webnovel

หลุมพรางมธุรส

Autor: Wennuan
Urbano
Contínuo · 3.6K Modos de exibição
  • 3 Chs
    Conteúdo
  • Avaliações
  • NO.200+
    APOIO
Sinopse

'หน้าเนื้อใจเสือ' เป็นคำจำกัดความที่เมลิสาใช้เรียกชวินทร์ ผู้ชายที่เพอร์เฟคตั้งแต่รูปร่างหน้าตาไปจนถึงหน้าที่การงาน ชาติตระกูล เมื่อความช่วยเหลือของเขา มาพร้อมผลประโยชน์ของตัวเองทั้งสิ้น แม้แต่กับลูกก็ตาม

Chapter 1แรกพบ

อ้อมแขนแข็งแรงโอบรัดแนบแน่น ถ่ายทอดไออุ่นระหว่างผิวกายแท้ต่อกัน ไร้สิ่งใดปกปิด แม้สายตามองเห็นเพียงความมืด แต่เมลก็รับรู้รายละเอียดทุกอย่างของร่างกายสูงใหญ่ ผู้ซึ่งอยู่เหนือร่างของเธอ ตัวของเขากึ่งแข็งกึ่งนุ่ม ผิวเรียบลื่น เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ และมีกลิ่นหอมอ่อน ชวนให้หัวใจที่เต้นถี่รัวอยู่แล้ว ยิ่งสั่นรุนแรงแทบทะลุออกจากอก

เมลตื่นเต้นเจียนใจจะขาด ในท้องขดมวลปั่นป่วน ว้าวุ่นไปหมด สองมือเล็กเผลอหยิกขยุ้มกลุ่มผมหนานุ่ม ระบายอารมณ์ตัวเอง สองขายกชันตั้งฉากกับฟูก เกร็งสั่น จิกผ้าปูที่นอน ขนาบอยู่ข้างช่วงเอวของเขา ริมฝีปากของเธอ พัวพันเบียดชิดริมฝีปากอ่อนนุ่ม ซึ่งชักนำทิศทาง สลับออดอ้อนให้ตอบรับ ปลายลิ้นของเขาฉาบรสไวน์ขมเฝื่อนปนหวาน ชวนให้ลิ้มลองหนแล้วหนเล่า ถึงริมฝีปากจะบวมตึงเพียงไหน ก็ไม่อาจละจาก ดังถูกมนต์คาถาสะกดตราตรึงไว้

ความดุดันจากจุมพิตของเขา ประสานจังหวะร่างกายช่วงเอวที่เชื่อมต่อ แผ่นท้องกระทบกันไม่ขาดจังหวะ เกิดเสียงดังระงมแข่งกับเสียงเครื่องปรับอากาศ ทุกครั้งที่ถูกเขารุกล้ำภายในอย่างเด็ดขาด หนักแน่น แม่นยำ ราวกับรู้จักร่างกายของผู้หญิงเป็นอย่างดี ทำเธอแทบสิ้นสติ สมองพร่าเลือน ขาวโพลน นึกคิดสิ่งใดไม่ออก นอกจากคล้อยตามสัมผัสของเขา

ทุกอย่างล้วนเป็นสิ่งไม่คาดฝัน ตั้งแต่หายใจอยู่บนโลกใบนี้มา 29 ปี เธอไม่เคยรู้สึกอย่างนี้มาก่อน และไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้น โดยเฉพาะกับผู้ชายคนนี้ คนที่ไม่เคยอยู่ในความคิดของเธอมาก่อนเลย

"คิดอะไรอยู่...ผ่อนคลาย"

อยู่ๆ ริมฝีปากของเขาก็ละจาก กระซิบน้ำเสียงทุ้มต่ำ แหบ พร่าสั่นเล็กน้อย ติดกับใบหูของเธอ เมื่อปฏิกิริยาของเธอ ฟ้องทุกสิ่งที่สมองครุ่นคิด เธอเม้มริมฝีปาก ลดฝ่ามือทั้งสองเกาะบ่าของเขาเอาไว้ ยึดเหนี่ยวไม่ให้กระเด็นกระดอนไปตามเรี่ยวแรงของเขา ถึงบอกแบบนั้น แต่การกระทำของเขาไม่ช่วยให้เธอผ่อนคลายสักนิด ตรงข้ามกัน ในท้องของเธอหวั่นไหววูบวาบแปลกประหลาด เรียวขาสวยเลยยิ่งสั่นระริกเป็นทวีคูณ

"เดี๋ยวก่อน..."

เมลบอก เพราะแบบนั้น ดวงตาสีดำขลับของเขาถึงจับจ้องเธอ ในแววตาเยือกเย็น แฝงความสงสัยถึงสิ่งที่เธอกล่าว

"อยากหยุดจริงเหรอ"

เขาไม่พูดเปล่า ยังกดช่วงเอว เชื่อมต่อร่างกายรุกล้ำลึกซึ้ง จนแผ่นท้องแนบชิดกัน เมลถึงกับร้องในคอ จิกเล็บทั้งสิบบนบ่าของเขา ระบายความอึดอัดระคนวูบวาบแปลกประหลาด เธอเกลียดความชำนาญของเขา เกลียดพอๆกับสีหน้าถือดี คิดว่าตัวเองเพอร์เฟคที่สุดในโลกของเขา สายตาของเธอบอกความรู้สึกทุกอย่าง เขายิ้มมุมปาก ปล่อยแขนออกจากการกอด จับฝ่ามือ สอดประสานนิ้วทั้งห้าของเธอ กำกระชับ ตรึงติดข้างหมอนหนุนไว้

"หึๆ..."

เสียงหัวเราะขบขันของเขา อยู่แนบชิดใบหู สะท้อนเข้าไปถึงใจ เธอกำมือของเขาไว้แน่น หวังให้เล็บจิกถึงชั้นเนื้อกระดูกของเขา ให้เขารู้ถึงความเกลียดชังที่เธอมี ดูเหมือนว่าเขาเข้าใจ ถึงได้กลั่นแกล้งอย่างลึกซึ้ง ทำเธอปั่นป่วน กระวนกระวาย แทบหน้ามืดขาดใจอยู่หลายครั้ง เธอคิดผิด ตกหลุมพรางของเขา เธอภาวนาให้ผ่านพ้นคืนนี้ไปโดยเร็วสักที

-------------------------------

1 อาทิตย์ก่อน ณ ร้านอาหารกึ่งผับ

"ดื่ม!!! ดื่มๆๆๆ วันนี้ใครไม่ดื่ม ใครหนีกลับบ้านก่อน ฉันจะสาปแช่งจากต้นตระกูลถึงลูกหลานเหลนโหลนเลยคอยดู!! ดื่มๆๆๆๆ"

เสียงเอะอะโวยวายของหญิงสาว ผู้ซึ่งอยู่เรียบร้อยในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาว เข้าคู่กับกระโปรงทำงานสีดำ ตามแบบฉบับสาวออฟฟิศในมหานครอันกว้างใหญ่ ดังลั่นโต๊ะอาหาร แต่แทนที่จะมีใครห้าม เพื่อนสาวอีก 2 คนของเธอกลับมีอาการไม่ต่างกัน พากันยกแก้วเบียร์ชนกันดังลั่น คนที่มีสติกว่าใคร คือชายหนุ่มรูปร่างอ้อนแอ้น ผู้ซึ่งนั่งหน้าหงิกหน้างออยู่ข้างหัวโจกจอมโวยวาย เจ้าของเสียงฟ้าผ่า แข่งกับเสียงดนตรีจังหวะร็อกในร้านอาหาร ในที่สุด เขาก็ทนไม่ไหว พูดออกมา

"โอ๊ย! พอแล้วๆ จะชนกันไปถึงไหน นี่จะเที่ยงคืนแล้วนะแม่คู๊ณ! พรุ่งนี้ต้องเข้างานกันแต่เช้าไม่ใช่เหรอ นังเมล แกหยุดเลย หมดเบียร์ไปครึ่งลังแล้ว เปลืองตังค์"

เสียงเอ็ดของกพล เพื่อนร่วมงานของสาวๆทั้งหลาย ผู้เดียวที่ไม่ได้แตะแอลกอฮอล์เพราะความเกรงใจคนที่บ้าน เปลี่ยนสีหน้าของทุกคนบึ้งตึง โดยเฉพาะเมลิสา หัวโจกในค่ำคืนนี้ ผู้ที่ออกปากชวนเพื่อนร่วมงานมาสังสรรค์ กลบเกลื่อนแผลหัวใจ เมลิสาส่ายหน้า

"นังพอล! อย่ามาทำเป็นคนดี ตั้งแต่ทิ้งเพื่อนไปมีผู้ ทำเรียบร้อย เมื่อก่อนตอนแกอกหักจากโอปป้า ฉันยังนั่งฟังแกร้องไห้ทั้งคืน ค่าเตกิล่าฉันก็จ่ายให้ คราวนี้จะทนฟังหน่อย ไม่ได้หรือไง กลัวผู้สวดเหรอ!?"

เมลิสาต่อว่ายกใหญ่ พาให้เพื่อนที่เหลือส่งเสียงคล้อยตาม ยิ่งแต่ละคนอยู่ในอาการมึนเมา เสียงที่ต่อว่าใส่ยิ่งดังกว่าเดิม

"ใช่! นังพอล ทิ้งเพื่อน แช่งให้ผู้ทิ้งเลยคอยดู"

"ปากเหรอนั่น แม่คุณอ้น แกก็คล้อยตามเมลิสาทุกเรื่องเลยนะ รักกันจริ๊ง! ไม่มีใครห้ามใคร แกก็อีกคน แม่คุณดา ได้ข่าวว่าโต๊ะนี้มีคนถูกผู้ทิ้งแค่คนเดียว พวกหล่อนอีกสองตัวเมาด้วยทำไมหา!"

กพลต่อว่าอนุศราและญาดา ลูกคู่ของเมลิสา ผู้ซึ่งนั่งหัวเราะคิกคัก เติมแก้วเครื่องดื่มหนแล้วหนเล่า แต่คำพูดนั้นทำเมลิสาหยุดชะงัก สงบอาการลง ราวกับการเมาและโวยวายก่อนหน้า เป็นเพียงการแสดงชุดใหญ่ ญาดาและอนุศราจ้องกพลเขม็ง ฝ่ายกพลหน้าถอดสี ถลึงตาใส่เพื่อน ก่อนจะรีบลูบบ่าเมลิสา เพื่อนรักตั้งแต่สมัยมหาวิทยาลัย เป็นการปลอบโยน

"เมล ฉันไม่ตั้งใจ ขอโทษนะหญิง ที่จริงแล้ว แกทิ้งมันต่างหาก ไอ้จ๊วกหน้าประจวดนั่น ไม่คู่ควรกับแกเลย ศีลไม่เสมอกัน สวรรค์เลยกีดกันมันออกจากแกไง"

"เขาชื่อเจตต์ อีกอย่าง สวรรค์คงรักหมอนั่นมากกว่า ถึงได้แฟนใหม่ทั้งสวยและรวยมาก สาวคัพ D เอว S ชะนีหุ่นลูกหมูอย่างฉันจะสู้อะไรได้ ฮึ!"

ฟังวาจาของคนเมา เพื่อนๆก็เงียบลง ต่างรู้ว่าเมลิสา คบหากับผู้ชายที่ชื่อเจตต์มานานหลายปี อยู่มาวันหนึ่ง กลับรู้ข่าวการหมั้นหมายของแฟนตัวเองกับไฮโซ ลูกสาวประธานบริษัทที่ทำงานอยู่ด้วยกัน ชีวิตยิ่งกว่านิยาย เมลิสาถึงได้นัดหมายพาพวกเธอมาสังสรรค์ หวังกลบเกลื่อนความรู้สึก ครู่หนึ่ง ญาดา เพื่อนร่วมงานสาวสวย ผู้ได้ชื่อว่าหน้าเหมือนตุ๊กตาฝรั่งที่สุด ก็ลุกมานั่งข้างเมลิสา ดึงความสนใจ

"พี่เมล ถึงแม้ว่าไฮโซคนนั้นจะดีกว่าพี่ทุกอย่าง พี่ก็อย่าดูถูกตัวเอง ถึงเอวพี่ไม่ได้ 24 นิ้ว แต่เอว 29 นิ้วก็หาเสื้อผ้าใส่ง่ายกว่า โดยเฉพาะไซส์ฝรั่ง ถึงหน้าอกพี่แค่คัพ B ก็หาบราเซียใส่ง่าย ผู้หญิงคัพ D หาบราใส่ยากจะตายไป ถึงพี่จะสูงไม่ถึง 170 ซม. สูงตามมาตรฐานของผู้หญิงทั่วไป แต่ก็จับห่วงบนรถไฟฟ้าถึง พี่มีดีกว่าไฮโซคนนั้นตั้งเยอะ"

"นี่! นังดา ปลอบหรือหลอกด่า เอาดีๆ"

"ล้อเล่นน่าพี่พอล ฉันก็แค่จะบอกพี่เมลว่า พี่ดูถูกตัวเอง ถึงมองเห็นคนอื่นดีกว่า คนเรามีดีไม่เหมือนกัน มาตรฐานความสวยงามควรมาจากภายในจิตใจ ผู้ชายที่ทะเยอทะยานแบบนั้น ดีแล้วที่เลิกกับพี่ได้ อย่าเสียดายเลย"

ญาดาพูดดีมีเหตุผล แต่สำหรับเมลิสา ผู้ชายที่ชื่อเจตต์ คือเพื่อนที่ดีที่สุดของเธอในช่วงหนึ่ง ก่อนจะกลายมาเป็นคนรักที่สมบูรณ์แบบในชีวิต เธอและเขาวางแผนอนาคตไว้ด้วยกันมากมาย มีอะไรก็พูดคุยปรึกษา สำหรับเมลิสา เจตต์คือคนดี คนที่เธออยากจะฝากอนาคตไว้ แต่การที่เขาเป็นคนดี ไม่ได้แปลว่าจะไม่เจ้าชู้ หรือรักเธอ มากกว่าตัวของเขาเอง คิดมาถึงตรงนี้ เมลิสาก็ยิ้มเยาะหยัน ยกแก้วเบียร์ดื่ม หลีกหนีความเจ็บปวดจนจุกตื้อในลำคอ ขอบตาร้อนผ่าว

"ฉันผิดเองที่คาดหวัง...ทุกคนล้วนรักตัวเอง อนาคต ความฝัน ความก้าวหน้าของ สำคัญกว่าความรักเพ้อฝันอยู่แล้วล่ะ หึ...เจ้าชายขี่ม้าขาว มีแค่ในนิยายเท่านั้น ฉันโง่ที่คิดว่าพระเอกในนิยายมีอยู่จริง...ผู้หญิงคนนั้น มีอนาคตให้เขา มีตำแหน่ง มีเงินทอง คนเก่งแบบเขา จะรักตัวเอง แปลกตรงไหน ฉันสิแปลก อ่อนต่อโลก...ไม่รักตัวเอง"

เมลิสาถูกคำพูดสะกิดใจ วาจาที่เก็บไว้ก็พรุ่งพรูออกมา เปลี่ยนสีหน้าเพื่อนๆเจื่อนลง อนุศรารีบกวักมือเรียกญาดาให้กลับไปนั่งข้างตัวเองดังเดิม พลางพยักพเยิดให้กพลปลอบ ฝ่ายกพลถอนหายใจยาว กอดบ่าเมลิสา อิงศีรษะแนบต่อกัน โยกตัวเบาๆ

"ช่างเถอะหญิง ตอนนั้นที่ผู้ทิ้งฉัน แกปลอบฉันว่า ผู้ชายมีมากมายกว่าใบพุทรา อย่าไปหมกมุ่นแค่คนเดียว นี่ยุคไหนแล้ว ทุกคนมีทางเลือกให้ตัวเอง ใครก้าวไปข้างหน้าได้ก่อน คนนั้นมีความสุข แกจำได้หรือเปล่า"

คำปลอบของกพล ช่วยให้เมลิสาสงบใจลงบ้าง เธอยกแก้วเบียร์ดื่มอึกใหญ่ ทำใจให้ลืม ให้ก้าวต่อไปข้างหน้า สมองกลับเห็นเพียงความทรงจำดีๆระหว่างเธอกับเจตต์ ในที่สุด เมลิสาก็กระแทกแก้วเบียร์ลงบนโต๊ะ ยกมือปาดน้ำตาส่งๆ

"ฉันอยากเข้าห้องน้ำ เดี๋ยวมา....ห้ามใครหนีกลับก่อนนะ!"

พูดจบ เมลิสาก็เดินไม่ตรงทางออกจากโต๊ะอาหาร ตรงไปยังห้องน้ำ ท่ามกลางเสียงดนตรีสด ดังกระหึ่ม และสายตาของเพื่อนๆที่มองตามอย่างห่วงใย

---------------------------

"จะขอเงินฉันทั้งที นัดมาเจอในที่แบบนี้เหรอ"

น้ำเสียงราบเรียบ ติดจะเย็นชา แชเชือนไปสักหน่อย มาจากบุคคลผู้ซึ่งนั่งอยู่มุมสุดของร้านอาหาร ใกล้เวที มุมโต๊ะที่ไม่มีใครเดินผ่านและเป็นส่วนตัวที่สุด แสงสีชมพูภายในร้าน ส่องกระทบชุดสูทสีครีม เนื้อผ้าดี มียี่ห้อ ราคาแพง ลงตัวกับเสื้อเชิ้ตสีดำ เมื่อรวมกับใบหน้าสะอาดหมดจด เข้าขั้นสำอาง สีหน้าเรียบเฉยแล้ว เขาคนนี้ดูดียิ่งกว่าพระเอกซีรี่ส์ยอดนิยมเสียอีก ติดก็แค่แววตาเฉียบคม เข้าขั้นดุดัน เปลี่ยนบรรยากาศรอบตัวให้ดูน่าขนลุกมากกว่าน่าเข้าหา ทำให้ศรันย์ ผู้เป็นน้องชาย กลืนน้ำลายอึกใหญ่ รีบยกแก้ววิสกี้ขึ้นดื่ม กลบเกลื่อนความรู้สึก และปลุกความกล้าไปในตัว

"ถ้าฉันมีเงินเหมือนอย่างพี่ คงนัดเจอบนเรือสำราญ ล่องแม่น้ำ ดินเนอร์สุดหรูแล้วล่ะ นี่งบฉันมีจำกัด คุณย่าตัดเบี้ยเลี้ยงฉันแทบไม่เหลือแล้ว พี่ก็อย่าจู้จี้ไปหน่อยเลย"

ศรันย์ ทำเสียงคล้ายงอนกลับ แอบหวังให้ ชวินทร์ พี่ชายคนโต นึกเห็นใจตัวเองบ้าง แต่ตรงกันข้าม สายตาของพี่ชายเขายิ่งดุอย่างกับสิงโตล่าเนื้อ จ้องกวาดตัวเขาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า อ่านความคิด ชวนให้ศรันย์ขนลุกชูชัน รู้สึกว่าคิดผิดไปหน่อยที่ขอความช่วยเหลือจากคนตรงหน้า

แต่ไหนแต่ไร ชวินทร์เป็นคนที่ครอบครัวปลูกฝังให้เป็นผู้นำมาตั้งแต่เล็ก นิยมความสมบูรณ์แบบ เรียนดี ทำงานดี สมบูรณ์แบบตามที่บ้านตระกูลไวทยะต้องการทุกอย่าง แลกกับความรู้สึกปกติของมนุษย์ทั่วไป พี่ชายของเขา ดูเหมือนหุ่นยนต์ที่ถูกโปรแกรมมากขึ้นทุกวัน แตกต่างจากเขาราวฟ้ากับเหว ถึงเป็นแบบนั้น ชวินทร์คือคนที่พึ่งพาได้มากที่สุด ขณะที่ญาติพี่น้องคนอื่นหันหลังให้เขา พี่ชายคนโตกลับไม่เคยทำแบบนั้น

"พี่ไนท์ น้องชายเดือดร้อนจริงๆนะ นี่ก็ติดค่าเหล้าผับนี้ไว้ ต้องเป็นดีเจใช้หนี้ให้เขา เงินแทบไม่เหลือเช่าห้อง ถ้าพี่ให้ยืม ครั้งนี้ฉันสัญญาว่าจะหามาคืน หากไม่มีคืน ฉันจะ...."

ศรันย์ครุ่นคิดหาคำพูดอยู่ครู่ พลางจ้องชวินทร์อย่างมุ่งมั่น

"ฉันจะ...พยายามยืมคนอื่นมาใช้คืนพี่"

ฟังคำพูดของน้องชายคนเดียว ชวินทร์ก็ลอบถอนหายใจ เขาหยิบเช็กขึ้นมาเซ็น แล้วฉีก ยื่นให้น้องชาย ศรันย์ถึงกับยิ้มร่าง ดวงตาเป็นประกาย เมื่อเห็นยอดเงิน แต่คำพูดต่อมาก็ทำเขาหน้าตื่นขึ้นมา

"หนึ่งเดือน ถ้าหามาคืนฉันไม่ได้ แลมโบกินีของนาย จะเป็นของฉัน"

ชวินทร์ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงกว่า 187 เซนติเมตร แล้วเดินออกจากโต๊ะไป โดยไม่สนใจสีหน้าของน้องชาย ผู้ซึ่งมีอิสระทำอย่างใจคิดทุกอย่าง ไร้ซึ่งแรงกดดันใดใด ใช้ชีวิตไม่เป็นโล้ไม่เป็นพาย ศรันย์ฮึดฮัดขัดใจ ว่าตามหลังไป

"แค่นี้ก็ต้องงกด้วย ทีกับโรซี่ทำใจป้ำ พาขึ้นเฮลิคอปเตอร์ทัวร์ฮ่องกง เห็นผู้หญิงดีกว่าน้องในไส้!"

ถึงต่อว่าแบบนั้น ชวินทร์ก็ไม่หันมอง ทำหูทวนลม เดินลัดเลาะไปทางห้องน้ำ ปล่อยน้องชายฉุนเฉียวอยู่ลำพัง

--------------------------

น้ำเย็นช่วยให้รู้สึกดีขึ้นมาบ้าง เมลิสามองใบหน้าตัวเองในกระจกบานใหญ่ของห้องน้ำร้านอาหาร เห็นพนักงานบริษัทเอกชน เงินเดือนพอซื้อความสุขให้ตัวเอง รูปลักษณ์ธรรมดา แต่งหน้าก็ดูดี ไม่แต่งหน้าก็ธรรมดา แต่งตัวก็ธรรมดา สูงแค่ 165 เซนติเมตร รูปร่างก็ธรรมดา ไม่มีอะไรสะดุดสายตา ใจก็เริ่มหดหู่ขึ้นมาอีกครั้ง เทียบกับคุณหนูไฮโซ ดูดีตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เรียกได้ว่า หน้าสดก็ดูดี รูปร่างนางแบบ ไม่มีอะไรสู้เขาได้เลย ไม่แปลกที่คนรักของเธอจะเลือกหมั้นหมายกับผู้หญิงคนนั้น

ทุกคนล้วนรักตัวเอง เมลิสาเข้าใจ เจตต์เลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเขา เราคุยกันรู้เรื่อง เราต่างมองไม่เห็นหนทางอยู่ด้วยกัน ผู้ชายคนนั้นกำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดดในฐานะผู้บริหาร คนเก่งมีฝีมือแบบเขา มีเหรอที่เจ้าของบริษัทจะไม่เหนี่ยวรั้งไว้ให้ทำงาน เธอไม่ได้โกรธเขา...เธอแค่โมโหตัวเอง ที่คาดหวังกับคนอื่น มากกว่ารักตัวเอง

เมลิสาเงยหน้า สูดหายใจลึก ระงับอารมณ์...เธอกำลังโกรธ เธออยากต่อว่าเขา แต่เธอก็อยากเป็นผู้ใหญ่ที่รับเรื่องแย่ๆได้ และปล่อยมันผ่านไปอย่างเข้มแข็ง...แต่มันยากเกินไป เมลิสาสลัดความคิด ก้าวเท้าเดินออกจากห้องน้ำโดยเร็ว น้ำตาที่หักห้ามไว้ กลับรินไหลไม่ขาดสายอีกครั้ง เธอก้มหน้าก้มตา ยกมือปาดส่งๆ สะอึกสะอื้นตัวโยน เท้าก็ก้าวต่อไป ไม่ทันมองทางข้างหน้า จึงชนเข้ากับอะไรสักอย่างเข้าเต็มแรง จนผงะถอยหลัง ข้อเท้าชนเข้ากับบันได พาให้เธอหงายหลังทันใด

"!!!"

เมลิสาปิดตาแน่น นึกในใจว่าเธอต้องล้มหัวฟาดพื้นแน่ๆ ทว่า มือแข็งแรงอย่างกับปลอกเหล็กกลับคว้าแขนเธอไว้ได้ทัน ออกแรงรั้งตัวเพียงครั้งเดียว เธอก็ยืนตัวตรงแล้ว เรี่ยวแรงมหาศาลของอีกฝ่าย ทำเธอเบิกตาโต จ้องมองเจ้าของการกระทำอย่างคาดไม่ถึง

เธอพบเข้ากับผู้ชายคนหนึ่ง สวมสูทดูดี มีราคา พบเห็นได้ตามสกายเลานจ์ในชั้นดาดฟ้า มากกว่าร้านอาหารมนุษย์เงินเดือน หน้าตาเกลี้ยงเกลาสะอาดหมดจด เรียกได้ว่าหล่ออย่างกับรูปปั้นเดวิดเชื้อสายจีน แต่แววตาอย่างกับสิงโตล่าเนื้อ ดุและมีอำนาจ แถมกำลังมองเธอในสายตาตำหนิมากกว่าขอโทษ เมลิสากำลังโมโห พอถูกมองแบบนั้น เธอก็จ้องกลับแบบเดียวกัน เขาหยุดชะงัก มองพิจารณาเธออีกที

"คุณเดินมาชนผม"

เขากล่าว เธอเลยนิ่งอึ้ง นึกคำโต้กลับไม่ถูกอยู่ครู่ ระหว่างนั้น น้ำตายังไหลไม่ขาดสาย จึงยกมือปาดส่งๆ

"ฉันมองไม่เห็น"

เมลิสาขืนข้อมือออกจากมือของเขา ไม่พูดขอโทษ ถึงเธอเป็นฝ่ายชน แต่เขามองเห็น น่าจะหลบก่อนไม่ใช่เหรอ แถมตัวเขาใหญ่อย่างกับกระทิง เดินปิดทางคนอื่นหมด เธอไม่ยอมรับผิด เลี่ยงหนีไปทางอื่น ทว่า เขากลับเดินมาขวางหน้าไว้ก่อน เธอตวัดสายตามองไม่พอใจ

"คุณต้องการอะไร"

"คุณรู้อยู่"

สีหน้าและแววตาของเขาเรียบเฉย ดูหยิ่งทะนงไม่เบา นิสัยพวกคนมีเงิน ท่าทางของเขาบอกชัดเจน หากวันนี้เธอไม่เป็นฝ่ายขอโทษก่อน คงไม่มีทางได้เดินกลับไปโต๊ะแน่ๆ ครุ่นคิดอยู่ครู่ ก็ตัดสินใจร้องออกมาดังลั่น

"กริ๊ด!!!"

"!!!"

เสียงของเธอพาคนโดยรอบที่อยู่ใกล้ๆหันมองเป็นตาเดียว ชวินทร์เบิกตาโต ตกใจมองการกระทำของเธอ เขารู้ว่าผู้หญิงหน้าตาดีตรงหน้า ต้องการเรียกความสนใจคนโดยรอบ ให้เขาอับอาย เขาเองก็เหนื่อยเกินกว่าจะอธิบายอะไรให้ใครฟัง จึงยุติปัญหา เป็นฝ่ายเดินหนีออกนอกร้านอาหารไปโดยเร็ว

"อ๊าย!! อะไรๆๆ เมล แกเป็นอะไร!!"

กพลได้ยินเสียง ก็วิ่งขาแทบขวิดมาหา ตามด้วยญาดาและอนุศรา ต่างตกใจไม่แพ้คนโดยรอบ เมลิสาส่ายหน้า กอดกพลร้องไห้สะอึกสะอื้นยกใหญ่ ทำเอาเพื่อนกอดปลอบแทบไม่ทัน อนุศรารีบบอกคนโดยรอบที่พากันกรูเข้ามา เพราะนึกว่าเธอถูกทำร้าย

"ไม่มีอะไรค่ะ ไม่มีอะไร เธอกลัวแมลงสาปค่ะ"

"พี่พอล พี่พาพี่เมลกลับไปเถอะ เดี๋ยวค่าอาหารฉันจ่ายไปก่อน พี่ค่อยโอนมาให้ทีหลัง"

ญาดากล่าว ทำกพลหรี่ตามองคาดโทษใส่ แต่ก็ยอมพยักหน้าตอบ

"รู้แล้วๆ ยัยเมล คืนนี้ฉันไปนอนเป็นเพื่อน สภาพแกไม่ไหวแล้ว"

"ฮือๆๆๆ"

เมลิสาร้องไห้สะอึกสะอื้นตัวโยน เดินตามแรงพยุงของกพลไป พอได้ร้องออกมาแล้ว ก็หยุดร้องไม่ได้อีกเลย

----------------------

"โอย..."

เพียงแค่ถูกแสงอุ่นของดวงอาทิตย์ยามเช้า ปลุกสติให้ฟื้นคืน อาการปวดหัวแทบระเบิดก็ถามโถมเข้าใส่จนลุกจากเตียงแทบไม่ขึ้น เมลิสาพลิกกายหนีแสง ยกหมอนปิดใบหน้า แม้ว่าได้ยินเสียงฝีเท้าหนักๆเดินมาใกล้ พร้อมกับกลิ่นน้ำหอมยี่ห้อแบรนด์ดัง เธอก็ทำเป็นไม่สนใจ

"เอ้าๆ มิสเมลิสา จะแปดโมงแล้ว ลุกไหวมั้ยหญิง"

กพลเดินเข้ามาถามตามมารยาท แต่ดูจากสภาพ ยังไงเพื่อนของเขาก็ไปทำงานไม่ไหวแน่

"แกนอนไปแล้วกัน เดี๋ยวฉันโทรลางานให้ นี่! แล้วก็อย่าคิดอะไรแปลกๆระหว่างที่ฉันไม่อยู่ล่ะ ผู้ชายมีมากกว่าใบพุทรา ท่องไว้"

"รู้แล้ว...."

เมลิสาตอบเสียงอ้อแอ้ กพลถึงยอมผละห่าง เดินจากไป เมื่อได้ยินเสียงประตูห้องคอนโดมิเนียม ราคามนุษย์เงินเดือน ปิดสนิทเรียบร้อยแล้ว เมลิสาก็ตั้งหน้าตั้งตาหลับอีกครั้ง เธอไม่อยากลุกไปไหนทั้งนั้น

'♫~♪~♫'

เสียงโทรศัพท์ดังสนั่นหวั่นไหว ทั้งสั่นทั้งดังอยู่นานหลายนาที เมลิสากลับเมินใส่ หันหนี แต่ดูท่าปลายสายจะไม่ยอมแพ้ โทรซ้ำๆอยู่อย่างนั้น เธอร้องขัดใจในคอ ยอมกดรับสายโดยไม่ดูเบอร์

"ค่ะ"

"เมล รีบมาที่โรงพยาบาลด่วนเลยลูก"

"แม่!"

เมลิสาสร่างเมากะทันหัน กระเด้งตัวลุกขึ้นนั่ง ใจเต้นไม่เป็นส่ำทันใด

-----------------------------

ณ โรงพยาบาลไวทยะ

หญิงสาววิ่งสุดฝีเท้า เท่าที่รองเท้าผ้าใบราคากลางจะส่งเสริมเรี่ยวแรงได้ ตรงไปยังห้องฉุกเฉิน เธอเห็นมารดาวัยกลางคนยืนอยู่กับน้องชาย ซึ่งยังสวมชุดนักศึกษาอยู่ เธอรีบเข้าไปหาทันที

"แม่ มอส เกิดอะไรขึ้นกับพ่อ"

"พี่เมล เมื่อเช้าพ่อเปลี่ยนหลอดไฟในห้องน้ำ แล้วลื่นล้ม เข้าไปเป็นชั่วโมงแล้ว ยังไม่ออกมาเลย"

มานิต น้องชายคนเล็กของเมลิสา อธิบายเสียงละล่ำละลัก มือก็จับประคองแม่เอาไว้ เมลิสารีบวิ่งไปดูกระจกห้องประตูฉุกเฉิน เธอไม่เห็นอะไรนอกจากม่านสีเขียว ใจยิ่งร้อนรน เดินวนไปวนมาอยู่อย่างนั้น

"มอส แกพาแม่ไปนั่งพักก่อน พี่รอหมอเอง"

เมื่อหันมาเห็นมารดาสีหน้าไม่ดี เมลลิสาก็กล่าวกับมานิต คนเป็นน้องพยักหน้า รีบพามารดาไปหาที่นั่งรอตามคำบอก ปล่อยให้พี่สาวคนโตของบ้านเฝ้าหน้าห้องฉุกเฉินใจดจ่อ เธอรออยู่เกือบครึ่งชั่วโมง หมอถึงเดินออกมา

"คุณหมอ!"

---------------------------

'ค่ารักษาทั้งหมด 8 แสนบาท'

เมลิสานั่งมองราคาในใบปลิวอยู่ด้านหน้าห้องจ่ายยาเพียงลำพัง ครุ่นคิดคำนวณไปมา คำพูดของหมอเจ้าของไข้ยังดังก้องอยู่ในสมอง

'คนไข้ลื่นล้มกระดูกก้นกบหัก 2 ซี่ เพราะมีน้ำหนักตัวมาก ต้องพักผ่อนอยู่โรงพยาบาลสักระยะ แต่ที่น่าห่วงกว่านั้น ทางเราตรวจพบโรคหลอดเลือดสมอง จำเป็นต้องผ่าตัดโดยเร็วที่สุด'

"เมล"

เสียงของมารดาเรียกสติเธอเสียก่อน เมลิสาเงยจากโบชัวร์ค่ารักษาพยาบาล สีหน้าไม่สู้ดีนัก มารดาจึงจับฝ่ามือลูกสาว บีบกระชับไว้ แทนคำปลอบโยน

"แม่จะเอาบ้านเข้าจำนองอีกครั้ง เมลไม่ต้องเป็นห่วง"

"ไม่ได้นะแม่ บ้านหลังนั้น พ่อกับแม่ผ่อนมาทั้งชีวิต เพิ่งหลุดจากธนาคารได้ปีเดียวเอง"

"ไม่มีวิธีอื่นแล้ว ลูกไม่ต้องกังวล ทุกอย่างมีทางออกเสมอ"

คำปลอบของมารดา แม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่สบายใจเลย แต่ก็เข้มแข็ง แนะแนวทางให้เธอเสมอ เมลิสาเสียใจที่เธอไม่อาจหาหนทางช่วยเหลือแม่ได้ เธอกอดมารดาแน่น

"เมลจะหาทางเอาบ้านเราคืนมาให้เร็วที่สุดนะแม่"

ทั้งสองกอดปลอบโยนความรู้สึกต่อกัน แต่แล้ว เสียงฝีเท้าของใครคนหนึ่งก็เรียกเมลิสาเงยขึ้นเสียก่อน สีหน้าของเธอบึ้งตึงทันทีที่เห็นเขา

"เมล"

"เจตต์"

Você também pode gostar

แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี

เมื่อจู่ๆ โชคชะตาก็ทำให้ เยี่ยหวันหวั่น ฟื้นขึ้นมาในคืนแห่งความทรงจำอันเลวร้ายเมื่อ 7 ปีก่อน เธอย้อนเวลากลับมาเกิดใหม่ในบ้านหลังเดิม ที่ยังมีปีศาจแสนเย็นชา ซือเยี่ยหาน คอยอยู่ข้างกาย เขา... คนที่เธอเคยพยายามหนีไปให้พ้น ยอมแม้แต่ทำให้ตัวเองอัปลักษณ์ น่าอับอาย และรักกับชายคนอื่น! แต่ชาติก่อนสมองของเธอคงมีปัญหา ถึงได้ปล่อยสามีสุดหล่อคนนี้เอาไว้ไม่เหลียวแล จึงได้ถูกหญิงร้ายชายชั่วทำร้าย เธอถูก เฉินเมิ่งฉี เพื่อนสนิทที่ไว้ใจที่สุดล้างสมองและหาทางเข้าใกล้ซือเยี่ยหาน จนในที่สุดความสัมพันธ์ระหว่างเธอและสามีก็ถึงคราวแตกร้าว และตัวเธอต้องมีจุดจบอันน่าเวทนา ชาตินี้ในเมื่อมีโอกาสกลับมาอีกครั้ง เธอจะยึดตำแหน่งคนข้างกายซือเยี่ยหานไว้ คอยอาศัยความรักและบารมีของเขา ใช้ชีวิตใหม่ให้คุ้มค่าที่สุดเพื่อเอาคืนคนชั่วพวกนั้น และที่สำคัญคือมีชีวิตที่ดียิ่งกว่าเดิม! ...คิดจะตีหน้าซื่อหลอกใช้ สรรหาวิธีให้เธอยอมถอยเหรอ? ‘ขอโทษที สติปัญญาของฉันอัปเกรดมาแล้ว!’

จ่งจ่งโหย่วเยา · Urbano
Classificações insuficientes
570 Chs

เงารักในรอยใจ

เรื่องเมื่อสี่ปีก่อนทั้งหมดเป็นเพียงความผิดพลาด จี้อี้ แอบชอบ 'เขา' มาโดยตลอด เธอหวังว่าเขาจะชอบเธอบ้าง แต่หลังจากงานเลี้ยงจบมัธยมปลาย ค่ำคืนที่เธอคิดว่าเป็นคืนสุดแสนโรแมนติกกลับกลายเป็นความเพ้อฝันอันว่างเปล่า ... “ถ้าคืนนั้นฉันไม่เมา เธอคิดหรือว่าฉันจะแตะต้องตัวเธอ” “เพราะงั้นเธอบอกราคามาดีกว่า สรุปแล้วคืนนั้นจะเอาเท่าไหร่ เธอถึงจะยอมแล้วกันไป ทำเหมือนเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น” ... ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน ขณะที่เธอคิดว่าตัวเองสามารถลืมเขาได้แล้ว แต่ทุกครั้งกลับพบว่าในส่วนที่ลึกที่สุดในหัวใจกลับมีเงาของเขาอยู่ตรงนั้นเสมอ

เย่เฟยเย่ · Urbano
Classificações insuficientes
1075 Chs

สุดแสงสีหม่น

วีรภัทราเกิดมาในครอบครัวฐานะปานกลาง มีป้านุชเป็นคนคอยเลี้ยงดู เนื่องจากพ่อแม่ของเธอเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเมื่อเธอยังเด็ก แต่ก่อนที่เธอจะย้ายไปอยู่กับป้านุช เธอได้อาศัยอยู่กับคุณปู่ณรงค์ที่ใจร้าย และคุณย่ากัลยาณีที่ป่วยหนักเพราะรับไม่ได้กับเรื่องลูกชายของตัวเอง ทำให้เธอจะต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการปรับตัวเพื่อเติบโตเป็นคนเข้มแข็งและสู้ชีวิตเพียงลำพัง ถึงแม้ว่าลึก ๆ เธอจะอ่อนไหวง่ายกับเรื่องของความรักและความสัมพันธ์กับคนที่อยู่รอบตัวเธอ แต่สิ่งที่เธอยึดมั่นเสมอ แม้เจอกับสิ่งเลวร้ายถาโถมเข้ามา คือเธอจะพยายามไม่หวั่นไหวไปกับมันและเลือกที่จะมองในด้านดี ในช่วงวัยเด็กของวีรภัทรานั้น เธอเจอแต่คนที่ชอบกลั่นแกล้ง แม้ว่าเธอจะมีกัลย์กมลคอยอยู่ข้าง ๆ เธอในช่วงเวลานั้น แต่ก็ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น จนเธอได้รับความช่วยเหลือจากป้านุชในการย้ายโรงเรียน เธอจึงได้ไปเจอกับเพื่อนใหม่ที่ดีกับเธอมากอย่างพริมา ทำให้เธอรู้สึกว่าโลกใบนี้ยังพอมีอะไรดีอยู่บ้าง จนกระทั่งในวัย 24 ปีของวีรภัทรา เธอถูกป้านุชจับแต่งงานกับอัคราวิชญ์ ลูกชายคนเดียวของคุณหญิงวิไลรัตน์ ซึ่งเป็นรุ่นน้องคนสนิทของป้านุช ทำให้เธอปฏิเสธไม่ได้เพราะต้องตอบแทนบุญคุณ หลังจากเธอย้ายเข้าไปอยู่บ้านเดียวกับสามี เธอใช้ความพยายามทั้งการปรับตัว และความอดทนที่จะต้องเผชิญหน้ากับอุปสรรคและปัญหาที่สามีเธอสรรหามาให้จนฟางเส้นสุดท้ายกำลังจะขาด เธอจึงตัดสินใจว่าจะหนีไปต่างประเทศคนเดียว แต่ว่าเพื่อนสนิทสามีอย่างณัฐชานนท์อาสาเข้ามาช่วยดำเนินการให้เธอ ทำให้สามีเกิดความเข้าใจผิด และไม่แค่นั้นยังแอบไปขอเธอจากสามีเธออีกด้วย เรื่องเลวร้ายจึงเกิดขึ้นต่อเนื่องไม่จบไม่สิ้น ช่วงที่วีรภัทราเหนื่อยล้ากับความหนักหน่วงในชีวิตที่ต้องเจอ ก็ยิ่งเป็นการตอกย้ำมุมมองเธอเรื่องการแต่งงานแบบคลุมถุงชนว่ามันเลวร้ายและย่ำแย่แค่ไหน ไม่เห็นจะเหมือนกับสิ่งที่ป้านุชเคยสัญญาและพร่ำบอกกับเธอไว้เลยว่า จะมีความสุข ตอนนี้เธอกลับรู้สึกว่าไม่จริงซะแล้ว แต่ยังดีที่มีอาทิมาเป็นยาดีช่วยเติมเต็มและเปลี่ยนมุมมองความคิดการทนอยู่หรืออยู่ทนของทั้งคู่ ท้ายที่สุดแล้วคนในครอบครัวจะใกล้ชิดกันมากขึ้นไหม ทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับความเข้าใจ การยอมรับ และปรับตัวเข้าหากัน เพราะสิ่งนี้จะเป็นตัวช่วยให้ความสัมพันธ์ในครอบครัวยั่งยืน

memento_mori_7964 · Urbano
Classificações insuficientes
30 Chs

ปมรัก รอยอดีต โดย ฮาร์โมนิก้า

ชีวิตที่เคยสมบูรณ์แบบของเธอในวัยสิบห้าปี ได้พังภินท์ลงเมื่อวันที่เธอและมารดาท้องแก่ถูกจับตัวไปเรียกค่าไถ่ คืนวิปโยคในถ้ำมรณะที่คร่าชีวิตมารดาและน้องชายที่ยังไม่เคยมีโอกาสลืมตาดูโลก อนาสเตเซีย คิริยาคอส ผู้กลายเป็นทายาทเพียงคนเดียวของมหาเศรษฐีธุรกิจเดินเรือของกรีซ กลายเป็นโรคซึมเศร้า เก็บตัว และออกห่างจากบิดา ทุกคนที่รัก รวมถึงกฤช คริสตอฟ อนาโตลาคิส ผู้เป็นทั้งญาติ พี่ชายที่แสนดี และผู้ครอบครองดวงใจของเธอตั้งแต่วัยเยาว์ เพื่อใช้ชีวิตแบบโดดเดี่ยวราวกับต้องการลงโทษตัวเอง เจ็ดปีต่อมาเธอกลับมายังกรีซอีกครั้ง และได้ตัดสินใจแต่งงานกับนิโคลาโยส วาลลาซ ชายหนุ่มรูปหล่อปานเทพบุตร ผู้มีเสน่ห์เหลือล้น ทว่าเธอได้พบความจริงหลังการแต่งงานไม่นานว่าเขาไม่ใช่สามีที่ซื่อสัตย์ ที่สำคัญเขาไม่ได้รักใคร่ใยดีเธอ มากไปกว่าต้องการมีทายาทกับเธอเท่านั้น ในยามที่ลูกชายของเธออายุครบสี่ปี เหตุร้ายต่าง ๆ ได้หวนกลับคืนสู่ชีวิตเธออีกครั้ง บุตรชายที่ถูกจับเรียกค่าไถ่ บิดาผู้เป็นที่พึ่งสำคัญประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำ มารดาเลี้ยงผู้ท้องแก่หายสาปสูญไปอย่างไร้ร่องรอย ขณะที่หลักฐานต่าง ๆ เริ่มผูกมัดเธอมากขึ้น พร้อมกับเงื่อนงำมากมายซึ่งเชื่อมโยงไปยังสามีของเธอ และราวกับใครบางคนเจตนาทิ้งร่องรอยเศษขนมปังให้เธอตามรอยไปถึงปริศนา ณ ถ้ำมรณะ อนาสเตเซีย ผู้ติดกับดัง และต้องสูญเสียสถานะทางสังคม อิสรภาพ ทรัพย์สิน และบุตรชายสุดที่รัก เธอจะสามารถเอาชนะสามีโฉด และทวงคืนชีวิตของเธอมาจากคนเจ้าเล่ห์เช่นเขาได้อย่างไร นวนิยายรักดราม่า โรแมนติก ฆาตกรรม หักเหลี่ยม เฉือนคมที่ชวนลุ้นตั้งแต่ต้นจนจบ

ANNIEmalista · Urbano
Classificações insuficientes
16 Chs

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urbano
Classificações insuficientes
710 Chs

Avaliações

  • Taxa Geral
  • Qualidade de Escrita
  • Atualizando a estabilidade
  • Desenvolvimento de Histórias
  • Design de Personagens
  • Antecedentes do mundo
Opiniões
Uau! Você seria o primeiro revisor se você deixar seus comentários agora!

APOIO