webnovel

ปั้นดินเป็นเดือน

จากดินสกปรกจะถูกปั้นให้เป็นเดือนได้จริงเหรอ? ความพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองนั้นมันคุ้มค่าหรือไม่? สุดท้ายแล้วคนเราก็ตัดสินกันแค่ที่หน้าตาใช่ไหม? เบญจมินทร์ หรือ เบ็น เป็นเด็กหนุ่มที่เชื่อสุดใจเลยว่าคนทุกคนบนโลกใบนี้ดูดีในแบบของตัวเอง และทุกคนสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้หากมีความพยายามมากพอ และด้วยความเชื่อที่ดูจะไปสะกิดต่อมความหมั่นไส้ของคู่อาฆาตนั้น ทำให้เขาถูกท้าแข่งในการประกวดทูตกิจกรรม ไม่ใช่ตัวพวกเขาเองที่จะลงแข่งหรอกนะ แต่พวกเขากำลังแข่งกันปั้นเด็กของตัวเองให้เป็นเดือนคณะให้ได้ต่างหาก ทว่า เด็กที่เบ็นต้องปั้นนั้นกลับเป็นรุ่นน้องปี 1 ที่แสนจืดจาง ใบหน้าห่างไกลจากคำว่าหล่อในยุคสมัยนี้ไปเลย แถมความมั่นใจยังอยู่ในระดับขั้นติดลบ ทุกคนเห็นตรงกันหมดว่าเบ็นไม่ต้องแข่งก็ได้ เพราะรู้ผลตั้งแต่ยังไม่เริ่มเลยด้วยซ้ำ แต่เบ็นเชื่อในตัวน้องคนนี้ และเชื่อในกันและกัน เขาจะปั้นเด็กคนนี้ให้เป็นดวงเดือนสีนวลบนฟ้าให้ได้! สุดท้ายแล้วพวกเขาจะสามารถพิสูจน์ให้โลกวัตถุนิยมใบนี้ยอมรับความพยายามของพวกเขาได้หรือไม่

NIMAJNEB · LGBT+
Classificações insuficientes
56 Chs

บทที่ 8.3

โชคเข้าข้างเราที่ฝนมาตกตอนกำลังจะถึงหอพักของผมแล้ว ผมให้ไนน์ขึ้นไปหอผมก่อนเพื่อรอให้ฝนหยุดตก สภาพอากาศขณะนี้ย่ำแย่มาก ผมยังไม่อยากพาน้องฝ่าฝนกลับไปหอในให้เปียกเล่น

ผมมองผ่านหน้าต่างเพื่อเช็คสถาณการณ์ข้างนอก เสียงหยาดน้ำสาดเข้ากับกระจกเป็นเสียงเปาะแปะไปทั่วห้อง

ดูแล้วไม่มีวี่แววจะหยุดตกเลยแฮะ ถ้าคืนนี้ฝนไม่หยุดตก ไนน์คงต้องนอนค้างที่นี่แล้วมั้งเนี่ย

ผมละสายตาออกจากหน้าต่างมามองบุคคลในห้อง สภาพของไนน์ดูไม่เปียกมากนักเพราะได้เสื้อกันฝนช่วยชีวิตไว้

พอลองก้มมองดูสภาพตัวเองกลับพบว่ายับเยินแค่ไหน เสื้อผ้าเปียกแฉะจนแนบลำตัวเห็นเป็นสัดส่วน หน้าอก ลอนกล้ามท้อง จุกทั้งสองข้างโผล่ให้เห็นชัดเจน มิน่าละคนเหล่มองกันเต็มตอนวิ่งฝ่าฝนขึ้นหอ

ผมหันไปมองไนน์อีกครั้งก็พบว่ามันจ้องผมอยู่ แต่พอเห็นว่าผมหันไปหามันก็หลบตาแล้วมองไปรอบตัวทันที

ไนน์นั่งอยู่บนเตียงกลางห้อง ข้าง ๆ เตียงประดับไปด้วยหนังสือมากมายที่บรรจงวางเรียงรายอยู่ด้วยกันถึงสามตู้

ส่วนหนึ่งเป็นหนังสือเรียนและหนังสือความรู้ อีกส่วนเป็นหนังสือการ์ตูนและนิยายทั้งภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และภาษาญี่ปุ่น

ตามผนังสีขาวนวลถูกแปะโปสเตอร์ไว้สามรูป สองรูปนั้นเป็นรูปตัวละครสาวสุดน่ารักจากอนิเมะญี่ปุ่น หน้าอกหน้าใจใหญ่ขนาดเท่าลูกแตงโม อีกรูปเป็นโปสเตอร์จากหนังสือนิยายวายเรื่องโปรดของผม เป็นเรื่องเกี่ยวกับครูบนดอยกับทหารชายแดน

"พี่เบ็นอ่านนิยายวายด้วยเหรอครับ"

"อื้ม ก็อ่านบ้าง" ผมตอบไปตามตรงไม่ได้คิดว่าน่าอายอะไร "เรื่องนี้สนุกมากเลยนะ เป็นแรงบรรดาลใจหนึ่งที่ทำให้พี่อยากเป็นครูเลยนะ เราอยากอ่านไหม พี่ให้ยืม"

"ไนน์...ไนน์ไม่อ่านหรอก" นี่ผมพูดอะไรกระทบจิตใจน้องเขาอีกรึเปล่าเนี่ย ผมพูดชวนไปตามความเคยชินเหมือนเวลาเพื่อนมาเที่ยวห้องแล้วถาม 'เฮ้ย มึงมีการ์ตูนเรื่องนี้ด้วยหรอวะ' ผมก็ตอบ 'เออ อ่านไหม กูให้ยืม' ไม่ได้ตั้งใจจะว่าน้องเป็นเกย์อะไรเลยสักหน่อย

"งั้นพี่เบ็นก็ชอบ...ผู้ชายเหรอครับ"

"อ่า...จะว่าไงดี พี่ชอบได้หมด"

"ไบเซกชวล...เหรอครับ"

"อืม...ถ้าจะให้ถูกก็คงเป็นแพนเซกชวลล่ะมั้ง"

"แพนเซกชวล?"

"ก็คือชอบได้หมดเลย ผู้ชาย ผู้หญิง กระเทย ทอม ไม่สนว่าคนคนนั้นจะเป็นเพศอะไร ไม่สนว่าจะรูปลักษณ์ยังไง แค่รู้สึกดีต่อกันก็โอเค" ผมอธิบายให้เด็กหน้ามึนฟังเหมือนเป็นอาจารย์สอนเลคเชอร์ "ถามทำไมล่ะ จะจีบพี่เหรอคร้าบน้องไนน์" ผมหยอกมันเล่นจนมันหน้าแดงก่ำใส่ผม

"ป...เปล่าสักหน่อย ผมไม่ได้...คิด...อะไร" ไอ้หนูนี่รีบตอบปฏิเสธทันที ก็แค่แกล้งเล่นแค่นี้ทำเป็นเขินอายไปได้

"ดีแล้วแหละ อย่ามาชอบคนน่าเบื่อแบบพี่เลย" ปากผมก็พูดติดตลกไปแต่ในใจกลับเริ่มอ้างว้างขึ้นเรื่อย ๆ ผมที่คนอื่นชอบบอกว่าดีเกินไป ไม่เร้าใจแบบแบดบอย ใช้ชีวิตเรื่อย ๆ ไม่เที่ยวผับบาร์ แล้วยังโลกส่วนตัวสูงระดับตึกใบหยก อยู่ด้วยกันไปสักพักก็จะเริ่มเบื่อไปเอง

อีกไม่นานไนน์เองก็คงจะเบื่อผมเหมือนกัน...

"พี่เบ็นไม่เห็นน่าเบื่อเลย ผมชอบซะอีกที่พี่เป็นแบบนี้"

"หึ ทำเป็นพูดดี เดี๋ยวไนน์มีเพื่อน มีคนรู้จักเยอะ ก็เบื่อแล้วลืมพี่ไปเองแหละ..."

เราทั้งคู่เงียบกันอยู่สักพัก ผมไม่รู้ว่าตอนนี้ไนน์มันทำสีหน้ายังไงเพราะตอนนี้ผมก้มมองที่พื้นอยู่ ไม่กล้าสู้หน้าคนตรงหน้า

"พี่ไปอาบน้ำก่อนนะ เดี๋ยวหวัดจะกินหัวเอา" ผมพูดหัวเราะกลบเกลื่อนความรู้สึกที่ก่อตัวเมื่อครู่ไป ไนน์ยังคงเงียบอยู่ไม่พูดอะไรเลยได้แต่นั่งขมวดคิ้วอยู่อย่างนั้น ผมจึงไม่รอให้ไนน์พูดตอบแล้วหันไปเข้าห้องน้ำทันที

ผมอาบน้ำอยู่นานกว่าจะออกมาข้างนอกได้ เจ้าเด็กหน้าหงอยยังคงนั่งอยู่ในตำแหน่งเดิมท่าเดิมเหมือนถูกสตาฟเอาไว้

"ไนน์...ไนน์!...ไอ้เด็กหัวหยอย!" ผมเรียกสามครั้งกว่ามันจะรู้สึกตัว "ไปอาบน้ำเร็วเดี๋ยวเป็นหวัดนะ" ผมเตือนด้วยความเป็นห่วง ถึงจะใส่เสื้อกันฝนมาแล้วแต่ก็กลัวไนน์จะเป็นหวัดอยู่ดี

"ผมกลับไปอาบที่หอก็ได้ครับพี่เบ็น" ไอ้หนูยิ้มตอบผมมา ดูท่าแล้วจะเกรงใจไม่ยอมอยู่ค้างกับผมแน่ ๆ

"ตกหนักขนาดนี้พี่ไม่ส่งกลับหอในหรอกนะ คืนนี้นอนค้างที่นี่แหละ"

"จะดีเหรอครับ"

"ไม่ดีแล้วพี่จะชวนทำไม หืม?" ดีดกระโหลกใส่ซะทีด้วยความหมั่นเขี้ยว จะเกรงใจอะไรนักหนา

"อิตะ! ขอโทษครับ"

"ไม่เห็นต้องขอโทษเลย ไป ไปอาบน้ำได้แล้ว" ผมหัวเราะตอบไนน์ไปพร้อมยื่นผ้าขนหนูผืนสำรองตัวน้อยกับเสื้อยืดที่ผมใส่นอนไปให้ไนน์

เสียงฝักบัวในห้องน้ำส่งเสียงซ่าแข่งกับเสียงเปาแปะของฝนข้างนอก

อาบน้ำแล้วสดชื่นชะมัด ผมถอดผ้าขนหนูออกแล้วสวมเสื้อผ้าที่ใส่นอนแทน ทาครีมบำรุง แล้วทิ้งตัวลงบนเตียงทันที

สายตาผมเหลือบไปเห็นตุ๊กตากระต่ายน้อยที่ไนน์ซื้อให้ผม มันตั้งวางอยู่บนหัวเตียง เจ้าหนูนั่นคงแอบหยิบมันมาวางไว้สิท่า

ผมหยิบมันมากอดแน่น แม้จะมีฝุ่นเปรอะอยู่บ้างแต่ผมก็ไม่รังเกียจที่จะหอมมัน

แล้วผมก็ไปสะดุดตาเข้ากับป้ายรูปหัวใจที่ห้อยอยู่ที่หาง มันคงมีไว้สำหรับเขียนส่งต่อความรู้สึกให้ผู้รับของขวัญ

ผมลองเปิดดูข้อความข้างในเล่น ๆ ในใจก็คิดว่ายังไม่น่าจะเขียนอะไรลงไปหรอก ไอ้หนูไนน์อาจจะยังไม่ทันสังเกตเห็นป้ายนี้เลยด...

'ผมรักพี่เบ็นนี่นะครับ พี่ชายของผม'

...น้ำเน่าฉิบหายเลย ให้ตายเหอะ ผมสรรหาคำสารพัดมาก่นด่ามันในใจ

แต่มุมปากของผมกลับยกขึ้นไม่หยุด อยู่ ๆ ก็มีน้ำหยดไปรดขนของตุ๊กตาตัวน้อยจนเปียกชุ่ม ผมมั่นใจว่าเป่าผมแห้งเรียบร้อยแล้ว เพราะงั้นหยดน้ำสองสามหยดที่ร่วงลงมานี้มาจากดวงตาของผมไม่ผิดแน่ ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมถึงบ่อน้ำตาแตกกับตุ๊กตาได้ขนาดนี้

ทันทีที่ไนน์เปิดประตูออกมา ผมรีบเอามือเช็ดน้ำตาแล้ววางตุ๊กตาที่กอดอยู่ไปไว้ที่เดิม โชคดีที่มันไม่ได้สังเกตเห็นเพราะถอดแว่นตาอยู่

เด็กหนุ่มตัวเตี้ยในชุดของผมนั้นดูน่าตลกชะมัด เสื้อยืดสีขาวตัวบางปักลายของเฟี้ยวคุงซึ่งเป็นตัวการ์ตูนรูปแมวสีชมพูที่ดูจากมุมไหนก็เหมือนหมูไม่ก็ฮิปโปมากกว่า

เสื้อของผมตัวใหญ่มาก มากขนาดที่คอเสื้อโชว์ไหปลาร้าของไนน์ชัดเจน ชายเสื้อยาวลงมาถึงหัวเข่าจนเกือบจะเป็นเดรสได้เลย กางเกงขาสั้นสำหรับใส่นอนที่ให้ไปก็ดูใหญ่เทอะทะทำท่าจะหล่นร่วงลงมาตลอดเวลา

"พี่เบ็นมองอะไรอะ" ไอ้เด็กแคระหลี่ตามองผมเพื่อพยายามมองให้ชัด

"มองเด็กแคระสายตาสั้นไง" ผมระเบิดเสียงหัวเราะใส่แล้ววิ่งไปแย่งแว่นออกมาก่อนที่เจ้าของจะคว้าได้ทัน

"เอาคืนมานะพี่เบ็น" ไนน์งอแงใส่แต่ก็ยิ้มร่าอยู่ มือไม้ชูขึ้นพยายามเอื้อมไปแย่งแว่นตามาจากมือผมที่ชูสูงกว่า สภาพไนน์ตอนนี้เหมือนลูกแมวพยายามกระโดดตะครุบเหยื่อของเล่น

"หลังจากอาบน้ำ ต้องทำอะไรต่อ หืม?"

"ใส่แว่น?"

"ผิด! ทาครีมบำรุงต่างหากเด็กบื้อ" ผมเคาะหัวไนน์เล่นเบา ๆ แล้วบุ้ยปากไปที่โต๊ะเครื่องแป้ง "ใช้ครีมของพี่ไปก่อนก็ได้ มันอันเดียวกัน"

ไนน์เดินไปทาครีมอย่างว่าง่าย ในเมื่อเป็นเด็กเชื่อฟังผมก็ยอมคืนแว่นให้แต่โดยดี

ยังไม่ทันจะทาครีมเสร็จก็มีเสียงเรียกเข้าขึ้นมา มันดังมาจากโทรศัพท์มือถือของไนน์ ไนน์รีบโบกครีมตามที่ผมแนะนำไปแล้วรีบวิ่งไปรับโทรศัพท์ทันที

"ฮัลโหล เฮ้ยไอ้ไนน์ อยู่ไหนวะ ติดฝนอยู่รึเปล่า ให้กูออกไปรับไหม" ผมเหงี่ยหูฟังคนในสาย

"ไม่เป็นไรครับ คืนนี้ไนน์มาค้างหอ..." ไนน์เหล่ตามามองผมก่อนว่าต่อ "รุ่นพี่อะ"

"เฮ้ย เดี๋ยวนี้ไนน์กูมันร้ายว่ะ พวกมึง! ไอ้ไนน์ไปนอนค้างหอใครก็ไม่รู้เว้ย" เสียงในสายเบาลงเหมือนตะโกนไปหาคนอื่นแทน ไม่นานเสียงของคนอีกสองคนก็ดังขึ้น "เหยดด เห็นเงียบ ๆ ฟาดเรียบนะครับ" "เดี๋ยวนี้มีเมียแล้วทิ้งเพื่อนเหรอไอ้เหี้ยไนน์"

"เปล่าครับ ไม่ใช่ซะหน่อย ไนน์มานอนหอรุ่นพี่จริง ๆ นะ พรุ่งนี้ก็กลับแล้วครับ"

"จ้า กูเชื่อ" เสียงในสายเปลี่ยนเป็นคนแรกเหมือนเดิม "เออ ๆ ถ้ามึงไม่ติดฝนก็ดีแล้ว พวกกูเป็นห่วง มีอะไรก็โทรมาหาพวกกูแล้วกันนะ"

"ครับ"

ไนน์วางสายนั้นลง

"เพื่อนโทรมาหรอไนน์" ผมถามพลางเปิดตู้เสื้อผ้าเอาผ้าห่มอีกผืนและหมอนใบเก่าออกมากางบนพื้นที่ว่างข้างเตียง

"ใช่ครับ เป็นรูมเมทผมทั้งสามคนเลย"

"เดี๋ยวนี้มีฮอตแล้วนะเรา มีคนโทรตามไปขึ้นเตียงเนี่ย" ผมแหย่เล่นพร้อมเอานิ้วไปจิ้มแก้มไนน์

พอได้รู้ว่าเจ้าหมอนี่เริ่มมีเพื่อน เริ่มมีคนห่วงใยมากขึ้น ผมก็ดีใจไปกับมันด้วย

แต่ความคิดชั่ววูบก็ฉายขึ้นมา ถ้าไนน์มีเพื่อนเยอะแล้ว ต่อไปจะอยากอยู่กับคนน่าเบื่อแบบผมไหมนะ...

"แล้วพี่เบ็นปูผ้าลงพื้นทำไมครับ"

"ก็นอนไง พี่นอนบนพื้น เรานอนบนเตียง"

"เตียงตั้งใหญ่ นอนสองคนยังได้เลยครับพี่เบ็น"

เตียงที่ตั้งอยู่กลางห้องนั้นมีขนาดใหญ่พอสำหรับคนสองคนตามที่ไนน์บอก

กุ้งที่เคยมานอนกับผมบ้างก็นอนเตียงด้วยกันโดยไม่ได้คิดอะไร แต่ไม่รู้ทำไมผมต้องทำเหมือนไนน์เป็นผู้หญิงที่มานอนค้างกับผู้ชายสองคน แล้วเราสองคนไม่ควรนอนเตียงเดียวกันไปได้

พอรู้สึกตัวว่าตัวเองคิดอะไรเลยเถิดไปไกลแล้วก็เรียกสติกลับคืนมา แต่ก็ยังยืนกรานว่าจะต้องไม่นอนด้วยกัน ผมกลัวตัวเองจะสติเตลิดไปมากกว่านี้

"งั้นพี่เบ็นนอนบนเตียง ผมนอนพื้นเองครับ พี่เป็นเจ้าของห้องนะ"

"ไม่ได้ เราเป็นแขก พี่จะให้แขกนอนพื้นได้ไง"

"ไม่ได้เหมือนกันครับ พี่เป็นเจ้าของห้อง จะให้เจ้าของห้องนอนพื้นได้ไงครับ" เดี๋ยวนี้มีย้อนนะไอ้หนู

"งั้นเรามาเป่ายิงฉุบกัน ใครชนะได้นอนบนเตียง ใครแพ้นอนพื้น โอเคไหม"

ไนน์ดูลังเลเล็กน้อยกับข้อเสนอนี้ของผม แต่แล้วก็ยอมตกลงแต่โดยดี

ผลปรากฏว่าไนน์ชนะผม ผมจึงไล่ไนน์ให้ไปนอนที่เตียงดี ๆ

ยังไม่ทันได้ปิดไฟ ไนน์ก็ฉุดแขนผมขึ้นพยายามจะลากผมขึ้นเตียง...ผมหมายถึงเกลี้ยกล่อมให้ขึ้นไปนอนบนเตียงดี ๆ น่ะ แต่ด้วยน้ำหนักตัวของผมกำลังแขนน้อย ๆ ของไนน์ก็ดึงไม่ขึ้นสักที

"พี่เบ็น! ขึ้นมานอนเดี๋ยวนี้เลยครับ"

"นอนพื้นมันเย็น เดี๋ยวเราก็เป็นหวัดกันพอดี พี่เป็นห่วงน้องชายพี่ เข้าจั๋ย"

"แล้วพี่เบ็นไม่ห่วงตัวเองบ้างเลยหรือไง พี่เอาแต่คิดห่วงถึงคนอื่นตลอดแต่ไม่ยอมให้ใครมาห่วงตัวพี่เองบ้างเลย ผมก็เป็นห่วงพี่เบ็นเหมือนกันนะ"

ประโยคที่ยาวขนาดนี้ออกมาจากไนน์ได้อย่างเหลือเชื่อ ไหนจะน้ำเสียงและสีหน้าที่หนักแน่นจริงจังนั่นอีก...

ในที่สุดผมก็ยอมไปนอนบนเตียงกับไนน์ เราสองคนนอนห่างกันคนละฟากของเตียง มีหมอนข้างวางกั้นอยู่ตรงกลางแบ่งเขตพื้นที่ของแต่ละคนชัดเจน

ความคิดนี้เป็นของผมเอง ไนน์ได้แต่บ่นอุบอิบประมาณว่า ไม่ใช่ผู้หญิงนะที่จะต้องทำแบบนี้ แต่ก็ไม่เป็นผล

จริงอยู่ที่ไนน์เป็นผู้ชาย แต่ผมกลับรู้สึกใจเต้นแปลก ๆ กับมันจนไม่อยากอยู่ใกล้ให้ใจเตลิดไปมากกว่านี้

ผมรู้ดีว่าไม่ควรคิดแบบนี้ ผมคิดอยากจะหันไปกอดไนน์ที่นอนอยู่อีกฟากใจจะขาด แต่ก็สะกดตัวเองไว้ไม่ให้ทำอะไรตามใจ สายตาผมหันไปเห็นตุ๊กตากระต่ายน้อยที่วางอยู่บนหัวเตียงฝั่งผมพอดี ผมจึงเอื้อมไปหยิบมันมากอดแทนบุคคลที่มอบให้

ถึงจะไม่ได้สัมผัสกันโดยตรง แต่กลับอุ่นใจเหมือนมีไนน์อยู่ในอ้อมกอด

"พี่เบ็นครับ..." เสียงไนน์ทักขึ้นท่ามกลางเสียงฝน

"หืม? ว่าไงครับ"

"ผม...รักพี่นะครับ ม...หมายถึงแบบพี่ชายน้องชายนะครับ แบบ ผมรักพี่ชายนะ"

"อื้ม พี่ก็รักเราเหมือนกัน"

น้องชายของพี่