่าเฮ่อจี้เฉินดูผิดปกติ หญิงสาวหดแขนหลบไปข้างหลัง แล้วแอบมองเฮ่อจี้เฉินที่ยืนอยู่
ชายหนุ่มถอนสาตากลับไปแล้ว เขาถือร่มด้วยท่าทางเคร่งขรึมดวงตาหลุบต่ำลงเล็กน้อยไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ จี้อี้ไม่เสียเวลามองเขานานไปกว่านี้เธออดทนความเจ็บปวดที่แขน ค่อยๆลุกขึ้นยืน
บนหัวเข่าก็เป็นแผลเช่นกัน แม้ว่าจะไม่ร้ายแรงมาก แต่ฝนที่ชะโดนบาดแผลทำให้เธอรู้สึกเจ็บมากจนทนไม่ไหวเผลอส่งเสียงร้องเบาๆด้วยความเจ็บ
เป็นเพราะเฮ่อจี้เฉินยังยืนอยู่ข้างๆ หลังจากที่จี้อี้หลุดเสียงร้องแล้ว เธอจึงแอบมองเขาแวบหนึ่ง เขาได้ยินเสียงเธอร้องจริงๆด้วย เขากวาดตามองเธอ
แค่กวาดตามองจริงๆ
สายตาของเขาจ้องมองเธอไม่ถึงหนึ่งวินาทีด้วยซ้ำแล้วจึงหันกลับไปมองที่อื่น ไม่ต้องพูดถึงความรู้สึกที่แสดงอยู่บนใบหน้าของเขา แม้แต่หนังตาก็ยังไม่ขยับเลยสักนิด ราวกับว่าท่ามกลางสายฝน ไม่มีเด็กสาวที่กำลังยืนตัวสั่นอยู่อย่างไรอย่างนั้น เขาถือร่มหันกลับไปด้วยท่าทางเฉยเมย แล้วค่อยๆเดินจากไป
พักใหญ่หลังจากเฮ่อจี้เฉินจากไป จี้อี้จึงค่อยรู้สึกตัว เธอกระพริบตาเบาๆ ค่อยๆก้าวเท้าเดินโซเซเล็กน้อยไปที่ประตูหอพัก
……
เมื่อกลับมาถึงหอพัก รูมเมทของเธอทั้งสามคนต่างก็อาบน้ำเสร็จแล้ว ทุกคนอยู่บนเตียงและกำลังยุ่งอยู่กับกิจของตนเอง
ปั้วเฮ่อกำลังมาส์กหน้า ถังฮว่าฮว่ากำลังเล่นเกมส์ออนไลน์หวางเจอะหรงเย่า ส่วนหลินหย่าก็กำลังทาครีมบำรุงผิวพร้อมกับเปิดลำโพงโทรศัพท์ ไม่รู้ว่ากำลังคุยกับใครอยู่
คนที่เห็นจี้อี้เป็นคนแรกก็คือปั้วเฮ่อ เธอเด้งตัวขึ้นนั่งบนเตียงอย่างตกใจ “เสี่ยวอี้ ทำไมเธอเปียกแล้วก็เลอะเทอะแบบนี้ล่ะ?
“ ไม่มีอะไรหรอก” จี้อี้ฝืนยิ้มให้กับปั้วเฮ่อ แล้วหยิบผ้าขนหนูและเสื้อผ้าสำหรับใช้เปลี่ยน พร้อมกับเดินไปที่ห้องอาบน้ำ
“ แล้วแขนนั่นอีก เป็นแผลได้ยังไง?” ปั้วเฮ่อลงมาจากเตียงตามไปยืนข้างๆจี้อี้