"สวัสดีครับคุณลูกค้า The Castle ยินดีต้อนรับ ไม่ทราบว่าจะรับอะไรดีครับ"
เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยต้อนรับอย่างสุภาพ เมื่อกระดิ่งที่แขวนไว้ตรงประตูเคลื่อนไหวส่งเสียงดังกรุ๋งกริ๋งกังวานไปทั่วร้าน ชายหนุ่มหน้าตาดีในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์แบบสบายๆ เดินยิ้มร่าเข้ามาที่เคาน์เตอร์ ดวงหน้าอ่อนเยาว์กับรอยยิ้มน่ารักบ่งบอกอายุของเจ้าตัว
"ผมอยากได้ฮังการีหางหนามฮะ"
ห้ะ!?
กูกำลังจะได้เจอแฮร์รี่ใช่มั้ย?
'วิลเลียม หวัง' หันขวับตามสัญชาตญาณคนบ้าแฮร์รี่ พลันสายตาของเขาก็ปะทะเข้ากับเจ้าของร่างสูงสง่าในชุดสูท ผมสีดำสนิทถูกเซ็ทจนเรียบกริบรับเข้ากับใบหน้าคม สูทสีดำสนิทไม่ต่างจากเส้นผมปักไหมทองลายหงส์ทะยานบริเวณไหล่ทั้งสองข้าง ดูสูงส่งราวกับเชื้อพระวงศ์คนหนึ่ง โดยเฉพาะเมื่อยืนอยู่ท่ามกลางความหรูหราโอ่อ่าของร้านแห่งนี้
วิลเลียมเคยมาที่นี่แล้วหลายครั้ง แต่ไม่เคยพบชายแปลกหน้าคนนี้ที่กำลังทำท่าราวกับว่าตัวเองเป็นเจ้าข้าวเจ้าของสถานที่อันงดงามแห่งนี้
เขาชอบสไตล์และความกว้างขวางของร้าน แม้จะตั้งอยู่ใจกลางย่านธุรกิจ แต่กลับเงียบสงบและมีมนต์ขลังอย่างประหลาด ตัวร้านถูกตกแต่งอย่างคลาสิก ดูเรียบง่ายหรูหรา แต่กลับมีบรรยากาศที่อบอุ่นราวกับได้อยู่บ้าน ในขณะเดียวกันก็ยังคงความเป็นส่วนตัวอย่างบอกไม่ถูก
ทั้งดอกไม้ สินค้าเครื่องประดับตกแต่งบ้านก็มีหลากหลายสไตล์ให้เลือก จนเขาอดชื่นชมเจ้าของร้านไม่ได้ ทุกอย่างถูกจัดวางได้อย่างกลมกลืน ทั้ง ๆ ที่สินค้าแต่ละอย่างแตกต่างกันอย่างสุดขั้ว คงเป็นอีกหนึ่งมนต์เสน่ห์ของร้านที่ทำให้เขามาเยี่ยมเยือนและเลือกซื้อสินค้ากลับไปอยู่บ่อย ๆ
ดูจากท่าทางของชายตรงหน้า...วันนี้เขาคงได้พบกับเจ้าของปราสาทตัวจริงเสียแล้ว
นอกจากฟิกเกอร์กับของกิน ก็มีแต่สินค้าของร้านนี้นี่แหล่ะที่ทำให้เขายอมควักเงินให้อย่างไม่อั้น
กลิ่นหอมของดอกบัวหลวงจากโซน Flora forest ลอยมาแตะจมูกทำให้วิลเลียมหลุดจากภวังค์ ร่างสูงในชุดสูทหงส์ทะยานหายไปแล้ว เหลือแต่ลูกค้าหนุ่มที่น่าจะอายุน้อยกว่าเขาราวห้าหกปี ยืนเกาะเคาน์เตอร์กวาดตามองไปรอบ ๆ ร้าน พลันอีกฝ่ายก็สบตาเข้ากับสายตาเขา
"มีอะไรรึเปล่าครับ?" เด็กหนุ่มถาม
เขาส่ายหน้า ไม่รู้จะถามอะไรดี ในเมื่ออีกฝ่ายก็เป็นลูกค้า จะรู้ได้อย่างไรว่าชายหนุ่มในชุดสูทนั่นเป็นเจ้าของร้านหรือพนักงานกันแน่ แต่อีกฝ่ายกลับจ้องหน้าเขาไม่วางตา ประสาทสัมผัสของวิลเลียมเริ่มรับรู้ได้ถึงรังสีอันตรายที่แผ่ออกมา
แสงวาววับจากโลหะบางอย่างด้านหลังเด็กหนุ่มสะท้อนแสงอาทิตย์ที่สาดเข้ามาทางกระจกของร้าน ความรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวทำให้เขาตอบกลับไปโดยสัญชาตญาณ
"ผมแค่แปลกใจว่าร้านนี้ขายไข่มังกรแบบแฮกริดด้วยเหรอ?" เขาเอียงคอทำหน้าสงสัย ก่อนจะเสริมว่า "ผมเป็นแฟนพ่อมดน้อยน่ะครับ อยากได้ไปแต่งบ้านบ้าง"
ผ้าปิดปากสีดำแบบดารานิยมที่เขาคาดปิดอยู่ทำให้กล้าพูดอะไรไร้สาระออกไป ในเมื่อไม่มีใครเห็นหน้า ก็ไม่มีอะไรต้องกังวล
เด็กหนุ่มเงยหน้าหัวเราะดังลั่นร้าน ก่อนจะตบเคาน์เตอร์ไม้พะยูงไหหลำที่ราคาแพงหูฉี่อย่างถูกใจ ประกายโลหะหายไปแล้ว ในมือของเด็กหนุ่มว่างเปล่า เขาคงระแวงไปเองเพราะช่วงนี้เจอกับพวกแอนตี้แฟนบ่อยเกินไป วิลเลียมได้แต่ยืนมองอีกฝ่ายหัวเราะอย่างเอาเป็นเอาตาย
"ไข่มังกรไม่มี มีแต่รูปปั้นมังกรไซส์กลางครับคุณลูกค้า"
เสียงทุ้มน่าฟังของร่างสูงในชุดสูทเดินกลับเข้ามายังเคาน์เตอร์ ในมือประคองรูปปั้นมังกรตามแบบตะวันตกออกมา ไม่เห็นเหมือนพันธุ์ฮังการีหางหนามที่เขาเคยเห็นเรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์เสียหน่อย
อีกฝ่ายคลี่ยิ้มน้อยๆ ขับให้ดวงหน้านั้นดูอ่อนหวานขึ้นเป็นสิบเท่า ก่อนจะถามเรียกสติเขาอีกครั้ง
"คุณลูกค้าสนใจไหมครับ ตอนนี้เรามีมังกรหลายแบบ แต่ไม่ขายของติดลิขสิทธิ์นะครับ"
วิลเลียม หวัง ไม่ได้สนใจรูปปั้นมังกร แต่เขาสนใจคนตรงหน้าต่างหาก เมื่อเห็นว่าเขาไม่ตอบ ชายหนุ่มจึงเอ่ยขออนุญาตอย่างสุภาพ
"เดี๋ยวผมขออนุญาตห่อของให้คุณลูกค้าท่านนี้สักครู่นะครับ แล้วเดี๋ยวจะไปนำรูปปั้นมังกรอีกแบบมาให้ดู เผื่อคุณลูกค้าจะสนใจ"
วิลเลียมเพียงแต่พยักหน้า ก่อนจะทำทีเป็นมองดูสินค้าอื่นๆ ในร้าน แม้หางตาจะยังคงเหลือบมองร่างสูงเจ้าของรอยยิ้มอยู่ตลอด
แค่ไม่กี่วินาทีที่เขามัวแต่ตกตะลึงกับรอยยิ้มของคนในชุดสูท โลหะวัตถุสีดำละเมื่อมก็ถูกดันเข้าซองเสื้อด้านในอย่างเงียบเชียบไร้ร่องรอยราวกับไม่เคยมีอยู่มาก่อน เด็กหนุ่มล้วงกระเป๋าโยนหมากฝรั่งเข้าปากด้วยท่าทีสบายๆ ก่อนจะหันไปคุยจ้อเรื่องรูปปั้นมังกรกับคนด้านหลังเคาน์เตอร์อย่างออกรส ก่อนจะรับกล่องที่บรรจุเจ้ามังกรที่เขาทึกทักเอาเองว่าเป็นพันธุ์ฮังการีหางหนามเดินออกจากร้านไปอย่างร่าเริง
"นั่นใคร ทำไมไม่แจ้งให้ถอดผ้าปิดปาก"
ฟรานเชนก้า ลี เอ่ยถามเสียงขรึมกับเด็กในร้าน หลังจากส่งของให้เจ้าเด็กรันเนอร์ เรียบร้อยแล้ว สายตาเขาจับจ้องรูปปั้นมังกรสองตัวบนชั้นวางอย่างเสียดาย เขาอุตส่าห์เก็บเจ้ามังกรไฟนี่ไว้สำหรับส่งสินค้ารอบถัดไป ส่วน "หลงน้อย" นั้นอยู่ที่นี่มาตั้งแต่ร้านเริ่มเปิดใหม่ ๆ อุตส่าห์เฝ้าทะนุถนอมอย่างดี ไม่มีทางจะเอาออกไปให้ลูกค้าหน้าไหนเห็นแน่ๆ
แต่ในเมื่อลูกค้าเจ้ากรรมดันมาได้ยินตอนเจ้าเด็กรันเนอร์นั่นถามหาของจากเขา ฟรานเชสก้าก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะยอมสละเจ้ามังกรไฟไป
"อ๋อ ขอโทษค่ะคุณฟราน นั่นลูกค้าวีไอพีเจ้าของโค้ด Golden Purse ของเราไงคะ คุณวิลเลียม หวัง"
เมื่อเด็กสาวในชุดยูนิฟอร์มเรียบหรูของร้านแจ้งข้อมูลของลูกค้าต้องสงสัย ฟรานเชสก้าถึงกับงงเพราะไม่คิดว่าจะได้พบเจอกับดาราดังระดับซุปเปอร์สตาร์คนนั้น ไหนข่าวลงกันให้ครึ่ดว่า ดาราหนุ่มคนนี้เก็บตัวนักหนา แถมยังเย็นชา ไม่ใส่ใจจะเข้าสังคมกับใคร แล้วเพราะอะไรถึงกลายมาเป็นลูกค้าวีไอพีขวัญใจพนักงานในร้านของเขาได้
ไม่ใช่แค่จำนวนเงินที่อีกฝ่ายยอมจ่ายไม่อั้น เพื่อจะซื้อของประดับร้านราคาแพงหูฉี่ที่เขาอุตส่าห์ดั้นด้นหามาตกแต่งร้าน แต่รวมถึงอัธยาศัยไมตรีที่มีต่อพนักงานทุกคน ทำให้ได้รับโหวตเป็นลูกค้าดีเด่นขวัญใจพนักงานมาโดยตลอด ได้รับของขวัญตอบแทนจากทางร้านไปไม่รู้เท่าไหร่
มิน่าเล่าเจ้าพวกนี้ถึงได้ยอมให้ปิดหน้าปิดตาได้ ปกติแล้วถ้าใครมาแนวนี้ได้โดนการ์ดหน้าร้านดักไว้ตั้งแต่ประตู ไม่มีทางได้ย่างกรายเข้ามาแน่ๆ
เป็นเขาเองที่ไม่เคยใส่ใจจะคาดคั้นลูกน้องว่าลูกค้าวีไอพีเจ้าของโค้ด Golden Purse คนนี้เป็นใคร เนื่องจากเคยถามแล้วลูกน้องตัวดีก็ได้แต่อมยิ้ม หัวเราะกันคิกคัก แล้วก็บอกแต่ว่า 'เป็นความลับ' จนเขาเลิกสนใจไปเอง ในเมื่อทุกคนก็จัดการร้านและบรรดาลูกค้าได้ดีอยู่แล้ว เขาเลยไม่ได้อยากจะไปจู้จี้อะไรมาก
ทุกวันนี้งานเขาก็จะท่วมหัวตายอยู่แล้ว...
"คุณฟรานจะเอาเจ้าหนูนี่ไปให้คุณหวังดูจริง ๆ เหรอคะ ไหนบอกมีคนจองไว้แล้วไง"
"หรือจะให้เอาหลงน้อยออกไปล่ะ"
เขาพยักเพยิดไปทางหยกสลักรูปมังกรจีนในหมู่เมฆ เจ้าของฉายา "หลงน้อย" ที่มีมูลค่าสูงจนประเมินราคาไม่ได้ แม้ว่าจะมีขนาดเล็กไปสักหน่อยเมื่อเทียบกับรูปปั้นมังกรไฟข้าง ๆ แต่เพราะทำมาจากหยกขาวทั้งก้อน สลักลวดลายงดงามวิจิตรด้วยช่างฝีมือเก่าแก่ ตกทอดกันมาไม่รู้กี่รุ่นต่อกี่รุ่น เขาไม่มีทางเอาเจ้านี่ออกไปให้ล่อตาล่อใจเจ้าพ่อสายเปย์อย่างดาราหนุ่มคนนั้นแน่
"เอาหลงน้อยไปเช็คสภาพอีกทีนะ ผมจะเอาเจ้านี่ไปให้ลูกค้าดู"
เขาสั่งก่อนจะคว้าหัวรูปปั้นมังกรไฟแล้วเดินออกไปอย่างไม่ใส่ใจ เล่นเอาคนเป็นลูกน้องใจหายวูบเมื่อเห็นเจ้ามังกรลายหินอ่อนห้อยต่องแต่งทำท่าจะหล่นแหล่ไม่หล่นแหล่อยู่ในมือเจ้านาย
"นี่ครับคุณลูกค้า"
วิลเลียม หวังมองหน้าคนขาย รู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน แต่กลับนึกไม่ออก
"สนใจไหมครับ"
แม้รอยยิ้มหวานจะไม่จางไปจากหน้า แต่ในใจเริ่มขุ่นมัวด้วยความหงุดหงิด อยากจะกลับบ้านเต็มที นี่ถ้าหมอนี่ไม่มาเห็นตอนเขาส่งของ ป่านนี้เขาก็ได้กลับไปนอนตีพุงกินซี่โครงตุ๋นฝีมือพี่สาวอยู่ที่บ้านแล้ว
เหนื่อยชิบหาย....วันนี้แม่งถ่ายแบบทั้งวัน แทนที่จะได้พัก
เมื่อไหร่ไอ้ดารานี่มันจะไป ๆ ซะทีวะ
"สนใจสิครับ" วิลเลียมหลุดพูดออกไป โดยที่ยังไม่ได้ละสายตาจากคนตรงหน้า ก่อนจะรู้ตัวว่าอีกฝ่ายกำลังพูดถึงรูปปั้นมังกรตรงหน้าต่างหาก
"ถ้าอย่างนั้น รับไปเลยไหมครับ"
ฟรานเชสก้าฝืนฉีกยิ้ม แต่ก่อนที่จะทันได้ส่งสัญญานให้ลูกน้องนำรูปปั้นไปห่อ คนตรงหน้าก็เอ่ยขัด
"เอ่อ...ไม่ใช่อันนี้ครับ"
ดี...กูจะได้ไม่ต้องหาตัวใหม่มาแทน
"ถ้าอย่างนั้นคุณลูกค้าสนใจชิ้นไหนเป็นพิเศษ บอกผมได้เลยนะครับ"
ถ้ามีกล้องสามกล้องสี่อยู่ล่ะก็... ป่านนี้กูได้เข้าชิงออสการ์ไปแล้ว
"ตัวนั้น"
ร่างสูงหันมองตามที่ลูกค้าหนุ่มชี้ ก่อนสายตาจะปะทะเข้ากับลูกน้องคนเดิม.....เพิ่มเติมคือมีเจ้าหลงน้อยและผ้าเช็ดทำความสะอาดสีฟ้าอ่อนอยู่ในมือ
ชิบหาย.....