webnovel

ปั้นดินเป็นเดือน

จากดินสกปรกจะถูกปั้นให้เป็นเดือนได้จริงเหรอ? ความพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองนั้นมันคุ้มค่าหรือไม่? สุดท้ายแล้วคนเราก็ตัดสินกันแค่ที่หน้าตาใช่ไหม? เบญจมินทร์ หรือ เบ็น เป็นเด็กหนุ่มที่เชื่อสุดใจเลยว่าคนทุกคนบนโลกใบนี้ดูดีในแบบของตัวเอง และทุกคนสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้หากมีความพยายามมากพอ และด้วยความเชื่อที่ดูจะไปสะกิดต่อมความหมั่นไส้ของคู่อาฆาตนั้น ทำให้เขาถูกท้าแข่งในการประกวดทูตกิจกรรม ไม่ใช่ตัวพวกเขาเองที่จะลงแข่งหรอกนะ แต่พวกเขากำลังแข่งกันปั้นเด็กของตัวเองให้เป็นเดือนคณะให้ได้ต่างหาก ทว่า เด็กที่เบ็นต้องปั้นนั้นกลับเป็นรุ่นน้องปี 1 ที่แสนจืดจาง ใบหน้าห่างไกลจากคำว่าหล่อในยุคสมัยนี้ไปเลย แถมความมั่นใจยังอยู่ในระดับขั้นติดลบ ทุกคนเห็นตรงกันหมดว่าเบ็นไม่ต้องแข่งก็ได้ เพราะรู้ผลตั้งแต่ยังไม่เริ่มเลยด้วยซ้ำ แต่เบ็นเชื่อในตัวน้องคนนี้ และเชื่อในกันและกัน เขาจะปั้นเด็กคนนี้ให้เป็นดวงเดือนสีนวลบนฟ้าให้ได้! สุดท้ายแล้วพวกเขาจะสามารถพิสูจน์ให้โลกวัตถุนิยมใบนี้ยอมรับความพยายามของพวกเขาได้หรือไม่

NIMAJNEB · LGBT+
Classificações insuficientes
56 Chs

บทที่ 12.3

ผมค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาจากฝันร้าย แต่แล้วก็ต้องหรี่ตาลงอีกรอบเพราะแสงไฟนีออนตรงหน้าสว่างจ้าเกินไป ผมที่หลับตาในความมืดมิดอยู่นานคงต้องรอให้ชินกับแสงสว่างสักพัก

ผมหลับไปนานหรือยังนะ แล้วที่นี่คือที่ไหน...

...นี่ผมยังไม่ตายใช่ไหม...

เมื่อปรับสายตาได้จึงพยายามกวาดสายตาไปรอบห้อง ที่นี่เป็นโรงพยาบาลนั่นเอง ถึงจะเป็นห้องเดี่ยวเหมือนกันแต่ไม่ใช่ห้องเดียวกับที่อยู่ในฝันเมื่อครู่

มีเสียงเด็กอยู่ด้วยคนหนึ่ง เป็นเสียงสะอื้นไห้ของเด็กผู้ชาย

เจ้าของเสียงนั่งอยู่ข้าง ๆ หูซ้ายผมนี่เอง มันเป็นเสียงของเด็กขี้แยคนเดิมที่ผมรู้จัก เจ้าเด็กนี่ก้มหน้าฟุบกับเตียงที่ผมนอนอยู่แล้วก็ปล่อยเสียงกระซิกออกมาเบา ๆ

"ไง ไอ้เด็กขี้แย"

"...พี่เบ็น พี่เบ็น!! พี่เบ็นตื่นแล้ว" ไอ้หนูตาบวมรีบเงยหน้าขึ้นมามองผมแล้วยิ้มกว้างอย่างดีใจ แต่แล้วก็ปล่อยโฮมาอีกระรอก "พี่เบ็นผมขอโทษ ตอนนั้นผมน่าจะใส่ใจพี่มากกว่านี้ ผมเห็นพี่หน้าซีดแต่ก็ไม่ได้คิดอะไร แค่คิดว่าพี่คงเหนื่อยเฉย ๆ ล่ะมั้งอะไรแบบนี้ แต่ถ้าผมสังเกตพี่ให้ดีกว่านี้...ถ้าพี่มาโรงบาลไม่ทัน...หมอบอกว่าพี่อาจจะตายเลยก็ได้ พี่เบ็น ผม..."

"พอแล้ว ตาบวมหมดแล้วเนี่ย ไม่ต้องร้องแล้ว พี่ไม่เป็นอะไรแล้วนี่ไง" ผมต้องใช้ท่าไม้ตายสยบคุณชายโฮด้วยการลูกหัวมันเบา ๆ จะว่าไปก็ไม่ได้ลูบหัวหยิกหยอยของมันมานานแล้วเหมือนกัน

หนุ่มน้อยตรงหน้าดูสงบลงไปบ้างหลังจากที่ผมลูบหัวปลอบโยนไปได้สักพักหนึ่ง เมื่อหยุดร้องได้แล้วผมจึงเลื่อนมือลงมาปาดเช็ดน้ำตาให้ แต่เช็ดไปได้แค่ข้างเดียวไนน์ก็กุมมือผมแล้วซุกหน้าผากของตัวเองลงไป

"เมื่อวานพี่เบ็นนั่งร้องไห้ในห้องเรียนเหรอ"

ไนน์ถามทั้งที่ยังฟุบใบหน้าอยู่ที่มือของผม ผิวหน้าของไนน์แผ่ความร้อนมาถึงมือผม

"...อื้ม รู้ได้ไง"

"เพราะผมใช่ไหม ช่วงหลังมานี้ผมไม่ค่อยอยู่กับพี่ ผมไม่ได้สนใจความรู้สึกพี่เลย เอาแต่เที่ยวงานถ่ายแบบวันนี้ผมก็ไม่ได้ช่วยพี่เลยด้วยซ้ำ ถ้าผมใส่ใจพี่มากกว่านี้พี่คงไม่เป็นแบบนี้ ผมขอโทษ"

ตอนนี้มือของผมเปียกไปด้วยน้ำตาของไนน์ที่ไหลออกมาอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่ใช่แค่ไนน์ที่ร้องไห้ ผมเองก็ร้องด้วย

ความรู้สึกทั้งหมดที่ผ่านมาไหลท่วมมารวมกันทีเดียวในเวลานี้ ผมพยายามกลั้นน้ำตาไว้ ฝืนกลั้นไม่ให้ส่งเสียงสะอื้น แต่ทำไม่ได้เลยสักอย่าง ตอนนี้กลับเป็นผมเองที่ปล่อยโฮออกมาเสียงดังกว่า

"พี่คิดถึงไนน์ พี่คิดถึงตอนที่เราอยู่ด้วยกันบ่อย ๆ ไหนไนน์บอกว่าจะไม่เบื่อพี่ไง ไหนไนน์บอกว่ารักพี่ไง ทำไมถึงทำกับพี่แบบนี้" ผมพูดไปสะอื้นไป เสียงสั่นจนเกือบจะพูดไม่เป็นภาษา

"ผมขอโทษ ผมสัญญาว่าจะไม่ทิ้งพี่ไปไหนอีกแล้วนะ ไนน์สัญญา"

เราร้องไห้กันอยู่นานพอสมควร น้ำตาเปียกมือเปียกหมอนไปหมด ไม่มีใครพูดอะไรขึ้นมา มีแต่เสียงสะอื้นแข่งกัน ซึ่งผมชนะเพราะสะอื้นดังกว่าและนานกว่ามาก

"โอ๋ ไม่ร้องนะครับ ไอ้พี่ชายขี้แย" ไนน์เลียนแบบคำพูดที่ผมใช้ประจำแล้วยิ้มทะเล้นใส่

"อย่าทิ้งพี่ไปไหนอีกนะ นะ" ผมยังคงงอแงเป็นเด็กต่อ ยังคงร้องไห้ไม่หยุดแม้อีกฝ่ายจะเลิกไปนานแล้ว

"ครับ ไนน์สัญญา" ไนน์เอื้อมมือมาเช็ดน้ำตาให้ผมเหมือนกับที่ผมทำให้ก่อนหน้านี้ ดูเหมือนตอนนี้บทบาทเราจะสลับกันเล็กน้อย จากที่เคยเป็นพี่คอยโอ๋น้อง ตอนนี้กลายเป็นเด็กขี้แยซะเอง

นิ้วมืออุ่น ๆ ลูบไล้ไปตามดวงตาและตามใบหน้าของผมอย่างอ่อนโยน

มันอบอุ่นเหลือเกิน อบอุ่นเหมือนที่แม่เคยเช็ดน้ำตาให้ผมในตอนนั้น

แต่แล้วเปลือกตาก็เตรียมจะปิดลงอีกครั้ง ผมอยากอยู่อ้อนไนน์อีกสักหน่อย แต่ความอ่อนเพลียดูจะมีแรงมากกว่า

ผมฝืนต่อไปไม่ไหว ไม่นานภาพก็มืดลงอีกครั้ง ประสาทสัมผัสทั้งห้าใกล้ดับลง สัมผัสได้เพียงไออุ่นจากมือที่ลูบหัวผมอย่างอ่อนโยนเท่านั้น

นี่ใช่ไหมที่เขาเรียกว่าความรัก

"พี่เบ็น ผมไม่เป็นน้องชายพี่แล้วได้ไหม ผมขอเป็น..."

แล้วทุกอย่างก็ดับสนิทลง ผมกลับเข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนเดิม มันเป็นฝันดีที่หอมหวานละมุนละไมกว่าครั้งไหน ๆ ที่เคยมีมา

เสียงทีวีแว่วดังในหูขึ้นเรื่อย ๆ ปลุกผมให้ตื่นขึ้นอีกครั้ง แม้จะรู้สึกว่านอนไปได้เพียงแป๊ปเดียวแต่ตอนนี้ดวงอาทิตย์กลับสาดแสงสว่างเข้ามาในห้องโดยไม่ต้องเปิดไฟสักดวง

ประสาทสัมผัสเริ่มใช้งานได้ตามปกติ เริ่มตั้งแต่ส่วนหัวที่วิงเวียนจนมึนไปหมด กว่าทำจะให้ภาพนิ่งได้ก็ใช้เวลาสักพัก แขนขาลามไปถึงปลายนิ้วทั้งสิบชาจนต้องกำแบมือและเท้าอยู่อย่างนั้น

สักพักผมเริ่มรู้สึกแสบที่แขนขวาลามไปถึงไหล่และช่วงขาด้วย ผมพลิกแขนขึ้นมาดูจึงพบว่ามันถลอกเป็นแถบยาว แผลดูจะไม่ลึกมากแต่ก็แสบเอาเรื่อง คงได้มาเป็นของแถมตอนล้มสลบไป ก็เล่นล้มไปตอนอยู่กลางพื้นกรวดดินนี่นะ

จะว่าไปเมื่อคืนผมฝันดีชะมัด ฝันว่าได้กอดไนน์แน่นอยู่อย่างนั้นจนตื่น พอรู้สึกตัวเต็มที่จึงได้สังเกตเห็นว่าตุ๊กตากระต่ายน้อยที่ไนน์เคยซื้อให้มาอยู่ในอ้อมกอดของผมแล้ว

พอหันไปอีกข้างก็เห็นไนน์นอนเล่นบนโซฟาสำหรับรับแขก ในมือถือแบบเรียนของมหา'ลัย คงจะอ่านเตรียมสอบสิท่า แต่สายตากลับเอาแต่จ้องไปที่ทีวีที่ฉายรายการครอบครัวสุขสันต์ของเหล่าดังโงะอยู่แล้วหัวเราะเอิ๊กอ๊ากออกมา คงจะอ่านรู้เรื่องหรอกนะ

ผมค่อย ๆ ดันตัวเองให้ลุกขึ้นมานั่ง ไนน์สังเกตเห็นผมจึงรีบปิดหนังสือลงแล้ววิ่งมานั่งที่เก้าอี้ข้างเตียงทันที

"พี่เบ็นตื่นแล้ว อรุณสวัสดิ์คร้าบ" ไอ้หนูทักทายผมด้วยรอยยิ้มที่สดใสแล้วเอาคางเกยเตียงไว้

"อื้ม รุณหวัด...หิวจัง" ผมนิ่วหน้าแล้วลูบท้องตัวเอง ท้องบิดแสบไปหมด ไม่ได้กินอะไรตั้งแต่วันก่อนที่จะล้มลงแล้ว

"พี่พยาบาลเอาข้าวมาให้แล้วนะ กินเลยเนอะ เอ่อ น้ำ น้ำ"

ไนน์ลุกขึ้นจัดแจงอาหารให้ผมทันทีที่ผมบ่นว่าหิวข้าว แล้วยังไปเทน้ำใส่แก้วมาให้อีก น้องชายผมนี่น่ารักจริง ๆ

สำรับข้างหน้าเป็นข้าวต้มอุ่น ๆ หอมฉุยเตะจมูกและเตะท้องเข้าอย่างจัง กลิ่นของมันกระตุ้นระบบย่อยอาหารให้กลับมาทำงานอีกครั้ง แต่ถึงจะหิวขนาดไหนผมก็อยากจะอ้อนไนน์อยู่ดี พอไม่สบายทีไรนิสัยขี้อ้อนเหมือนเด็กก็กำเริบทุกครั้ง

"ป้อนพี่หน่อย...ได้ไหมครับ"

"ได้เสมอคร้าบ" แปลกแฮะ ไม่นึกว่าจะยอมให้อ้อนง่ายขนาดนี้

ไนน์เป่าข้าวต้มสองสามครั้งก่อนจะยื่นใส่ปากผม ไม่รู้ว่าเพราะมันอร่อยจริง ๆ เพราะหิวจัด หรือเพราะไนน์ป้อน แต่ผมรู้สึกว่าข้าวต้มจากมือน้องไนน์อร่อยที่สุดในโลกเลย

"พี่เบ็นเหมือนเด็กน้อยเลย" พูดจบก็ลั่นเสียงฮาใส่ผม "เมื่อวานก็ด้วย ร้องไห้งอแงจนหลับไปอีกรอบ ไม่นึกว่าจะได้เห็นพี่ในร่างเบ็นนี่น้อยเลยนะเนี่ย"

"พูดมาก! อ้า..." ผมอ้าปากทำเสียงเป็นสัญญาณให้ป้อนต่อ

"หน้าแดงแล้วเว้ยพี่ผม"

"ไม่ต้องมาแซวเลยไอ้เด็กแสบ"

"เอ่อ ผมรู้มาว่าพี่ติดหมอนข้างเลยแวะไปเอาตุ๊กตากระต่ายน้อยที่หอพี่มาให้ พี่ไม่โกรธใช่ไหมที่เข้าห้องก่อนโดยไม่ได้ขออะ"

"ไม่โกรธหรอก แล้วเข้าไปได้ไง?"

"ก็กุญแจห้องในกระเป๋าพี่ไง"

"อ๋อ...เหรอ"

"แล้วก็ หมอบอกว่าพี่มีระดับน้ำตาลในเลือดต่ำมาก พี่พักผ่อนน้อยแล้วก็อดอาหารมาหลายมื้อแล้ว ต้องดูแลตัวเองให้ดีกว่านี้นะครับ"

"อื้ม โทษที พี่เครียดไปหน่อย"

"ผมดิต้องขอโทษพี่ ตอนนั้นอยู่ใกล้กันแท้ ๆ แต่ผมไม่ได้สนใจพี่เลย"

"แล้วเมื่อวานจะบอกอะไรพี่นะ" ผมพยายามเปลี่ยนเรื่องคุย ไม่อยากกลับไปรู้สึกเศร้าอีกครั้ง "พี่หลับไปก่อน จำไม่ค่อยได้"

"ไม่บอก ไม่ได้ยินก็ดีแล้ว ไว้วันหลังผมค่อยบอกอีกรอบ" ไนน์ดูจะเขินแปลก ๆ

"อื้ม...แล้วพี่สลบไปนานไหม"

"สามวัน"

"หืม?"

"อ่าว ไม่ตกใจเหรอ จะแกล้งพี่ซะหน่อย"

"ไม่เนียนไปเรียนมาใหม่นะไอ้หนู"

"สลบไปแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็จริง แต่ผมรู้สึกมันนานเกือบสามวันเลยนะ"

"น้ำเน่าฉิบหาย อ้า..."

ผมกวาดสายตาสังเกตไปรอบห้องเป็นครั้งแรก ห้องที่ผมอยู่เป็นห้องพักเดี่ยวที่ดูจะราคาสูงน่าดู ใครกันนะพาผมมานอนห้องเดี่ยวไม่ยอมให้ไปนอนห้องรวม ราคาต่างกันลิบลับเลยแท้ ๆ

มองไปทางชั้นวางของใต้ทีวีก็พบของเยี่ยมมากมายวางไว้ มีทั้งถุงผลไม้ ถุงขนมหวานต่าง ๆ หนึ่งในนั้นมีกระปุกคุ๊กกี้เล็ก ๆ สีแดงที่คนชอบเอามาเป็นของขวัญปีใหม่ด้วย

"เมื่อวานตอนพี่ยังไม่ฟื้นมีคนมาเยี่ยมพี่เยอะเลย" ไนน์คงสังเกตเห็นผมไล่สายตาเช็คของเยี่ยมอยู่จึงพูดขึ้น "มีพี่ลักษณ์ พี่บอล พี่กุ้งกับพี่เนตร ไอ้ศร แล้วก็พี่สนด้วย ที่เหลือผมไม่รู้จัก"

"ไอ้สนเนี่ยนะ?" ผมเลิกคิ้วถามด้วยความสงสัยทันทีที่ได้ยินคนชื่อสนมาเยี่ยม

"อื้ม พี่สนเขาอยู่เฝ้าจนแน่ใจว่าพี่จะปลอดภัยเลยนะ ก่อนไปพี่เขาวกขึ้นมาฝากของเยี่ยมไว้ให้ด้วย เป็นแคนตาลูปครับ ถุงนู้นอะ"

"แคนตาลูป?" ยิ่งฟังก็ยิ่งตกใจ แคนตาลูปคือผลไม้สุดโปรดของผมเลย ทำไมไอ้สนถึงรู้...ผมย่นจมูกใส่ทันที "เอาไปทิ้งได้มะ"

"จะบ้าหรอ ไม่ได้ดิพี่ พี่สนได้ยินคงเสียใจแย่"

"เรื่องของมัน"

"ทำไมพี่ต้องไม่ถูกกับพี่สนด้วย พี่เขาก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรขนาดนั้นสักหน่อย"

"ลืมเรื่องที่ตอนนั้นมันเคยด่าไนน์ไปแล้วเหรอ"

"จำได้ แต่พี่เขามาขอโทษผมแล้วนะ เขาบอกมองผมผิดไป"

เหอะ เพราะเห็นว่าไนน์มันเปลี่ยนได้จริง ๆ นั่นแหละเลยมาทำตัวดีด้วย

"พี่กับมันเคยมีเรื่องกันนิดหน่อย" ผมพูดด้วยเสียงแข็ง แต่แล้วก็อ่อนเสียงลง "...ถึงจะไม่รู้ว่าเรื่องอะไรก็เถอะ"

ไนน์ถอนหายใจยาวแล้วส่ายหัวด้วยความเหนื่อยใจ ผมยังไม่ชินกับไนน์ที่เป็นแบบนี้เลย ไนน์ที่เป็นเด็กน่ารักน่าแกล้งน่าเอ็นดูหายไปเกือบหมดแล้ว

แต่ตอนนี้ก็ยังน่ารักอยู่นะ ถึงจะคนละแบบกันก็ตาม

"พี่เบ็นครับ..."

"ครับ?"

"ปิดเทอมนี้ ผมขอไปเที่ยวบ้านพี่ได้ไหม"

ห๊ะ ผมหลุดหัวเราะออกมาทันที จะไปทำไมวะ

"แล้วที่ทำงานพิเศษอะไรนั่นล่ะ?"

"ผมลาออกจากที่ทำงานพิเศษไปแล้วครับ"

"แล้วที่บอกว่าจะเก็บเงินอะไรนั่นล่ะ?"

"ผมมีเงินพอกินอยู่ แต่ที่เก็บเงินก็เผื่อเอาไปเที่ยวนี่แหละ...นี่พี่เบ็นงอนผมอยู่เหรอครับ"

ก็นิดหน่อย "...เปล่า..." เล่นหายไปนานขนาดนั้น ทำผมร้องไห้เสียใจแทบตาย

"ดูก็รู้ว่างอน" ไนน์หรี่ตามองผม ทำท่าเหมือนกำลังจะจับพิรุธ "จะได้มีเวลามาอยู่กับพี่ไง"

ผมเบือนหน้าหนี ส่วนนึงก็ยังคงน้อยใจอยู่ แต่ส่วนมากเป็นเพราะกำลังกลบเกลื่อนอาการเขินของตัวเองอยู่

มือเรียวของไนน์เอื้อมมาหยิบเจ้ากระต่ายน้อยไป ผมขมวดคิ้วมองตามมือนั้น

ไนน์เอาเจ้ากระต่ายน้อยมาปิดใบหน้าแล้วดัดเสียงหวานออดอ้อน

"ท่านเบ็นนี่ขอรับ ขอให้กระผมได้ไปเยี่ยมเยียนคฤหาสน์ของท่านนะขอรับ"

"...ไม่ให้ไปหรอก"

"นะขอรับ กระผมสัญญาว่าจะดูแลนายท่านอย่างดีเลย อะหุหุหุหุ"

"..."

"นะขอรับ นะขอรับ นะ นะ นะ"

"เออ ๆ ก็ได้" ช่างตื๊อจริง ๆ นะ

ไนน์ชะเง้อหน้าตัวเองออกมาจากกระต่ายน้อยแล้ววางมันกลับลงมาที่เตียง จากนั้นจึงยกชามข้าวต้มขึ้นมาอีกรอบ "เย้ พี่เบ็นยิ้มแล้ว" ผมไม่รู้ตัวเลยว่าเผลอยิ้มออกไป

"แล้วบ้านพี่มีอะไรให้เที่ยวด้วยรึไง"

"ก็มีพี่เบ็นไง" เอาเข้าไป

"นี่ถ้ายังไม่เลิกน้ำเน่านะ พี่จะอ้วกใส่หน้าจริง ๆ ด้วย ไอ้เด็กขี้ตื๊อ"

"ก็พูดจริงนี่น่า... เอ้า อ้าปากครับ"