ฮาวเวอร์เดินทางมาที่หน้าประตูเขตโอ้คทางฝั่งทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ทันทีที่ถึงก็มีทหารหลายนายทำความเคารพอยู่ตลอดทางจนเขาเดินเข้าเต็นท์บัญชาการไป ฮาวเวอร์หากระดาษหนังเปล่าหนึ่งแผ่นกางที่โต๊ะก่อนใช้แท่งถ่านร่างแบบอะไรสักอย่างด้วยสีหน้าขะมักเขม้น จนกระทั่งดัคลัสเดินเข้าเต็นท์บัญชาการมา ทุกคนต่างมองเขาเป็นตาเดียวยกเว้นฮาวเวอร์ที่ยังคงทำงานของตัวเองต่อไม่สนใจสิ่งรอบข้าง
"ท่านฮาวเวอร์นี่คือแผนที่ของเขตโอ้ค"
ดัคลัสยื่นไปให้ ฮาวเวอร์รับในทันทีอย่างไม่ต้องมองก่อนจะเปิดกางออกเผยให้เห็นที่ทางทั้งหมดของเขตนี้ซึ่งมีบางส่วนไม่ตรงกับสายตาที่เห็น
"นี่เป็นแผนที่เก่าตั้งแต่สมัยใด? "
"ราว 30 ปีก่อนขอรับ แผนที่หยุดพัฒนามาหลายปีเพราะเขตนี้เริ่มไม่เป็นที่นิยมตั้งแต่อาณาจักรโพราเท็สถูกเมินการค้าจากอาณาจักรริลกลิมด้วยเหตุผลที่ว่าอาณาจักรเราไม่มีกำลังซื้อมากพอ"
ฮาวเวอร์หันมาทางแม่ทัพน็อลซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ เขาเริ่มคิดถึงเรื่องราวเมื่อ 30 ปีที่แล้วก่อนจะเริ่มอธิบาย
"ช่วงนั้นเป็นช่วงที่พ่อค้ากับขุนนางรวมหัวกันปั่นราคาสินค้าภายในอาณาจักร อย่าว่าแต่อาณาจักรอื่นเลย อาณาจักรริลกลิมเองก็ปั่นป่วนเพราะพวกมันเหมือนกัน พวกมันกักเก็บสินค้าแล้วทำทีว่ามีไม่พอเพื่อโก่งราคา พอราคาของบางอย่างแพงขึ้น สินค้าประเภทเดียวกันก็ขายแพงตาม ประชาชนที่มีกำลังซื้อไม่มากพอก็อดอยากอยู่ช่วงหนึ่ง จนกษัตริย์องค์ก่อนทรงตั้งคลังเก็บถ่ายสินค้าโดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลางให้คนในอาณาจักรจับจ่ายกันเอง พอคำสั่งนี้เกิดขึ้น พวกขุนนางกับพ่อค้าก็เริ่มไม่พอใจและนั่นอาจเป็นจุดเริ่มต้นให้รัชสมัยต่อมาขุนนางเริ่มกระด้างกระเดื่องต่อองค์ราชินีแล้วยุยงปลุกปั่นให้เกิดสงครามภายใน"
ฮาวเวอร์ได้ฟังก็เริ่มเห็นเค้าความไม่ต่างจากประวัติศาสตร์ของโลกเดิม เมื่อมีคนเห็นแก่ตัวเพียงหนึ่งคนก็อาจสร้างความเสียหายให้คนหนึ่งกลุ่ม แต่ถ้ามีคนเห็นแก่ตัวหนึ่งกลุ่มก็อาจสร้างความเสียหายให้คนทั้งเมือง
"แล้วสงครามภายในยุติยังไง"
"หลังจากที่ยุยงปลุกปั่นจนเกิดสงคราม ผู้คนแยกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งต้องการแต่งตั้งราชวงศ์ใหม่ อีกฝ่ายต้องการราชวงศ์เดิม เมื่อทั้งสองฝ่ายปะทะกันจนเกิดเหตุนองเลือดมีคนเสียชีวิต แต่แล้วสงครามก็ยุติลงเมื่อขุนนางที่อยู่เบื้องหลังสงครามได้ตายลง ฝีมือนั้นเราสืบรู้ได้ว่าเป็นฝีมือของราชาไมนัส คราแรกเราคิดว่าเขาคงปรารถนาดีต่ออาณาจักรจึงลงมือทำเรื่องเช่นนั้นลงไป แต่ใครจะคิดว่าเขาทำเพียงเพื่อช่วงชิงอำนาจจากราชินีอีกที"
ฮาวเวอร์ถอนหายใจกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนจะเอากระดาษแผนที่เก่านั้นมาวาดเติมส่วนที่เขาจำได้ลงไป เส้นทางใหม่รวมถึงชุมชนคนยากจนที่เป็นคนส่วนใหญ่ของที่นี่ด้วย
"นี่คือสิ่งที่ข้าจะให้พวกเจ้าทำ นี่เป็นโครงสร้างกังหันน้ำใช้เป็นต้นแรงไว้ผลิตกับซ่อมแซมอาวุธ ให้ตั้งตรงช่วงต้นน้ำของเขตนี้ รวมถึงสร้างเป็นรางน้ำให้พวกเจ้าเอาไปเชื่อมต่อกับแทงค์สำรองน้ำไว้ใช้กินอาบแยกออกมาตรงนี้ ไม่ใช่ให้กินหรืออาบตรงทางน้ำที่คนทั้งหมู่บ้านใช้กัน"
แฮงค์กับหัวหน้าอีกสามคนถึงกับสะดุ้งทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น ฮาวเวอร์เห็นก็ถึงกับถอนหายใจแล้วส่งสายตาตำหนิ
"แล้วนี่เป็นโรงอาหาร นี่เป็นจุดตั้งที่พัก จุดฝึกซ้อม นี่โรงอาบน้ำ นี่ส้วม"
ฮาวเวอร์ยังคงหยิบโครงสร้างอาคารที่เพิ่งวาดเมื่อครู่ออกมาจนแม่ทัพน็อลถึงกับมึนงง เขาทำทั้งหมดนั่นในเวลาอันสั้นทั้งที่นักสร้างอาคารต้องทำเป็นเดือนๆ แต่สำหรับฮาวเวอร์แล้ว นี่เป็นแบบง่ายที่ไม่ต้องใช้ความคิดมาก ความหรูหราก็ไม่มีอย่างที่เขาชอบทำ สร้างเพื่อความสะดวกชั่วคราวและจำแนกที่กินที่นอนให้เป็นระเบียบจะได้ไม่วุ่นวายในภายหลัง
"ที่ตรงนี้ทำเกษตร จากนี้จะไม่ได้รับอาหารจากทางอาณาจักรริลกลิมและอาณาจักรโพราเท็สก็มีไม่พอแบ่งมาให้ ตรงนี้สร้างบ่อน้ำเพื่อการเกษตรกับเลี้ยงปลา ตรงนี้ปศุ…"
'แจ้งเตือน ระบบจะทำการเคลื่อนย้ายจิตนามฮาวเวอร์ไปยังดินแดนนรกเพื่อชดใช้การกระทำ หมายเหตุ สั่งฆ่าผู้คนจำนวน 32 คนด้วยน้ำมือผู้อื่นอันมีเจตนาต้องการปกปิดความผิดต้องติดอยู่ดินแดนนรก 32 ล้านปีด้วยสถานะไร้ร่าง 32 วันของโลกทดลอง'
จิตอีคอนถูกดึงให้มาสั่งการร่างแทนฮาวเวอร์ เพราะอาการช็อกเมื่อครู่ทำเอาทุกคนนิ่งเงียบไปด้วย เรื่องที่ฮาวเวอร์พูดเมื่อกี้เขาก็ฟังอยู่เพลินๆ จนระบบแจ้งเตือนเข้ามาแล้วดึงฮาวเวอร์ออกจากร่างทันทีหลังพูดจบ
'ฮาวเวอร์!!!'
เมื่อเรียกอีกคนเท่าไหร่ก็ไม่ออกมา อีคอนจึงต้องรับหน้าตรงนี้แทน จากสายตาคนอื่นก็ช็อกไม่ต่าง คนในที่นี้ล้วนเห็นพลังเวทย์ของฮาวเวอร์กระจายทั่วเต็นท์อย่างน่าเกรงขาม แต่เพียงฮาวเวอร์ชักกระตุกเมื่อครู่ พลังทั้งหมดถูกดูดเข้ากลางอกจนเหลือเพียงไอจางๆ ซึ่งต่างจากตอนที่อยู่บนคานไม้สูงต่อหน้าทหารนับหมื่นครานั้นที่พลังเวทย์ฮาวเวอร์จะค่อยๆ ลดลงจนเหลือไอจางๆ ก่อนจะสลับนิสัยเป็นคนละคน
"ท่านฮาวเวอร์? "
แม่ทัพน็อลเอ่ยขึ้นก่อนจะมองที่คนตรงหัวโต๊ะ อีคอนเกาหัวแก๊กๆ ก่อนจะพูดต่อจากที่ฮาวเวอร์พูดค้างไว้
"ตรงนี้ทำเป็นปศุสัตว์ และนี้คือห้องวิจัยสมุนไพร ทั้งหมดก็มีเท่านี้แหละ แยกย้ายได้"
อีคอนมองทุกคนตาใส ไม่รู้ว่าเขาพูดอะไรผิดไปรึเปล่าทุกคนถึงยังไม่ลุกไปไหน
"เราไม่คิดจะถามหน่อยหรือว่าไอ้ที่เห็นเมื่อกี้มันคืออะไร? "
หัวหน้าหน่วยข้างๆ น็อลกระซิบบอก น็อลถอนหายใจเฮือกหนึ่งก่อนจะถามออกไป
"นายท่านขอรับ ท่านอาจยังไม่รู้ว่าพวกเราในที่นี้สามารถมองเห็นไอเวทย์ได้จากตัวท่าน เพราะอย่างนั้น เราจึงรู้สึกแปลกใจที่บางทีท่านก็มีพลังเวทย์มหาศาล บางทีก็มีพลังเวทย์จางๆ ข้าอยากทราบให้แน่ชัดว่าสิ่งที่ท่านเป็นอยู่คืออะไรกันแน่"
'เขารู้ด้วยแฮะว่าเราเปลี่ยนจิตกับฮาวเวอร์'
อีคอนนั่งเรียบเรียงความคิดในหัวก่อนจะพูดออกมา "ร่างนี้จริงๆ แล้วมีสองจิต จิตหนึ่งคือฮาวเวอร์ ที่พวกเจ้าเห็นพลังมหาศาลพวกนั้นก็เป็นเพราะเขา ส่วนอีกจิตคือข้า ตัวข้าอาจจะไม่มีพลังเวทย์มหาศาลแต่คนที่ควบคุมร่างหลักจะเป็นข้าเสียส่วนใหญ่"
"มีสองจิตในหนึ่งร่าง? "
"ช่าย"
อีคอนพูดเสียงยานคางอย่างเริ่มไม่แน่ใจ ระยะหลังๆ ฮาวเวอร์จะออกโรงเสียส่วนใหญ่ แต่เพราะเรื่องที่เขาสั่งฆ่าคนเลยทำให้ฮาวเวอร์ถูกดึงไปนรก ตอนนี้อีคอนจึงอยู่ในร่างเพียงจิตเดียว
"แล้วท่านฮาวเวอร์ไปไหนหรือขอรับ ทำไมอยู่ๆ ก็เปลี่ยนจิตกัน"
"อื้มมมม ตอนนี้ฮาวเวอร์ไม่อยู่เพราะต้องไปชดใช้กรรมในนรกโทษฐานสั่งฆ่าผู้อื่นจำนวน 32 คน ในอีก 32 วันนับจากนี้เดี๋ยวเขาก็กลับมา พวกเจ้าก็ไปทำงานที่เขาสั่งก่อนเถอะ เดี๋ยวฮาวเวอร์กลับมาแล้วงานไม่เดินเขาจะยิ่งโมโหเอา" ทุกคนต่างนิ่งเงียบ
'32 คน นั่นเป็นจำนวนคนที่เพิ่งสั่งประหารไปนี่ ในสงครามการฆ่าคนเพียงเท่านี้เพื่อไม่ให้ข้อมูลรั่วไหลถือว่าไม่เยอะมาก แต่ท่านฮาวเวอร์กลับต้องติดอยู่ในนรกถึง 32 วัน' แม่ทัพน็อลคิดก่อนจะเริ่มถามอีกครั้ง
"แล้วจากนี้ไปท่านจะอาศัยอยู่ที่ใดหรือขอรับ จากโครงร่างที่ท่านวาดมาให้ ข้ายังไม่เห็นที่พักของท่านเลย"
"เรื่องนั้นข้าจะไปพักที่บ้านแม่ทัพดัคลัสของอาณาจักรโพราเท็ส หากพวกเจ้ามีปัญหาอะไรก็ไปหาข้าได้ทุกเมื่อ ถึงข้าในจิตนี้จะไม่ค่อยรู้เรื่องสงครามเลยก็เถอะ"
"มันจะดีหรือขอรับ ยังไงเสียท่านก็เป็นรัชทายาทของอาณาจักรริลกลิม ไปพักบ้านของคนที่เคยเป็นศัตรูกันอย่างนั้น อาจเกิดอันตรายกับชีวิตท่านได้ ให้ข้าสร้างเต็นท์นอนส่วนตัวให้ท่านดีไหมขอรับ"
"ไม่จำเป็นหรอก ยังไงซะข้าก็ไม่ตายอยู่แล้ว ข้ากลับก่อนล่ะ ยังมีเรื่องอื่นให้ทำอีกเยอะเลย"
อีคอนเดินออกจากเต็นท์บัญชาการไป ตามหลังด้วยดัคลัส เรื่องที่คนในนั้นพูดเมื่อกี้ช่างไม่ไว้หน้าแม่ทัพหนุ่มอย่างดัคลัสเลย ยังไงซะตอนนี้อีคอนก็เป็นเพียงเด็กจิตไม่ปกติแถมยังหน้าตาอัปลักษณ์อีก คิดว่าเขาจะทำร้ายเด็กน่าสงสารต่อหน้าออสก้าลงได้หรือไง
คนทั้งคู่เดินกลับไปพักผ่อนที่บ้านของดัคลัส เมื่อกลับมาแล้วเห็นว่าข้าวของถูกจัดเรียบร้อย อีคอนก็กลับไปพักผ่อนจนถึงเช้า
การย้ายมาเขตโอ้คไม่ได้นับว่าดีหรือแย่สำหรับคนชรา เพราะสงครามได้ยุติลง ทหารของอาณาจักรบางส่วนได้เดินทางกลับไปภูมิลำเนาเดิมพร้อมบิดามารดาที่ฝากเลี้ยงเอาไว้ คนที่เหลืออยู่ในโรงนอนก็มีเพียงคนชราไร้ที่ให้กลับ หรือไม่บางคนก็ฝากเลี้ยงต่อเพราะไม่มีเงินทองจะเดินทางกลับแบบเดียวกับออสก้า
"ท่านฮาวเวอร์ขอรับ ท่านลอร์ดมาร์คัสเชิญให้ไปดื่มชาที่คฤหาสน์ส่วนตัวของพระองค์"
ดัคลัสเดินเข้ามาพร้อมบอกเรื่องที่กล่าว ตอนนี้ฮาวเวอร์ไม่อยู่ ถึงเชิญอีคอนไปก็มีแต่เสียเวลาเปล่า
"บอกท่านลอร์ดมาร์คัสไปว่าข้าไม่ค่อยสบาย อีกประมาณ 31 วันอาการคงดีขึ้น"
"จะให้บอกว่าท่านเปลี่ยนจิตกับฮาวเวอร์ และตอนนี้ยังให้ท่านฮาวเวอร์มาคุมร่างไม่ได้น่าจะเป็นคำอธิบายที่เข้าใจง่ายกว่านะขอรับ"
"อา… ตามนั้นแหละ"
"แต่ถึงอย่างนั้นท่านก็ควรไปบอกเองนะขอรับ ให้ข้าพูดปากเปล่าเกรงว่าเขาจะไม่เชื่อแล้วหาว่าท่านไม่รักษาน้ำใจ"
อีคอนหัวเราะแห้งๆ ก่อนจะเดินตามไปที่รถม้า รถม้าบังคับพาไปยังคฤหาสน์สีเทา รอบบ้านมีแต่ต้นไม้เลื้อยและหญ้าดูรกรุงรัง เมื่อเดินเข้าไปในคฤหาสน์มีสตรีวัย 20 ปลายๆ ยืนรอต้อนรับก่อนจะนำทางไปยังศาลากลางป่าที่ควรจะเป็นสวน
"ที่นี่สวยดีนะขอรับ มีต้นไม้เต็มไปหมดเลย"
"ในคฤหาสน์ขุนนางหรือชนชั้นสูงไม่นิยมมีต้นไม้เยอะในสวนอย่างไม่เป็นระเบียบหรอกนะขอรับ หากเอ่ยอย่างนั้นกับท่านลอร์ดมาร์คัส เขาอาจจะเข้าใจผิดคิดว่าเป็นการดูถูกได้" ดัคลัสกล่าวเตือน
อีคอนก็ได้แต่หัวเราะแห้งๆ กลับไปอย่างทุกที เมื่อลอร์ดมาร์คัสมาถึงก็ชงชาและรินใส่ถ้วยให้เขาดื่ม อีกฝ่ายถามไถ่เรื่องโรงนอนคนชราทั่วไป อีคอนจึงไม่ได้เปิดประเด็นพูดคุยเรื่องจิตของฮาวเวอร์
"ที่โรงนอนตอนนี้เหลือคนชราอยู่เยอะหรือเปล่า ดูจากการที่ทหารบางส่วนเดินทางกลับบ้านแล้วพาครอบครัวกลับไปด้วยก็คงมีจำนวนน้อยลงกว่าตอนที่ยังอยู่ในเมืองใช่หรือไม่"
"ก็ไม่น้อยหรอกครับ จากที่เคยนับจำนวนดู จาก 158 คนที่เคยอาศัย มีคนพากลับไปเพียง 34 คนเท่านั้น จำนวนลูกหลานที่ตายในสงครามมีประมาณ 83 คน อีก 41 คน ลูกหลานไร้ที่อาศัยพักพิงจึงขอให้คนชรายังอยู่ต่อที่โรงนอน ส่วนเรื่องอาหารการกินก็ถูกจำแนก 2 แบบ คนที่ฟันเหลือน้อยทานอาหารเหลวย่อยง่าย กับคนที่ฟันยังแข็งแรงดีก็จะทานผักผลไม้เสริมวิตามิน และคนชราส่วนใหญ่จะมีโรคประจำตัวเยอะอย่างโรคคนแก่เลยก็คือโรคต้อกระจก จอตาฝ้าฟาง โรคสมองเสื่อม ยังไม่รวมโรคแทรกซ้อนที่เข้ามาในช่วงที่ป่วยทำให้อาการยิ่งทรุดลงเร็วอีก"
"ที่เจ้าพูดมาเราไม่เข้าใจเลยสักอย่าง แต่ก็เอาเถอะ เราได้ยินมาจากดัคลัสว่าเจ้ามีสองจิตที่สลับเปลี่ยนไปมา ข้าคิดว่าถ้าฮาวเวอร์ไม่อยู่แล้วเจ้าจะดูไม่ฉลาดเสียอีก ดูท่าข้าจะคิดผิด ถึงฮาวเวอร์จะมีความคิดอ่านด้านการปกครองแม่นยำ แต่เจ้าก็มีความคิดอ่านด้านการรองรับได้ดีสินะ ไม่ว่าจะจิตไหนก็ไม่ควรประมาทพวกเจ้าทั้งสองเลยจริงๆ "
'อ้าว รู้อยู่แล้วงั้นเรอะ! นี่เราถูกพามาทดสอบจิตสินะ ไม่รู้ตัวมาก่อนเลย'
"ว่าแต่จิตนี้เจ้าเรียกตัวเองว่าอะไรรึ"
"อีคอนครับ เป็นนามจิตที่ยายตาบอดเก็บข้ามาเลี้ยงตั้งให้"
"งั้นเจ้าก็กล่าวนามสัตย์ไม่ได้สินะ"
"ขอรับ อย่างที่ท่านบอก นามที่มารดาตั้งให้เป็นนามที่ถือว่าใช้เป็นคำสัตย์ ข้าให้นามนั้นแก่ฮาวเวอร์ จึงถือว่าไม่มีสิทธิ์ใช้"
ลอร์ดมาร์คัสรับรู้และเข้าใจก่อนจะทอดมองออกไปนอกสวน ไม่รู้ว่าทำไมเวลาอยู่กับอีคอนถึงได้รู้สึกสงบอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ถ้าเป็นจิตของฮาวเวอร์ที่เคยอยู่ด้วยกันครั้งนั้นจะให้ความรู้สึกกดดันจนน่ากลัว แต่กับอีคอนที่มีรูปลักษณ์เดียวกันกลับรู้สึกผ่อนคลายราวกับสามารถพูดทุกเรื่องที่กลุ้มใจให้เขาฟังได้
"เจ้ารู้จัก มารฝังไข่รึเปล่า"
ดัคลัสกับสาวใช้มองไปที่ลอร์ดมาร์คัสทันที สิ่งที่เขาเอ่ยขานนั้นมันเป็นเรื่องที่ไม่ควรพูดให้คนนอกฟัง ถ้าหากเรื่องที่เขาพูดแพร่หลายออกไปอาจเป็นอันตรายให้ใครอีกคนหนึ่ง
"สิ่งนั้นคืออะไรหรือครับ"
"นึกแล้วเชียวว่าเจ้าต้องไม่รู้จัก ประมาณ 500 ปีก่อน อยู่ๆ ก็มีโรคประหลาดเกิดขึ้น โรคนั้นทำให้คนบางกลุ่มมีพฤติกรรมประหลาด กระสันอยากมีเพศสัมพันธ์กับผู้อื่นจนถึงกับตั้งท้องโต หากเป็นผู้หญิงก็คงไม่ผิดแปลกอะไร ก็แค่ถูกกล่าวหาว่าสำส่อนแล้วค่อยคลอดทารกออกมา แต่กับชายกลับถูกมองว่าประหลาด เพราะหลายพันปีที่ผ่านมาไม่เคยเกิดเรื่องเช่นนั้นเลยสักหน ชายใดที่ท้องโตจะถูกกล่าวหาว่าตั้งท้องให้มารปีศาจเพราะสิ่งที่ออกมาจากท้องไม่ใช่ทารกแต่เป็นไข่ขนาดใหญ่หนึ่งฟอง พอทุบออกก็เป็นของเหลวใสกับตัวอ่อนสร้างความหวาดกลัวให้ผู้คนจนต้องปฏิบัติเป็นธรรมเนียม ใครพบเจอมารฝังไข่ต้องทุบตีให้แตกก่อนมันจะฟักเป็นมารสร้างความหวาดกลัวให้ผู้คน"
ลอร์ดมาร์คัสพักหายใจเข้าออกเบาๆ สองตาเขาสั่นระริกอย่างคนจะร้องไห้ก่อนจะหันมามองอีคอนอย่างช้าๆ
"เจ้าคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องที่ข้าพูด เจ้าคิดว่านั่นเป็นสิ่งถูกต้องรึเปล่า"
อีคอนเองก็ไม่ค่อยเข้าใจเรื่องที่ลอร์ดมาร์คัสเล่า ในโลกเดิมของเขาไม่เคยพบเห็นผู้ชายตั้งท้องเช่นกัน แต่ลอร์ดมาร์คัสยกประเด็นนี้ขึ้นมาคงเกี่ยวข้องอะไรกับตัวเขาเป็นแน่
"มีใครเคยเห็นมารฝังไข่ฟักเป็นตัวหรือเปล่าครับ แล้วเขาทำยังไงกับตัวอ่อนนั่น"
"ข้าเคยได้ยินว่าทาสเพศชายของขุนนางฟักไข่ออกมา มันมีหน้าตาน่ากลัวจนต้องฆ่าทิ้งและปกปิดเรื่องบัดสีนั่นให้เงียบเชียบเพราะกลัวว่าเจ้ามารร้ายที่มาวางไข่มันจะมาล้างแค้นที่ทำกับลูกของมัน"
"ฟังดูน่าเหลือเชื่อนะขอรับ ข้าไม่ค่อยเชื่ออะไรง่ายๆ หากไม่ได้พิสูจน์ด้วยตัวเอง หากข้าเจอมารฝังไข่ก็อยากเห็นกับตาสักครั้งว่ามีหน้าตาเป็นยังไง" ลอร์ดมาร์คัสเมื่อได้ยินเรื่องที่อยากฟังก็เปิดประเด็นให้อีคอนหายสงสัยเกี่ยวกับการเล่าครั้งนี้
"งั้นก็ดีเลย ข้าเองก็อยากรู้เหมือนกัน หากว่าข้าเป็นคนเสนอเองมันจะดูแย่ในสายตาของคนทั้งอาณาจักร อีกทั้งข้าเป็นผู้ใหญ่แล้วสมควรจะรู้ว่าอะไรควรไม่ควร เพราะงั้นเรื่องที่ข้าพูดเมื่อกี้ข้าก็อยากพิสูจน์เหมือนกันแต่ทำไม่ได้เพราะฐานะ"
'อ้อ หาแนวร่วมสินะ เพราะเราเป็นเด็กด้วย คิดหรือทำอะไรก็ไม่มีใครคิดจะตำหนิเป็นจริงเป็นจัง'
"ถ้าท่านจะให้ข้าพิสูจน์ ข้าต้องรู้เสียก่อนว่ามารจะฝังไข่ใส่คนตอนไหน" ดัคลัสได้ยินก็ถึงกับขำพรืดออกมา ลอร์ดมาร์คัสมองเขาตาขวางเพราะกลัวเขาทำเสียเรื่อง
"ส่วนใหญ่ได้ยินว่าฝังตอนมืดค่ำ แถมยังรวดเร็วจนตามไม่ทันอีก รู้ตัวอีกทีคนผู้นั้นก็ตั้งท้องโตแล้ว ถ้าเจ้าอยากพิสูจน์คงหาได้แค่ช่วงที่ตั้งท้องแล้ว" ดัคลัสพยายามกลั้นขำแทบตายกับเรื่องที่ลอร์ดมาร์คัสเล่าด้วยสีหน้าเงียบนิ่ง สาวใช้เองก็เม้มปากแน่นอย่างกับกลัวอะไรจะร่วงออกจากปาก
"ถ้าอย่างนั้นท่านพอจะหาคนที่ตั้งท้องมารได้รึเปล่า มันคงหาไม่ง่ายเลยสินะขอรับ"
"ไม่ง่ายเท่าไหร่หรอก มีชายคนหนึ่งตั้งท้องมารในเขตโอ้คใจกลางเมืองที่ร้านเหล้า เขาเป็นลูกชายคนที่สามของเจ้าของร้าน รูปร่างอวบมีน้ำมีนวลทำให้ดูไม่ค่อยออกว่ากำลังตั้งท้องมารอยู่ หากมารฟักออกมาเมื่อไหร่เขาก็จะทำลายทิ้งในทันที เจ้าต้องไปขัดขวางการกระทำนั้นก่อนไข่นั่นจะถูกทำลาย แล้วพิสูจน์ให้คนทั้งอาณาจักรเห็นว่าสิ่งที่อยู่ในไข่นั่นคืออะไร"
"รับทราบ ข้าจะหาข้อพิสูจน์เรื่องนี้ให้ได้เลย"
ทั้งคู่ดื่มชาด้วยกันต่ออีกหน่อยก่อนที่ดัคลัสจะพาอีคอนส่งกลับโรงนอนคนชราชั่วคราว
"ท่านลอร์ด ท่านกล่าวเรื่องนั้นมันไม่เสี่ยงเกินไปหรือเจ้าคะ หากเขาหันกลับมาสงสัยท่านและเด็กคนนั้น…"
"ข้าพร้อมเสี่ยง อีกไม่นานเซอร์รัสก็จะโต ข้าปล่อยให้เขาอยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ อย่างนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว"
ระหว่างที่ทั้งคู่ตึงเครียดกันอยู่ พุ่มไม้ในสวนก็ขยับไปมาก่อนจะมีสิ่งมีชีวิตพุ่งเข้ามาทางดัคลัส
"ท่านแม่! ดูนี่สิ ข้าจับมันมาได้ด้วยล่ะ"
สิ่งที่อยู่ในมือเด็กน้อยเป็นเหล่าแมลงหลายขาเลื้อยไปมาบนมือน้อยๆ ลอร์ดมาร์คัสถึงกับใจหายเมื่อเด็กน้อยวางมันลงบนตักของเขาพยายามอวดให้ชม
"เก่งมากเซอร์รัส แต่อย่าเอามาให้แม่อีกนะ แม่ไม่ชอบพวกมัน"
เด็กน้อยทำหน้าหงอยก่อนจะปัดพวกมันลงจากตักมารดาและเอาหัวเข้าซบแทน
"คราวหน้าข้าจะไม่เอาพวกมันมาอีกแล้วขอรับ"
"เก่งมากลูกน้อยของแม่"
อีคอนกลับมาที่บ้านดัคลัสแล้วสอบถามเรื่องมารฝังไข่กับออสก้าอย่างละเอียดอีกทีพร้อมจดเรื่องราวทั้งหมดด้วยกระดาษหนังที่เอามาจากค่ายทหารกองกำลังปฏิวัติ
"เจ้าสนใจเรื่องมารฝังไข่ไปทำไมกัน เรื่องน่ากลัวอย่างนั้นพวกเราควรอยู่ห่างๆ ไว้จะดีกว่า"
"ไม่ได้ นี่มันเกี่ยวข้องกับวงการแพทย์และวิทยาศาสตร์เชียวนะ ถ้าฮาวเวอร์รู้เขาก็ต้องอยากศึกษาเหมือนกัน"
อีคอนตามสอดแนมร้านเหล้าใจกลางเมือง เมื่อพบเป้าหมายก็เฝ้าสังเกตการณ์ทุกอย่างรอบตัวของชายผู้นั้นไม่ขาด ทุกท่าทางทุกการกระทำของเขามีลักษณะคล้ายคนตั้งครรภ์อยู่หลายส่วน ทั้งทำท่าวิงเวียนศีรษะ ทำท่าจะอ้วกตอนเห็นของแสลง เมื่อแน่ใจว่านั่นเป็นอาการปกติของคนตั้งครรภ์เขาก็เริ่มแปลกใจ
เมื่อเฝ้าดูจนร้านปิดชายผู้นั้นก็ยังคงทำความสะอาดและเอาขยะไปทิ้งในป่านอกเขต อีคอนวิ่งตามไปติดๆ ไม่นานชายคนนั้นก็ลอบมองซ้ายมองขวาก่อนจะทำสัญญาณอะไรบางอย่างให้กับสิ่งที่อยู่ในป่า สิ่งที่โผล่ออกมานั้นเป็นผู้ชายสวมชุดมอซอเดินเข้ามาหาเขาและกอดรวบรัดร่างอวบเอาไว้ในอกพร้อมหอมหัวหอมตัวราวกับคิดถึง
"เจด ในที่สุดข้าก็กลับมาหาเจ้าอีก ข้าคิดถึงเจ้าจริงๆ ทุกวันที่อยู่ในสนามรบไม่รู้ว่าจะตายเมื่อไหร่ แต่พอนึกถึงหน้าเจ้าแล้วข้าก็มีแรงฮึดสู้ขึ้นมาเป็นสิบเท่า เจดวันนี้ให้ข้าได้บอกรักเจ้าเถอะนะ"
"ไม่ได้หรอกบรูค ตอนนี้มีมารฝังอยู่ตัวข้า มันทำให้ข้าไม่อยากร่วมรักกับใคร"
"เจ้ามารชั่ว กล้าดียังไงมาฝังไข่ในร่างเจด ไม่ต้องห่วง ถ้าหากมันออกจากท้องเจ้าเมื่อไหร่ข้าจะทุบมันให้แตกด้วยมือข้าเอง"
เมื่อพูดจบเจดก็ซบลงที่ไหล่ของบรูคทันที ทั้งคู่กอดกันอย่างรักใคร่กลมเกลียวแต่กับอีคอน เขาจดทุกการกระทำทุกคำพูดไม่ขาดในที่มืด เฝ้าดูจนวินาทีสุดท้ายที่ทั้งคู่เดินจากลา
อีคอนเข้ามาสอดแนมอย่างนี้เรื่อยๆ ทุกวันจนเวลาล่วงเลยไปหนึ่งอาทิตย์ แม้จะได้ยินเสียงบ่นเสียงร่ำว่ากระดาษหายจนจะหมดคลังแต่อีคอนก็ได้แต่หัวเราะแห้งตอบไป ไม่บอกให้ใครรู้นอกจากออสก้าว่าเขากำลังทำอะไรอยู่
จนกระทั่งในค่ำคืนหนึ่ง อีคอนเดินตามสอดแนมเจดชายตั้งครรภ์จนมาถึงจุดทิ้งขยะที่เขามักจะนัดคนรักมากอดรัดฟัดเหวี่ยงกัน ระหว่างที่เจดกำลังรอบรูคอยู่ในป่าก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาหา
"บรูค!"
เมื่อหันกลับไปมองก็พบชายฉกรรจ์เดินเข้ามาอย่างน่ากลัว เจดเดินถอยหลังทีละกล่าวตั้งท่าจะเดินหนี แต่ก็พบกับชายคนรักยืนขวางทางออก
"บรูค!" เจดวิ่งเข้าไปหาพร้อมกอดแขนบรูคไว้ข้างตัวพลางมองชายทั้ง 7 คนเดินล้อมหน้าล้อมหลังเข้ามาอย่างกับจะทำร้าย "พวกเราไม่มีเงินให้เจ้าหรอกนะ และก็ไม่มีทรัพย์สินอะไรด้วย"
"ใครว่าข้าต้องการเงินกันเหล่า เจ้าเป็นลูกคนที่ 3 ของเจ้าของร้านเหล้า เราติดหนี้เขาไว้เยอะเกินไปก็เลยไม่มีปัญญาจ่าย พวกข้าเลยต้องให้เจ้าช่วยขอร้องพ่อเจ้าให้ยกหนี้ทั้งหมดให้"
เจดถึงกับหน้าถอดสีมองบรูคที่ยังคงนิ่งไม่ไหวติ่ง "บรูค เจ้ารีบหนีไปก่อนเถอะ คนพวกนี้ต้องการแค่ข้า อย่างน้อยเจ้าก็ช่วยไปบอกพ่อข้าให้ทีว่ามันเกิดอะไรขึ้น"
"เรื่องนั้นข้าไปบอกแน่ แต่เจ้าต้องไปกับพวกเราก่อน"
"พวกเรา? "
"ใช่ เจ้าพวกนี้เป็นเพื่อนข้า แล้วข้าก็สานสัมพันธ์กับเจ้าเพื่อหลอกให้หาเงินมาให้แต่เจ้ากลับไม่มีเงินมาให้ข้าเลยเสียนี่ แถมยังมีมารฝังไข่ในตัวน่าขยะแขยงอีก แทนที่ข้าจะเสแสร้งต่อไป ไม่สู้รีบทำให้มันจบๆ ไปเสียจะดีกว่า"
บรูคผลักเจดจนล้มลง เจดนอนนิ่งเจ็บท้องจนขยับไม่ไหว พอเห็นเจดนอนแน่นิ่งไปบรูคก็คิดจะทำร้ายอีกที อีคอนเห็นท่าไม่ดีก็พุ่งตัวออกไป
"หยุด!!!"