webnovel

ปั้นดินเป็นเดือน

จากดินสกปรกจะถูกปั้นให้เป็นเดือนได้จริงเหรอ? ความพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองนั้นมันคุ้มค่าหรือไม่? สุดท้ายแล้วคนเราก็ตัดสินกันแค่ที่หน้าตาใช่ไหม? เบญจมินทร์ หรือ เบ็น เป็นเด็กหนุ่มที่เชื่อสุดใจเลยว่าคนทุกคนบนโลกใบนี้ดูดีในแบบของตัวเอง และทุกคนสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้หากมีความพยายามมากพอ และด้วยความเชื่อที่ดูจะไปสะกิดต่อมความหมั่นไส้ของคู่อาฆาตนั้น ทำให้เขาถูกท้าแข่งในการประกวดทูตกิจกรรม ไม่ใช่ตัวพวกเขาเองที่จะลงแข่งหรอกนะ แต่พวกเขากำลังแข่งกันปั้นเด็กของตัวเองให้เป็นเดือนคณะให้ได้ต่างหาก ทว่า เด็กที่เบ็นต้องปั้นนั้นกลับเป็นรุ่นน้องปี 1 ที่แสนจืดจาง ใบหน้าห่างไกลจากคำว่าหล่อในยุคสมัยนี้ไปเลย แถมความมั่นใจยังอยู่ในระดับขั้นติดลบ ทุกคนเห็นตรงกันหมดว่าเบ็นไม่ต้องแข่งก็ได้ เพราะรู้ผลตั้งแต่ยังไม่เริ่มเลยด้วยซ้ำ แต่เบ็นเชื่อในตัวน้องคนนี้ และเชื่อในกันและกัน เขาจะปั้นเด็กคนนี้ให้เป็นดวงเดือนสีนวลบนฟ้าให้ได้! สุดท้ายแล้วพวกเขาจะสามารถพิสูจน์ให้โลกวัตถุนิยมใบนี้ยอมรับความพยายามของพวกเขาได้หรือไม่

NIMAJNEB · LGBT+
Classificações insuficientes
56 Chs

บทที่ 13.3

อาหารมื้อเย็นวันนี้ผ่านไปอย่างคึกครื้นกว่าทุกครั้งที่ผมเคยสัมผัสมา ไนน์ทำให้บรรยากาศดีขึ้นมากจนผมรู้สึกดีขึ้นอย่างบอกไม่ถูก มีอยู่แวบนึงที่ผมคิดว่าเราเป็นครอบครัวกันจริง ๆ มีพ่อ มีน้าพลอยเป็นแม่ มีผม และมีไนน์ เป็น...น้องชาย

ตอนนี้พ่อพาไนน์ไปทัวร์บ้านแล้ว แถมยังขู่ด้วยว่าจะเอารูปผมตอนเด็ก ๆ ที่แก้ผ้าโชว์หนอนน้อยด้วย

ส่วนผมกับน้าพลอยช่วยกันเก็บโต๊ะเก็บจานไปล้าง น้าพลอยดูท่าจะเหนื่อยแย่ที่ต้องทำอาหารเยอะขนาดนี้เพื่อมาเลี้ยงพวกผม

"น้าพลอย เดี๋ยวผมล้างจานให้เอง น้าไปพักเถอะครับ"

"ขอบใจมากจ้ะ...แค่ปีเดียว แต่เบ็นก็เปลี่ยนไปเยอะเหมือนกันนะ"

"ครับ? ผมก็เป็นแบบนี้ตั้งนานแล้วนี่"

"เปลี่ยนไปจริง ๆ นะ น้าสัมผัสได้" ผมก้มหน้าล้างจานต่อไปไม่หันไปมองเจ้าของเสียง ผมทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะต้องพูดหรือแสดงสีหน้ายังไงด้วยซ้ำ "ไนน์เล่าให้น้ากับพ่อเราฟังด้วยนะ ที่เบ็นช่วยเด็กคนนั้นน่ะ น้าเชื่อว่าเบ็นเป็นเด็กน่ารักมาเสมอ และตอนนี้น้าก็ได้รู้ว่าน้าเชื่อถูก"

"ผมเหรอเด็กน่ารัก" ผมขำแห้งใส่ ความคิดช่วงที่น้าพลอยเข้ามาในชีวิตของผมใหม่ ๆ ไหลเข้ามาทำผมรู้สึกผิดไม่ทันเลย ตอนนั้นผมแกล้งน้าเขาสาระพัด ทั้งเอาของไปซ่อน ทั้งฉีกเสื้อโปรดของน้าจนร้องไห้ "ตอนเด็ก ๆ ผมแกล้งน้าไปตั้งเยอะ ผมทำน้าร้องไห้ก็บ่อย น้าเชื่อไปได้ไงว่าผมเป็นเด็กดีเนี่ย" ผมพูดติดตลกกลบเกลื่อนความรู้สึกผิดในใจ

"เชื่อสิ ถึงเบ็นจะแกล้งน้าแรงขนาดไหน หลังจากนั้นเบ็นจะเอาขนมแปะโน๊ตว่า ขอโทษ ไว้ที่โต๊ะทำงานน้าทุกครั้ง" ผมนึกได้ขึ้นมาทันทีว่าเคยทำเรื่องแบบนั้นไว้ด้วย

"แต่ผมไม่ได้เขียนชื่อไว้ซะหน่อย อาจจะเป็นพ่อก็ได้"

"ดูยังไงก็รู้ว่าเป็นลายมือเราน่ะแหละ ไม่เนียนเลยนะเบ็นจัง"

"ครับ..."

"น้ารู้ว่าเบ็นเคยช่วยเด็กข้างบ้านไม่ให้ถูกรังแกด้วยนะ ตอนนั้นเบ็นกลับมาสภาพตาช้ำปากแตกไปหมด พ่อกับน้าถามเท่าไหร่เราก็ไม่ยอมเล่าให้ฟัง เราบอก 'ไม่เป็นไรแค่นี้เองไม่ตายหรอก' แต่ดูหน้าเราก็รู้ว่าอยากให้พ่อโอ๋แค่ไหน"

"..."

"เบ็นเป็นเด็กเข้มแข็งและช่วยเหลือคนอื่นมันก็ดีนะลูก แต่บางครั้งตอนเราอ่อนแอก็ต้องให้คนอื่นมาดูแลเราด้วยนะจ๊ะ ฮีโร่ทุกคนต้องมีคู่หูช่วยอยู่แล้วเนอะ"

"ผมไม่มีหรอก คู่หูอะไรนั่นน่ะ..."

"ก็ไนน์ไง คู่ใจ เอ้ย คู่หูของลูก" ดูก็รู้ว่าตั้งใจพูดผิดชัด ๆ "งั้นน้าไปอาบน้ำเตรียมนอนแล้วนะ ฝันดีจ้ะลูกเบ็น"

"ฝันดีครับแม่...เอ่อ น้าพลอย" ผมหลุดปากพูดคำว่าแม่ออกไปซะได้

ผมเขินจัดจนทำจานหลุดมือ โชคดีที่มันเป็นพลาสติก จึงไม่เกิดเสียงเพล้งขึ้นมา

"โหนี่ไอ้เบ็นล้างจานเหรอวะ ต้องถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกแล้วมั้งพลอย" พ่อที่โผล่มาจากไหนไม่รู้พูดขึ้นมา

"คุณก็ ไปแซวลูกทำไม เดี๋ยวพลอยขึ้นไปก่อนนะคะ"

"จ้าที่รัก" ผมได้ยินเสียงจูจุ๊บจากข้างหลัง ให้ตายสิทำอะไรอายลูกเต้าบ้างก็ได้ "ลูกไนน์ไปอาบน้ำแล้วนะ ลูกเบ็นเสร็จแล้วก็ไปอาบน้ำไป"

"ครับ..." แต่แล้วภาพไนน์ยกกระเป๋าขึ้นมาที่ห้องของผมก็ไหลเข้ามา ตอนนั้นผมไม่ได้สนใจอะไรมากนัก "เดี๋ยวดิพ่อ ไนน์นอนห้องไหน?"

"ก็ห้องเบ็นไง ทำไมวะ เขินอะไรของลูก"

"พ่อ! มีห้องเหลือตั้งเยอะ"

"ก็ยังไม่ได้ทำความสะอาดเลย น้าพลอยเขายุ่ง ๆ เลยมีเวลาเตรียมไม่พอ"

ผมถอนหายใจตอบพ่อไป ไม่รู้จะเถียงต่อยังไงดี ตอนนี้ผมเก็บจานเข้าที่เสร็จเรียบร้อยแล้วเลยหันมาจ้องหน้าพ่อได้สักที

"ไนน์เล่าให้พ่อกับน้าพลอยฟังด้วยนะที่เราช่วยเขาน่ะ"

"ครับ ครับ ผมเป็นเด็กดี เด็กน่ารัก ช่วยเหลือผู้อื่น น้าพลอยเล่าให้ฟังแล้ว" ผมกรอกตาใส่คนเป็นพ่อจนเขาหัวเราะออกมา

"รู้ตัวก็ดีแล้ว" พ่อเดินเข้ามาจะลูบหัวผม ผมถอยหลังไปชนอ่างล้างจานเข้าอย่างจัง เจ็บฉิบหาย

แต่แล้วพ่อก็ก้าวเข้ามาใกล้อีก พยายามจะลูบหัวผมให้ได้

ผมไม่ได้ถูกพ่อลูบหัวมานานมาก นานจนจำไม่ได้ว่าพ่อเคยลูบหัวผมด้วย "ไนน์เองก็ดูเป็นเด็กดีนะ อย่างนี้พ่อค่อยโล่งใจหน่อยที่จะได้ฝากลูกชายให้ไนน์ดูแล"

"ผมนี่แหละที่ต้องดูแลมัน ไม่ใช่มันดูแลผม"

"ก็ทั้งคู่นั่นแหละ ถึงช่วงใครอ่อนแอกว่าก็ต้องดูแลกัน ไม่เกี่ยวหรอกว่าใครโตกว่าใครเด็กกว่า"

"ครับ...เดี๋ยว พ่อพูดแปลก ๆ ทำอย่างกับผมจะแต่งงานงั้นอะ"

"ป๊าว" เสียงสูงจังเลยนะพ่อนะ

"ผมไปแล้วนะ ง่วงแล้ว เจอกันพ่อ" ผมเดินผ่านร่างของพ่อเพื่อเตรียมจะขึ้นไปข้างบน แต่แล้วผมก็นึกอะไรขึ้นมาได้ คำพูดที่ไนน์บอกก่อนหน้านี้...

'ถ้าพี่รักใครล่ะก็ อย่ารอให้สายเกินไปที่จะแสดงความรักกับเขานะ'

...งั้นหรอ...

บางที ผมอาจจะเข้าใจผิดมาโดยตลอด

บางทีหัวใจของคนเราอาจไม่ใช่แก้วอันเปราะบางที่แตกสลายไปได้ง่าย ๆ

บางทีหัวใจของคนเราอาจเป็นแค่กล้ามเนื้อชนิดหนึ่ง และมันก็อ่อนแรงได้ แต่ไม่นานมันจะกลับมาแข็งแรงได้เหมือนเดิม

"พ่อครับ..."

"ว่า?"

ผมหันไปกอดพ่อ

เป็นกอดที่ไม่เหมือนกับเมื่อตอนเย็นที่หน้าบ้าน ความรู้สึกมันต่างกันลิบลับ

อ้อมกอดของพ่อในตอนนี้อบอุ่นเหมือนได้ย้อนไปเป็นเด็กอีกครั้ง ย้อนไปตอนที่เรายังสนิทกัน ย้อนไปตอนที่พ่อจูงมือผมพาไปเล่นที่สนามเด็กเล่น ย้อนไปตอนที่พ่อกอดผมตอนที่ร้องไห้งอแงเพราะแค่หกล้มเข่าถลอก

ผมรักพ่อ ไม่ว่าอะไรจะเกิดไปแล้ว แต่ความรู้สึกของผมยังคงเหมือนเดิม

"Te quiero, papá."

"Te quiero, Benjamín."