webnovel

ปั้นดินเป็นเดือน

จากดินสกปรกจะถูกปั้นให้เป็นเดือนได้จริงเหรอ? ความพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองนั้นมันคุ้มค่าหรือไม่? สุดท้ายแล้วคนเราก็ตัดสินกันแค่ที่หน้าตาใช่ไหม? เบญจมินทร์ หรือ เบ็น เป็นเด็กหนุ่มที่เชื่อสุดใจเลยว่าคนทุกคนบนโลกใบนี้ดูดีในแบบของตัวเอง และทุกคนสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้หากมีความพยายามมากพอ และด้วยความเชื่อที่ดูจะไปสะกิดต่อมความหมั่นไส้ของคู่อาฆาตนั้น ทำให้เขาถูกท้าแข่งในการประกวดทูตกิจกรรม ไม่ใช่ตัวพวกเขาเองที่จะลงแข่งหรอกนะ แต่พวกเขากำลังแข่งกันปั้นเด็กของตัวเองให้เป็นเดือนคณะให้ได้ต่างหาก ทว่า เด็กที่เบ็นต้องปั้นนั้นกลับเป็นรุ่นน้องปี 1 ที่แสนจืดจาง ใบหน้าห่างไกลจากคำว่าหล่อในยุคสมัยนี้ไปเลย แถมความมั่นใจยังอยู่ในระดับขั้นติดลบ ทุกคนเห็นตรงกันหมดว่าเบ็นไม่ต้องแข่งก็ได้ เพราะรู้ผลตั้งแต่ยังไม่เริ่มเลยด้วยซ้ำ แต่เบ็นเชื่อในตัวน้องคนนี้ และเชื่อในกันและกัน เขาจะปั้นเด็กคนนี้ให้เป็นดวงเดือนสีนวลบนฟ้าให้ได้! สุดท้ายแล้วพวกเขาจะสามารถพิสูจน์ให้โลกวัตถุนิยมใบนี้ยอมรับความพยายามของพวกเขาได้หรือไม่

NIMAJNEB · LGBT+
Classificações insuficientes
56 Chs

บทที่ 11.1

"เบ็น! ตื่น!"

"ห๊า! อะไร?"

ผมยกหัวขึ้นมาหาเจ้าของเสียง เสียงนั้นเป็นเสียงกระซิบของเนตรที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ผมไม่รู้ตัวเลยว่าหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่และตอนไหน

"ตื่นก่อน อาจารย์บอกอันนี้ออกสอบไฟนอล จดด้วย" กุ้งกระซิบข้ามตัวเนตรมาบอกผมอย่างรีบ ๆ ในขณะที่มือกำลังกวัดแกว่งระวิงไปมา

ตอนนี้กุ้งไม่ได้กำลังวาดรูปเล่นแต่กำลังใช้ปากกาสีต่าง ๆ จดเลคเชอร์จากคำพูดของอาจารย์อยู่ เนตรก็กำลังใช้ดินสอจดอย่างรีบร้อนเช่นเดียวกัน

ผมมองเหม่อไปรอบ ๆ ก็เห็นเป็นลักษณะเดียวกัน คือทุกคนนั่งจดสิ่งที่อาจารย์พูดอยู่อย่างตั้งใจ ดูเหมือนทั้งห้องเรียนจะมีแต่ผมเท่านั้นที่ยังคงตาลอยไม่สนใจเนื้อหาสำคัญที่อาจารย์กำลังย้ำอยู่ว่าจะออกสอบแน่ ๆ

"มึงเลิกเหม่อแล้วจด" เนตรกระซิบดุผมอีกครั้งส่วนมือยังคงจดต่อไป

ผมจะก้มลงหยิบปากกามาจดลงสมุด แต่ก็พบว่าผมยังไม่ได้หยิบสมุดออกมาจากกระเป๋าเลยด้วยซ้ำ ผมนึกขึ้นได้ว่าตัวผมหลับไปตั้งแต่เริ่มคาบเรียนแล้ว

เมื่อได้สติกลับคืนมาครบจึงรีบเปิดกระเป๋า คว้าสมุดจด แล้วจึงเขียนตามสิ่งที่อาจารย์พูดทุกคำเป๊ะ ๆ

ปกติแล้วผมไม่ได้เป็นแบบนี้เลย ผมหลับในห้องเรียนนับครั้งได้ แม้สิ่งที่เรียนจะน่าเบื่อแค่ไหนผมก็ไม่ชอบก้มฟุบลงไปหลับคาโต๊ะอยู่ดี แล้วยิ่งเป็นช่วงที่อาจารย์กำลังสอนเนื้อหาสำคัญ ผมจะจดทันที จริง ๆ แล้วสมุดผมเป็นต้นแบบให้กุ้งกับเนตรลอกด้วยซ้ำไป

ตามความถนัดของผมคือฟังแล้วประมวลผล จากนั้นจึงจดเป็นคำพูดของตัวเอง การจดแบบนี้ทำให้ผมจำได้นานกว่า จนบางครั้งก็ไม่จำเป็นต้องกลับมาอ่านซ้ำ

แต่วันนี้ผมไม่มีสติมากพอจะสรุปสิ่งที่อาจารย์พูดได้ สติของผมมีให้เต็มที่ได้แค่การเขียนตามคำบอกจากปากอาจารย์

สาเหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะวันถ่ายรูปดาวเดือนและดาวเทียมใกล้เข้ามาทุกที หรือถ้าจะบอกให้ถูกก็คือวันพรุ่งนี้แล้ว ผมที่เป็นคนดูแลผู้สมัครเดือนอย่างไนน์ต้องเตรียมออกแบบทั้งท่าโพสถ่ายรูป พร็อพประกอบฉาก คอสตูม และรูปแบบการนำเสนอที่น่าดึงดูดมากพอจะให้เป็นที่สนใจ หากกระตุ้นผู้คนให้มาสนใจได้มากเท่าไหร่ ตอนโหวตในวันประกวดจริงก็ยิ่งได้เปรียบมากขึ้น

ทุก ๆ ปีผู้สมัครจะต้องถ่ายรูปเป็นเซตเดียวกัน คือทางคณะจะมีรูปแบบตายตัวมาให้ แล้วผู้เข้าประกวดจะต้องถ่ายรูปตามแบบที่กำหนดพร้อมกัน แต่ปีนี้พิเศษตรงที่พี่เชอร์รีไม่ได้มาคุมงาน พี่เขาจึงให้พี่ดูแลของแต่ละคนจัดการกันเอง เพียงแต่ให้อยู่ในธีมเดียวกัน ซึ่งนั่นก็คือ ธาตุทั้งสี่

จากการจับฉลาก ผมจับได้ธาตุลมมา จึงต้องทำการออกแบบและจัดหาเครื่องแต่งกายให้ไนน์ ซึ่งตั้งแต่วันที่ได้จับฉลากจนมาถึงเมื่อวานซืน ผมคิดไม่ออกเลยว่าจะให้ไนน์แต่งตัวยังไงดี

ชุดที่แสดงถึงความเป็นธาตุลมเหรอ คิดยังไงผมก็คิดไม่ออก จะวาบหวิวมากก็ไม่ได้เพราะกลัวจะเกิดดราม่าจากความไม่เหมาะสม จะไม่โชว์เนื้อหนังเลยก็กลัวไนน์จะน้อยหน้าคนอื่น

จนในที่สุดเมื่อไฟลนก้นมาถึงช่วงสุดท้าย ผมที่คิดจนหัวหมุนจึงได้แค่ชุดธรรมดา ๆ ออกมาแทน มันเป็นแค่ชุดสูทสีขาวที่มีปีกอยู่ด้านหลัง

แค่นั้นจริง ๆ

ผมหวังว่าไนน์จะไม่เสียใจหรอกนะที่ผมออกแบบให้มันได้แค่นี้

"ไอ้เหี้ยเบ็น กูบอกให้มึงเลิกเหม่อแล้วจด" เนตรทำลายห้วงความคิดของผมไป

"ห๊า! เอ่อ…อื้ม"

เธอดุด้วยเสียงที่ใส่อารมณ์มากกว่าเดิม ถึงเนตรจะทำหน้ามารใส่แต่ผมก็รู้ว่ามันหวังดีไม่อยากให้ผมพลาดแนวข้อสอบ

"ไม่ทันแล้วมึง อาจารย์จะปล่อยแล้วเนี่ย"

"...เท่านี้ก่อนนะครับนิสิต วันนี้อาจารย์จะไม่เช็คชื่อนะเพราะถือว่าใครมาก็ได้แนวข้อสอบไป คาบหน้าอย่าลืมอ่านบทที่เจ็ดมาด้วยนะ สวัสดีครับ"

เมื่ออาจารย์กล่าวสวัสดีเสร็จ นิสิตเกือบเจ็ดสิบชีวิตลุกขึ้นออกไปจากห้องเรียนแทบจะในทันที แน่ล่ะวันศุกร์ทั้งทีจะได้หยุดกันแล้ว คงตื่นเต้นกันเป็นธรรมดา

"มึงเป็นอะไรของมึงวะ นั่งหลับไม่พอยังจะเหม่ออีก เอ้า เอาสมุดกูไปลอก เสร็จเมื่อไหร่ค่อยคืน" เนตรที่ดูจะใจเย็นลงแล้วยื่นสมุดจดของตัวเองให้ผม

"เบ็นมันจะอ่านออกเร้อ" สิ้นเสียงของกุ้งก็ตามด้วยเสียงเฮดช็อตดาเมจขั้นรุนแรงจากเนตร

ปกติแล้วผมควรจะหัวเราะแล้วตบมุกไอ้กุ้งมัน แต่วันนี้ผมไม่มีอารมณ์จะเล่นอะไรทั้งนั้น ผมเหนื่อย ง่วง เศร้า ซึม ไหนจะเพลียจากการที่ท้องเสียเมื่อวันก่อนอีก

ทุกอารมณ์ด้านลบถาถมเข้ามาหาผมตลอดตั้งแต่ไนน์ห่างจากผมไป

"เบ็นมันอ่านออกอยู่แล...เฮ้ย! ไอ้เบ็น มึงจะร้องไห้เหรอวะ เป็นไร" เสียงอ่อนโยนของเนตรดังขึ้นข้างหูผม

ผมไม่รู้ตัวเลยว่าร้องไห้ออกมา น้ำตายังไม่ได้ไหลออกมาแต่ตาร้อนผ่าวและพร่ามัวไปแล้ว

"ห๊ะ? อ่อ กูแค่ง่วงว่ะ ฮะฮะฮะ" ผมฝืนหัวเราะออกมาดัง ๆ ให้ดังกว่าเสียงสะอื้นในใจ "ช่วงนี้กูเตรียมงานดาวเดือนให้ไนน์หนักไปหน่อย เมื่อวานกูท้องเสียนิดหน่อยด้วย เลยอาจจะเพลีย ๆ แต่คนอย่างไอ้เบ็นแข็งแรง ไม่ตายง่าย ๆ หรอก" ผมปั้นยิ้มใส่แล้วลูบท้องตัวเองเบา ๆ

แต่ทั้งเนตรและกุ้งไม่หัวเราะด้วย พวกมันขมวดคิ้วใส่ผมแล้วทำสีหน้าจริงจัง

"กูรู้ว่ามึงไม่โอเค" เนตรเปลี่ยนเสียงอ่อนโยนเป็นเสียงที่ดุขึ้นอีกครั้ง "มีอะไรก็บอกพวกกูได้ อย่าเก็บเอาไว้คนเดียวอีก"

"..."

ผมไม่มีคำตอบให้คำถามของมันหรอก ผมยังไม่รู้ตัวเองด้วยซ้ำว่าทำไมต้องทำให้ไนน์มันขนาดนี้ รู้แค่ว่าอยากทำยังไงก็ได้ให้ไนน์มันมีความสุข แค่นั้นก็พอแล้ว

...แต่ตอนนี้ผมกลับไม่มีความสุขเลย...

กุ้งเดินเข้ามาลูบไหล่ผมเบา ๆ แม้จะไม่เอ่ยคำใดออกมาแต่มันช่วยให้ผมรู้สึกดีขึ้นมาได้บ้าง

สักพักจากไหล่ก็เลื่อนมาลูบหัวผมแทน สัมผัสอ่อนโยนจากมือของมันทำให้ผมกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่อีกต่อไป

ผมคิดถึงไนน์...