娱乐圈头条 หัวข้อข่าว แห่งวงการบันเทิง
ผู้แต่ง กว๋านเอ่อwr
ผู้แปล เติ้ง ลี่เฟิน
บทที่ 7 ผู้กำกับจาง
คนรอบๆ เริ่มเดินเข้ามารวมตัวกัน เด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินยิ้มเข้าไปถามเจียงเซ่อ
“น้องสาว เธอก็มาดูพวกดาราดังเหรอ?”
สักพักเธอก็ถูกล้อมด้วยคนที่พยายามจะเข้ามาพูดคุยกับเธอ พอเจียงเซ่อดึงแขนหลูเป๋าเป่าให้ลุกขึ้นก็มีเสียงรถกำลังวิ่งมาทางขวา เธอหันหน้าไปดูก็พบว่ามีรถกำลังขับเข้ามาในกองถ่าย
ผู้กำกับที่ก่อนหน้านี้นั่งไขว่ห้างอยู่ใต้ร่มกันแดดคันใหญ่ก็รีบลุกขึ้นมาแล้วเดินไปต้อนรับ
พอประตูรถเปิดออก หลูเป๋าเป่าที่ก่อนหน้านี้ดูอดอะไรตายอยากก็ยืนขึ้นแทบจะกลายเป็นกระโดด
“อ๊ายๆๆ นั่นจางจิ้งอานนี่นา จางจิ้งอานมาจริงๆ ด้วย เป็นไปได้ยังไงเนี่ย!”
หล่อนพยายามเก็บอาการตื่นเต้นแล้วพูดกับเจียงเซ่อเบาๆ
“คิดถูกจริงๆ ที่มาวันนี้”
เจียงเซ่อมองดูท่าทางเริงร่าของหลูเป๋าเป่าอย่างไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
“นี่คือจางจิ้งอาน? ที่เธอบอกว่าเป็นผู้กำกับใหญ่น่ะเหรอ? แล้วคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นก่อนหน้านี้เป็นใครกันล่ะ?”
เธอพยักเพยิดหน้าไปทางกลุ่มคนใต้ร่มนั่น ก่อนหน้านี้ก็ได้ยินว่าคนในกองเรียกเขาว่า ‘ผู้กำกับ’ แท้ๆ นี่นา
“น่าจะเป็นรองผู้กำกับน่ะครับ”
ยังไม่ทันที่หลูเป๋าเป่าจะได้ตอบก็มีคนมาพูดเอาอกเอาใจ คลายความสงสัยให้สาวสวยเสียก่อน
“ปกติหนังทั่วไปมีผู้กำกับอย่างน้อยสองคน คอยมาช่วยจัดเรียงการถ่ายทำน่ะ ก็เหมือนกับเรื่องปฏิบัติการผู้พิทักษ์นี่ไงที่เป็นการลงทุนครั้งใหญ่ ดังนั้นสถานที่ถ่ายทำก็จะมีผู้กำกับร่วมกันหลายคน แต่ปกติแล้วผู้กำกับใหญ่ๆ แบบนี้จะไม่ค่อยมาปรากฏตัวในที่แบบนี้หรอกนะ เขามีหน้าที่แค่รับผิดชอบฉากของหลิวเย่และฉากสำคัญอื่นๆ น่ะ”
เด็กหนุ่มที่แย่งโอกาสพูดกับเธอมาได้ หลังจากที่อธิบายให้เธอฟังอย่างละเอียดแล้วก็ยิ้มให้เธอ
“ผมชื่อหวางฉู่เจี๋ย หวางจากคำว่า “ต้าหวาง” ฉู่จากคำว่า “ฉู่กว๋อ” เจี๋ยจากคำว่า “เจี๋ยชู” ผมอยู่ในกองถ่ายมาสักพักแล้วล่ะ ถ้าคุณสงสัยอะไรก็ถามผมได้นะ”
ข้างๆ กลับมีเสียงหัวเราะ ‘เหอะ’ ดังขึ้นมา
“อยู่กับกองถ่ายอะไรกัน ต่างกับตัวประกอบธรรมดาก็แค่เป็นนักแสดงสมทบ เงินเดือนแค่วันละร้อยกว่าหยวนเอง!”
หวางฉู่เจี๋ยที่ได้ยินแบบนั้นก็ปรากฏสีหน้าโกรธเคืองขึ้นมาแล้วหันไปมองคนที่พูดหักหน้าตนต่อหน้าสาวสวยด้วยสายตาเกรี้ยวกราด “ก็นักแสดงสมทบไง ตัวประกอบมีปัญหาอะไรรึไง” ตอนที่เขาพูด สายตาก็ยังแอบลอบมองเจียงเซ่ออยู่เรื่อยๆ
“ตัวประกอบวันนึงก็อาจจะดังขึ้นมาก็ได้ไม่ใช่เหรอ? นักแสดงดังๆ ในวงการตอนนี้แต่ก่อนก็เคยไปเป็นตัวประกอบให้เขาเหมือนกันทั้งนั้นแหละ”
เจียงเซ่อรู้จุดประสงค์ของเด็กหนุ่มคนนี้ดี เธอขอบคุณอย่างมีมารยาทกลับไป สักพักผู้ช่วยผู้กำกับก็มาเรียกคนที่ตกน้ำและคนที่โดนเอฟเฟคเลือดให้ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า
พวกช่างแต่งหน้ารอคำสั่งอยู่ก่อนแล้ว ตำแหน่งที่พวกเขาอยู่ไม่ไกลจากกลุ่มผู้กำกับนัก
ตอนที่เจียงเซ่อเดินไปทางนั้นก็เห็นจางจิ้งอานกำลังเดินลงมาจากรถท่ามกลางเหล่าบอดี้การ์ดพอดี แต่สิ่งที่ทำให้คนอื่นแปลกใจไม่น้อยคือในรถยังมีนักแสดงชายยอดเยี่ยมอย่างหลิวเย่คนที่หลูเป๋าเป่าเอาแต่ชื่นชมไม่ขาดปากนั่งมาด้วย
พอหลิวเย่ปรากฏฏตัวในกองถ่ายก็เกิดความวุ่นวายขึ้นทันที คนมากมายต่างกรูกันเข้าไปดูเขา บางคนก็อยากจะเข้าไปขอลายเซ็นแต่ก็โดนการ์ดสองคนและผู้จัดการส่วนตัวของหลิวเย่กันออกอย่างมีมารยาท
พอจางจิ้งอานมา ผู้ช่วยผู้กำกับก็ไม่มีที่นั่งทันที
ตอนที่เจียงเซ่อเปลี่ยนเสื้อเสร็จแล้วเดินออกมา จางจิ้งอานที่นั่งแทนที่รองผู้กำกับกำลังดูจอมอนิเตอร์อยู่ เขาขมวดคิ้ว สีหน้าดูไม่ดีนัก
ส่วนรองผู้กำกับก็เหมือนกำลังอธิบายบางอย่างให้เขาฟัง ท่าทางเคร่งเครียดและยกมือขึ้นปาดหน้าผากบ่อยครั้ง
ดาราดังคนนั้นสวมแว่นดำและนั่งอยู่บนเก้าอี้ชายหาด เขากำลังดื่มน้ำแร่เย็นและเอียงตัวเข้ามาดูที่จอมอนิเตอร์อยู่หลายครั้ง
จางจิ้งอานสั่งอะไรซักอย่างกับรองผู้กำกับ รองผู้กำกับก็พยักหน้า ไม่นานนักผู้ช่วยก็ถือตัวกระดานแคลปบอร์ดออกมา เจียงเซ่อดูแวบหนึ่งก็เห็นเป็นกระดานฉากของผู้หญิงคนก่อนหน้านี้ที่มีบทพูดกับเกาหรง
เห็นได้ชัดว่าผู้กำกับใหญ่ไม่ค่อยพอใจหญิงสาวคนก่อนหน้านี้เท่าไรนัก และต้องการถ่ายใหม่อีกรอบ
ผู้หญิงคนนั้นที่แต่งหน้าอยู่พอเห็นฉากนี้เข้าก็กัดริมฝีปากแน่น ท่าทางดูเครียดหนักกว่าเดิม
พอทุกคนแต่งหน้าเสร็จ เจียงเซ่อก็ต้องกลับเข้าไปโดนมัดอยู่ที่ริมแม่น้ำอีกครั้ง ถุงเอฟเฟคเลือดถูกใส่ไว้ในตำแหน่งอื่นๆ อีก ทุกคนต่างก็เดินหลบรางกล้องที่อยู่บนพื้น ต่างคนต่างก็กลับไปยืนในตำแหน่งของตัวเอง
หลังจากที่ผู้กำกับให้สัญญานมือ เกาหรงก็เริ่มพูดบทของตัวเองอีกครั้ง หญิงสาวที่มีบทพูดคนนั้นรู้สึกกดดันกว่าเดิมมาก จางจิ้งอานนั่งอยู่หลังจอมอนิเตอร์ ถึงแม้เขาจะไม่ได้พูดอะไร แต่กล้องที่อยู่ตรงข้ามเธอก็สามารถถ่ายเอาสีหน้าอารมณ์ของเธอออกมาได้อย่างชัดเจน
ทุกการกระทำแม้เพียงเล็กน้อยของเธอล้วนตกอยู่ในสายตาของผู้กำกับใหญ่
ก่อนหน้านี้ถ่ายกี่รอบๆ ก็ไม่ผ่าน หล่อนอดที่จะกดดันมากไม่ได้จริงๆ ยิ่งเพิ่มความเครียดเข้าไปอีก ถึงครั้งนี้จะไม่มีเสียงตะโกนว่า ‘คัท’
ผู้ช่วยผู้กำกับเองก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่สายตาที่มองมาที่หล่อนนี่สิ มันน่ากลัวยิ่งกว่าด่าเสียอีก
จางจิ้งอานไม่พูดอะไรออกมา รองผู้กำกับก็บอกว่าเอาใหม่อีกครั้งอย่างเบื่อหน่าย
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ ฉากๆ นี้ก็ถ่ายมาจนถึงตอนเที่ยงแล้ว เจียงเซ่อรู้สึกว่าเหงื่อบนร่างเธอไหลซึมออกมาจากเสื้อผ้าที่เธอสวม ปากคอเธอแห้งผาก ตอนนี้เธอเริ่มรู้สึกจะทนไม่ไหวแล้ว
หลูเป๋าเป่าที่โดนมัดไว้กับเสาไม้ก็เหมือนจะร้องไห้ออกมาเต็มที แต่เพราะความกดดันในกองถ่ายหล่อนจึงอดกลั้นเอาไว้
หลังจากถ่ายไม่ผ่านติดต่อกันหลายๆ ครั้งเข้า ผู้กำกับใหญ่คนนั้นก็ไม่ได้แสดงท่าทางเดือดดาลเหมือนรองผู้กำกับ แต่คิ้วขมวดเข้าหากัน เนิ่นนานจึงค่อยหันไปสั่งอะไรบางอย่างกับผู้ช่วย พูดไปก็หันมามองที่กลุ่มตัวประกอบไปเป็นระยะๆ คนที่ฉลาดหน่อยก็พอรู้แล้วว่าตอนนี้เขาเกิดความคิดอยากจะเปลี่ยนเป็นคนอื่น
พวกตัวประกอบหญิงที่โดนมัดอยู่ที่เสาไม้ดวงตาพลันปรากฏความคาดหวังขึ้นมา
แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมผู้กำกับใหญ่คนนั้นถึงไม่พูดออกมาตรงๆ ว่าจะเปลี่ยนคน แต่กลับทำเหมือนรองผู้กำกับ ตัดสินใจถ่ายฉากชาวบ้านถูกฆ่าก่อน
คนในกองถ่ายเดินเข้าไปใส่ถุงเอฟเฟคให้อีกครั้ง แต่รอบนี้เจียงเซ่อรู้สึกได้ชัดเจนว่าถุงเอฟเฟคนั่นแตกต่างไปจากก่อนหน้านี้มาก
แต่เธอก็เป็นแค่ตัวประกอบ คนในกองเองก็ไม่มีท่าทีอยากจะอธิบายอะไร ผู้ช่วยตะโกนเรียกกลุ่มนักแสดงที่สวมชุดทหารญี่ปุ่นให้ออกมา หลายคนที่ตอนแรกถือมีดก็เปลี่ยนมาเป็นถือปืนแทน
ผู้ดูแลอาวุธเข้ามาตรวจสอบอีกครั้ง ตรวจสอบว่าปืนพวกนี้เป็นของจริงแน่นอน
ครั้งนี้ถุงเอฟเฟคเลือดที่อยู่ตรงหน้าอกของเจียงเซ่อได้ผสมดินปืนเอาไว้ด้วย พอผู้เชี่ยวชาญเช็กอาวุธเรียบร้อย ก็มีคนเข้าไปตรวจสอบระยะความไกล บรรยากาศพลันหนักอึ้งขึ้นมาทันที
คนในกองถือบทมาอธิบายกับเธอและคนอื่นๆ ว่าหลังจากที่เสียงปืนดังขึ้นระเบิดถุงเอฟเฟคนั้นก็จะระเบิดออก ข้างในนั้นจะมีเลือดปลอมกระเซ็นออกมาด้วย
ทุกคนพยักหน้ารับ
หลังจากที่ทุกอย่างถูกเซตไว้เรียบร้อยและเสียงของแคลปบอร์ดดังขึ้นเสียง ‘ปัง ปัง’ ก็ดังขึ้น ปลายกระบอกปืนมีแสงไฟแล่บออกมา ครู่หนึ่งก็มีควันลอยออกมาจากปากกระบอกปืน หลายคนตกใจเพราะเสียงนั่น
เจียงเซ่อยังไม่ทันได้ตกใจกับเสียงปืน ได้ยินแค่เอฟเฟคระเบิดบนร่างเธอดังขึ้นเบาๆ ท่อที่ใส่ดินปืนไว้ก็ระเบิดออก ของเหลวสีแดงพุ่งกระเซ็นออกมา แรงดันของระเบิดอัดใส่ที่อกข้างซ้ายของเธอ ถึงแม้ว่าชุดเข้าฉากที่ใส่จะหนาแต่มันก็ยังทำให้เธอรู้สึกเจ็บอยู่ดี
เธอดึงเชือกที่มัดแขนเธอไว้ออก และ ‘ตู้ม’ เสียงตกลงไปในน้ำก็ดังขึ้น
ก่อนตกลงไปในน้ำเธอได้เตรียมกลั้นหายใจไว้แล้ว พอตกลงไปก็ค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกมาและขาทั้งสองข้างก็รีบถีบตัวขึ้นพร้อมกัน โผล่ขึ้นมาที่ผิวน้ำ
เธอว่ายกลับมาที่ฝั่ง และตอนที่เธอไปถึงก็มีคนมารอรับอยู่แล้ว พอขึ้นฝั่งได้เธอก็ยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเอง ยังไม่ทันจะได้พูดขอบคุณคนที่ช่วยดึงเธอขึ้นมาก็มีเสียงตะโกนแทรกขึ้น
“ตรงนั้นน่ะ มานี่ซิ”