webnovel

ปั้นดินเป็นเดือน

จากดินสกปรกจะถูกปั้นให้เป็นเดือนได้จริงเหรอ? ความพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองนั้นมันคุ้มค่าหรือไม่? สุดท้ายแล้วคนเราก็ตัดสินกันแค่ที่หน้าตาใช่ไหม? เบญจมินทร์ หรือ เบ็น เป็นเด็กหนุ่มที่เชื่อสุดใจเลยว่าคนทุกคนบนโลกใบนี้ดูดีในแบบของตัวเอง และทุกคนสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้หากมีความพยายามมากพอ และด้วยความเชื่อที่ดูจะไปสะกิดต่อมความหมั่นไส้ของคู่อาฆาตนั้น ทำให้เขาถูกท้าแข่งในการประกวดทูตกิจกรรม ไม่ใช่ตัวพวกเขาเองที่จะลงแข่งหรอกนะ แต่พวกเขากำลังแข่งกันปั้นเด็กของตัวเองให้เป็นเดือนคณะให้ได้ต่างหาก ทว่า เด็กที่เบ็นต้องปั้นนั้นกลับเป็นรุ่นน้องปี 1 ที่แสนจืดจาง ใบหน้าห่างไกลจากคำว่าหล่อในยุคสมัยนี้ไปเลย แถมความมั่นใจยังอยู่ในระดับขั้นติดลบ ทุกคนเห็นตรงกันหมดว่าเบ็นไม่ต้องแข่งก็ได้ เพราะรู้ผลตั้งแต่ยังไม่เริ่มเลยด้วยซ้ำ แต่เบ็นเชื่อในตัวน้องคนนี้ และเชื่อในกันและกัน เขาจะปั้นเด็กคนนี้ให้เป็นดวงเดือนสีนวลบนฟ้าให้ได้! สุดท้ายแล้วพวกเขาจะสามารถพิสูจน์ให้โลกวัตถุนิยมใบนี้ยอมรับความพยายามของพวกเขาได้หรือไม่

NIMAJNEB · LGBT+
Classificações insuficientes
56 Chs

บทที่ 17.2

              "บอกกี่รอบแล้วว่าให้ปิดประตูด้วย แมลงมันจะเข้าเนี่ย" ผมมองเห็นไนน์ได้จากช่องว่างระหว่างประตูกับบานพับ ส่วนไนน์ไม่ทันสังเกตเห็นผมเพราะประตูบังมุมที่ผมนั่งอยู่

ไนน์เดินเข้ามาอยู่ข้างหลังชายหนุ่มที่ยืนขวางประตู ในมือหิ้วถุงขนมไว้ สีหน้าอิดโรยเหมือนคนป่วย ไนน์ดูผอมลงไปมาก จากที่ล่ำได้ขนาดนั้นแล้วแท้ ๆ

"โทษทีว่ะไนน์ เดี๋ยวกูไปแล้ว"

ทันทีที่ประตูถูกปิดลง ไนน์สบตากับผมแล้วอ้าปากค้างทันที ไม่รู้ว่าดีใจหรือตกใจหรืออะไรกันแน่

"พี่เบ็น! เข้ามาได้ไง?"

"เดี๋ยวดิ นี่รุ่นพี่เหรอวะ" เด็กหนุ่มที่เป็นคนเชิญผมเข้ามารีบผงกหัวยกมือไหว้ขอโทษที่ล่วงเกินไปเกือบสิบรอบ ส่วนอีกสองคนยังอยู่ในโลกเกมและโลกหนังสือของตัวเองอยู่

              "พี่เบ็นมาทำไม"

"พี่มาคุยกับไนน์ไง"

"วันนั้นเราก็คุยกันแล้วนี่ ผมไม่อยากเป็นเดือนอะไรนั่นแล้ว"

"แล้วหลบหน้าพี่ทำไม หืม?"

"ผม..." ไนน์ลังเลอยู่นานก่อนจะตอบผมได้ "ผมไม่อยากคุยกับพี่ตอนนี้"

"มีอะไรก็พูดกับพี่ ระบายให้พี่ฟัง จะเก็บไว้คนเดียวทำไม"

"บอกไปพี่ก็ช่วยอะไรไม่ได้ ช่างมันเถอะ เดี๋ยวมันก็ผ่านไปแล้ว"

"แล้วไนน์จะหนีไปเรื่อย ๆ อย่างนี้เหรอ แล้วที่บอกจะเป็นสจ๊วตให้ได้ล่ะ ตอนนั้นมันจะกดดันยิ่งกว่านี้อีกนะ"

"สจ๊วตอะไรนั่นก็ไม่เป็นแล้ว..."

"เฮ้ย อย่าทิ้งความฝันไปง่าย ๆ อย่างงั้นดิวะ"

"ฝันลม ๆ แล้ง ๆ แบบนั้นทิ้ง ๆ ไปก็ได้..."

"มาคุยกันให้รู้เรื่องก่อน!"

"ผมไม่มีอะไรจะพูดแล้ว!"

"เอ่อ...คือว่า..."

"อย่าเสือก!!" เด็กหนุ่มผู้น่าสงสารถูกเราทั้งคู่หันไปด่าพร้อมกัน

"...ขอโทษครับ"

"พี่ออกไปได้แล้ว" ไนน์ก้าวเข้ามาในห้องแล้ววางถุงขนมลงบนโต๊ะผ่านหน้าผมไปอย่างเย็นชา

"ไม่ออก จนกว่าจะคุยกันให้รู้เรื่อง"

"พี่จะไม่ออกไปใช่ไหม" ผมจ้องตาไนน์ค้างไว้แสดงท่าทีปฏิเสธชัดเจน "งั้นผมออกไปเอง!"

ว่าแล้วไอ้เด็กดื้อก็เดินหนีออกไปเลย

ผมตามมันมาถึงขนาดนี้แล้ว ยังไงวันนี้ก็ต้องคุยกันให้รู้เรื่อง

ผมทิ้งเสื้อคลุมสีเหลืองไว้บนเตียงตามเดิมแล้วเดินสับขาเร็ว ๆ ตามหลังไนน์ไป ขาผมยาวกว่ามากจึงใช้เวลาไม่นานก็ตามไนน์เกือบทัน

"เลิกตามผมมาสักที!" ไนน์หันหลังกลับมาตะโกนใส่ผม

"เลิกตามแน่ถ้าไนน์หยุดมาคุยกับพี่ดี ๆ"

ไอ้เด็กตัวแสบไม่รอให้ผมพูดจบ มันวิ่งเตลิดลงบันไดไปข้างล่าง ผมวิ่งตามมันลงไปติด ๆ ไนน์กระโดดก้าวลงบันไดทีละหลายขั้นได้อย่างง่ายดาย อาจเป็นเพราะชินแล้ว ส่วนผมทำแบบนั้นไม่ได้เพราะไม่ได้อยู่ที่นี่มานาน

ไนน์ลงมาถึงข้างล่างได้ก่อน มันหันหลังกลับมาแล้วพบว่าผมก็กำลังจะถึงชั้นล่างแล้วเหมือนกัน ไนน์จึงวิ่งต่อไปจากหน้าตึกมุ่งไปยังประตูทางเข้าหอใน

เราวิ่งตัดผ่านผู้คนที่เดินเอื่อยเฉื่อยไปมาตามทางเดิน หนึ่งในนั้นมีศรที่กำลังจะเดินออกไปข้างนอกด้วย ไนน์เกือบชนผู้หญิงคนหนึ่งแต่ก็หลบตัวเองได้ทัน แต่นั่นก็ทำให้ไนน์วิ่งช้าลงไป ส่วนผมวิ่งสับขาหลบหลีกสิ่งกีดขวางได้อย่างชำนาญ

เกือบแล้วอีกนิดเดียว

ใกล้จะถึงตัวไนน์แล้ว

"รีบวิ่งไปไหน มาเซ็นชื่อก่อนลูก" โธ่เว้ย! ลุงรปภ.เรียกตัวผมไว้ กำลังจะตามได้ทันแล้วเชียว

ผมรีบตวัดลายมือเละ ๆ ส่ง ๆ ไปแล้วถีบตัวพุ่งออกจากประตูทันที

              อยู่ไหนนะ อยู่ไหนนะไอ้ตัวแสบ...เจอแล้ว!

              ไนน์วิ่งแจ้นออกไปตามทางฟุตบาทข้างถนนฝั่งตรงข้ามแล้ว เร็วจังวะ!

              ไม่รอช้า ผมใส่เกียร์หมาไล่ตามหลังไนน์ไป

              เราวิ่งไปเรื่อย ๆ เหมือนผู้ร้ายกำลังหนีการจับกุมของตำรวจในหนังแอคชั่นยังไงยังงั้น หรืออาจกลับกัน เป็นไนน์ที่เป็นพระเอก ส่วนผมเป็นวายร้ายคอยตามฆ่ามัน

              "พี่เบ็น!...ผม...แฮ่ก...แฮ่ก...เหนื่อยแล้ว...นะเว้ย!" ไนน์ตะโกนออกมาโดยไม่ได้หันกลับมามองด้วยซ้ำ เสียงนี่หอบเป็นหมาเลยนะ

              "เหนื่อยก็อย่าฝืนวิ่ง หยุดแล้วมา...แฮ่ก...คุยกันก่อน!!"

              "ไม่เอา!!"

              ตามฟุตบาทไม่ได้โล่งแจ้งให้เราสองคนได้เล่นไล่จับกันสะดวก ผมและไนน์ต้องหลบหลีกผู้คนที่เดินไปมาอย่างทุลักทุเล ไนน์อาศัยความตัวเล็กกว่าในการวิ่งซอกแซกไปมาตามผู้คน ตัดความเร็วของผมไปได้มาก

แต่แล้วไนน์ก็วิ่งไปชนเข้ากับผู้ชายอีกคนหนึ่งที่ก้มหน้าดูโทรศัพท์อยู่

              "ดูทางบ้างดิวะ" เด็กหนุ่มคนนั้นตะโกนด่าไนน์

              ไนน์ที่รักษาสมดุลของตัวเองได้แล้วก็วิ่งออกไปทันที แต่ไม่วายสวนพ่อหนุ่มผู้น่าสงสารกลับไปด้วย "มึงนั่นแหละ! ไอ้สัตว์! อย่าปากดี!!"

              การซ้อมด่าคำหยาบตอนนั้นได้ถูกนำมาใช้แล้วที่นี่ในเวลานี้ ถ้ากุ้งได้ยินคงภูมิใจในน้องคนเล็กแย่

เห้อ...ไนน์ของผม จากเด็กตัวน้อยน่ารักพูดจาครับผมตลอดเวลา กลายมาเป็นเด็กเปรตขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย

              "ผมขอโทษแทนน้องผมด้วยครับ! ปกติมันน่ารักกว่านี้ อย่าไปถือสามันเลยนะครับ!" ผมวิ่งผ่านเด็กคนนั้นที่กำลังทำหน้าเหวอจากการโดนด่าเมื่อครู่

              ผมเริ่มหมดแรงจะวิ่งแล้ว เราวิ่งกันมาไกลมาก จากฝั่งหลังมหา'ลัย มาถึงประตูหน้ามหา'ลัย อึดและดื้อฉิบหายเด็กห่าอะไรก็ไม่รู้

"เลิกตามสักที! ผม...แฮ่ก...แฮ่ก...ไม่ไหวแล้ว!!!"

"ก็หยุดวิ่งซิโว้ย!!! แฮ่ก...ไอ้เด็กเปรต!!...แฮ่ก...หยุดสักที!!!"

ความเร็วของเราสองคนลดต่ำลงมาทั้งคู่จนเกือบจะกลายเป็นการเดินเร็วไปแล้ว อีกนิดเดียวเท่านั้น ไนน์ พี่จะไปหาไนน์แล้ว...

"เฮ้ยเบ็น!!" เนตรขี่มอเตอร์ไซค์ผ่านมาพอดี มันลดความเร็วลงแล้วหันมาคุยกับผม โชคดีที่รถบนถนนเส้นนี้ไม่ค่อยหนาแน่นเท่าไหร่ "วิ่งหนีอะไรกันวะ!!"

"กูตามไนน์อยู่!"

ไนน์ที่ได้ยินเสียงเนตรกับผมก็หันมาทันที แล้วโบกมือร้องเรียกเนตรทั้งที่ยังวิ่งอยู่

"พี่เนตร มารับผมหน่อยครับ!!!"

"เฮ้ย เนตร มึงต้องให้กูซ้อนนะ!"

"พี่เนตร! อย่าไปฟังพี่เบ็น ให้ผมซ้อน!!"

เนตรหันไปมาระหว่างร่างพวกเราที่วิ่งแลบลิ้นอยู่พักหนึ่ง แต่แล้วเนตรก็ตัดสินใจได้...

"ไนน์ ขึ้นมาจ้ะ!!" เฮ้ย เฮ้ย เฮ้ย!

เนตรเร่งความเร็วให้ไปจอดข้างไนน์ ไนน์รีบซ้อนท้ายแล้วเนตรก็บิดแฮนด์เต็มแรงเกิด

"ไอ้เหี้ยเนตร! ไอ้เพื่อนทรพี!!"

ไนน์ที่ได้ซ้อนท้ายเนตรสมใจอยากแล้วก็หันมาหาผม ไอ้เด็กจังไรมันยิ้มเยาะไม่พอ ยังแลบลิ้นปริ้นตาล้อเลียนแล้วตะโกนไล่หลังมา "ไอ้พี่เบ็นหน้าโง่!!! วู้ววว!!" ไนน์ตะโกนดังลั่นไม่อายชาวบ้าน

ทีอย่างนี้นะหน้าด้านขึ้นมาเชียว ไอ้เวร

ผมวิ่งต่อไปอย่างไม่ลดละ ถึงจะเหนื่อยจนเจ็บสีข้างไปหมด แต่แทนที่ผมจะหงุดหงิดอารมณ์เสีย ผมกลับหัวเราะออกมาทั้งที่ยังหอบอยู่

เดี๋ยวดิ จากที่เถียงกันเมื่อกี้ ตอนนี้กลายเป็นการเล่นไล่จับสนุก ๆ ไปได้ไงวะ

แต่ตอนนี้ผมฝืนวิ่งต่อไปไม่ไหวแล้ว ร่างของไนน์กับเนตรค่อย ๆ ห่างไกลออกไปเรื่อย ๆ ในที่สุดผมก็หยุดวิ่งแล้วยืนหายใจเข้าออกเหมือนคนเป็นหอบหืดอยู่กลางทาง

"ไอ้เบ็น!! มายืนหอบอะไรตรงนี้วะ" ลัคกี้รอบสอง ไอ้กุ้งขี่รถผ่านมาพอดี

"เฮ้ยไอ้กุ้ง! ให้กูซ้อนหน่อย!"

"ทำไมวะ!"

"เออ มึงอย่าเพิ่งถามมาก จอดเร็ว!!" ผมออกคำสั่งไปแล้วกุ้งก็ตอบสนองอย่างเชื่อฟัง

ได้นั่งพักบ้างสักที ปวดสีข้าง ปวดขา ปวดน่องไปหมด

"ไปไหนครับคุณชาย"

"เมื่อกี้มึงเห็นเนตรขี่รถผ่านมาตรงนี้ปะ ตามมันไปหน่อย"

"ได้เลยครับคุณชาย"

ผมแอบแปลกใจว่าทำไมมันถึงบังเอิญขนาดนี้ที่เนตรและกุ้งขี่รถผ่านเรามาเกือบจะในเวลาพร้อมกัน อีกอย่าง ทั้งคู่มีรถเป็นของตัวเองก็จริง แต่ส่วนใหญ่ถ้าไปที่เดียวกันจะใช้รถเนตรเป็นหลักมากกว่า

กุ้งเลี้ยวไปมาอย่างมั่นใจทุกทางแยก ทำเหมือนรู้อยู่แล้วว่าเนตรขี่ผ่านทางนี้มา

ไม่นานกุ้งมันก็ขี่ออกมาข้างนอกมหา'ลัย ลัดเลาะไปตามซอยต่าง ๆ

แต่ทางนี้มันคุ้น ๆ ผมขี่ผ่านทุกวันเลยด้วยซ้ำ

"นี่มึงจะพากูกลับหอเหรอ"

"อ...เอ่อ จริงด้วยแฮะ กูว่าเนตรมัน...น่าจะมาทางนี้ว่ะ"

"เหรอ" กูเชื่อจ้ะเพื่อนรัก "เนตรจะพาไนน์ไปหอกูทำไมกันน้า..."

"...มึงรู้แล้วเหรอ"

"ยังหรอก แค่สงสัย นี่พวกมึงเล่นอะไรกัน ห๊า"

"ศรมันโทรมาบอก ว่ามึงวิ่งตามไนน์ออกไปนอกหอใน" ตอนวิ่งผ่านไอ้ศรแน่เลย "กูกับเนตรเลยวางแผนกันไปรับมึงทั้งคู่ไปหอมึงเอง แกล้งทำเป็นบังเอิญผ่านมา"

"แผนเยอะนักนะพวกมึงเนี่ย"

"ขอโทษ ๆ พวกมึงจะได้คุยกันดี ๆ สักที"

"อื้ม ไม่ได้ว่าอะไร ขอบคุณครับพี่ชาย" ผมพูดด้วยเสียงหวานแล้วเอาหน้าซบลงไปที่หลังอันแข็งแกร่งดุจชาติชายของกุ้งเพื่อแกล้งมันเล่น

"ไอ้สัตว์ ออกไป กูขนลุก"

แต่ที่บอกขอบคุณนี่ผมบอกจากใจจริง บอกทั้งกุ้งและเนตรเลย พวกมันสองคนช่วยผมไว้เยอะมากจนผมไม่รู้จะตอบแทนยังไงดี

ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงหน้าหอผม และแล้วก็เป็นไปตามที่กุ้งบอก เนตรนั่งคร่อมมอเตอร์ไซค์ของตัวเองอยู่ ส่วนไนน์นั่งหน้าหงอยอยู่หน้าประตูทางเข้าหอ

พอไนน์เงยหน้าขึ้นมาเจอผม ไนน์ก็ก้มลงทันที แววตาของไนน์ดูแดงก่ำและฉ่ำไปด้วยน้ำตา

ร้องไห้อีกแล้วหรือไงนะ

"มาได้สักทีนะ รอนานสัตว์" เนตรทักขึ้นแล้วสยายผมตัวเองเล่น

"แล้วไอ้หมาหงอยนี่เป็นอะไรไปอีกล่ะ"

"ก็นะ มันงอนที่กูหลอกมันมาที่หอมึง กูเลยต้องเฝ้ามันไม่ให้หนีไปไหนอีก" ไนน์เงยหน้าขึ้นมามองค้อนเนตรแล้วก้มหน้าลงไปเหมือนเดิม "แล้วระหว่างรอพวกมึงกูก็ดุมันไปบ้าง"

"นี่ดุจนน้องร้องไห้เลยงะ" กุ้งเดินเข้ามานั่งซ้อนท้ายเนตร

"บ้า กูไม่ได้ว่าอะไรแรงเลยนะ แค่บอกให้คุยกับเบ็นมันดี ๆ เบ็นมันเป็นห่วง แค่นี้ไนน์ก็น้ำตาซึมใส่กูแล้ว"

"พี่เนตรโกหกผมอะ พี่กุ้งด้วย"

              ผมถอนหายใจแล้วเดินเข้าไปนั่งข้าง ๆ ไนน์ คราวนี้ไนน์ยอมให้ผมเข้าใกล้ได้สักที ผมลูบหัวปลอบมัน พยายามลูบให้อ่อนโยนที่สุด

              "ถ้าไม่ทำงี้ ตอนนี้พวกมึงคงวิ่งไปถึงกรุงเทพฯแล้วมั้ง" เนตรพูดประชดด้วยน้ำเสียงจริงจัง แต่ผมและกุ้งกลับขำกับการเปรียบเทียบเว่อร์ ๆ ของมัน

              "ปะ ไปกันเถอะ" กุ้งลุกขึ้นมาจากมอเตอร์ไซค์เนตรที่ซ้อนอยู่แล้วทำท่าจะเดินไปที่รถตัวเอง "คู่นั้นก็เข้าหอกันแล้ว คู่เราก็เข้าหอของเรากันเถอะจ้ะที่รัก"

"จ้ะที่รัก!" ประโยคเหมือนหวานแต่น้ำเสียงเหมือนมาร จากนั้นไม่นานก็ตามมาด้วยเสียงร้องโอดโอยของกุ้งที่โดนเนตรดึงติ่งหูอยู่

พวกเราบอกลากันก่อนแยกจากกัน ผมไม่ลืมขอบคุณกุ้งกับเนตรที่ช่วยกันวางแผนให้ ส่วนไนน์ก็ขอบคุณทั้งคู่เหมือนกัน แต่ขอบคุณด้วยสายตาอาฆาตแทน

ทั้งกุ้งและเนตรบึ่งรถออกห่างจากเราไปเรื่อย ๆ เสียงเครื่องยนต์แว่วเบาลง เบาลง จนในที่สุดก็เหลือเพียงเสียงจั๊กจั่นเรไรและแมลงหวี่ที่ส่งเสียงกันระงม

ตอนนี้เหลือแค่เราสองคนแล้ว

ผมยังคงโอบไหล่และลูบหัวไนน์อยู่ ส่วนไนน์ก็เลื่อนหัวเข้ามาซบที่อกผมข้าง ๆ กัน

เรานั่งกันอยู่อย่างนั้นสักพัก เก็บบรรยากาศและความรู้สึกคะนึงหาของกันและกัน

"ขึ้นไปข้างบนกันเถอะพี่เบ็น" ไนน์เงยหัวขึ้นมาแล้วทำท่าจะลุกขึ้น "ตรงนี้ยุงเยอะ"

"ปะ" ผมลุกขึ้นยืนตามแล้วเปิดประตูหอให้เด็กน้อยเข้าไปข้างใน "วันนี้นอนกับพี่นะ"

"อื้ม ครับผม"