webnovel

ปั้นดินเป็นเดือน

จากดินสกปรกจะถูกปั้นให้เป็นเดือนได้จริงเหรอ? ความพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองนั้นมันคุ้มค่าหรือไม่? สุดท้ายแล้วคนเราก็ตัดสินกันแค่ที่หน้าตาใช่ไหม? เบญจมินทร์ หรือ เบ็น เป็นเด็กหนุ่มที่เชื่อสุดใจเลยว่าคนทุกคนบนโลกใบนี้ดูดีในแบบของตัวเอง และทุกคนสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้หากมีความพยายามมากพอ และด้วยความเชื่อที่ดูจะไปสะกิดต่อมความหมั่นไส้ของคู่อาฆาตนั้น ทำให้เขาถูกท้าแข่งในการประกวดทูตกิจกรรม ไม่ใช่ตัวพวกเขาเองที่จะลงแข่งหรอกนะ แต่พวกเขากำลังแข่งกันปั้นเด็กของตัวเองให้เป็นเดือนคณะให้ได้ต่างหาก ทว่า เด็กที่เบ็นต้องปั้นนั้นกลับเป็นรุ่นน้องปี 1 ที่แสนจืดจาง ใบหน้าห่างไกลจากคำว่าหล่อในยุคสมัยนี้ไปเลย แถมความมั่นใจยังอยู่ในระดับขั้นติดลบ ทุกคนเห็นตรงกันหมดว่าเบ็นไม่ต้องแข่งก็ได้ เพราะรู้ผลตั้งแต่ยังไม่เริ่มเลยด้วยซ้ำ แต่เบ็นเชื่อในตัวน้องคนนี้ และเชื่อในกันและกัน เขาจะปั้นเด็กคนนี้ให้เป็นดวงเดือนสีนวลบนฟ้าให้ได้! สุดท้ายแล้วพวกเขาจะสามารถพิสูจน์ให้โลกวัตถุนิยมใบนี้ยอมรับความพยายามของพวกเขาได้หรือไม่

NIMAJNEB · LGBT+
Classificações insuficientes
56 Chs

บทที่ 11.2

เอ้กอี๊เอ้กเอ๊ก!...เอ้กอี๊เอ้กเอ๊ก!...เอ้กอี๊เอ้กเอ๊ก!

เสียงเอะอะโวยวายของไก่อิเล็กทรอนิกขันปลุกผมให้ตื่นจากห้วงนิทราที่แสนหวาน ผมหงุดหงิดใจมากกว่าทุกครั้งที่ต้องถูกเจ้านาฬิกาปลุกระเบิดหูใส่

ผมทุบปุ่มปิดการปลุกที่อยู่บนหลังของไก่ที่น่ารำคราญ ขอนอนต่ออีกหน่อยไม่ได้รึไงวะ

เมื่อคืนผมนั่งคิดหาวิธีการนำเสนอให้ไนน์จนดึกดื่น รู้ตัวอีกทีก็เกือบตีสามแล้ว ไม่ได้กินข้าวเย็นเลยด้วยซ้ำ สองวันก่อนก็ท้องร่วงไหลเป็นสายน้ำ พอต้องถ่ายบ่อย ๆ ก็เริ่มไม่อยากกินอะไรเลย

ตอนนี้ก็เหมือนกัน แรงดึงดูดจากเตียงในเช้านี้ดูจะมีพลังงานมากกว่าวันก่อน ๆ ถึงจะหิวขนาดไหนแต่ก็เพลียเกินกว่าจะมีแรงลุกไปหาอะไรกิน...

...เดี๋ยวนะ ฉิบหาย!

นี่มันเก้าโมงกว่าแล้ว ตื่น ๆ เดี๋ยวไปเรียนสาย!

...เดี๋ยว วันนี้วันเสาร์ ไม่มีเรียนนี่หว่า

ไอ้เบ็นเอ้ย...นอนต่อ

...

วันเสาร์...ฉิบหาย! งานถ่ายรูปดาวเดือนเริ่มตอนเก้าโมงตรง!

ผมรีบกระเด้งขึ้นจากเตียงสุดตัว แรงดึงดูดจากเตียงนอนไม่สามารถเอาชนะแรงตระหนกของผมได้อีกต่อไป ผมรีบลุกไปห้องน้ำล้างหน้าแปรงฟัน แล้วเปลี่ยนชุดไปทันที ไม่มีเวลาอาบน้ำหรือกินข้าวเช้าอีกแล้ว

"ฉิบหายแล้ว! ฉิบหาย! สายแล้ว ฉิบหาย! สาย สาย ฉิบหาย ฉิบ ฉิบ สายแล้ว ฉิบหาย..."

ความเร็วของไอ้ชมพูที่ผมบิดนั้นซิ่งแรงกว่าครั้งไหน ๆ โชคยังดีที่วันเสาร์ของมหา'ลัยไม่ค่อยมีคนเยอะมากนักเลยทำให้บิดได้เต็มที่

ไม่ถึงห้านาที ผมก็มาถึงคณะเรียบร้อย

ทุกอย่างถูกจัดเตรียมเอาไว้แล้ว ผมติดต่อประสานกับคนเตรียมอุปกรณ์และเครื่องแต่งกายไว้แล้ว ดังนั้นทุกคนจึงไม่ต้องรอผมในขั้นตอนการแต่งตัว แต่ยังไงผมก็ต้องอยู่เพื่อดูแลความเรียบร้อย

"มาสายนะเบ็น" เสียงหนึ่งทักขึ้น เป็นเสียงที่ผมไม่ค่อยได้ยินบ่อยนัก

"ครับ? อ่าวพี่เชอร์รี วันนี้มาดูน้อง ๆ เหรอครับ"

"จ้ะ พวกดาวจะถ่ายเสร็จแล้วนะ ต่อไปจะถึงคิวเดือนแล้วเนี่ย รีบไปดูน้องไป"

"ครับ ตรงนู้นใช่ไหมครับ" ผมชี้ไปยังลานกว้างของคณะแล้วพุ่งตัวออกไปทันที

"ไม่ใช่โว้ยเบ็น" พี่เชอร์รีดุพร้อมชี้ไปอีกทางที่อยู่ตรงข้ามกับที่ผมกำลังจะพุ่งตัวเลย "น้อง ๆ แต่งตัวกันอยู่ห้องนู้น ไม่ได้เรื่อง!"

ผมได้แต่ผงกหัวขอโทษแล้วรีบแจ้นไปตามทางที่พี่เชอร์รีบอก แม้พี่เขาจะดูเฮฮาเป็นกันเองเวลาอยู่ข้างนอก แต่เวลาทำงานพี่เชอร์รีจะจริงจังและเข้มงวดเสมอ

              คงเพราะผมยังไม่สร่างเมาขี้ตานัก อีกทั้งยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยตั้งแต่เมื่อวานตอนเที่ยงทั้งของหนักของเบาหรือแม้แต่น้ำเปล่า ไหนจะความเพลียจากการท้องเสียและความเหนื่อยล้าที่สะสมมาอีก ทุกอย่างทำให้ผมมีสติสมาธิไม่ค่อยครบเท่าไหร่

พอมาถึงหน้าประตูห้องกลับพบว่าไนน์ยังอยู่ในชุดลำลองอยู่ ไม่ได้ใส่ชุดที่ผมเตรียมเอาไว้ให้ อีกทั้งยังยืนหัวเราะร่าอยู่กับผู้สมัครเดือนคนหนึ่งที่แต่งตัวเสร็จไปเรียบร้อยแล้ว ข้าง ๆ มีไอ้สนอยู่ร่วมวงสนทนาด้วย

แต่เมื่อเห็นผู้เข้าสมัครเดือนอีกคนก็ยังไม่ได้แต่งตัว ส่วนอีกคนกำลังถูกเขียนปากอยู่ผมก็โล่งใจ สงสัยไนน์คงเป็นคิวสุดท้ายที่ได้แต่งหน้าละมั้ง

เห้อ...ยังโชคดีที่มาทันเวลา

ผมที่ใจเย็นลงแล้วจึงได้สังเกตไนน์ละเอียดกว่าเดิม

ไนน์ในตอนนี้เปลี่ยนไปมากจนผมแทบจำไม่ได้ คงเป็นเพราะไม่ได้เห็นหน้ากันมานานจนรู้สึกว่าความหล่อของมันเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณหลังจากเห็นกันครั้งล่าสุด

ทรงผมของมันยังหยิกลอนเป็นทรงเกาหลีอยู่ คงจะไปทำมาใหม่ล่ะนะเพราะยังดูเนี๊ยบอยู่

ใบหน้าที่เนียนใสขึ้นจนแทบจะมองไม่เห็นรอยสิว ปากกระจับที่เคยซีดตอนนี้กลับมีสีแดงอมชมพูดูสุขภาพดี พอมองที่ใบหน้าภาพรวมแล้ว แผลเป็นที่คิ้วซึ่งไนน์เคยรังเกียจมันนักหนา ตอนนี้มันกลับกลายเป็นเสน่ห์เสริมความเท่ห์ให้ใบหน้าขาวตี๋นั้น

การแต่งตัวของไนน์ก็ดูดีไม่แพ้กัน ไนน์ยังคงเป็นนักเรียนที่ปฏิบัติตามคำสอนของผมได้อย่างดีจนถึงตอนนี้ เสื้อยืดสีเทาเข้มขนาดสลิมฟิตที่รัดทรวงทรงให้ร่างกายดูสมาร์ท และด้วยสีทึบจึงช่วยขับผิวขาวกระจ่างใสออกมาจนเกือบจะเรียกได้ว่าเรืองแสงได้ในที่มืด กางเกงยีนส์สีดำทรงกระบอกเล็ก เสริมด้วยรองเท้าผ้าใบสีขาวสะอาดตา ส่งให้ขาเรียวเล็กของไนน์ดูน่าจับตามอง

จนถึงตอนนี้ผมเพิ่งสังเกตเห็นว่าไนน์อกผายไหล่ผึ่งมากขึ้นกว่าเดิมขนาดไหน ความสูงของไนน์ในขณะนี้ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อออร่าความหล่อแต่อย่างใด มันกลับยิ่งทำให้ไนน์ดูเป็นหนุ่มน่ารักที่เท่และน่าเอ็นดูได้ในเวลาเดียวกัน

...น้องไนน์ของผมโตเป็นหนุ่มแล้วจริง ๆ

              แต่มีอย่างหนึ่งที่หายไป เสื้อคลุมกันแดดสีเหลืองอ่อนที่ผมซื้อให้ ไนน์ใส่มันตลอดตั้งแต่ได้มันมา ไม่ว่าจะตอนกลางวันที่แดดจัดหรือกลางคืนที่ไม่มีแดดเลยไนน์ก็ใส่เสื้อคลุมที่ผมซื้อให้ พอแซวมันไป มันก็บอกว่า 'ก็จะได้เหมือนอยู่ในอ้อมกอดของพี่เบ็นตลอดไงครับ'

              แต่ตอนนี้ไนน์กลับไม่ได้ใส่มันมาด้วย...อาจจะไม่ได้ชอบใส่ขนาดนั้นแล้วก็ได้มั้ง

ในที่สุดผมก็ตัดสินใจก้าวเท้าไปข้างใน ไนน์หันมาเห็นผมพอดี

"พี่เบ็นมาแล้ว!" ไอ้หนุ่มหน้าหล่อวิ่งมากอดแขนผมแล้วยิ้มทะเล้นใส่ ผมคิดถึงรอยยิ้มของมัน

"ไงไอ้เด็กน้อย รอพี่ชายสุดหล่อนานไหมคร้าบ" ผมปั้นเสียงสดใสทักไนน์ไปแม้ใจของผมจะไม่ได้สดใสขนาดนั้นก็ตาม

"นานดิ เป็นชั่วโมงแล้วเนี่ย นึกว่าจะไม่มาแล้วซะอีก"

"น้องชายพี่ทั้งคน พี่ก็ต้องมาดูอยู่แล้วแหละ"

"แล้วชุดล่ะ?"

ปกติแล้วไนน์คนเดิมจะหน้าแดงและดูดีใจทุกครั้งที่ผมเรียกว่าน้องชาย แต่ไนน์ในตอนนี้กลับไม่ได้สนใจคำพูดของผมเท่าไหร่เลย

"ก็ให้พี่ที่ดูแลคอสตูมจัดไว้แล้วนี่ ยังไม่มาอีกเหรอ" ผมเริ่มใจเสียกับสิ่งที่จะได้ยิน ผมกลัวว่าผมจะประสานงานพลาดหรือลืมให้ฝ่ายคอสตูมเตรียมชุดสูทและปีกสีขาวไว้ให้ไนน์

"ก็เห็นเขาบอกว่ามีแต่ชุดสูทแล้วก็ปีกสีขาว ๆ อะไรสักอย่าง แค่นี้เอง" โล่งไปที

"ก็..."

"ไงเบ็น" สนเดินเข้ามาขัดจังหวะการสนทนาของพวกเรา มันยิ้มให้ไนน์แล้วหันมายักคิ้วใส่ผม ผมทักมันกลับไปแค่การพยักหน้าเท่านั้น

"พี่สน พี่เชอร์รีเรียกไปคุยอะไรด้วยครับ เกี่ยวกับพิธีอำลาตำแหน่งอะไรสักอย่าง" อีกบุคคลหนึ่งเข้ามาสู่วงสนทนาด้วยโดยไม่ได้รับเชิญ

"อ่า ขอบใจมากดร" ไอ้สนพูดตอบบุคคลที่เข้ามาใหม่แล้วหันไปพูดยิ้ม ๆ กับไนน์ "รอแป๊ปนึงนะไนน์ เดี๋ยวพี่มา" พวกมึงไปญาติดีกันตั้งแต่เมื่อไหร่?

"ครับพี่สน..." ไนน์ยิ้มให้สนแล้วหันมาแนะนำบุคคลแปลกหน้าที่มาใหม่ "เอ่อพี่เบ็น นี่ดรนะ ภารดรอะ ที่ได้ธาตุไฟ" ไนน์พูดแล้วเอื้อมมือไปกอดคอดร ส่วนดรยิ้มมุมปากพร้อมก้มหัวทักผม "มันโคตรหล่อเลย แล้วดูชุดมันดิ โคตรเท่ห์เลยพี่"

"มึงก็พูดไป อย่าให้กูเห็นว่ามึงแต่งตัวเล่นใหญ่กว่ากูแล้วกันนะ"

บุคคลที่ดูสนิทสนมกับไนน์มีชุดที่ดูดีจริง ๆ ใบหน้าคมเข้ม ผิวแทนตามแบบฉบับไทยแท้ เครื่องแต่งกายเป็นแบบนักระบำเพลิงของชาวฮาวาเอี้ยน สวมผ้าสีแดงเลือดนกที่ดูคล้ายกระโปรงตั้งแต่เอวลงไป ส่วนท่อนบนเปลือยเปล่าเผยหุ่นที่ประดับไปด้วยกล้ามเนื้อแน่นสมชายชาตรี ในมือถือคบเพลิงที่ยังไม่ถูกจุดขึ้น ไม่ว่าจะดูจากมุมไหนก็ร้อนแรงสมกับธาตุไฟที่ดรได้

"ถ้าเล่นใหญ่แล้วจะทำไม จะจูบเราเหรอห๊ะ"

ไนน์ทำท่าจะเข้าไปจูบดรเล่น ๆ แต่ดรผลักออกมาได้ก่อน "อย่าเข้ามา ไอ้สัตว์ ขยะแขยง" ดูไปแล้วก็สนิทกันจนเหมือนที่ผมเล่นกับไอ้กุ้งไม่มีผิด

ดร...ภารดรที่เรียนอยู่สาขาเคมี ผู้เข้าแข่งขันเดือนหรือก็คือคู่แข่งของไนน์ และมีพี่เลี้ยงเป็นไอ้สนหรือก็คือคู่แข่งของผม

มาถึงตอนนี้ตอนที่ไนน์ดูสนิทกับไอ้สนและน้องดรมากกว่าผม มันทำผมเจ็บปวดหัวใจอีกครั้ง ทำเอาผมร้อนรนไปหมด เหงื่อเย็นไหลซึมออกมาทั่วตัวทั้งที่อยู่ในห้องแอร์

ทั้งที่ผมยืนอยู่ตรงนี้ ไนน์กลับไม่สนใจผมเลยสักนิดเดียว

"เอ่อพี่เบ็น แล้วชุดผมล่ะ"

              "ก็มีแค่นั้นแหละ สูทสีขาวกับปีกขาว"

              "แค่เนี้ย?"

              "เออ! มีแค่นั้นแหละ!"

ผมเผลอใช้เสียงตวาดใส่ไนน์ไปทำเอาไนน์สะดุ้งยืนทำตัวไม่ถูก ตั้งแต่รู้จักกันมาผมไม่เคยตวาดไนน์เลยสักครั้ง นี่เป็นครั้งแรกที่ผมทำ และผมก็รู้สึกผิดทันทีที่ทำลงไป

"น้องไนน์ ถึงคิวแต่งหน้าแต่งตัวแล้วลูก"

"ครับ! เดี๋ยวเรามานะดร เดี๋ยวมานะพี่เบ็น"

"...อื้ม"

              ใช้เวลาไปกว่าสองชั่วโมงจึงจะได้เริ่มถ่ายรูปกับฉากที่เตรียมไว้ ปีนี้ทางผู้จัดกองประกวดหันมาใช้ฉากท่ามกลางธรรมชาติให้สมกับธีมธาตุทั้งสี่แทนที่จะเป็นห้องเรียนที่มีแอร์ ดังนั้นแดดของช่วงใกล้เที่ยงจึงทำให้บรรยากาศการถ่ายรูปดูตึงเครียดกว่าทุกปี

              ไนน์ที่ตอนนี้อยู่ในคราบเทวดาตัวน้อยนั้นดูน่ารักแต่ก็มีเสน่ห์ตามบุคคลิกของเจ้าตัว

              เหงื่อผมไหลท่วมตัวมากกว่าเดิม ท้องร้องโครกครากตลอดเวลา น้ำย่อยในกระเพาะกัดกร่อนท้องผมจนแสบไปหมด น้ำสักหยดก็ยังไม่ตกถึงคอเลยตั้งแต่เช้า และไหนจะแดดที่แรงขนาดนี้อีก

              "ไนน์ พี่ขอโทษนะที่เมื่อกี้ขึ้นเสียงใส่"

              "ไม่เป็นไรเลยพี่เบ็น"

              "...แล้วเราน้อยใจรึเปล่าที่พี่ออกแบบชุดมาได้แค่นี้"

              "เฮ้ย ผมจะน้อยใจทำไม" มันหัวเราะสดใสทำผมยิ้มขึ้นมาได้บ้าง "พวกมันอีกสามคนก็เล่นใหญ่กว่าเราจริง ๆ นั่นแหละ แต่พี่เบ็นอุส่าห์ออกแบบมาให้ผม แค่นี้ผมก็ดีใจแล้ว"

"อื้ม ถ้าเราดีใจพี่ก็ดีใจ"

"ครับ...พี่เบ็นเหงื่อไหลเป็นทางเลยนะ ไหวไหมเนี่ย" ไนน์โบกมือเป็นพัดพยายามทำให้ผมหายร้อน

"ไหวดิ คนอย่างพี่ตายยากอยู่แล้ว"

"น้องไนน์ ถึงคิวถ่ายแล้วลูก!" เสียงพี่เชอร์รีดังมาจากบริเวณฉากถ่ายรูป

"ครับพี่!"

บรรยากาศรอบ ๆ ดูตึงเครียดก็จริงแต่ใบหน้ายิ้มแย้มสดใสของเทวดาตัวน้อยก็ทำให้ทุกคนดูใจเย็นลงไปได้บ้าง

เสียงลั่นชัตเตอร์ เสียงผู้คนพูดคุยปรึกษากัน เสียงกรี๊ดหลงใหลหนุ่มหล่อทั้งสี่คนของพี่เชอร์รี เสียงหัวเราะของไนน์ เสียงนกและแมลงจากธรรมชาติ ทุกอย่างผสมผสานช่วยกันกล่อมให้ผมเข้าสู่ภวังค์ที่พร่ามัว

              ทั่วใบหน้าและตามตัวเปียกไปด้วยเหงื่อ หัวใจของผมเต้นเร็วไม่เป็นจังหวะ มือไม้สั่นเทาโดยไม่รู้สาเหตุตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว

ม่านตาและหนังตาเตรียมตัวจะปิดลง ภาพเบื้องหน้าดูสับสน หมุนไปมา และเลือนลางไป

ไม่นานทุกอย่างก็จางหายไป เหลือแต่ภาพดำมืด

วันประกวดจริงก็คงเหลือแค่เดินโชว์ตัวแล้วรอผลโหวตเท่านั้น

"พี่เบ็น เป็นอะไรรึเปล่า"

"อะไรจ๊ะน้องไนน์ เกิดอะไรขึ้น?"

คงไม่มีอะไรที่ผมต้องช่วยไนน์อีกแล้ว

"พี่เบ็น!!..."

"ว้าย! ไปดูมันซิ เรียกรถพยาบาลด้วย!"

เห็นไนน์เติบโตขึ้นอย่างสดใส พี่ก็ดีใจ

"ใครก็ได้ช่วยพี่ผมด้วย! พี่สนเรียกรถพยาบาลให้ที!"

"ยาดม! ใครมียาดมเอามาให้เจ๊เร็ว พัดด้วย! ไอ้รุ้ง มึงมีพัดใช่ไหม ไปเอามา!"

"เฮ้ย! ไอ้เหี้ยเบ็น! ดรเอากระเป๋ากูมาดิ!"

หน้าที่ของผมคงหมดลงแค่นี้

"พี่เบ็น! ผมมาแล้ว ทำใจดี ๆ ไว้ก่อนนะ"

"พี่สน! พี่เชอร์รีโทรไปแล้วครับ! รถกำลังมา!"

"ไนน์! ก่อนหน้านี้มันมีอาการยังไงบ้าง"

แม้ว่าไนน์จะลืมพี่ชายคนนี้ไปแล้ว...

"พี่สน! เมื่อกี้ผมเห็นพี่เบ็นหน้าซีด ๆ แต่ไม่ได้เอะใจอะไร! ผมขอโทษ ไนน์ขอโทษนะพี่เบ็น!"

"ไอ้สนปลดกระดุมเม็ดบน ๆ ด้วย ให้เบ็นมันหายใจได้สะดวก"

"มึงก็พัดห่าง ๆ หน้ามันหน่อยซิโว้ย"

...แต่พี่ชายคนนี้ยังไม่เคยลืมน้องชายขี้แยตัวน้อยคนเดิมหรอกนะ

"พี่เบ็น! ไม่! ไม่ ไม่ ไม่ อยู่กับผมก่อนนะ ตอบผมสิ ตอบไนน์สิพี่เบ็น!"

"เฮ้ยไนน์ใจเย็น! ออกห่างมาก่อน เบ็นมันจะได้หายใจได้สะดวก"

ถ้าเราไม่ได้เจอกันอีกละก็...

"ไนน์ขอโทษ! ตอบไนน์สิพี่เบ็น!"

ลาก่อนนะ

"พี่เบ็น!"

"พี่เบ็น!!..."