webnovel

ปั้นดินเป็นเดือน

จากดินสกปรกจะถูกปั้นให้เป็นเดือนได้จริงเหรอ? ความพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองนั้นมันคุ้มค่าหรือไม่? สุดท้ายแล้วคนเราก็ตัดสินกันแค่ที่หน้าตาใช่ไหม? เบญจมินทร์ หรือ เบ็น เป็นเด็กหนุ่มที่เชื่อสุดใจเลยว่าคนทุกคนบนโลกใบนี้ดูดีในแบบของตัวเอง และทุกคนสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้หากมีความพยายามมากพอ และด้วยความเชื่อที่ดูจะไปสะกิดต่อมความหมั่นไส้ของคู่อาฆาตนั้น ทำให้เขาถูกท้าแข่งในการประกวดทูตกิจกรรม ไม่ใช่ตัวพวกเขาเองที่จะลงแข่งหรอกนะ แต่พวกเขากำลังแข่งกันปั้นเด็กของตัวเองให้เป็นเดือนคณะให้ได้ต่างหาก ทว่า เด็กที่เบ็นต้องปั้นนั้นกลับเป็นรุ่นน้องปี 1 ที่แสนจืดจาง ใบหน้าห่างไกลจากคำว่าหล่อในยุคสมัยนี้ไปเลย แถมความมั่นใจยังอยู่ในระดับขั้นติดลบ ทุกคนเห็นตรงกันหมดว่าเบ็นไม่ต้องแข่งก็ได้ เพราะรู้ผลตั้งแต่ยังไม่เริ่มเลยด้วยซ้ำ แต่เบ็นเชื่อในตัวน้องคนนี้ และเชื่อในกันและกัน เขาจะปั้นเด็กคนนี้ให้เป็นดวงเดือนสีนวลบนฟ้าให้ได้! สุดท้ายแล้วพวกเขาจะสามารถพิสูจน์ให้โลกวัตถุนิยมใบนี้ยอมรับความพยายามของพวกเขาได้หรือไม่

NIMAJNEB · LGBT+
Classificações insuficientes
56 Chs

บทที่ 13.1

ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมนิยายรักส่วนใหญ่จะต้องมีช่วงที่พระเอกกับนางเอกไปเที่ยวบ้านของใครคนใดคนหนึ่ง เหตุผลที่ผมพอจะนึกออกก็คงเป็นเพราะจะได้รู้จักกันและกันมากขึ้นและสานสัมพันธ์กันในที่สุด

แต่ชีวิตของเราไม่ใช่นิยายรักโรแมนติกสักหน่อย ทำไมไนน์ต้องคะยั้นคะยอจะมาบ้านผมให้ได้ก็ไม่รู้

ภูมิลำเนาเดิมของผมคือจังหวัดกรุงเทพฯ เมืองหลวงที่มีชื่อยาวที่สุดในจักวาล แต่เพราะเบื่อกับสังคมเมืองใหญ่เต็มทนเลยพยายามหาทางหนีมาเรียนมหา'ลัยต่างจังหวัดแทน

ผมไม่เคยชอบชีวิตในกรุงเทพฯ เลย มันทั้งวุ่นวาย ทั้งสับสน ผู้คนอัดแน่นเป็นปลากระป๋อง ไหนจะการจราจรที่ต้องเผื่อเวลากว่าสองชั่วโมงในการเดินทางไปที่ที่ไม่ได้ไกลมาก

แต่เหตุผลที่ดูจะมีน้ำหนักมากที่สุดคงจะเป็นการได้หนีออกจากบ้านมา หนีออกมาจากบุคคลที่ผมเรียกว่าพ่อ ยิ่งไกลเท่าไหร่ก็ยิ่งดี

"พี่เบ็น พี่คนนั้นแม่งโคตรเท่ห์" ไนน์กระตุกแขนเสื้อแล้วกระซิบเบา ๆ ข้างหูผมระหว่างที่เรานั่งอยู่บนเครื่องบินไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ "พี่เขายกถาดสองถาดพร้อมกันแต่ไม่หกเลย แถมยังยิ้มตลอดทางเลย ซุเก้น้า!!"

ไนน์ที่ใฝ่ฝันจะเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินดูจะตื่นเต้นเกินหน้าเกินตาไปหน่อยกับการขึ้นเครื่องบินครั้งแรกในชีวิต ตอนบอกว่าจะพาไนน์ขึ้นเครื่องบินไปกรุงเทพฯ เจ้าตัวดีใจสุดขีดจนพุ่งมากอดผมแน่น

นี่เพราะเห็นแก่ไนน์หรอก ปกติผมนั่งรถตู้กลับบ้านใช้เวลาเกือบห้าชั่วโมงเป็นอย่างน้อย ถ้าให้มานั่งด้วยกันนานขนาดนั้นก็กลัวจะเบื่อเอา

"อย่ามัวแต่อึ้ง เก็บของได้แล้ว เครื่องจะลงแล้วเนี่ย"

"เฮ้ย นี่แป๊ปเดียวเองนะพี่ ยังไม่ถึงยี่สิบนาทีเลย"

"ก็เรามากรุงเทพฯ ไม่ได้ไปต่างประเทศสักหน่อยที่จะได้บินนาน ๆ"

"โด่ อะไรวะ" เจ้าหนูงอนแก้มป่องเป็นเด็กอายุห้าขวบที่งอแงเพราะพ่อไม่ยอมหยอดเหรียญต่อเวลาให้กับเครื่องเล่นยานอวกาศตามห้างฯ

"เดี๋ยวไว้พี่พาไปต่างประเทศ เอาไหม"

"เฮ้ย จริงดิ" ทีอย่างงี้มาทำยิ้มแก้มปริผิดกับเมื่อกี้ลิบลับ

"ไปฮ่องกงกันไหม"

"เฮ้ย จริงดิ จริงดิพี่"

"ห้องกรงที่หมายถึงคุกอะ ไปไหม"

              พูดจบก็ยิ้มหัวเราะเยาะมันทันที ไนน์ได้แต่เลิกคิ้วสูงให้กับมุกห่วย ๆ ของผม

              "ไว้มีโอกาสเดี๋ยวพี่พาไปญี่ปุ่นเลยนะ ดีไหม" ผมพูดพลางเอานิ้วจิ้มแก้มแดง ๆ เล่น

              "ข...ขอบคุณครับ"

              "สัก...ชาติหน้าค่อยไปกัน เนอะ"

ไนน์ที่น่ารักน่าแกล้งคนเดิมของผมกลับมาแล้ว

"พี่เบ็นแม่ง!" พูดจบก็ต่อยเข้าที่ไหล่ผมเต็มแรงเกิด แต่แล้วก็ร้องโอดโอยเพราะเจ็บมือ "อิตะ"

ผมกลั้นหัวเราะไม่ไหว เสียงดังจนคุณป้าที่นั่งข้าง ๆ หันมามองพวกเรา

"เด็กน้อยเอ้ย"

"ผมไม่ใช่เด็กน้อยนะ"

"ไหนดูมือซิ เจ็บไหม" ผมคว้ามือของไนน์มาดู มันไม่ได้แค่แดงอย่างเดียว ที่มือทั้งสองข้างมีแผลสดใหม่นับสิบแผล ส่วนมากเป็นรอยบาดยาว บ้างก็เป็นรอยช้ำเล็ก ๆ "มือไปโดนอะไรมา"

ผมขมวดคิ้วดุไป ไนน์ได้ยินก็รีบชักมือกลับแล้วทำท่าอ้ำอึ้งกว่าจะพูดออกมาได้ "แผลนิดเดียวเอง ผมไม่เป็นไรหรอก" นอกจากจะตอบไม่ตรงคำถามแล้วยังทำเป็นปากเก่งอีก สีหน้านี่เจ็บปวดยังกะอะไรดี

ผมรีบเอามือทาบอกแล้วแสดงสีหน้าตกใจสุดขีด "เฮ้ย!! นี่มันพี่ไนน์ เดือนสุดหล่อนี่หว่า!" ไนน์หน้าเหวอกินเพราะสับสนกับบทสนทนาของผม "พี่เป็นไอดอลของผมเลย ขอจับมือนะครับพี่!" ผมปั้นเสียงสองใส่และทำสีหน้าตื้นตันใจ

โชคดีที่ไนน์มันบ้าจี้เล่นด้วย ผมยื่นมือไป ส่วนมันก็จับมือผมจริง ๆ แล้วเก๊กเสียงหล่อ

"ได้คร..." แต่แล้วก็ร้องโหยหวนเสียงดังจนคุณป้าข้าง ๆ หันมามองอีกรอบ "อิตะ! อิตะ! อิตะตะตะตะ" ถ้าบีบมือกันปกติก็คงไม่เจ็บหรอก ก็เล่นมีแผลขนาดนี้จะไม่ให้เจ็บได้ยังไง

"ไหนบอกไม่เจ็บ?"

"พี่เบ็นแม่งแกล้งผมอะ!" แล้วก็ไม่เจียมมือตัวเอง ออกหมัดต่อยผมอีกรอบ "อิไต้อี! งือ..."

"สม-น้ำ-หน้า" แค่พูดยังไม่สะใจพอ ต้องหัวเราะเยาะด้วย "แล้วก็ไม่หายาทา ไม่หาอะไรมาปิดแผลอีก" ตอนนี้ไนน์ทำหน้าเจ็บปวดขั้นสุด น้ำตาหยดเล็ก ๆ เล็ดลอดออกมาจากหางตาทำเอาผมเริ่มสงสารมันจนต้องลูบหัวปลอบโยน "ไอ้เด็กดื้อ เดี๋ยวถึงบ้านแล้วพี่ค่อยทำแผลให้ ทนไปก่อนนะ"

"ถ้าไม่รังเกียจ ใช้ของป้าก็ได้นะจ๊ะ" คุณป้าที่สังเกตเรามาตั้งแต่ต้นทักขึ้น เธอยิ้มอ่อนโยนมองผมและไนน์สลับกันแล้วยื่นพลาสเตอร์ยาเกือบห้าซองให้พวกผม

ผมเป็นห่วงไนน์ก็จริง แต่ถ้าให้หมดห้าซองผมก็เกรงใจเกินไป "เอ่อ ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมกลับบ้านแล้วจัดการไอ้เด็กซนนี่ทีหลังครับ" ว่าแล้วก็เหล่มองเจ้าลิงดื้อแล้วกลับไปยิ้มให้คุณป้าผู้แสนใจดีอีกรอบ "ขอบคุณนะครับ"

"รับไปเถอะจ้ะ ป้ามีอีกเป็นกล่องเลยลูก" คุณป้าคนนี้ใจดีจริง ๆ ผมเห็นเธอเสนอมาขนาดนี้แล้ว หากปฏิเสธอีกคงจะเสียน้ำใจแย่ ผมเลยยกมือไหว้ขอบคุณแล้วรับของมา

กลับกัน ไนน์เอาแต่หลบหน้าไม่จ้องตาคุณป้าเลย ผมเห็นดังนั้นจึงยื่นมือไปกดหัวไนน์ลงเบา ๆ แล้วกระซิบที่ข้างหู "'ขอบคุณครับ' ล่ะครับ?"

แม่ทำอย่างนี้กับผมบ่อย ๆ ตอนที่ผมยังเป็นเด็กดื้อ เพราะแม่เป็นคนญี่ปุ่น ดังนั้น การรับของมาแล้วไม่ก้มหัวขอบคุณจะถือว่าเป็นการเสียมารยาท

"ข...ขอบ...คุณมากครับ"

"เก่งมากไอ้น้องชาย"

"แหม เป็นพี่น้องที่ดูรักกันจังเลยนะจ๊ะ" ผมที่หน้าฝรั่งหัวทอง? กับไนน์ที่หน้าเจ๊กผมดำ?

คราวนี้ไนน์พูดเสียงดังฟังชัดผิดกับเมื่อครู่ทันที แล้วยังทำหน้าเคืองใส่คุณป้าอีก "เราไม่ใช่พี่น้องกันสักหน่อย...อึ"

ผมต้องกดหัวไนน์ลงอีกครั้งแต่คราวนี้ผมกดแรงกว่าเดิม "ขอโทษนะครับ น้องผมมันเสียมารยาทจริง ๆ"

คุณป้าไม่ได้โกรธอะไรไนน์ เธอกลับหัวเราะเอ็นดูไนน์ด้วยซ้ำ

ให้ตายเถอะ ทั้งที่อยู่มหา'ลัยไม่เคยอายที่จะประกาศว่าเราเป็นพี่น้องกัน พอมาข้างนอกทำมาเป็นโกรธเคือง เด็กเอ้ยเด็กน้อย