webnovel

ปั้นดินเป็นเดือน

จากดินสกปรกจะถูกปั้นให้เป็นเดือนได้จริงเหรอ? ความพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองนั้นมันคุ้มค่าหรือไม่? สุดท้ายแล้วคนเราก็ตัดสินกันแค่ที่หน้าตาใช่ไหม? เบญจมินทร์ หรือ เบ็น เป็นเด็กหนุ่มที่เชื่อสุดใจเลยว่าคนทุกคนบนโลกใบนี้ดูดีในแบบของตัวเอง และทุกคนสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้หากมีความพยายามมากพอ และด้วยความเชื่อที่ดูจะไปสะกิดต่อมความหมั่นไส้ของคู่อาฆาตนั้น ทำให้เขาถูกท้าแข่งในการประกวดทูตกิจกรรม ไม่ใช่ตัวพวกเขาเองที่จะลงแข่งหรอกนะ แต่พวกเขากำลังแข่งกันปั้นเด็กของตัวเองให้เป็นเดือนคณะให้ได้ต่างหาก ทว่า เด็กที่เบ็นต้องปั้นนั้นกลับเป็นรุ่นน้องปี 1 ที่แสนจืดจาง ใบหน้าห่างไกลจากคำว่าหล่อในยุคสมัยนี้ไปเลย แถมความมั่นใจยังอยู่ในระดับขั้นติดลบ ทุกคนเห็นตรงกันหมดว่าเบ็นไม่ต้องแข่งก็ได้ เพราะรู้ผลตั้งแต่ยังไม่เริ่มเลยด้วยซ้ำ แต่เบ็นเชื่อในตัวน้องคนนี้ และเชื่อในกันและกัน เขาจะปั้นเด็กคนนี้ให้เป็นดวงเดือนสีนวลบนฟ้าให้ได้! สุดท้ายแล้วพวกเขาจะสามารถพิสูจน์ให้โลกวัตถุนิยมใบนี้ยอมรับความพยายามของพวกเขาได้หรือไม่

NIMAJNEB · LGBT+
Classificações insuficientes
56 Chs

บทที่ 18.2

"พี่เบ็น..."

"หืม?"

"ผมเล่าให้พี่ฟังไปเยอะแล้ว พี่เล่าเรื่องของพี่ให้ผมฟังด้วยนะ"

"...พี่ไม่อยากแสดงความอ่อนแอให้ไนน์เห็นหรอกนะ ถ้าอ่อนแอแล้วจะดูแลไนน์ได้ยังไง จริงไหม?" ผมก้มหัวลงไปเอาจมูกถูไถไปกับจมูกของไนน์ให้มันจั๊กจี้เล่น ไนน์หัวเราะคิกคักตอบผมมาแต่แล้วก็ทำเสียงจริงจังใส่

"ไม่เห็นเป็นไรเลย ทุกคนอ่อนแอกันได้ ผมด้วย พี่เบ็นก็ด้วย" ไนน์ชูมือขึ้นมาจนสุดเพื่อจะเอื้อมมาลูบหัวผม "เคยบอกแล้วไง ผมไม่ยอมให้พี่ดูแลผมฝ่ายเดียวหรอก ผมก็จะดูแลพี่เบ็นด้วย นะ"

"อยากฟังจริง ๆ หรอไอ้เด็กขี้ตื๊อ" ผมเคลื่อนมือจากที่ลูบหัวอยู่มาบีบจมูกไนน์เล่น "บอกไว้ก่อนนะว่ามันไม่ได้สนุกเท่าของไนน์หรอก"

"เล่ามาเถอะนะ ไนน์อยากฟังครับ"

ผมถอนหายใจทำทีเป็นเหนื่อยใจใส่ไนน์ แต่ลึก ๆ แล้วผมเองก็อยากให้มีใครรับฟังเรื่องของผมเช่นกัน

"...กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว..." ผมพูดเหมือนกำลังจะเล่านิทานให้เด็กน้อยฟัง

"อ๋อ!!"

"ยัง-ไม่-ได้-เล่า" ผมหยิกแก้มนุ่ม ๆ ของไนน์เป็นการทำโทษ

"อ๋อโอดอั๊บ"

"มีเด็กชายหน้าตาดีหล่อล่ำอยู่คนหนึ่ง" ถึงตอนนี้ไนน์ย่นจมูกทำหน้าเหม็นขี้ใส่ผมทันที "มีชีวิตที่สุขสันต์ มีครอบครัวที่อบอุ่น คุณแม่ที่อ่อนโยน คุณพ่อที่น่ารัก ทุก ๆ วันมีแต่เสียงหัวเราะ..."

ผมเล่าไปมองหน้าไนน์ไป แต่แล้วสายตาผมก็ค่อย ๆ เลื่อนลอยเข้าสู่ห้วงอดีตที่ถูกฝังลึกอยู่ในความทรงจำ

เกือบทุกอย่างที่เกิดขึ้นในตอนเด็กนั้น ไม่สามารถดึงกลับมาเป็นภาพถ่ายที่ชัดเจนได้ มีเพียงความรู้สึกเท่านั้นที่ยังคงเข้มข้นอยู่ในจิตใจ

ผมเล่าให้ไนน์ฟังทุก ๆ เรื่องเท่าที่ผมจะนึกออก

ทั้งเรื่องราวตอนเด็กที่เกิดมามีพ่อแม่ที่น่ารัก เรื่องตอนที่วิ่งเล่นกับพ่อแม่แล้วจินตนาการว่าตัวเองเป็นซุปเปอร์ฮีโร่ มีพ่อเป็นผู้บัญชาการสั่งหน้าที่ให้ผมไปจัดการผู้ร้าย มีแม่เป็นวายร้ายเจ้าเสน่ห์ที่พ่อกับผมต้องจัดการให้ได้ และมีพี่โบว์มาเป็นฮีโร่คู่กับผมด้วยในบางครั้ง

ทั้งเรื่องตอนที่รู้ว่าแม่เป็นมะเร็ง ช่วงเวลาที่ความตายพรากแม่ไปจากผม เรื่องที่เคยเกลียดพ่อแล้วตั้งฉายาให้พ่อตัวเองว่าเป็นแค่เครื่องพ่นอสุจิ

ทั้งเรื่องตอนประถมที่ผมโดนกลั่นแกล้งหนักที่สุด รวมไปถึงตอนที่ผมคิดจะฆ่าตัวตาย

ทั้งเรื่องตอนขึ้น ม.4 ที่เจอกุ้งกับเนตร เรื่องของพี่โบว์ก็ด้วย แต่ผมไม่ได้เล่าความลับระหว่างผมกับพี่โบว์ให้ไนน์ฟังหรอกนะ แล้วลากยาวมาถึงเรื่องราวชีวิตในมหา'ลัย การซ้อมนันทนาการอันมหาโหด เรื่องที่ได้เป็นรองเดือน และ...

...ตอนที่ได้เจอไนน์ในวันแรก

ทุกครั้งที่ผมเล่าถึงช่วงเวลาแห่งความสุข ไนน์จะยิ้มหรือหัวเราะหรือกวนตีนผมขึ้นมา และทุกครั้งที่ผมเปลี่ยนอารมณ์มาเล่าถึงช่วงเวลาแห่งความเศร้า ไนน์จะทำหน้าเครียดจริงจังหรือไม่ก็ยิ้มปลอบใจผม

"ทำไมตอนนั้นพี่เบ็นถึงไม่หัวเราะเยาะผมที่ผมพูดกับตัวเองหน้าคณะ"

"ถ้าเป็นคนทั่วไปก็อาจจะคิดว่าแปลกนะ แต่พี่ไม่คิดว่ามันแปลกเลย แล้วอีกอย่าง..." ผมนึกย้อนไปในช่วงนั้น คำพูดในวันนั้นของไนน์ยังคงติดตรึงใจผมอยู่จนถึงทุกวันนี้ "ไนน์ทำให้พี่คิดถึงแม่"

"เฮ้ย จริงดิ ยังไงพี่เบ็น เล่ามา เล่ามา"

"ไม่บอก!!" ผมแสยะยิ้มใส่แล้วจั๊กจี้เอวมันจนมันดิ้นหัวเราะทุรนทุรายขึ้นมานั่งข้างผมแทน

"โด่ ผมหน้าเหมือนแม่พี่รึไง!" ไนน์พูดโพล่งออกมาทำผมทอดสายตาเหม่ออีกครั้ง "...ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจ"

"ห๊ะ" ผมตื่นจากภวังค์ทันที "เฮ้ย เปล่า ๆ พี่แค่คิดถึงเจ้าบันนี่น้อยที่ไนน์ให้พี่"

"หืม?"

ผมคิดถึงช่วงที่เจอไนน์วันแรกได้แป๊ปเดียวก็เผลอนึกย้อนต่อไปถึงตอนที่เราไปห้างฯ ด้วยกันครั้งแรก วันนั้นไนน์ซื้อตุ๊กตากระต่ายสีขาวตัวน้อยสวมเสื้อสีเหลืองให้ผม ผมจำได้ว่าผมหลั่งน้ำตาต่อหน้าไนน์ครั้งแรกด้วย

ตุ๊กตาที่ไนน์ให้ช่างเหมือนกับตุ๊กตาที่แม่ให้ไม่มีผิด ไม่ใช่ความเหมือนที่ลักษณะภายนอก ของแม่เป็นหมีสีชมพูในชุดซุปเปอร์ฮีโร่สุดเท่ห์ ส่วนของไนน์เป็นกระต่ายขาวตัวน้อยน่ารัก

สิ่งที่เหมือนกันคือกลิ่นอายที่อบอวลอยู่ทั่วตุ๊กตาทั้งสองตัว กลิ่นที่แสดงถึงความรักของแม่ ความเอาใจใส่ของแม่ ความอ่อนโยนของแม่ ทุกอย่างมันให้ความรู้สึกเดียวกันกับตอนที่กอดดมตุ๊กตาของไนน์

ผมเล่าให้ไนน์ฟังถึงเรื่องตุ๊กตาหมีของแม่ ไนน์ส่งแววตาซึ้งขึ้นมาทันที เราทั้งคู่สูญเสียแม่ไปเหมือนกัน ไม่ต้องอธิบายมากเราก็สัมผัสความรู้สึกของกันและกันได้

แต่แล้วผมก็เผลอเล่าไปถึงช่วงเวลาที่กรีดหัวใจผมมากที่สุดวันหนึ่ง วันที่ตุ๊กตาหมีที่แม่ให้ถูกฉีกทึ้ง ถูกทำลายไม่เหลือชิ้นดี ชุดซุปเปอร์ฮีโร่ที่ปกคลุมหมีอยู่นั้นขาดสะบั้น

"ตอนนั้น...พี่โกรธมาก พี่ทนไม่ได้ที่เห็นพวกแม่งทำกับตุ๊กตาหมีตัวนั้น..." ผมเล่าใส่อารมณ์ไปเกือบจะเหมือนที่ตอนนั้นผมรู้สึกจริง ๆ ไนน์ในตอนนี้ทำหน้าเบ้เตรียมตัวจะร้องไห้อีกครั้ง

"แล้วพี่ก็..." ผมจำความรู้สึกตอนนั้นได้ ความรู้สึกที่อยากฆ่าพวกมันให้ตาย "พี่ทนจนทนต่อไปไม่ไหวแล้ว พอสะบัดแขนพวกนั้นออกได้พี่ก็รีบวิ่งไปหยิบกรรไกรที่กระเป๋าขึ้นมาทันที..."

เปลือกตาที่มีน้ำใสเอ่ออยู่ของไนน์นั้นเบิกกว้างขึ้น มันกว้างมากเหมือนคนเจอผี ไนน์กลืนน้ำลายดังเอื้อก

"พี่...พี่...พอรู้ตัวอีกที เลือดก็ท่วมห้องแล้ว ไส้ของพวกมันล้นทะลักออกมา" ผมหยุดการบรรยายไว้เพียงเท่านี้เพราะตอนนี้ไนน์ดูจะช็อกกับสิ่งที่ได้ยินจนอ้าปากค้าง

"พี่เบ็น...จริงดิ?"

"หึ ไม่จริงอะ"

"ไอ้พี่เบ็น!!!!" ไนน์โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงหยิบหมอนที่อยู่ข้าง ๆ มาตีเต็มแรง "เอาดี ๆ ดิวะ" ดูท่าจะโกรธจริง ๆ ผิดกับผมที่หัวเราะลั่นจนหงายหลัง

ผมต้องสงบสติอารมณ์อยู่นานกว่าจะหยุดหัวเราะได้ ส่วนไนน์ก็กำลังสงบใจตัวเองไม่ให้ต่อยผมอยู่เหมือนกัน

"เออ เออ จะเล่าดี ๆ แล้ว" ผมพูดพลางปาดเช็ดน้ำตาออกไป "พี่รู้สึกอยากจะฆ่ามันจริง ๆ แหละ แล้วพี่ก็วิ่งไปหยิบกรรไกรมาจริง ๆ ด้วย แต่พี่ทำไม่ลงหรอก"

ไนน์ถอนหายใจโล่งอกยาวมาก คงจะยาวมากที่สุดในชีวิตเลยก็ได้

"จะบ้าหรอไนน์ พี่สิบขวบเองนะ สิบขวบนะไอ้หนู แค่ถือกรรไกรตอนนั้นก็มือสั่นไปหมดแล้ว"

"แล้ววันนั้นพวกมันเลิกแกล้งพี่ไหม"

"ไม่เลย อันที่จริงมันไม่กลัวพี่เลยด้วย พวกมันหัวเราะเยาะที่พี่มือสั่นขนาดนั้น"

"เวรเอ้ย! เดี๋ยวกูต่อยแม่งเรียงตัวเลย" ไนน์ดูจะอินจัดกับเรื่องที่ผมเล่า มันกัดฟันพูดออกมาแล้วกำหมัดแน่นจนมือแดงไปหมด ผมอดขำไม่ได้ที่เห็นแบบนั้น

แต่พอนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นต่อมาผมก็ยิ้มไม่ออก

"พวกมันเข้ามาแย่งกรรไกรพี่ไปได้" ภาพนั้น...อยากจะลืมเท่าไหร่ก็ลืมไม่ลงจริง ๆ "มันก็เอากรรไกรไปตัดแขนขาของตุ๊กตาหมีอย่างเลือดเย็น ตามด้วยการทิ่มปลายแหลมของกรรไกรลงไปปักที่ท้อง จากนั้นก็กรีดลงมา ลงมาเรื่อย ๆ จนเห็นนุ่นข้างในเต็มไปหมด

"พอปุยนุ่นฟุ้งกระจายออกมา พวกมันก็หยิบมาโปรยใส่หัวพี่เล่นเหมือนโปรยหิมะ" ผมเค้นเสียงหัวเราะออกมาแล้วส่ายหน้าด้วยความโกรธ "เหอะ! สวยตายห่าแหละ" กรามผมสบกันแน่นสายตาร้อนผ่าวไปด้วยความโกรธแค้นและความเศร้า

"และสิ่งสุดท้ายที่พวกมันทำก็คือ...มันตัดหัวของตุ๊กตาหมีออกมาโยนเล่นไปมาเหมือนลูกบอล...ตอนนั้นพี่...พี่ทำได้แค่นั่งมองสิ่งล้ำค่าของพี่ถูกเหยียบย่ำ...พี่สู้อะไรพวกแม่งไม่ได้เลย ไม่มีใครเข้ามาช่วยพี่เลยด้วย"

คราวนี้เป็นผมเองที่อารมณ์โกรธพุ่งสูงปรี๊ดจนเลือดขึ้นหน้า น้ำตาค่อย ๆ ไหลออกมาอีกครั้งแต่ผมไม่ได้สะอื้นแรง มันเป็นน้ำตาเพียงไม่กี่หยดเท่านั้น

ไนน์เห็นผมเป็นแบบนี้ก็เคลื่อนตัวมานั่งกอดเอวผมแล้วซบหัวที่อกผมอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไนน์เป็นฝ่ายลูบหลังปลอบโยนผมแทน

"พี่เบ็นดูแลผมแล้ว เพราะงั้นให้ผมดูแลพี่เบ็นด้วยนะครับ"

"..."

"ผมสัญญา ถ้าผมมีเรื่องไม่สบายใจอีก ผมจะบอกพี่ เพราะงั้นพี่ต้องสัญญากับผมด้วยนะ ว่าพี่จะไม่เก็บอะไรไว้คนเดียวอีกแล้ว"

"ครับ พี่สัญญา"

เราสองคนต่างมีบาดแผลในใจเป็นของตัวเอง แผลเหล่านั้นบางทีมันก็สมานแล้วหายไป แต่หลายครั้งที่มันทิ้งร่องรอยความเจ็บปวดไว้ในคราบของแผลเป็นแทน

จะว่าไปก็ไม่ใช่แค่เราสองคนหรอก ทั้งผม ทั้งไนน์ ทั้งพ่อผม หรือแม้กระทั่งไอ้แก๊งสามซ่านั่นก็ด้วย คนทุกคนบนโลกนี้มีแผลในใจกันทั้งนั้น

แต่สิ่งหนึ่งที่แม่ผมสอนและขอผมไว้...

...เราทุกคนเจ็บปวดด้วยกันทั้งนั้น แต่เราต้องไม่โยนความเจ็บปวดนี้ไปใส่คนอื่นต่อ...

ตอนนี้ผมพอจะเข้าใจความหมายที่แม่บอกในตอนนั้นแล้วนะครับ

เมื่ออิเล็กตรอนอารมณ์ของผมกลับสู่สถานะพื้นได้ มวลอากาศรอบตัวก็ดูจะผ่อนคลายตามผมไปด้วย ตอนนี้ในห้องมืดสนิทเหลือไว้เพียงแสงจันทร์จากหน้าต่างเท่านั้น

"พี่เบ็นคิดถึงแม่ไหม"

"คิดถึง"

"ผมก็คิดถึง คิดถึงพ่อด้วย"

"ตอนนี้พวกท่านคงไม่มีอะไรต้องห่วงแล้วละ ไนน์โตเป็นหนุ่มขนาดนี้แล้ว" ผมยื่นมือไปดึงแก้มไนน์เล่น แต่ไนน์กลับยิ้มแหย ๆ กลับมา

"แม่จะเสียใจไหม ถ้าผมไม่ได้เป็นเดือน"

"ทำไมแม่ไนน์ต้องเสียใจล่ะ?"

"ก็แม่ผมเป็นถึงลีดมอเลยนะ ทั้งสวยทั้งเท่ แล้วดูลูกชายดิ" ไนน์ชี้หน้าตัวเอง "ลีดคณะยังเป็นไม่ได้เลย ถ้าวิญญาณแม่รู้เข้าคงผิดหวังแย่"

ผมหัวเราะเอ็นดูความคิดของไนน์ ไม่มีพ่อแม่คนไหนจะผิดหวังที่ลูกไม่ได้หน้าตาดีเหมือนตัวเองหรอกนะ อย่างน้อยก็เท่าที่ผมรู้

"แล้วคิดว่าแม่ไนน์จะผิดหวังที่ไนน์ไม่ไปแข่งเดือนพรุ่งนี้ด้วยรึเปล่าเนี่ย" ไนน์ตอบรับด้วยการพยักหน้าแล้วเลิกคิ้วใส่ผม "แค่ไนน์มีความสุขก็พอแล้ว พี่ว่าแค่นี้แหละที่พ่อแม่ไนน์อยากเห็น"

"จริงอะ"

"อื้ม" ผมตอบแล้วโน้มหน้าลงไปจูบหัวของตัวน้อย "คุณพ่อกับคุณแม่รักไนน์นะ เหมือนที่พี่รักไนน์ไง เพราะงั้นสิ่งที่พี่เชื่อ ก็คือท่านหวังแค่นี้แหละ"

"เหรอ..." ไนน์ล้มตัวลงมาแล้วเอาหลังพิงกับตัวผม เมื่อจัดท่านั่งได้ที่แล้วผมก็โอบไนน์ไว้อีกครั้ง ไนน์เงยหน้ามองผม ส่วนผมก้มหน้ามองไนน์ "งั้นพี่เบ็นก็ไม่ได้รักผมแบบคนรักดิ พี่จะเป็นพ่อแม่ผมเหรอ"

"จะบ้ารึไง" ผมหัวเราะจนตัวสั่นทำเอาร่างของไนน์สั่นไปด้วย "ก็รักนี่แหละ สำหรับพี่ ความรักของคนรักกับของพ่อแม่มันเหมือนกันนะ อย่างไนน์ สายตาของไนน์อ่อนโยนเหมือนแม่พี่ ส่วนรอยยิ้มก็ดูสดใสเหมือนพ่อพี่ เวลาอยู่ใกล้เมื่อไหร่จะรู้สึกอบอุ่นใจตลอด เหมือนที่เขาเรียกว่า...อะไรนะ..."

ผมนึกเป็นคำพูดไม่ออก มันออกมาจากความรู้สึกแล้วติดอยู่แค่ที่ปลายลิ้น

"...อุ่นไอรัก..."

ใช่ นั่นแหละ อุ่นไอรัก

ผมไม่ได้ตอบด้วยคำพูด แต่ตอบด้วยอวัจนภาษาแทน

ผมคลี่ยิ้มให้ไนน์เหมือนที่ไนน์ยิ้มให้ผม เราส่งสายตาหวานซึ้งให้กันและกัน ในความมืดมิด ดวงดาวสีดำสองดวงตรงหน้าส่องประกายออกมายังดาวสีทองของผม แล้วไนน์ก็เริ่มยกคอมาจูบริมฝีปากที่อยู่สูงกว่าจนผมต้องก้มหัวลงไปด้วย

แต่แล้วอยู่ ๆ ไนน์ก็พูดโพล่งออกมา

"พรุ่งนี้ผมจะไปครับ"

"ห๊ะ?"

"พรุ่งนี้ผมจะไปแข่งเดือน!!"