webnovel

บทที่ 9 ราชินีหิมะ

หลังจากเกิดเหตุการณ์อาละวาดของอสูรหิมะอนาตาเซียที่ตกลงไปในถ้ำน้ำแข็งก็นอนสลบไม่รู้เรื่องอยู่บนกองหิมะ เวลาผ่านไปไม่นานหลังจากอนาตาเซียตกลงมาในถ้ำน้ำแข็ง น้ำแข็งภายในถูกความร้อนจากบางอย่างทำให้น้ำแข็งค่อยๆละลายจนหยดน้ำตกกระทบบนใบหน้าที่ขาวนวลของสาวน้อย ไม่นานร่างเล็กที่นอนสลบอยู่ก็เริ่มรู้สึกตัวทำให้เปลือกตาสองข้างมีการขยับออกจากกันเล็กน้อย จนเปลือกตาของอนาตาเซียเปิดออกทำให้สาวน้อยมองเห็นหิมะสีขาวทั่วทั้งบริเวณรอบๆ

อนาตาเซียลืมตาด้วยความงุนงง ก่อนจะลุกขึ้นเงยหน้าพร้อมกวาดสายตาไปรอบๆ จนพบกับหญิงสาวปริศนาที่นั่งอยู่ตรงข้ามเธอ สาวคนนั้นเงยหน้ามองอนาตาเซียด้วยสีหน้าเรียบเฉย เธอยังคงเติมฝืนใส่กองไฟเพิ่มความอบอุ่นอยู่เนื่องๆ โดยไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้าง หญิงสาวแปลกหน้าผู้นี้มีรูปร่างแปลกสะดุดตา เธอมีผมยาวสีขาวสลวย ดวงตาสีฟ้าอ่อน จมูกโด่งเป็นสัน ผิวขาวซีดจนมองเห็นเส้นเลือดและชุดสีฟ้าแสนสวยยาวถึงข้อเท้า

"คุณเป็นใคร"

อนาตาเซียสาวน้อยผู้อยากรู้อยากเห็นถามด้วยความงุนงง

"ฟื้นแล้วหรอ ดื่มนี้ก่อนสิ มันจะทำให้ร่างกายเธออบอุ่นขึ้น"

สาวแปลกหน้ากล่าวพร้อมยื่นถ้วยน้ำร้อนให้กับอนาตาเซีย

"มันคืนน้ำอะไรหรอคะ"

อนาตาเซียถามกลับด้วยความสงสัย

"มันคือยาที่จะทำให้เธอสามรถอยู่ในอากาศเย็นได้นานโดยไม่หนาว"

หลังจากสาวปริศนากล่าวจบอนาตาเซียหยิบถ้วยจากมือของเธอและดื่มลงไปทันที น้ำอุ่นนั้นทำให้ร่างกายของอนาตาเซียเริ่มอุ่นขึ้นและลดความเย็นในร่างกายของเธอลง

"ขอบคุณค่ะที่ช่วยฉัน"

"ไม่เป็นไร"

"คุณเป็นใครหรอคะ"

สาวน้อยขี้สงสัยถามสาวปริศนา

"ฉันคือราชินีหิมะ"

"ราชินีหิมะหรอ ! ถ้าอย่างนั้นคุณรู้ทางออกจากถ้ำนี้ใช่ไหมคะ"

"ถ้ำนี้ไม่ได้มีอะไรมาก แค่เธอทำลายน้ำแข็งได้เธอก็ออกไปได้แล้ว"

เมื่อได้ยินดังนั้นอนาตาเซียเดินตรงไปยังผนังถ้ำและร่ายเวทย์สลายน้ำแข็งทันที

"โฟซิสมิดิอัล"

เสียงเด็กสาวร่ายคาถาก่อนที่น้ำแข็งในถ้ำที่จะค่อยๆละลายลงทีละนิดๆ แต่เนื่องจากน้ำแข็งที่นี่หนามากส่งผลให้อนาตาเซียต้องร่ายเวทย์วนไปมาอยู่หลายครั้งกว่าจะสลายน้ำแข็งในถ้ำจนเป็นทางออกได้

เมื่อน้ำแข็งละลายเป็นจนสามารถออกไปได้แล้ว อนาตาเซียก็ยิ้มออกมาด้วยความดีใจพร้อมเตรียมตัวออกไปจากถ้ำแห่งนี้ทันที แต่ขณะที่อนาตาเซียกำลังจะก้าวเท้าออกไปเธอมองเห็นราชินีหิมะที่ยืนมองเธออยู่ในมุมถ้ำแต่ไม่มีท่าทีว่านางจะเดินออกไปสักนิด ด้วยความสงสัยอนาตาเซียจึงเอ่ยปากถามราชินีหิมะที่ยืนอยู่ทันที

"คุณไม่ออกไปจากที่นี่หรอ"

หลังจากได้ยินคำถามราชินีหิมะมองมาที่อนาตาเซียด้วยสีหน้าเศร้าและตอบคำถามที่ทำให้อนาตาเซียรู้สึกแปลกใจขึ้นมาทันที

"ฉัน...ฉันออกไปไม่ได้"

"ทำไมละคะ"

อนาตาเซียถามต่อด้วยความสงสัย

ราชินีหิมะมองไปรอบๆพร้อมตอบคำถามของอนาตาเซียทันที

"ฉันถูกผนึกเอาไว้ในแห่งถ้ำนี้ ไม่สามารถออกไปได้"

สาวน้อยหันมองราชินีด้วยความสงสัยและเดินตรงเข้าไปหาราชินีทันที

"ใครผนึกคุณเอาไว้หรอคะ มีอะไรที่ฉันพอจะช่วยคุณได้บ้าง"

"ทางเดียวที่จะทำให้ฉันออกไปจากถ้ำนี้ได้คือทำลายอสูรหิมะ" ราชินีหิมะตอบ "ฉันถูกลูซิเฟอร์จอมมารแห่งความชั่วร้ายผนึกเอาไว้ที่นี่"

"ละ ลูซิเฟอร์หรอ เขาไม่ใช่ตายไปแล้วหรอคะ"

"ยังหรอกสาวน้อย เขาแค่ดวงจิตแตกสลายก็เท่านั้น ไม่ได้ตายอย่างที่คนอื่นเข้าใจ"

"ทำไมเขาถึงผนึกคุณไว้ที่นี่"

ราชินีหิมะมองไปที่แสงแดดนอกถ้ำก่อนจะหันมาเล่าทุกอย่างให้สาวน้อยฟัง

"มันเป็นเรื่องเมื่อนานมาแล้ว หลายร้อยปีก่อนฉันมีหน้าที่เก็บรักษาดาบมาทอร์ ดาบแห่งความยุติธรรม หนึ่งในของวิเศษทั้ง 5 อันศักดิ์สิทธิ์ประจำดินแดนแห่งเวทย์มนต์ ตอนแรกลูซิเฟอร์คิดจะทำลายดาบมาทอร์เล่มนี้ แต่ดาบมาทอร์มีพลังเหนือลูซิเฟอร์มากในตอนนั้น ดังนั้นลูซิเฟอร์จึงเลือกที่จะใช้พลังแห่งความมืดมิดของตนผนึกฉันเอาไว้ที่นี่พร้อมดาบมาทอร์ เพื่อที่ของวิเศษทั้ง 5 จะได้ไม่สามารถนำมารวมกันเพื่อทำลายเขาได้" ราชินีหิมะตอบ

"ลูซิเฟอร์มีชีวิตอยู่ตั้งแต่ยุคแรกๆ จนตอนนี้เวลาผ่านไปก็นานมากแล้วเขาจะยังอยู่ได้ไง"

อนาตาเซียกล่าวด้วยความไม่เข้าใจ

"ลูซิเฟอร์คือจอมมารแห่งเผ่าปีศาจที่แข็งแกร่งที่สุดในดินแดนแห่งนี้ เขาไม่ได้มีแค่พลังอันแข็งแกร่ง แต่ยังมีการสืบสายเลือดกันมาหลายรุ่นไม่มีใครรู้ว่ามีใครบ้างที่เป็นสายเลือดของเขา สายเลือดนี้จะเป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งทำให้พวกนั้นสามารถรวบรวมชิ้นส่วนดวงจิตที่แตกสลายของลูซิเฟอร์ให้สมบูรณ์ได้ และยังทำให้เขาฟื้นคืนชีพได้เต็มที่ที่สุด แม้ว่ามันจะมีทางอื่นที่สามารถชุบชีวิตได้ก็ตามแต่ถึงยังไงลูซิเฟอร์ก็ยังต้องการพลังจากสายเลือดของตนอยู่ดี ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากเขาทำสำเร็จแต่มันคงเดาได้ไม่ยากว่าเขาจะทำอะไรกับดินแดนแห่งนี้ การที่อสูรหิมะออกมาอาละวาดน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับลูซิเฟอร์ด้วยเช่นกัน " ราชินีหิมะตอบ

"ทำยังไงถึงจะปลดผนึกในคุณได้หรอคะ"

"ฆ่าอสูรหิมะเมื่ออสูรหิมะตายผนึกที่นี่จะถูกปลดออก"

"ฉันจะช่วยปลดผนึกให้คุณเองค่ะ ยังไงคุณก็เป็นคนช่วยชีวิตฉันเอาไว้ ถ้าคุณไม่ช่วยป่านนี้ฉันคงแข็งตายไปแล้ว"

"อสูรหิมะมีพลังแข็งแกร่งมาก การฆ่ามันไม่ใช่เรื่องง่าย ตอนนี้มันคงจะอาละวาดฆ่าคนบริสุทธิ์ไปทั่ว ถ้าเธอจะฆ่ามันเธอต้องทำลายไปที่หัวใจของมันเพราะตรงนั้นคือจุดอ่อนจุดเดียวที่จะทำให้มันตายได้"

"ขอบคุณที่บอกนะคะ คุณไม่ต้องเป็นห่วงไม่ว่าจะยังไงฉันจะหาทางช่วยคุณเอง รอฉันก่อนนะคะ" อนาตาเซียกล่าวก่อนเดินออกไปจากถ้ำน้ำแข็ง

เมื่อหญิงสาวเดินทางออกจากถ้ำน้ำแข็งเธอก็มุ่งหน้าตามหาเบลินด้าทันที หญิงสาวเดินทางไปยังหมู่บ้านต่างๆบริเวณแถบนั้น ผ่านแล้วผ่านเล่าผ่านไปหลายหมู่บ้านจนในที่สุดเธอก็พบกับสถานที่พักของคนอพยพ พวกเขาเหล่านี้ถูกอสูรหิมะทำลายบ้านจึงต้องหลบหนีมายังที่นี่เพื่อหลบภัย

ขณะนั้นเองเบลินด้าที่อยู่รวมกับผู้อพยพเธอมองเห็นรูปร่างอันคุ้นเคยของหญิงสาวที่เดินผ่านตนไปและจำได้ว่าลักษณะหญิงช่างเหมือนเพื่อนของตนไม่มีผิด ซึ่งโชคร้ายที่การอาละวาดของอสูรหิมะทำให้ทั้งสองพลัดหลงกัน ดังนั้นเบลินด้าจึงไม่รอช้าเดินตรงไปหาสาวน้อยคนนั้นด้วยความรวดเร็วพร้อมเรียกชื่อเพื่อนของตนออกมาโดยไม่ลังเล

"อนาตาเซีย เธอใช่ไหม"

เบลินด้ากล่าวก่อนที่สาวน้อยตัวเล็กจะเดินจากไปไกล หญิงสาวเจ้าของชื่อจำน้ำเสียงที่คุ้นเคยของเพื่อนได้ เสียงนั้นทำให้เธอต้องหันหลังกลับไปมองจนพบว่ามันเป็นเสียงเพื่อนของเธอนั่นเอง

"เบลินด้า" อนาตาเซียร้องออกมาด้วยความดีใจ

"อนาตาเซียเธอไปอยู่ไหนมา ฉันเป็นห่วงเธอมากเลยรู้ไหม"

"เบลินด้าฉันปลอดภัยดี เธอเองก็ไม่เป็นไรใช่ไหม"

"ฉันไม่เป็นไร ฉันหลบมายังที่อพยพชั่วคราว ที่นี่ปลอดภัย ตอนนี้อสูรหิมะมันทำลายหมู่บ้านไปเรื่อยไม่รู้ว่าตอนนี้หมู่บ้านอื่นๆจะเป็นยังไงบ้าง ตอนแรกที่ฉันหาเธอไม่เจอฉันตกใจมากเลยคิดว่าเธอเป็นอะไรไปแล้วซะอีก"

"ฉันปลอดภัยดีไม่เป็นไรหรอก แล้ว...เรื่องอสูรหิมะเราจะทำยังไง"

อนาตาเซียถามด้วยสีหน้ากังวล

"ตอนนี้มีบางคนที่คิดจะออกไปฆ่าอสูรหิมะ แต่กำลังรวบรวมคนและอาวุธอยู่"

"แสดงว่าเราต้องรอเวลาหรอ"

"ใช่ เพราะพวกเราต้องรวมกำลังคนและอาวุธให้พร้อมก่อน อีกอย่างพวกเรายังต้องใช้เวลาในการแกะรอยตามหามันอีก"

"ไม่มีทางอื่นที่สามารถทำให้เรารู้ได้แล้วหรอว่ามันอยู่ที่ไหน"

"อสูรหิมะมันไม่ใช่อสูรธรรมดามันอาละวาดไปเรื่อยๆตามสถานที่ต่างๆทั้งหมู่บ้าน ที่พักและบ้านคน ไม่มีใครรู้เป้าหมายของมันในการออกอาละวาดและไม่รู้ว่าตอนนี้มันอาละวาดไปถึงไหนแล้ว"

"พวกเธอมีวิธีรับมือกับมันไหม"

"ตอนนี้ทำได้แค่ดูสถานการณ์ไปก่อน พวกเราทำอะไรมากไม่ได้นอกจากช่วยกันตามสถานการณ์ที่เป็นอยู่ อสูรหิมะหลับไหลมานานไม่รู้ว่ามันตื่นขึ้นมาได้ยังไง และที่สำคัญอสูรหิมะเมื่อมันอาละวาดที่ไหนเสร็จ มันก็จะเปลี่ยนร่างเป็นภูเขาหิมะดังเดิมทำให้ไม่มีใครรู้ว่าภูเขาลูกไหนที่เป็นอสูรหิมะตัวจริง ดังนั้นมันจึงทำให้การตามหายากยิ่งกว่าเดิม"

"ฉันเข้าใจแล้ว เอาเป็นว่าตอนนี้พวกเราคงต้องรอดูสถานการณ์ไปก่อน อืม...ถ้ามีอะไรที่ฉันช่วยได้หรืออะไรคืบหน้าเกี่ยวกับการตามหาอสูรหิมะช่วยบอกฉันด้วยนะ"

"ได้ ถ้ามีอะไรฉันจะบอกเธอทันที"

อนาตาเซียกล่าวก่อนที่ทั้งสองจะแยกย้ายกันไปช่วยคนอื่นๆ

คืนนั้นหลังจากทุกคนได้หลับไหลเข้าสู่ห้วงนิทรา มีเพียงแสงไฟจากตะเกียงที่ส่องแสงริบหรี่ตามจุดต่างๆ ขณะนั้นเองอยู่ๆแสงไฟดวงเล็กดวงหนึ่งดวงได้ลอยเข้าไปในที่พักของอนาตาเซีย ก่อนจะร้องเรียกสาวน้อย

"อนาตาเซียตื่นเร็ว"

เสียงกระซิบเบาๆดังขึ้นข้างหูของอนาตาเซีย เสียงกระซิบนั้นทำให้เธอลืมตาขึ้นโดยอัตโนมัติและพบกับร่างเล็กคล้ายผีเสื้อบินมาใกล้ๆ เมื่อสาวน้อยมองดูดีๆก็พบว่าผีเสื้อที่ตนเข้าใจนั้นแท้จริงแล้วดวงไฟเล็กๆนี้คือภูตจิ๋วที่กำลังปลุกอนาตาเซียให้ตื่นอยู่

"คุณเป็นใครหรอ" อนาตาเซียถาม

"ฉันคือภูติหิมะ ราชินีหิมะส่งฉันมาช่วยเธอให้ตามหาอสูรหิมะ เธอต้องรีบออกเดินทางเดี๋ยวนี้" ภูติหิมะกล่าว

"เธอรู้หรอว่าอสูรหิมะอยู่ที่ไหน"

"รู้สิ เร็วเข้าเราต้องรีบไปไม่อย่างนั้นเราจะตามมันไม่ทัน เธอต้องรีบออกเดินทางเดี๋ยวนี้ อสูรหิมะมันอาละวาดออกไปไกลแล้ว ถ้าเราไม่รีบทำลายมัน มันจะอาละวาดและก่อความวุ่นวายไปทั่วดินแดน"

เมื่อได้ยินดังนั้นอนาตาเซียก็รีบลุกจากที่นอนและออกเดินทางไปกับภูติหิมะทันที ก่อนจากไปเธอได้ทิ้งจดหมายเอาไว้ให้เบลินด้าหนึ่งฉบับ และออกเดินทางด้วยความรวดเร็ว ทั้งสองเดินทางมาเรื่อยๆทั้งคืนผ่านภูเขาหิมะลูกแล้วลูกเล่าไม่ได้หยุดหย่อน จนร่างกายของเธอเริ่มเหนื่อยดังนั้นทั้งสองจึงตัดสินใจพักอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง

"อนาตาเซียเธอนอนพักไปนะ ส่วนฉันจะคอยเฝ้าเวรยามเอง" ภูติหิมะกล่าว

"แล้วเธอไม่นอนหรอ" อนาตาเซียถามกลับ

"ภูติหิมะแบบฉันไม่เคยนอน เธอไม่ต้องเป็นห่วง ฉันอยู่ในที่แบบนี้ได้สบายโดยไม่ต้องพัก"

เมื่อไม่สามารถโต้เถียงกับภูติหิมะได้อนาตาเซียจึงนอนหลับใต้ต้นไม้ทันที เวลาผ่านไปไม่นานหลังจากพักผ่อนเรียบร้อยแล้วทั้งคู่จึงเริ่มออกเดินทางอีกครั้งโดยลัดเลาะตามเทือกเขา พร้อมแกะรอยตามอสูรหิมะไปเรื่อยๆ ขณะที่ทั้งสองกำลังตามรอยอสูรหิมะอยู่ภูติตัวจิ๋วก็นึกอะไรบางอย่างออก

"อนาตาเซียราชินีหิมะฝากหนังสือเล่มนี้มาให้เธอ ราชินีบอกว่าหนังสือเล่มนี้อาจจะมีประโยชน์กับเธอ" ภูติหิมะกล่าวพร้อมเสกหนังสือเล่มใหญ่ 1 เล่มให้ยื่นอนาตาเซีย

"มันคือหนังสืออะไร"

"หนังสือรวมสัตว์อสูร หนังสือเล่มนี้จะบอกประวัติของสัตว์อสูรทั้งหมดรวมถึงจุดอ่อนของมันด้วย" ภูติหิมะอธิบาย

หลังจากได้ยินภูติหิมะกล่าวอนาตาเซียรีบเปิดอ่านหนังสือเล่มนั้นทันที

"อืม...ในหนังสือบอกว่าอสูรหิมะไม่ชอบเสียงดนตรีและงานเลี้ยง ดังนั้นเมื่อมันเจอสถานที่ไหนที่กำลังจัดงานเลี้ยงหรือว่ามีเสียงดนตรีอยู่มันจะอาละวาดทำลายข้าวของและฆ่าผู้คนไปเรื่อย อสูรหิมะจะชอบนอนตอนกลางวันและจะออกอาละวาดในช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ตกดิน อสูรหิมะมักจะก่อความวุ่นวายไปยังพื้นที่ต่างๆ ยิ่งมันฆ่าคนได้มากเท่าไหร่มันก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นและหยิ่งผยองมากกว่าเดิม ดังนั้นทางที่ดีเราไม่ควรบุกเข้าไปกระทันหันเพราะจะทำให้มันโจมตีเราได้ง่าย"

"ยังไงต่ออนาตาเซีย อ่านสิ"

"มันจะซ่อนตัวจากกลุ่มคนที่มีอาวุธหรือคนที่มีพลังแข็งแกร่งเพื่อให้ตัวเองปลอดภัยและไม่ถูกเป็นเป้าโจมตี"

"เธอคิดจะหยุดมันยังไง"

"ฉันว่าฉันพอจะคิดแผนออกแล้ว"

"แล้ว...เธอมีแผนทำลายมันแล้วหรอ"

"ก็พอมีแผนอยู่บ้างแต่ยังไม่แน่ใจว่าจะใช้ได้รึเปล่า"

"แผนของเธอเป็นยังไง"

"ฉันจะทำตามที่ราชินีหิมะแนะนำเอาไว้ คือพยายามโจมตีไปที่หัวใจของมัน เพื่อให้มันอ่อนแอลงและใช้จังหวะนั้นทำลายหัวใจของมันซะ"

"ถ้าเวทย์ของเธอแข็งแกร่งพอก็น่าจะได้นะ ตอนนี้พวกเราก็เดินทางมาไกลมากแล้ว อีกอย่างทางข้างหน้าก็เริ่มมืดแล้ว คืนนี้พวกเราไปพักใต้ต้นไม้ใหญ่นั้นก่อนก็แล้วกัน"

"ตกลง"

ทั้งสองเดินตรงไปยังใต้ต้นไม้ใหญ่แห่งหนึ่งในพื้นที่ขาวโพลนอันเต็มไปด้วยความหนาวเย็น แต่ขณะที่ช่วงเวลาแห่งการพักผ่อนจะมาเยือน ทั้งคู่ที่กำลังสนทนากันถึงอสูรหิมะ ก็เกิดแรงสั่นสะเทือนเล็กน้อย เมื่อเห็นท่าทีไม่ดีเช่นนั้นทั้งคู่จึงหาที่หลบเพื่อความปลอดภัยทันที สองคนหลบอยู่หลังก้อนหินก้อนใหญ่ลูกหนึ่ง ก่อนจะพบว่าสิ่งที่ทำให้พื้นดินสั่นสะเทือนนั้นคืออสูรหิมะที่กำลังเดินมุ่งหน้าตรงไปทางหมู่บ้านใกล้ๆนี้นี่เอง

"อสูรหิมะภูติจิ๋ว มันกำลังมุ่งหน้าไปทางหมู่บ้าน"

"ใช่ มันน่าจะไปอาละวาททำยังไงดี เธอจะเข้าไปขวางมันตอนนี้รึเปล่า" ภูติหิมะถามอย่างร้อนใจ

"ฉันเองก็ไม่แน่ใจ แต่เราปล่อยให้มันไปทำร้ายผู้คนในหมู่บ้านไม่ได้"

"แล้วเธอจะทำยังไงล่ะ"

"ฉันจะหาทางปีนขึ้นไปตามตัวมันโดยที่ไม่ให้มันรู้ตัวเพื่อหาหัวใจ จากนั้นจะใช้พลังเวทย์โจมตีไปที่หัวใจของมัน ส่วนเธอก็ไปล่อมันให้เดินไปทางอื่นล่อไปที่ไหนก็ได้ที่ไม่มีผู้คน"

"ตกลง ระวังตัวด้วยล่ะ" ภูติจิ๋วกล่าวด้วยความเป็นห่วงก่อนแยกย้ายกันทำตามแผน

ทั้งคู่ต่างแยกกันไปทำหน้าที่ของตัวเองโดยภูติหิมะได้ล่ออสูรหิมะให้เดินออกไปจากเส้นทางเดิม ส่วนอนาตาเซียที่กินลูกกวาดล่องหนก็ค่อยๆปีนขึ้นไปตามร่างของอสูรหิมะ ขณะที่แผนดำเนินไปได้ด้วยดี ตอนนั้นเองอนาตาเซียหันไปพบกับหน้าผาที่ห่างจากอสูรหิมะไม่ไกลมาก ดังนั้นเธอจึงตะโกนบอกภูติหิมะให้บินรีบไปที่หน้าผาเพื่อหลอกล่อทันที เมื่ออสูรตัวร้ายได้ยินเสียงอนาตาเซีย มันจึงรู้ว่ามีบางอย่างกำลังไต่อยู่ตามตัวของมัน เจ้าอสูรใช้มือปัดไปตามร่างกายไม่หยุด จนอนาตาเซียที่กำลังเกาะอยู่เริ่มสูญเสียการทรงตัว

เวลาผ่านไปจนจะครบเวลา ลูกกวาดที่อนาตาเซียกินลงไปใกล้จะหมดฤทธิ์แล้ว ดังนั้นเธอจึงรีบปีนขึ้นไปยังจุดหัวใจของอสูร ในช่วงเวลานั้นเธอรีบกินบิสกิตย่อส่วนทันที ทำให้ร่างกายของอนาตาเซียเล็กลงเรื่อยๆจนแทบจะมองไม่เห็น เธอใช้ร่างเล็กนี้แทรกซึมเข้าไปในหัวใจของอสูรหิมะและใช้เวทย์ที่เรียนมาทำลายหัวใจของมันทันที ไม่นานเมื่อเวทมนต์เริ่มแทรกซึมเข้าไปในร่างกายอสูรหิมะได้ส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เมื่อเห็นดังนั้นร่างเล็กๆก็รีบเพิ่มพลังเวทย์ทำลายหัวใจของอสูรหิมะจนในที่สุดหัวใจของมันกุแตกออกเป็นเสี่ยงๆ

อสูรหิมะที่ได้รับความบาดเจ็บสาหัสจนเริ่มสูญเสียการทรงตัวและควบคุมตนเองไม่ได้ มันวิ่งสะเปะสะปะไปเรื่อยๆไม่รู้ทิศทาง จนตกลงไปในหน้าผาสูง ส่งผลให้ร่างของอสูรหิมะแตกออกจากกันเป็นเสี่ยงๆจนสิ้นใจตาย

"อนาตาเซียเธอปลอดภัยดีใช่มั้ย"

ภูติหิมะถามขณะบินไปเห็นอนาตาเซียที่เกาะอยู่ริมหน้าผาหิมะ

"ฉันปลอดภัยดี" อนาตาเซียตอบพร้อมกับไต่ขึ้มมาจากหน้าผาด้วยความทุลักทุเล

"ดีนะที่เธอปลอดภัย ตอนแรกตกใจแทบแย่"

"ฉันไม่เป็นไรค่ะ ยังดีที่ครั้งนี้จัดการมันได้ถ้าครั้งนี้จัดการไม่ได้เราคงจะลำบากมากแน่นอน"

อนาตาเซียกล่าวพร้อมมองลงไปยังซากของอสูรหิมะด้านล่าง

ถ้ำหิมะ

"ขอบคุณเธอมากเลยนะอนาตาเซียที่ช่วยปลดผนึกให้ฉัน" ราชินีหิมะกล่าวขอบคุณ

"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ยังไงคุณก็เคยช่วยชีวิตฉัน อีกอย่างถ้าคุณไม่ส่งภูติหิมะไปช่วยป่านนี้ฉันคงยังจัดการอสูรหิมะไม่ได้"

"ไม่ว่ายังไงตอนนี้ฉันก็เป็นอิสระจากถ้ำนี้แล้วต้องขอบคุณเธอจริงๆที่มอบอิสระให้ฉันอีกครั้ง"

"ตอนนี้เป็นอิสระแล้วคุณจะทำยังไงต่อไปหรอคะ"

หลังจากได้ยินคำถามของสาวน้อยราชินีหิมะมองไปรอบๆก่อนจะตอบคำถามนั้นด้วยความมุ่งมั่น

"ถึงจะเป็นอิสระแต่ฉันยังต้องดูแลดาบมาทอร์อยู่ที่นี่เหมือนเดิม เพียงแค่ตอนนี้ฉันสามารถไปที่อื่นได้ตามใจชอบก็เท่านั้น" ราชินีหิมะตอบ

"เป็นอย่างนี้นี่เอง"

"ฉันจะสร้างปราสาทน้ำแข็งและอาศัยอยู่ที่นี่เหมือนเดิม เมื่อไหร่ก็ตามที่เธอมาเมืองมาธีออคัสอย่าลืมมาเยี่ยมฉันด้วยล่ะ"

"แน่นอนค่ะ ถ้ามาที่นี่อีกฉันจะมาเยี่ยมคุณ"

นับแต่นั้นเป็นต้นมาทุกคนในดินแดนแห่งเวทมนตร์ต่างรู้จักชื่อของอนาตาเซียสาวน้อยผู้ปราบอสูรหิมะ ผู้มีความสามารถเกินอายุของตนเอง ทำให้ชาวเมืองมาธิออคัสทุกคนชื่นชมในความกล้าของเธอที่เดินทางผ่านอันตรายไปปราบอสูรหิมะและช่วยชาวเมืองเอาไว้ รวมถึงช่วยปลดผนึกราชินีหิมะให้เป็นอิสระจากลูซิเฟอร์ ตอนนี้หลายคนในโรงเรียนต่างชื่นชมและมองเธอเป็นนักเรียนมากความสามารถที่หาตัวได้ยากในดินแดน

โรงเรียนเวทย์มนต์สตาเดเฟีย

หลังจากเรื่องวุ่นวายได้ผ่านไปอนาตาเซียกับเพื่อนของตนก็เดินทางกลับอาณาจักรกลาง เพื่อกลับไปใช้ชีวิตปกติของตน

"ไม่คิดว่าการไปงานรวมสัตว์วิเศษครั้งนี้จะทำให้เธอกลายเป็นสาวน้อยผู้กล้า"

เบลินด้าพูดกับเพื่อนของตนด้วยความภูมิใจ

"ต้องขอบคุณเธอที่ชวนฉันไปที่นั่นด้วย"

"ไม่คิดว่าฉันจะได้อยู่ที่นั่นนานขนาดนี้ ตอนแรกว่าจะไปแค่ 5 วัน ตอนนี้ผ่านไปเกือบครึ่งเดือนแล้วพึ่งจะได้กลับบ้าน ไม่รู้ว่าเพกาซัสของฉันป่านนี้จะเป็นยังไง"

"แล้วเพกาซัสที่ส่งมาถึงก่อนเราใครเป็นคนช่วยดูแล"

"จะใครซะอีกล่ะ ก็คาเล็บไง ฉันส่งจดหมายมาบอกเขาให้ช่วยดูแลเพกาซัสแทนฉันไปก่อน ถ้าเกิดไม่มีอสูรหิมะโผล่ออกมาเราคงไม่ต้องอยู่ที่นั่นนานขนาดนี้ ตอนนี้งานของฉันเยอะจนท้วมหัวหมดแล้ว เฮ้อ"

เบลินด้าบ่นยาวพร้อมกับถอนหายใจเฮือกใหญ่

"เดี๋ยวฉันช่วยงานเธอเอง" อนาตาเซียกล่าว

"อีกเดี๋ยวเธอก็เปิดเทอมแล้ว เอาเวลาไปเตรียมตัวสำหรับเปิดเรียนเถอะ เดี๋ยวเรื่องนี้ฉันจัดการเอง" เบลินด้ากล่าวก่อนจะนึกอะไรออก อืม...จะว่าไปแล้วฉันยังไม่ได้ตั้งชื่อให้เพกาซัสเลยป่านนี้ คาเล็บตั้งชื่อให้มันแทนฉันไปแล้วมั้ง"

"แล้วเธออยากตั้งชื่อมันว่าอะไรหรอ"

"ฉันเองก็ยังไม่รู้ แล้วก็อนาตาเซียฉันพึ่งนึกขึ้นได้ว่าลอร์ดมาเชลล์ส่งบัตรเชิญเธอไปทานอาทารเย็นที่บ้านนี่บัตรเชิญ" เบลินด้ากล่าวพร้อมยื่นซองสีเหลืองประทับตราอันเป็นเอกลักษณ์อยู่กลางซองให้กับอนาตาเซียพร้อมกล่าวถึงจุดประสงค์ของเจ้าของบัตรเชิญครั้งนี้ "เขาอยากทำความรู้จักกับเธอ เนื่องจากจริงๆแล้วเขาได้รับข่าวว่าเธอคือนักเรียนปี 1 ที่สามารถฆ่าอสูรหิมะได้เขาเลยชื่นชม และอยากจะประกาศให้เธอเป็นนักเรียนดีเด่นประจำปีนี้เพื่อเป็นรางวัลสำหรับความกล้าหาญของเธอ เธอเก่งมากเลยนะอนาตาเซียที่ฆ่าอสูรหิมะได้"

"ขอบคุณที่ชมนะ แต่ฉันก็ไม่ได้เก่งขนาดนั้นหรอก"

"ตอนแรกฉันตกใจมากเลยรู้ไหมที่เห็นเธอเขียนจดหมายทิ้งไว้แล้วจากไป แต่ใครจะไปรู้ว่าเธอสามารถปราบอสูรหิมะได้"

"ฉันเองก็ไม่คิดมาก่อนเหมือนกันว่าฉันจะสามารถฆ่าอสูรหิมะได้"

"จริงๆเธอเองก็เหนื่อยมากแล้วกลับห้องไปพักผ่อนเถอะ เรื่องงานที่นี่เดี๋ยวฉันจัดการเอง"

"ตกลง"