webnovel

หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม

เธอคือหมอ(รักษาสัตว์)เทวดาคนแรกของอาณาจักร เริ่มจากข้ามมิติมาอยู่ในร่างของเด็กสาวชาวบ้านผู้แสนยากจน ทางซ้ายมีท่านแม่ที่ป่วยกระเสาะกระแสะ ทางขวาก็มีน้องชายตัวน้อยคอยให้ป้อนข้าว ที่แย่ไปกว่านั้นคือ เธอถูกผู้ชายเฮงซวยยกเลิกการแต่งงาน… ให้ตายเถอะ! เสือไม่โอ้อวดพลังก็จริง แต่เห็นเธอเป็น HelloKitty หรืออย่างไร ถึงมารังแกกันแบบนี้?! สั่งสอนผู้ชายเฮงซวย รักษาอาการป่วยของท่านแม่ เลี้ยงดูน้องชายที่ผอมแห้งแรงน้อย บุกเบิกที่นารกร้าง ปลููกพืชบนที่ดินว่างเปล่า นั่งดูความอุดมสมบูรณ์ แล้วก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข วันเวลาอันแสนสุขค่อยๆ ผ่านไป... วันหนึ่งก็ได้ยินว่าเทพแห่งความตายผู้น่าสะพรึงกลัวจะมาเยือนถึงหน้าบ้าน บังคับขู่เข็ญให้เธอแต่งงานด้วย? ถึงเธอจะชอบผู้ชายหน้าตาดีก็เถอะ แต่ได้ยินว่าท่านอ๋องผู้นี้… “ท่านอ๋อง พวกเราไม่ได้สนิทกันเสียหน่อย!” หญิงสาวพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “เหอะๆ” ท่านอ๋องยกยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย แล้วคว้าเด็กน้อยตัวอ้วนจ้ำม่ำสามคนออกมาจากด้านหลัง “เรียกแม่สิ” เธอล่ะอยากจะเป็นลม...

เพียนฟางฟาง · História
Classificações insuficientes
946 Chs

007 การเก็บเกี่ยวอันอุดมสมบูรณ์

บทที่ 7 การเก็บเกี่ยวอันอุดมสมบูรณ์

แสงในห้องมืดสลัว เถี่ยตั้นน้อยซดน้ำแกงคำสุดท้ายหมด สองมือลูบท้อง ทั้งอิ่มท้องและอิ่มอกอิ่มใจอย่างหาที่สุดมิได้

ไก่ป่าตัวนี้มีเนื้อมาก หลังจากแบ่งให้ครอบครัวลุงใหญ่ไปแล้วครึ่งหนึ่ง ก็ยังเหลืออีกหนึ่งหม้อเล็ก

อวี๋หวั่นป้อนน้ำแกงไก่ให้นางเจียง ทั้งยังนำสมองไก่ไปรวนอีกด้วย

นางเจียงยังคงตื่นมาได้เพียงครู่เดียว หลังจากนั้นก็หมดสติไปดังเคย

“ท่านพี่ วันนี้พวกเราจะกินอะไรกันหรือ” เถี่ยตั้นน้อยนั่งแช่เท้าอยู่บนเก้าอี้เตี้ยข้างเตาไฟ เขาแช่เท้าพลางถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น

อวี๋หวั่นถือผ้าฝ้ายเนื้อหยาบเดินไปหา “เครื่องในไก่ยังไม่ได้กิน พรุ่งนี้พี่จะผัดต้นกระเทียมกับเครื่องในไก่ให้เจ้า”

“เครื่องในไก่คืออะไรหรือ”

“ก็คืออวัยวะภายในของไก่”

“แล้วอวัยวะภายในคืออะไรหรือ”

เจ้าเด็กคนนี้ พอได้พูดขึ้นมาเมื่อไร ก็จะเจื้อยแจ้วไม่หยุด

อวี๋หวั่นจึงตอบไปว่า “ไม่ต้องพูดแล้ว ถ้าเจ้าตื่นเต้นแล้วจะนอนไม่หลับ”

“อื้อ” เถี่ยตั้นน้อยตอบอย่างว่านอนสอนง่าย ไม่ถึงหนึ่งวินาทีก็ทำท่าจะพูดอีก

แต่ไม่ต้องรอให้เขาอ้าปากเอ่ยคำพูด อวี๋หวั่นก็หรี่ตามองเขา พร้อมกล่าวว่า “ตื่นเต้นก็คือสิ่งที่เจ้าเป็นในตอนนี้”

เถี่ยตั้นน้อยเงียบลงด้วยความขุ่นเคือง

อวี๋หวั่นนั่งยองๆ นวดเท้าให้เถี่ยตั้นน้อย

ส้นเท้าของเด็กคนนี้โดนความหนาวกัดจนแข็งและเจ็บไปหมด

เมื่ออวี๋หวั่นหยิบรองเท้าของเถี่ยตั้นน้อยมา ก็พบว่าพื้นรองเท้าขาดเป็นรู

เธอจึงไปดูรองเท้าที่เหลืออยู่ของเถี่ยตั้นน้อย ปรากฏว่ารองเท้าทุกคู่ล้วนแต่ทั้งขาดทั้งเก่า

อวี๋หวั่นพาเถี่ยตั้นน้อยเข้านอน “นอน ไม่ให้พูดแล้ว”

“ท่านพี่!” ทันใดนั้นเถี่ยตั้นน้อยโพล่งขึ้นด้วยความตื่นเต้น

“พี่บอกแล้วไม่ใช่หรือไง ว่าไม่ให้พูดแล้ว” เธอหันไปตอบเขา

เขาไม่รู้ว่าเมื่อใดที่ตนล้มตัวลงนอนตรงที่ที่เธอเคยนอนเมื่อวาน

เธอมองไปทางน้องชาย เขาขยับตัวไปทางนางเจียง ดวงตาใสราวกับบ่อน้ำกะพริบน้อยๆ “ท่านพี่ ที่นอนของท่านอุ่นแล้ว! ท่านรีบมานอนเร็ว!”

อวี๋หวั่นไม่แสดงสีหน้าใด แต่ความขุ่นมัวในใจพลันสลายไปทันที เธอยิ้ม พร้อมกล่าวเสียงเบาว่า “ได้ พี่จะไปนอน”

......

อีกด้านหนึ่ง นางจ้าวกลับนอนกระสับกระส่าย

นางคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกลางวัน รู้สึกราวกับตนเองเจอผี

นางเด็กคนนี้ นางเห็นมาตั้งแต่เด็กจนโต ปกติแล้ว เมื่อใดที่นางมีโทสะ จะไม่เคยกล้าลุกขึ้นมาต่อล้อต่อเถียงเช่นนี้ คำว่า ‘ท่านป้า’ แต่ละคำที่เรียกนางนั้น เอ่ยออกมาบ่อยยิ่งกว่าเรียกมารดาตนเองเสียอีก!

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากกลับมาจากบ้านของท่านยาย ก็ปรนนิบัตินางเป็นอย่างดี มิหน้ำซ้ำยังนำเงินที่ได้จากบ้านนั้นมาให้นางและลูกของนางด้วย!

นางเด็กโง่งมผู้นี้เชื่อฟังนางมาตลอด เกิดอะไรขึ้นกันแน่ เหตุใดไม่เห็นกันเพียงไม่กี่วัน จึงเปลี่ยนไปมากเช่นนี้

นึกถึงว่าน้ำแกงไก่ก็ไม่ได้กิน ทั้งยังถูกอาหวั่นผลักเข้าไปในเล้าหมู นางจ้าวกัดฟันกรอดอยู่ใต้ผ้าห่ม

ทว่า ที่ทำให้นางโกรธที่สุดย่อมไม่ใช่เรื่องนี้ แต่เป็นเรื่องที่บุตรสาวเพิ่งบอกกับนาง ว่านางเด็กอาหวั่นผู้นี้ได้นำน้ำแกงไก่ที่แย่งจากนางไปให้กับบ้านเก่าสกุลอวี๋กินเสียแล้ว!

“นางเด็กเวรนี่ทำให้ข้าโมโหนัก...รอก่อนเถอะ! อาเหิงกลับเมื่อไร ข้าจะให้เขาหย่ากับเจ้า!”

……

เกล็ดหิมะล่องลอยกลางราตรี หิมะตกไม่มาก มีเพียงชั้นบางๆ ปกคลุมพื้นดิน

อวี๋หวั่นตื่นตั้งแต่เช้าตรู่ และมุ่งหน้าไปยังแปลงผัก

แต่ราวกับว่าโชคของเธอนั้นไม่มีเหลืออยู่แล้ว เธอรออยู่ที่แปลงผักประมาณหนึ่งชั่วยาม ก็ไม่พบไก่ป่าเลยสักตัว

ฟ้าสว่างแล้ว เถี่ยตั้นน้อยก็คงจะตื่นนอนแล้วเช่นกัน อวี๋หวั่นทำได้เพียงยอมแพ้ เธอตัดผักกาดขาวต้นที่ถูกแทะจนยับเยินกลับบ้านไป

ใบผักที่เน่าก็เด็ดทิ้งไป แกนกลางผักก็ยังนำไปทำอาหารได้

อวี๋หวั่นเข้าไปในครัว หยิบน้ำแกงไก่ที่เหลืออยู่ชามสุดท้ายออกมา นำผักกาดขาวใส่ลงไป แล้วนำน้ำมันไก่ที่สกัดไว้เมื่อวานไปใช้ผัดต้นกระเทียม ทั้งยังนำหัวผัดกาดที่ยังไม่ได้กิน ไปล้างและคลุกเครื่องปรุง

นี่คืออาหารมื้อสุดท้ายของพวกเขาแล้ว

ตู้เก็บชามกลับมาว่างเปล่าอีกครั้ง

เมื่อครู่เธอคิดไว้แล้ว ไม่มีไก่กินก็ไม่เป็นไร หน่อไม้ก็นับว่าเป็นของดี แม้จะไม่รู้ว่าเงินในสมัยโบราณจะมีค่ามากมายหรือไม่ ทว่าขอเพียงมีผัก ก็สามารถนำไปขายได้อย่างแน่นอน

ที่นี่มีหน่อไม้ไม่มาก อวี๋หวั่นค่อยๆ ขุดหนึ่งด้าน สามารถขุดหน่อไม้ออกมาได้เพียงหกหน่อ

ก็ยังน้อยเกินไป

สายตาของอวี๋หวั่นก็ไปตกอยู่ที่ลาดเขาด้านหลังกอไผ่

หากมองไม่ผิด ถัดจากลาดเขาไปก็จะเป็นยอดของเขาลูกหนึ่ง ไม่แน่ว่าบริเวณนั้นอาจเป็นป่าไผ่อันเขียวชอุ่ม

“เถี่ยตั้น พี่จะออกไปข้างนอกสักพัก เจ้าอยู่บ้านดูแลท่านแม่นะ”

หลังจากที่บอกน้องชายเรียบร้อยแล้ว อวี๋หวั่นก็สะพายตะกร้าขึ้นไปบนเขา

ยอดเขานั้นดูเหมือนจะอยู่ใกล้ แต่เมื่อเดินไปจริงๆ เธอกลับพบว่าระยะทางนั้นไกลเหลือเกิน โชคดีที่ร่างนี้ผ่านการ

ตรากตรำทำไร่ไถนา สภาพร่างกายจึงนับว่าไม่เลว

หญ้าแห้งบนพื้นจับตัวเป็นน้ำแข็ง รองเท้าที่อวี๋หวั่นใส่อยู่นั้นเป็นรองเท้าธรรมดา พื้นรองเท้าไม่กันลื่น จึงต้องเดินด้วยความระมัดระวังเป็นอย่างมาก

กว่าเธอจะเดินไปถึงป่าไผ่ ก็ใช้เวลาไปถึงครึ่งชั่วยาม

แต่ว่า ที่นี่มีต้นไผ่จำนวนมาก ทั้งต้นใหญ่ทั้งสีเขียวสด และยังอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของไผ่ หอมกว่าหลังบ้านเธอเสียอีก

อวี๋หวั่นหยิบพลั่วออกมา และเริ่มขุดหาหน่อไม้ทีละน้อย

หน่อไม้ในฤดูหนาวขุดยากกว่าหน่อไม้ในฤดูใบไม้ผลิ

หน่อไม้ในฤดูใบไม้ผลิจะโผล่พ้นพื้นดินขึ้นมา มองปราดเดียวก็หาพบ ขณะที่หน่อไม้ในฤดูหนาวจะฝังอยู่ใต้พื้นดิน ผู้ที่ไม่มีประสบการณ์ย่อมหาพบได้ยากยิ่ง

ที่บ้านเกิดของเธอในอีกโลกหนึ่งนั้น ปลูกต้นไผ่เป็นจำนวนมาก ในฤดูที่ต้นไผ่งอกงาม สิ่งที่เธอชอบที่สุดคือการตามคุณยายไป คุณยายขุดออกมา เธอก็เก็บ เก็บจนหน่อไม้เต็มตะกร้าสะพายหลังใบเล็กของเธอ

แต่ว่าหน่อไม้ที่เธอเคยกินในอีกโลกหนึ่งนั้นไม่ใหญ่เหมือนหน่อไม้ที่นี่

ผ่านไปไม่นาน อวี๋หวั่นก็ขุดหน่อไม้หน่อแรกออกมาได้ หน่อใหญ่กว่าหน่อไม้ที่หลังบ้านเธอสักสองเท่าได้

อวี๋หวั่นลงมือขุดต่อไป หน่อที่ขุดออกมาได้ใหญ่กว่าหน่อเดิม ขุดไปเรื่อยๆ จนหน่อไม้เต็มตะกร้าสะพายหลัง จึงเดินลงเขาด้วยความพึงพอใจ

ใกล้กับลาดเขา อวี๋หวั่นพบแม่น้ำสายหนึ่ง เธอจึงหยุดฝีเท้าลง

เธอมองผิวน้ำอันเรียบสงบ และเลียริมฝีปากเบาๆ

ช่างเป็นวันที่หนาวเหน็บ ไม่รู้ว่าในสายน้ำนี้จะมีปลาหรือไม่

.............................................