webnovel

ปั้นดินเป็นเดือน

จากดินสกปรกจะถูกปั้นให้เป็นเดือนได้จริงเหรอ? ความพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองนั้นมันคุ้มค่าหรือไม่? สุดท้ายแล้วคนเราก็ตัดสินกันแค่ที่หน้าตาใช่ไหม? เบญจมินทร์ หรือ เบ็น เป็นเด็กหนุ่มที่เชื่อสุดใจเลยว่าคนทุกคนบนโลกใบนี้ดูดีในแบบของตัวเอง และทุกคนสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้หากมีความพยายามมากพอ และด้วยความเชื่อที่ดูจะไปสะกิดต่อมความหมั่นไส้ของคู่อาฆาตนั้น ทำให้เขาถูกท้าแข่งในการประกวดทูตกิจกรรม ไม่ใช่ตัวพวกเขาเองที่จะลงแข่งหรอกนะ แต่พวกเขากำลังแข่งกันปั้นเด็กของตัวเองให้เป็นเดือนคณะให้ได้ต่างหาก ทว่า เด็กที่เบ็นต้องปั้นนั้นกลับเป็นรุ่นน้องปี 1 ที่แสนจืดจาง ใบหน้าห่างไกลจากคำว่าหล่อในยุคสมัยนี้ไปเลย แถมความมั่นใจยังอยู่ในระดับขั้นติดลบ ทุกคนเห็นตรงกันหมดว่าเบ็นไม่ต้องแข่งก็ได้ เพราะรู้ผลตั้งแต่ยังไม่เริ่มเลยด้วยซ้ำ แต่เบ็นเชื่อในตัวน้องคนนี้ และเชื่อในกันและกัน เขาจะปั้นเด็กคนนี้ให้เป็นดวงเดือนสีนวลบนฟ้าให้ได้! สุดท้ายแล้วพวกเขาจะสามารถพิสูจน์ให้โลกวัตถุนิยมใบนี้ยอมรับความพยายามของพวกเขาได้หรือไม่

NIMAJNEB · LGBT+
Classificações insuficientes
56 Chs

บทที่ 19.2

ตึก ตึก ตึก ตึก

เสียงวิ่งตึงตังดังมาจากข้างนอกแล้วตามด้วยเสียงเปิดประตูอย่างร้อนรน

เป็นแม่บอลของผมนั่นเอง บอลรับหน้าที่เป็นพิธีกรสาวสวยอีกครั้ง คราวนี้สวมชุดเป็นนางตานีสะไบเขียว จัดเต็มยิ่งกว่าน้อง ๆ ผู้เข้าประกวดดาวเทียมซะอีก

"น้อง ๆ คะ ใกล้ถึงเวลาแล้วนะ พร้อมกันรึยังคะ"

ระหว่างรอคำตอบ ผมเห็นบอลหันไปเจอน้องไนน์พอดี บอลยักคิ้วแล้วยิ้มทักไนน์ไป

นางตานีผมสวยฉิบหาย

"ใกล้แล้วค่า" พี่เชอร์รีตอบบอลไปด้วยเสียงที่ใจเย็น แต่พอบอลออกไปเท่านั้นแหละ เปลี่ยนลุคเป็นไฟที่ร้อนรนทันที "เร็วเด็ก ๆ จะถึงเวลาแล๊ว!" ลากเสียงยาวสูงปรี๊ด

หลังจากไต้ฝุ่นแห่งความปั่นป่วนเคลื่อนผ่านไปจากห้องเก็บตัว เหล่าเด็กผู้เข้าประกวดก็เรียงแถวกันเพื่อเตรียมตัวออกไปเดินโชว์ตัวรอบแรก

ก่อนออกไป ผมกับไนน์ไม่วายโดนพี่เชอร์รีเหน็บแนมอีกรอบเรื่องที่ไม่ได้แต่งตัวมาตามธีมลมที่เราได้ เราไม่ค่อยแคร์การแต่งตัวสักเท่าไหร่ เพราะยังไงวันนี้ไนน์มันก็ไม่ได้กะจะมาเพื่อคว้ารางวัลอยู่แล้ว

หลังจากที่ส่งน้องของตัวเองออกไปหน้าเวทีแล้ว พวกพี่เลี้ยงทั้งสิบสองชีวิตก็รีบวิ่งกลับห้องไปแอบส่องดูการเดินของน้องตัวเองผ่านการบันทึกภาพสดในโซเชียล

เสียงเฮจากผู้คนข้างนอกนั้นดังจนได้ยินมาถึงข้างหลังเวที การเดินเปิดตัวผู้เข้าประกวดในปีนี้จะเหมือนกับเมื่อสัปดาห์ที่แล้วคือแยกชุดกัน ดาวส่วนดาว เดือนส่วนเดือน และจบด้วยชุดของดาวเทียม

การเดินของไนน์ในครั้งนี้ดูดีขึ้นกว่าเดิมมาก มากจนพี่เชอร์รีเผลอเอ่ยปากชมโดยไม่รู้ตัว ถึงชุดไนน์จะไม่ได้อลังการ หรือต้องเรียกว่าไม่ได้แต่งอะไรเลย แต่ก็ดูดีไม่แพ้คนอื่น

ผมอดภูมิใจในตัวน้องคนนี้ไม่ได้จริง ๆ

กลับหอไปจะมอบรางวัลให้อย่างงามเลย

การเดินเปิดตัวเป็นไปอย่างเรียบร้อย ไม่มีใครเดินผิดคิวหรือเดินตกเวทีไป ต่อไปจึงเริ่มเข้าสู่การแสดงความสามารถพิเศษแล้ว ครั้งนี้จะแสดงเรียงตามลำดับที่จับฉลากได้ซึ่งทั้งสิบเอ็ดคนจับไว้ก่อนแล้วในตอนเช้า

และไนน์ที่มาไม่ทันการจับฉลากก็ต้องอยู่คิวสุดท้ายไปโดยปริยาย

การแสดงผ่านไปเรื่อย ๆ จากคนที่หนึ่ง คนที่สาม ถึงคนที่แปด แต่ละคนงัดความสามารถออกมาโชว์กันเต็มที่ มีทั้งการเต้น การแสดงตลก การแสดงดราม่า รำไทย เล่นมายากล ร้องเพลง มาหมดทุกรูปแบบ ผมนั่งดูการแสดงผ่านการบันทึกภาพสดกับไนน์ ผมยอมรับว่าค่อนข้างน่าเบื่อพอควร ส่วนไนน์ก็เบื่อจนผล็อยหลับไปสองตื่นแล้ว

แล้วก็มาถึงการแสดงของคนที่สิบ เป็นการแสดงของน้องดาวเทียมคนหนึ่ง น้องคนนี้มาแหวกแนวจากคนอื่น ดาวเทียมส่วนมากจะเน้นขายความฮาและความตลกไม่ก็ไปทางสายเต้นสะบัดสุดเหวี่ยงไปเลย แต่น้องคนนี้กลับเลือกที่จะแสดงตัวตนของเพศตรงข้าม

ตามหลักการแล้วดาวเทียมควรจะเป็นผู้ชายที่มีใจเป็นหญิง ซึ่งน้องเขาตรงกับลักษณะที่ว่าคือมีเพศสภาพเป็นชาย แต่น้องไม่ได้แต่งเป็นหญิงธรรมดา...

น้องคนนี้แต่งเป็นผู้หญิงที่แต่งเป็นผู้ชายอีกที

การแสดงสีหน้าและอารมณ์ของน้องสุดยอดมาก ทำให้ทุกคนเข้าถึงได้จนเหมือนได้สัมผัสการถูกกีดกันของสังคมด้วยตัวเอง

จากที่ผมฟังน้องเขาอธิบายหลังการแสดงจบลง สิ่งที่น้องคนนั้นกำลังจะสื่อก็คือ ดาวเทียมไม่ควรเป็นพื้นที่สำหรับผู้ชายที่มีใจเป็นหญิงเท่านั้น แต่ควรเป็นพื้นที่ของผู้หญิงที่มีใจเป็นชายด้วย

เมื่อการแสดงที่สิบจบลงไป คนที่สิบเอ็ดก็ต่อทันที

"ไนน์ ตื่นเร็ว" ผมปลุกให้ไนน์ตื่นจากการหลับใหล ทั้ง ๆ ที่คนอื่นดูจะตื่นเต้นจนขาสั่นเมื่อจะถึงตาตัวเองขึ้นเวที แต่ไนน์กลับดูไม่กังวลแล้วงีบหลับบนตักผมอย่างสบายใจซะงั้น

"ห๊ะ พี่เบ็น"

"ตื่น" ผมโยกหัวไนน์ไปมาให้มันสร่างเมาขี้ตา "จะถึงตาไนน์แล้ว"

ไนน์ยอมลุกขึ้นมาแต่โดยดี จากนั้นผมจึงจูงมือพาไปยังทางออกเข้าสู่หน้าเวที

พอมันได้สติเต็มที่แล้วรู้ตัวว่าจะต้องไปยืนต่อหน้าคนกว่าหลายร้อยชีวิต ไนน์ก็เริ่มขาสั่นตามนิสัยที่เคยเป็น

ขาสั่น มือสั่นและสีหน้าเป็นกังวลอยู่ก็จริง แต่ไม่ได้รุนแรงเหมือนสัปดาห์ที่แล้ว ตอนนี้มันเป็นความวิตกกังวลในระดับของคนทั่วไป

ถ้าจะว่ากันตามตรงไนน์ในตอนนี้ดูจะตื่นเต้นน้อยกว่าผมเมื่อปีที่แล้วด้วยซ้ำ

"ไง เด็กบ๊อง" ผมเดินเข้าไปกอดไหล่ไนน์ไว้แน่น ส่งกำลังใจผ่านมือไปให้ "ตื่นเต้นไหม"

"อื้ม ตัวสั่นไปหมดแล้วเนี่ย"

"ตัวสั่นหรือตัวสั้น หืม?"

"พี่เบ็น!" ผมเกือบจะยีหัวมันไปแล้ว แต่ก็ห้ามมือตัวเองได้ทัน ขืนเล่นหัวมันตอนนี้มีหวังผมที่เซตไว้เละแน่นอน

"มานี่มา"

ผมช้อนคอไนน์เบา ๆ ให้เข้ามาใกล้ตัวผมมากขึ้น เราอยู่ในท่าที่อีกไม่กี่เซนติเมตรเราก็กอดกันได้

"แล้ววันนี้เดือนคนเก่งของพี่จะแสดงอะไรดีครับ"

"ไม่บอก" พูดจบก็แลบลิ้นใส่ผมเลย "เดี๋ยวก็รู้ครับ"

คงไม่ได้คิดจะทำอะไรบ้า ๆ อีกนะ

"พี่เบ็น..."

"หืม?"

"ไนน์...เปลี่ยนไปเยอะไหม"

เด็กหนุ่มที่อยู่ใกล้ผมจนลมหายใจรดกันอยู่นี้เปลี่ยนไปมากจริง ๆ

จากเด็กชายตัวน้อยผมยาวรุงรังปิดหน้าปิดตาแต่งตัวไม่เป็น

เด็กน้อยที่แม้แต่จะแนะนำตัวเองก็ยังไม่กล้า

คุณชายโฮของผมที่เอาแต่ร้องไห้ตลอดเวลา

ภาพอดีตไหลย้อนเข้าสู่ความทรงจำของผม ตั้งแต่ช่วงที่เราเจอกันครั้งแรกที่หน้าคณะ มาจนถึงช่วงที่เราคบกัน

ตั้งแต่วันนั้นมา ไนน์ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของผม ผมดูแล...ไม่สิ...เราสองคนดูแลกันและกันเสมอมา เติบโตไปด้วยกัน เดินเคียงข้างกัน

ก่อนหน้านี้ผมเป็นเหมือนกระต่ายตัวจิ๋วที่หลงทาง มันหาบ้านของมันไม่เจอ มันทั้งหนาว ทั้งเปลี่ยวใจ ทั้งชิงชังโลกใบนี้ กระต่ายน้อยเดินหลงทางอยู่เดียวดายท่ามกลางความมืดมิด

แต่แล้วดวงเดือนดวงหนึ่งก็ฉายแสงสีนวลขึ้นมา เดือนดวงนี้ให้ที่พักใจแล้วโอบกอดกระต่ายน้อยอย่างผมไว้ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปอีกกี่ล้านปีแสง เราก็จะโอบอุ้มกันและกันไว้อย่างนี้

"พี่เบ็น ผมหายใจไม่ออก"

ผมตื่นขึ้นจากภาพอดีตทันที รู้ตัวอีกทีผมก็กอดรัดร่างของไนน์ไว้แน่นแล้ว

ผมค่อย ๆ คลายกอดจากร่างไนน์ออกมา เผยรอยเลอะจากเครื่องสำอางบนใบหน้าของไนน์ที่เสื้อของผม

"...พี่เบ็นร้องไห้ทำไมครับ?"

"ห๊ะ" ผมไม่ทันรู้ตัวเลยว่าน้ำตาไหลลงมาที่แก้มมากมายขนาดนี้แล้ว เด็กหนุ่มตรงหน้าผมดูพร่าเลือนไปแล้ว "เปล่า ไม่มีอะไรหรอก" ผมรีบเช็ดน้ำตาออกจากหน้าทันที

แต่แล้วไนน์ก็เริ่มสูดน้ำมูกตามผม

สักพักก็ปล่อยโฮออกมา

"แล้วไนน์จะร้องไห้ทำไมเล่า" ผมดุมันทั้งที่ตัวเองยังเสียงสั่นอยู่เลย

"ก็...ก็พี่ร้องก่อนนี่นา" คราวนี้ไนน์ร้องจ๊ากสุดเสียงเลย เสียงไนน์ดังมากจนคนในห้องเก็บตัวออกมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น

ส่วนผมที่ได้ยินไนน์ปล่อยโฮสุดเสียงก็ร้องลั่นดังไม่ต่างจากไนน์เลย

"ไอ้เด็กขี้แย...เลิกร้องสักที!"

"ไอ้พี่ขี้แย...เลิกร้องก่อนดิ!"

ตอนนี้เราทั้งคู่ร้องไห้โฮกันเหมือนคนบ้า ยืนกอดกันอยู่อย่างนั้นที่ข้างหลังเวที

แม่บอลประกาศกล่าวปิดการแสดงของคนที่สิบเอ็ดไป มีเวลาอีกแค่ชั่วอึดใจเดียว...

ชั่วอึดใจเดียวเท่านั้นก่อนที่ไนน์จะออกไปข้างนอกให้สายตานับร้อยคู่มองดู

หญิงสาวคนที่สิบเอ็ดเดินออกจากเวทีเข้ามาข้างหลังฉากผ่านเราสองคนไปแล้ว

"...แล้วก็มาถึงการแสดงชุดสุดท้ายแล้วนะคะ..." เสียงแม่บอลประกาศเพื่อเตรียมเปิดให้ไนน์ขึ้นเวที

"ไป ถึงเวลาแล้ว" ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่ผมยังสะอื้นอยู่เลย

"ยังไม่อยากไป ขอกอดต่ออีกหน่อยนึง" เสียงไนน์เองก็สะอื้นเหมือนกัน

"...การแสดงชุดที่สิบสองนี้เป็นการแสดงของเดือนสุดน่ารักของเรา..."

"พอแล้ว ไปได้แล้ว" ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่ผมยังกอดไนน์ไว้ไม่ยอมปล่อย

"พี่เบ็นก็ปล่อยก่อนดิ" ไนน์เองก็ไม่ยอมปล่อยตัวออกจากผมเหมือนกัน

"...ขอเชิญพบกับ..."

"ไปเร็ว" ในที่สุดผมก็ยอมปล่อยตัวไนน์แล้วค่อย ๆ ผละตัวเองออก

"อื้ม" ไนน์กำมือมาเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้า เครื่องสำอางที่แต่งมาจางหายไปแล้วเกือบครึ่ง

"...เดือนประจำธาตุลม..."

ผมก้มลงไปจูบริมฝีปากที่เลอะลิปสติกอยู่

ไนน์เองก็เขย่งตัวขึ้นมาจูบริมฝีปากผมเหมือนกัน

"...นายณัฐดนัย จันทรวงศ์ หรือน้องไนน์ สาขาวิชาภาษาญี่ปุ่น ได้เลยค้า!!!"

สิ้นเสียงของแม่บอล เสียงเฮและเสียงปรบมือข้างนอกก็ดังก้องกังวาลทันที

ไนน์ส่งยิ้มหวานให้ผมก่อนจะเดินออกไปสู่ทางข้างหน้าที่มีแสงเจิดจ้า