"นี่ครับคุณพี่กุ้ง น้ำแดงมึง" ผมวางขวดน้ำแดงขนาดเท่ากับที่กินกับไนน์ไปเมื่อวานลงตรงหน้ากุ้ง ตอนนี้เรากำลังกินข้าวกลางวันอยู่ที่โรงอาหารคณะโดยมีเนตรและไนน์นั่งอยู่ด้วย
"อะไรของมึง"
"ดื่มเลือดร่วมสาบานไง เรามีน้องชายคนเล็กแล้วนะ"
"น้องชายคนเล็ก? ใครวะ"
ผมเหล่ตาไปมองไนน์แล้วใช้ศอกกระทุ้งไหล่ส่งสัญญาณให้ไนน์เป็นคนบอกไอ้กุ้งเอง
"คือ ผม...ผมขอเป็นน้องชายพี่เบ็นกับพี่กุ้งด้วยได้ไหมครับ"
"ห๊ะ นี่มึงทำอะไรไม่ปรึกษากูเลยนะไอ้เบ็น"
"ไนน์...ผมเป็นน้องพี่ไม่ได้เหรอครับ"
"ไม่ได้!" ทำเอาไนน์หัวหดเข้ากระดองไปเลย "จนกว่าจะผ่านบททดสอบของลูกผู้ชาย"
"บททดสอบอะร...อ๋อ เกือบลืมไปแล้วแฮะ" ตอนแรกผมตามสิ่งที่กุ้งมันพูดไม่ทัน เราไม่เคยทำบททดสอบอะไรทั้งนั้น แต่กุ้งมันหันมาหยักคิ้วให้ก่อน ผมจึงรู้ว่าไอ้นี่วางแผนจะแกล้งเด็กอยู่
ถ้าไนน์บอกว่าผมชอบแกล้ง พี่ชายคนโตของมันนี่แหละคือลูกซาตานลงมาเกิดของจริง
"ไนน์จะต้อง..." ไนน์กลืนน้ำลายดังเอือกได้ยินมาถึงหูผม "ด่าพี่ว่า 'ไอ้สัตว์' ให้พี่เจ็บปวดไปถึงหัวใจเลยนะ"
โป๊ก!
เสียงมะเหงกกระทบกระโหลก "มึงอย่าเชียวนะ" เนตรที่นั่งฟังอยู่รีบเข้ามาห้ามทันที "อย่าสอนน้องนายไนน์กูให้สถุลเหมือนมึงนะ"
"อะไรเล่า ก็ให้มันฝึกไว้ คราวหลังมีใครมาด่าจะได้ด่ากลับได้ไง"
"ไม่เห็นเกี่ยวเลยไอ้ส..." เนตรลากเสียงตัวเอสยาวเพราะรู้ตัวว่ากำลังจะเป็นแบบสำนวน 'ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง' "สลัด!"
"ว่าแต่เขาอีเนตรเป็นเอง" นั่น!
โป๊ก!!!
เสียงเดิมดังขึ้นมาสนั่นกว่าเดิม
ไนน์ทำหน้าไม่สู้ดีนัก ไม่ใช่เพราะกลัวเนตรหรอก แต่คงกำลังหนักใจกับภารกิจของไอ้กุ้งมากกว่าเพราะไนน์ชำเลืองสายตามามองผม สื่อเป็นเชิงถามว่าควรพูดดีไหม
"ให้ลองพูดไว้ก็ดี เผื่อมีใครมาหาเรื่อง มันจะได้ป้องกันตัวได้" ผมอยู่ข้างไอ้กุ้ง บางทีคนเราไม่จำเป็นต้องพูดหยายตลอดเวลา แต่ก็ควรเรียนรู้ที่จะพูดหยาบไว้บ้าง
"มึงก็!" เนตรถลึงตาใส่ผมแล้วกอดอกทำท่าไม่รู้ไม่ชี้ "แล้วแต่แล้วกัน"
"จัดมา ว่าที่น้องเล็กของพี่กุ้ง เอาให้หงายเงิบไปเลยนะ"
ไนน์เงียบไปชั่วขณะ มันสูดหายใจเข้าลึกมาก และในที่สุดก็โพล่งออกมา
"ไอ้สัตว์...ครับ?"
มาหมดเลย ทั้งกระรอกตัวจิ๋ว หนูร้องจี๊ดจี๊ด น้องหมาน้อยครางงี๊ดงี๊ด เหมียวง่าวน่าร๊าก
ถ้าเปรียบการด่าเป็นชนิดของสัตว์ สิ่งที่ออกมาจากปากไนน์คงเป็นสิ่งมีชีวิตที่บอบบางและน่ารักเหลือเกิน น้ำเสียงของไนน์ดูเบา อ่อนโยน และไร้ซึ่งพิษสงใด ๆ ถ้าใช้น้ำเสียงนี้ไปด่าใครละก็ เขาคนนั้นคงจะเจ็บน่าดูเพราะรู้สึกละอายใจที่มารังแกน้องหมาน้อยน่ารักขนาดนี้
"อุ้ย น่ารัก" เนตรที่แอบฟังอยู่กล่าวชมไนน์จนมันเขินแล้วจิกแขนเสื้อผมเล่น
กุ้งทำหน้าผิดหวังทันที "ไม่เอาดิ เอาแบบ..." กุ้งตะโกนเสียงดังมากจนไนน์สะดุ้ง "ไอ้สัตว์!!! ไม่ก็ใส่อารมณ์กวนตีนเข้าไป แบบ..." คราวนี้มันทำเสียงลากยาว "ไอ้สาด!!!"
"ไอ้...ไอ้แสด"
คราวนี้เป็นสีแสด เสียงสดใสราวกับแสงแดดยามเช้าที่อบอุ่น ผิดกับไอ้กุ้งที่เหมือนพ่นเอาเสือ สิงห์ กระทิง แรด ออกมาหมด
ผมเอามือกุมขมับแล้วหัวเราะร่วนทันที ผมควรจะดีใจหรือเสียใจดีที่ไนน์พูดคำหยาบไม่ได้เลย
"ไม่แรงอะ ไม่เจ็บเลยด้วย"
คำพูดนั้นทำเอาไนน์หน้าหงอยไปเลย แต่ก็ยิ้มร่าอีกครั้งเมื่อกุ้งพูดต่อ
"แต่เห็นว่าพยายาม เพราะงั้นให้ผ่านก็ได้" พูดจบก็เอามือไปลูบหัวน้อง
พอเห็นกุ้งลูบหัวน้องไนน์อีกเป็นครั้งที่สองหลังจากวันนั้นที่พาไนน์ไปแนะนำตัว ใจผมร้อนรุ่มกระสับกระส่ายคล้ายจะหงุดหงิดใจที่เห็นคนอื่นมาเอ็นดูมันนอกจากผม
ไม่ทันรู้ตัว ผมก็ปัดมือกุ้งออกจากหัวไนน์ไปแล้ว
"นี่น้องของเบ็นนะ"
ทำเอากุ้งกับเนตรผงะไปเล็กน้อย กุ้งยิ้มขึ้นแล้วเปลี่ยนเป้าหมายมายีหัวผมเล่นแทน
"หึงน้องชายเป็นเด็ก ๆ ไปได้นะเบ็นนี่น้อย"
นานแล้วที่ผมไม่ได้เรียกชื่อตัวเองแทนคำว่า กู มึง กับกุ้ง สมัยเราเป็นพี่น้องกันใหม่ ๆ ผมมักเรียกกุ้งว่า ไอ้พี่กุ้ง และเรียกแทนตัวเองว่า เบ็น ส่วนกุ้งมันจะเรียกผมว่า เบ็นนี่น้อย
ผมขมวดคิ้วใส่ ไม่เข้าใจตัวเองเลยว่าทำไมถึงรู้สึกแบบนี้