webnovel

ปั้นดินเป็นเดือน

จากดินสกปรกจะถูกปั้นให้เป็นเดือนได้จริงเหรอ? ความพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองนั้นมันคุ้มค่าหรือไม่? สุดท้ายแล้วคนเราก็ตัดสินกันแค่ที่หน้าตาใช่ไหม? เบญจมินทร์ หรือ เบ็น เป็นเด็กหนุ่มที่เชื่อสุดใจเลยว่าคนทุกคนบนโลกใบนี้ดูดีในแบบของตัวเอง และทุกคนสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้หากมีความพยายามมากพอ และด้วยความเชื่อที่ดูจะไปสะกิดต่อมความหมั่นไส้ของคู่อาฆาตนั้น ทำให้เขาถูกท้าแข่งในการประกวดทูตกิจกรรม ไม่ใช่ตัวพวกเขาเองที่จะลงแข่งหรอกนะ แต่พวกเขากำลังแข่งกันปั้นเด็กของตัวเองให้เป็นเดือนคณะให้ได้ต่างหาก ทว่า เด็กที่เบ็นต้องปั้นนั้นกลับเป็นรุ่นน้องปี 1 ที่แสนจืดจาง ใบหน้าห่างไกลจากคำว่าหล่อในยุคสมัยนี้ไปเลย แถมความมั่นใจยังอยู่ในระดับขั้นติดลบ ทุกคนเห็นตรงกันหมดว่าเบ็นไม่ต้องแข่งก็ได้ เพราะรู้ผลตั้งแต่ยังไม่เริ่มเลยด้วยซ้ำ แต่เบ็นเชื่อในตัวน้องคนนี้ และเชื่อในกันและกัน เขาจะปั้นเด็กคนนี้ให้เป็นดวงเดือนสีนวลบนฟ้าให้ได้! สุดท้ายแล้วพวกเขาจะสามารถพิสูจน์ให้โลกวัตถุนิยมใบนี้ยอมรับความพยายามของพวกเขาได้หรือไม่

NIMAJNEB · LGBT+
Classificações insuficientes
56 Chs

บทที่ 6.1

พอเริ่มแนะนำตัวเป็นก็พูดไปทั่วเลยแฮะ

ไม่นานไนน์ก็เป็นที่รู้จักในวงกว้างด้วยฉายาใหม่ที่ทุกคนแซวเล่น ฉายานี้ไม่ได้ถูกตั้งขึ้นมาเพื่อล้อเลียนหรือเอาไว้นินทาอย่าง 'น้องนิ่ง' แต่เป็นชื่อเล่นน่ารัก ๆ ที่คนพบเห็นต่างพากันเรียกไนน์อย่างเอ็นดูว่า 'นายไนน์'

ดูเหมือนว่าเจ้าตัวก็จะชอบซะด้วย

ส่วนไนน์ในตอนนี้มันก็ดูเข้ากับคนอื่นได้ดีขึ้น ยังมีสายตาท่าทางประหม่าอยู่บ้างแต่ก็น้อยลงกว่าที่ผ่านมา เวลาเจอใครก็พูดเจื้อยแจ้วเหมือนเด็กเพิ่งหัดพูดเป็น

ทั้งเมทร่วมห้องทั้งเพื่อนในสาขาก็ดูเริ่มสนิทกับไนน์ขึ้นมาบ้างแล้ว จะมีก็แต่ความขี้กลัวเวลาเจอคนไม่รู้จักเยอะ ๆ ที่ยังคงติดเป็นนิสัยอยู่

"พี่เบ็น วันนี้ผมทำควิซได้คะแนนเต็มด้วย เก่งไหม ๆ" ไนน์ยิ้มร่ามาทางผมพร้อมชูกระดาษควิซที่อาจารย์เขียนคะแนนสิบเต็มมาให้ดูเป็นหลักฐาน

"ไหนดูดิ...ข้อหก อาจารย์ตรวจผิดไม่ใช่เหรอ"

"จริงเหรอครับพี่เบ็น ไนน์ว่าไนน์ตรวจดีแล้วนะ" ไนน์ก้มหัวลงมาดูกระดาษคำตอบ กวาดสายตาดูข้อดังกล่าวไปมาหลายรอบ "ผมก็เขียนเตนเตนแล้วนี่"

"นี่แน่ะ! เสร็จพี่" ได้โอกาส ผมดีดนิ้วไปที่กะโหลกของไนน์ดังเป๊าะแล้วหัวเราะลั่นออกมา

ไนน์หลับตาลงตามสัญชาตญาณพร้อมร้องโอ๊ยเป็นภาษาญี่ปุ่นตามความเคยชิน "อิตะ! งื้อ...พี่เบ็น!" เด็กอะไรน่าแกล้งชะมัด "พี่เบ็นขี้บูลลี่อะ"

"โอ๋น่า รักหรอกจึงหยอกเล่น"

"อย่างงี้ไงถึงไม่มีแฟนสักทีอะ"

"ว่าไงนะ!" ผมยกบีนแบ๊กที่พิงอยู่มาปาใส่เด็กปากเสีย เจ้าเด็กนั่นหัวเราะคิกคักน่าหมั่นไส้ใส่ผม แต่ผมเองก็กำลังหัวเราะอยู่เช่นกัน

พวกเราเข้ามาสิงอยู่ที่มุมอับมุมเดิมของหอสมุดทุกวันไม่เว้นแม้แต่วันเสาร์อาทิตย์ ส่วนใหญ่แล้วเราจะเคลียร์การบ้านกันที่นี่ อ่านหนังสือเรียนบ้าง บางครั้งผมนำโน๊ตบุคมาเพื่อดูหนังเล่นเกมไปตามนิสัย ส่วนไนน์ก็นั่งเล่นไป

หลายครั้งผมต้องสวมบทบาทเป็นติวเตอร์สอนภาษาญี่ปุ่นให้ไนน์ เจ้าหมอนี่สมองช้า แต่ความมุมานะก็เป็นอาวุธลับของมัน

ถึงอย่างนั้น เวลาที่ผ่านมากว่าสองสัปดาห์นี้ เรื่องการปั้นเดือนที่ทำสัญญาท้าแข่งกับไอ้สนยังไม่คืบหน้าไปไหนแม้แต่เปอร์เซ็นต์เดียว ผมยังไม่ได้เกริ่นเรื่องเดือนให้ไนน์ฟังเลยด้วยซ้ำ จะให้บอกยังไงล่ะ 'ไนน์มาเป็นเดือนไหม สนุกดีนะ' เหรอ หรือจะต้องโกหก 'ไนน์รู้ไหม ไนน์หน้าตาใช้ได้อยู่นะ ไปเป็นเดือนไหม'

ไม่ว่าจะลองคิดข้ออ้างแบบไหนไว้ก็ดูไม่เข้าท่าเลยสักนิด บางข้อก็ตัดไปเพราะไม่น่าจะจูงใจได้มากพอ ส่วนบางข้อก็ดูจะทำร้ายจิตใจเกินไปถ้าโกหกแล้วไนน์มารู้ทีหลัง

"เบ็น"

สนามรบขนาดย่อมถูกสร้างขึ้นในหัวของผม ความคิดต่าง ๆ ตบตีกันไปมาจนวุ่นวายไปหมด ฝั่งซ้ายประกอบไปด้วยความคิดที่จะชักจูงไนน์มาสมัครเดือน ส่วนฝั่งขวานั้นคัดค้านอย่างหนักหน่วง

"ไอ้เบ็น"

ฝั่งขวาพุ่งหอกแห่งความละอายใจใส่ป้อมของอีกฝั่งไปเน้น ๆ แต่ฝั่งซ้ายก็ไม่วายโต้กลับด้วยปืนใหญ่ที่บรรจุกระสุนแห่งความอยากเอาชนะไปเหมือนกัน

เอายังไงดีวะเนี่ย

"ไอ้เหี้ยเบ็น!"

"ห๊ะ! ว่า?" กุ้งหยุดการนองเลือดเอาไว้ได้ ทุกอย่างในหัวละลายหายไปหมดเหมือนคลื่นยักษ์ที่พัดทุกอย่างหายไปในชั่วพริบตา

"นี่มึงเหม่อถึงสาวที่ไหนวะไอ้เบ็น กูเรียกมึงสามรอบแล้วนะ"

ตอนนี้อาจารย์กำลังไล่เช็คชื่อนิสิตที่เข้าเรียนก่อนจะเลิกเรียน กุ้งมันคงจะเรียกผมเพราะใกล้ถึงชื่อผมแล้ว ส่วนเนตรโดดเรียนคาบเย็นนี้ไปเรียบร้อย ให้เหตุผลที่จำเป็นต้องโดดว่า ขี้เกียจใส่ชุดนิสิตมาเรียน

"เปล่า แค่...มีเรื่องให้คิดนิดหน่อย"

"คิดมากอะไรอีกล่ะ บอกกูมา กูบอกกี่รอบแล้วว่ามีอะไรอย่าเก็บไว้คนเดียว"

"ไม่มีอะไรหรอกก็แค่เรื่อ..."

"นายเบญจมินทร์" อาจารย์ขานชื่อเรียกผมเพื่อเช็คชื่อ

"มาครับ!" ผมยกมือตอบอาจารย์แล้วหันไปพูดกับกุ้งต่อ "เรื่องไร้สาระนิดหน่อย"

"กูเป็นใคร? กูเป็นพี่ชายร่วมสาบานกับมึงนะ จำไม่ได้งะ ถ้าไม่สบายใจอะไรก็บอกกูมา"

ผมกับมันเป็นพี่น้องร่วมสาบานกันเล่น ๆ ตั้งแต่ ม.4 โดยการเอาน้ำแดงมาซดกินแทนเลือด

สาเหตุที่เรากลายมาเป็นพี่น้องกันก็เพราะเรื่องทะเลาะวิวาท กุ้งดันไปมีเรื่องกับแก๊งค์หัวโจกของพวก ม.6 ตัวมันคนเดียวโดนคนที่ตัวใหญ่กว่าสามคนรุมกระทืบ ตอนนั้นสภาพมันดูไม่ได้เลย

ตอนแรกผมตั้งใจจะไม่เข้าไปยุ่ง เดี๋ยวประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยเดิมเหมือนตอนประถม แต่รู้สึกตัวอีกทีหมัดของผมก็ไปสัมผัสหน้าของไอ้นักเลงไปแล้ว ในวินาทีนั้นผมคิดว่าผมตัดสินใจผิดพลาด เราถูกซ้อมกันจนหน่วม ถ้าครูไม่บังเอิญเดินผ่านมาเห็น พวกผมคงตายโหงกันไปนานแล้ว

แต่วินาทีที่ผมกระดกน้ำแดงขึ้น ผมรู้ได้ทันทีว่าผมไม่ได้ตัดสินใจผิด

เราได้สัญญากันว่าจะดูแลกันและกันจนวันตาย กุ้งบังคับให้ผมสาบานด้วยว่าถ้ามีอะไรไม่สบายใจ ซึ่งผมเป็นตลอด จะต้องไม่เก็บมาคิดคนเดียว ถึงจะดูน้ำเน่าแปลก ๆ แต่เราก็ดูแลกันและกันเหมือนพี่น้องจริง ๆ มาโดยตลอด

"เหม่ออีก เดี๋ยวกูโบก!" คนกำลังซึ้งเลยไอ้ห่ากุ้ง

"ก็เรื่องที่จะชวนไนน์เป็นเดือนอะดิ กูไม่รู้ว่าจะชวนน้องมันยังไงดี"

"ยากตรงไหนวะ ก็แค่ถามนายไนน์มันไปว่า อยากเป็นเดือนไหม ดูเราพอจะเป็นเดือนได้ พี่ปั้นให้เราเป็นได้นะ สนไหม งี้"

"มันไม่ได้ง่ายอย่างงั้นดิ กูไม่อยากโกหกน้องมันว่ามันเหมาะจะเป็นเดือน"

"งั้นแสดงว่ามึงก็ตัดสินไปแล้วเหมือนกันว่าไนน์มันไม่เหมาะจะเป็นเดือนจริง ๆ ?"

"ไม่...กูแค่..." กุ้งพูดถูกทั้งหมด ใจหนึ่งผมเชื่อเสมอว่าทุกคนเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ ไนน์ก็ต้องทำได้เหมือนกัน แต่ใจหนึ่งกลับตัดสินไปเรียบร้อยแล้วว่าไนน์ไม่เหมาะ "มึงพูดถูก กูคงจะคิดอย่างนั้นจริง ๆ"

"มึงนี่ย้อนแย้งในตัวเองฉิบหายเลยนะ หัวมึงทำสงครามแบ่งฝ่ายกันวุ่นแล้วมั้งเนี่ย" กุ้งเอื้อมมือมายีหัวผมเล่นก่อนจะกดหัวผมลง นิสัยนี้ผมได้มาจากไอ้กุ้งนี่แหละ "ก็แค่ทำในสิ่งที่มึงคิดว่าควรทำ แค่นั้น อย่าไปคิดเยอะ ปวดหัว"

"แล้วอะไรล่ะที่ควร" ผมถามจริงจัง

"กูไม่รู้ ในโลกนี้ไม่มีอะไรถูกผิดเหมือนข้อสอบกาหรอกมึง เรื่องบางเรื่องเราก็ต้องใช้อารมณ์มาตัดสินมากกว่าเหตุผล อยู่ที่ว่ามึงจะรับกับสิ่งที่ตามมาได้รึเปล่าก็เท่านั้น"

"...อื้ม" ผมครางรับเบา ๆ แล้วแสยะยิ้มออกมา "ขอบคุณครับคุณพี่กุ้งของน้อง มาให้น้องจุ๊บทีนึงดิ" ผมยื่นหัวจะไปจูบปากกุ้ง ส่วนกุ้งก็ทำหน้าขยะแขยงพลางใช้มือดันหัวผมให้ออกห่าง

"พวกมึงยังไม่ออกจากห้องกันอีกเหรอวะ" สนเดินหน้านิ่งมาจากทางด้านหลัง อาจารย์ปล่อยไปได้สักพักแล้ว ตอนนี้ผู้คนเดินออกไปข้างนอกจนเกือบหมดห้อง เหลือเพียงเราสามคนกับอีกกลุ่มที่อยู่คนละฝาก

"เอ่อ คุยกันนิดหน่อยว่ะ" กุ้งตอบสนไป ส่วนผมตอบไอ้สนด้วยการหลี่ตาทำหน้าไม่เป็นมิตรใส่

"พวกมึงก็ว่างเนอะ มานั่งคุยกันเนี่ย"

"มึงก็ว่างเนอะ มายุ่งเรื่องพวกกูเนี่ย" ผมสวนมันไป ทำเอาไอ้สนถลึงตาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ

"นี่พวกมึงจะกัดกันไปถึงไหนวะเนี่ย"

"เสือก!" ผมและสนพูดขึ้นมาพร้อมกัน ทำเอากุ้ง ผู้ถูกพวกผมสาดอารมณ์เสียใส่ ถอนหายใจยาวออกมาพร้อมกับส่ายหัวละเหี่ยใจแล้วก้มลงไปไถโทรศัพท์แทน

"แล้วนี่เมื่อไหร่มึงจะส่งรายชื่อของไอ้นิ่ง เอ่อ อะไรนะ นายไนน์ เข้าสมัครเดือน หรือมึงยังไม่ได้ไปชวนมัน หรือถ้ามึงจะสละสิทธิ์ก็ได้นะ กูว่ามันก็กระชับเวลาดี เพราะส่งไปแข่งก็เท่านั้น ไม่ติดอยู่ดี" สนพูดด้วยท่าทีเหย่อหยิ่ง ไหนจะทำท่าดูเล็บตัวเองแล้วเคาะเล่นให้ดูอีก อยากเอาเล็บจิกตาแม่งจริง ๆ

"น้องไนน์ของกูชนะแน่ มึงคอยดู"

"งั้นก็รีบส่งชื่อเร็ว ๆ ดิวะ จะหมดเขตพรุ่งนี้แล้ว"

ผมไม่ทันสังเกตเลยว่าเขาเริ่มเปิดรับสมัครลงชื่อฑูตกิจกรรมกันไปนานจนจะปิดรับแล้ว ปีนี้เป็นปีที่สองแล้วที่ทำการแข่งขันสองขั้นตอน ขั้นแรกจะใช้วิธีเปิดรับสมัครซึ่งจะเปิดโอกาสให้คนที่รุ่นพี่ไม่ได้เล็งไว้มาสมัครได้ จากนั้นกรรมการจะคัดกรองคนที่เข้าตาจากประวัติและรูปถ่าย คนที่เหลือรอดจะได้ไปสู่รอบสอง

ถึงจะเปิดรับสมัครคนนอกด้วยก็ตาม แต่ปีที่แล้วคนที่ผ่านเข้ารอบสองมาได้ก็มีแต่เด็กที่รุ่นพี่ดาวเดือนปีก่อนชวนมาทั้งนั้น ผมก็เป็นหนึ่งในนั้นที่มีรุ่นพี่มาทาบทามให้ไปสมัครเดือน

"กูจะรอชมผลงานของเด็กปั้นมึงนะ คุณรองเดือน"

พูดจบก็เดินออกจากห้องไปเลย ทิ้งให้ผมอมความหงุดหงิดไว้ในใจ ทั้งเรื่องอยากเอาชนะสน ทั้งเรื่องคิดหาทางออก

ถ้าเลือกที่จะยอมแพ้ ก็จะเสียหน้าให้ไอ้สนพร้อมกับต้องจำนนยอมรับว่าสิ่งที่ผมเชื่อมันไม่ถูกต้อง ถ้าให้เลือกชวนไนน์ดี ๆ มันก็คงไม่ยอมลงแน่ ถ้าจะโกหกหลอกล่อมาก็จะทำให้ไนน์เสียใจแน่หากรู้ความจริง ไม่ว่าจะเลือกทางไหนก็มืดแปดด้านไปหมด

"กูบอกแล้วว่าอย่าไปคิดเยอะ ทำตามที่หัวใจมึงบอก แค่นั้น" กุ้งเตือนสติผม มันคงสังเกตได้ว่าผมกลับไปคิดเรื่องเดิมอีกแล้ว

"...ถ้าทางที่กูเลือก...มันจะผิดล่ะ"

"ก็บอกแล้ว ไม่มีอะไรถูกผิดหรอก"