webnovel

ตอน พบเจอ2

 

        ดวงใจปักษา4

    ...ทั้งสองต่างกำลังสนุกสนาน  และเพลิดเพลินในมิตรภาพที่มีให้ต่อกัน วายุภักดิ์ได้ยินเสียงลมพัดปลิวของใบไม้มาแต่ไกลพร้อมการขยับปีกสะบัดลมสะท้อนมาบนอากาศ เขารู้ได้ทันทีว่าเสียงที่สะบัดลมพัดใบไม้มานั่นไม่ใช่เสียงลมธรรมดา เขาจึงรีบคว้าข้อมือของนาง แล้วพากันหลบเข้าไปในแนวชายป่า วายุภักดิ์หันมองขึ้นไปบนท้องฟ้า ก็มองเห็นร่างใหญ่มีปีกพัดสะบัดลมอยู่บนท้องฟ้า  ร่างสองร่างกำลังสอดส่ายสายตามองหาอะไรบางอย่าง วายุภักดิ์พาเจ้านางน้อยนั้นหลบเข้าชายป่า และให้เจ้านางน้อยนั้นแอบหลบอยู่ตรงนั้น พร้อมกับกำชับไม่ให้นางนั้นออกไปปรากฏตัว...

" เจ้าหลบอยู่ตรงนี้ก่อนนะ เจ้านางน้อย อย่าออกไปปรากฏตัวให้ใครเห็น เพราะเรากลัวว่าเจ้าจะเกิดอันตราย " กำชับเสร็จ..วายุภักดิ์ก็เดินออกไปปรากฏตัวที่ชายป่า พอร่างของเขาพ้นชายป่าออกมา ร่างสองร่างบนท้องฟ้า ก็ติ่งลงมาตรงที่เขานั้นปรากฏตัว ร่างทั้งสองลงมายืนอยู่ตรงหน้าของเขา พร้อมกับเอ่ยถามเขาว่า...

" วายุ!! เจ้าหลบมาแอบอยู่ที่นี่กระนั้นหรือ? " เป็นเสียงนุ่มทุ้มของพญาสุวรรณเบญกายผู้พี่รองเอ่ยถาม.. ส่วนอีกร่างหนึ่งยืนสงบนิ่งไม่เอ่ยคำใด...

" ขอรับท่านพี่... ข้าออกมาหาเดินเล่นดูชมสระอโนดาต จนเลยเตลิดมาถึงน้ำตกแห่งนี้ " วายุภักดิ์กล่าวตอบ

..".อืม...เมื่อได้พบแล้วพี่ก็คงต้องขอตัวแยกกันไปก่อนนะ เพราะพี่ต้องไปทำธุระให้เสด็จพ่อด้วย กล่าวจบ ร่างสูงใหญ่กำยำนั้นก็กางปีกโบกสะบัดยกตนบินขึ้นสู่ท้องฟ้าแล้วหายลับไป..."

" เจ้าพี่! นะเจ้าพี่มิรู้จะรีบไปไหน? " พญาสุวรรณเบญกายได้แต่บ่นตามหลังไป

" เจ้าพี่กรีราคงมีธุระด่วนที่ต้องทำให้ท่านพ่อกระมัง...เจ้าพี่สุวรรณกาย "

" จะธุระด่วนอะไรกันเล่า...พี่ว่านะ เจ้าพี่กรีราคงจักเบื่อการเที่ยวป่าหิมพานต์ซะมากกว่า "

ทั้งสองยืนคุยกันอยู่นาน และทุกอย่างก็อยู่ในสายตาของเจ้านางน้อย แต่ด้วยเพียงว่านางนั้นไม่ได้ยินในสิ่งที่เขาเหล่านั้นพูดคุยกันเท่านั้นเอง เมื่อความอยากรู้ว่าเขาคุยอะไรกัน นางจึงขยับตัวออกมาจากที่ซ่อน และค่อยๆเคลื่อนร่างเข้าไปใกล้ๆเพื่อหวังว่าจะได้ยินเสียงของเขาคุยกัน นางเดินมาตามโขดก้อนหินอย่างช้าๆ เพื่อป้องกันมิให้ทั้งสองร่างตรงหน้านั้นรู้ตัว จนขยับเข้ามาใกล้ราวๆสามเมตรได้ ที่ตรงนี้มีก้อนหินใหญ่วางขวางอยู่พอที่จะแอบหลบฟังทั้งสองพูดคุยกันได้ แต่ด้วยจะเป็นวิบากหรืออะไร ก็หาคาดเดาได้นางมองไม่เห็นกิ่งไม้แห้งตรงเท้าข้างหน้า เท้าของนางจึงเคลื่อนไปเหยียบลงที่กิ่งไม้แห้งจนเกิดเสียงดังขึ้น ก็อปปป!! นางสะดุ้งตกใจรีบเอามือปิดปาก กันตนเองส่งเสียงร้องออกไป และรีบก้มลงหลบที่ก้อนหินนั้น พอหลบลงได้ที่นางก็ชะโงกหน้าออกไปมอง แต่กลับเห็นเพียงร่างของครุฑาหนุ่มน้อยที่กำชับตนไม่ให้ปรากฏตัวให้ใครเห็น ยืนอยู่เพียงร่างเดียวเท่านั้น...

'อนิจจาบุญนำพาหรือว่าวาสนานำส่ง' จนทำให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ได้

...เมื่อมองเห็นเพียงร่างของวายุยืนอยู่ผู้เดียว เจ้านางน้อยจึงส่ายสายตามองหาไปทั่ว ว่าอีกร่างหนึ่งนั้นหายไปไหน และอยู่ๆก็มีเสียงพูดทักมาทางด้านหลัง เป็นเสียงนุ่มทุ้มกังวานว่า...

" เจ้า...มาแอบฟังพวกเราคุยอะไรกันเยี่ยงนั้นหรือ แม่หญิงน้อย!?? "

" เอ่ออ!..ข้ามิได้แอบฟังอะไรพวกท่านนะ " นางตอบด้วยเสียงขลุกขลัก เพราะตกใจกับน้ำเสียงและร่างที่ยืนอยู่ทางเบื้องหลังตน..

"...เจ้าพี่!!...ท่านอย่าทำอันใดนางนะ นางคือเพื่อนของข้า!! " วายุภักดิ์ตะโกนบอกแก่พญาสุวรรณเบญกายผู้พี่ชาย และรีบวิ่งเอาร่างตนเข้าไปยืนขวางหน้านางเอาไว้ เป็นการปกป้องนางด้วยกลัวว่าพี่ชายตนจะทำอันตรายต่อนาง...

"...หึหึ..พี่มิทำอะไรนางหรอก...วายุภักดิ์!!" ร่างกำยำสูงใหญ่ตรงหน้าพูดตอบน้องชาย ด้วยน้ำเสียงทุ้มพร้อมปรากฏรอยยิ้มตรงมุมปาก เหมือนขบขันชอบใจ กับท่าทางของน้องชายตนที่เอาร่างตนเองมาปกป้องนางที่ไหนก็ไม่รู้ตรงหน้า😄😄😄

" เจ้าพี่...ท่านสัญญากับข้านะ! ว่าท่านจะไม่ทำร้ายหรือทำอันตรายต่อนาง..." วายุภักดิ์พูดกลับพี่ชายตนเองด้วยเสียงที่ดูอ่อนโยนและห่วงหวงแหนในนาง 

" อืม...พี่ให้สัญญาว่าจักมิทำอะไรนาง "

" ข้าขอขอบน้ำใจท่านพี่มาก ที่เห็นแก่ข้าและไม่คิดที่จะทำอันตรายนาง " วายุภักดิ์กล่าวขอบคุณพี่ชาย

พญาสุวรรณเบญกายจึงหันมาทางแม่หญิงน้อยที่ยืนอยู่ทางด้านหลังของวายุภักดิ์ พร้อมกับเอ่ยถามนางว่า " เจ้าเป็นใครกันรึแม่หนู? แล้วเจ้ารู้จักกับน้องของข้าได้เยี่ยงไร? "

" ข้าเป็นคนที่นี่! ข้าอยู่ที่ป่าหิมพานต์แห่งนี้! ที่นี่คือบ้านของข้า!"

นางเอ่ยตอบพญาครุฑาใหญ่ตรงหน้า...

 ******************************