ตาลวิ่งเข้าใส่ทางของพิรุณพร้อมกับอาวุธที่ถืออยู่ในมือ แต่ทว่าในเสี้ยววินาทีนั้นเธอได้วกวนกลับมาเปลี่ยนทิศพุ่งเข้าใส่ทางของชายเจ้าของร้านแทน
"น่าสมเพช..."
ชายเจ้าของร้านนั้นรู้อยู่แล้วว่าเรื่องแบบนี้จะต้องเกิดขึ้น เขาเลยสามารถหลบเอี่ยวตัวหนีได้ทัน ก่อนจะเตะเข้าที่ท้องของตาลอย่างรุนแรง จนเธอถึงกับสำลักออกปาก ทรุดตัวลงกับพื้นด้วยความเจ็บปวด
"คิดว่าคนอย่างฉันจะไว้ใจเธอหรือไง? คิดว่าคนอย่าฉันไม่รู้ว่าเธอจะทำอะไร? คิดว่าฉันโง่มากนักหรอ?" เขาเดินไปที่ร่างของหญิงสาวที่กำลังนอนเกือกอยู่กับพื้น ก่อนจะเหยียบและกดลงที่หัวของเธอ
"สำเหนียกตัวเองซะบ้าง!"
แต่ทว่าในจังหวะนั้นเองที่จู่ๆ ทางของพิรุณก็เข้าพุ่งชนและดันร่างของชายเจ้าของร้านให้กระเด็นออกไป
"เป็นไปได้อย่างไง?" เจ้าของร้านถึงกับแสดงสีหน้าที่ประหลาดใจออกมา ก่อนจะเห็นได้ที่มือของตาลนั้นไม่ได้มีมีดอยู่แต่อย่างใด คาดว่าในช่วงที่วิ่งเข้าหาทางพิรุณน่าจะทิ้งมีดให้พวกเขาในช่วงนั้น และค่อยหันมาทางตนเอง "หึหึหึ มากกว่าที่ฉันคาดเอาไว้เสียอีก ทั้งที่เป็นพวกชั้นล่างแท้ๆ"
พอพูดเสร็จแล้วทางของเจ้าของร้านก็วิ่งหนีไป ทางพิรุณนั้นรีบสั่งการอย่างทันทีก่อนจะรีบวิ่งตาไปว่า
"หมวดผมฝากดูแลเด็กสาวคนนั้นด้วย และช่วยเรียกกำลังเสริมให้ที"
"รับทราบครับ!"
ฉากไล่ล่าได้เริ่มขึ้น พิรุณวิ่งตามเจ้าของร้านไปอย่างไม่ลดละ ด้วยที่เขานั้นนั้นเป็นตำรวจมนไม่ยากที่จะไล่ตามอีกฝั่ง แต่ทว่าอีกฝ่ายนั้นก็รู้ถึงจุดๆ นั้น เลยพยายามใช้ข้าวของที่อยู่ในโกดังขัดขวางทางของพิรุณไม่ให้ไล่มาทัน เป็นแบบนั้นอยู่ได้ไม่นานทางของพิรุณก็สามารถกระโดดพุ่งหลาตะครุบตัวเจ้าของร้าน และคร่อมกดลงกับพื้นได้ทัน
ทั้งสองยื้อยุดกันอยู่สักพักใหญ่ ทางของพิรุณเป้าหมายของเขาคือการจับเป็นคนร้ายในคดีนี้ โดยที่ไม่วิสามัญอีกฝ่ายเสียก่อน ส่วนอีกทางนั้นต้องการที่จะหลบหนี ไม่ว่าจะต้องฆ่าอีกฝ่ายก็ตาม
พิรุณพยายามจับแขนเจ้าของร้านกดลงกับพื้น ซึ่งทางอีกฝั่งนั้นก็พยายามต่อยเข้าที่ใบหน้าของพิรุณเพื่อที่จะดิ้นให้หลุด เมื่อเห็นว่าไม่ได้ผลเขาจึงใช้หัวโขกใส่แทน
ทางพิรุณที่ไม่คาดคิดเลยถึงกับหงายหลังไปด้วยความมึน ในระหว่างนั้นทางเจ้าของร้านก็รีบลุกและวิ่งหนีไป ด้วยท่าทางที่ทุลักทุเล แต่ทว่าเขาก็กลับหยุดลงเสียอย่างงั้น ก่อนจะเริ่มมีอาการปวดหัวอย่างรุนแรงตามมา
"อึก! ไม่ใช่ตอนนี้สิ!" เขาเดินตรงเข้าไปหาพิรุณที่กำลังมึนอยู่ ด้วยท่าทางที่เดินโซเซ และสีหน้าที่ไม่สู้ดี
เจ้าของร้านขึ้นคร่อมร่างของพิรุณ ใช้เข่าทั้งสองกดแขนเอาไว้ไม่ให้ต่อต้าน ก่อนจะเริ่มอัดรัวหมัดเข้าที่หน้าของพิรุณนับครั้งไม่ถ้วน
"เร็วสิ! เร็วสิ! เร็วสิ!!!"
เขากระหน่ำต่อยไปเรื่อยๆ จนที่มือของเขาเองเริ่มมีรอยเลือดจากพิรุณติดอยู่ มือของเขาสั่นไม่ใช่เพราะว่ากลัวหรือว่าตกใจ แต่ว่ามันกลับเป็นความปลาบปลื้ม จากนั้นเขาก็เอามือทั้งสองที่เปรอะเปื้อนเลือดนั้นทาบลงบนใบหน้า ก่อนจะเริ่มค่อยๆ สูดดม
"อ่าส์...!"
จากสีหน้าที่ดูกระวนกระวายก่อนหน้านี้ของเขานั้นเริ่มค่อยๆ กลับมาสงบ และดูเคลิบเคลิ้ม ราวกับว่าเขากำลังสูดดมยากล่อมประสาทชนิดหนึ่ง
ในระหว่างที่เจ้าของร้านกำลังเคลิบเคลิ้มกับการสูดดมเลือดอยู่นั้นเอง ตำรวจที่มาด้วยกันก็วิ่งพุ่งเข้าใส่ตัวเจ้าของร้าน และจับกดลงกับพื้นและพยายามที่จะใส่กุญแจมือจับมือ
ซึ่งทางอีกฝ่ายนั้นก็ดิ้นอย่างสุดชีวิต จนกระทั่งเขาได้ไปหยิบปืนที่ทางตำรวจคนไว้ข้างเอวเข้ายิงที่ท้อง 2 นัดด้วยกัน จนทางตำรวจคนนั้นได้นอนล้มพับและแน่นิ่งไป
"หมวด..." พิรุณยังมีสติบางอย่างหลงเหลืออยู่ พยายามค่อยๆ ประคองร่างกายลุกขึ้น
แต่ทว่าภาพที่อยู่ตรงหน้าที่พิรุณกำลังเห็น ณ ตอนนี้มันทำเอาทางเขานั้นถึงกับพูดไม่ออก ภาพของชายคนหนึ่งที่นั่งยิ้มกว้างจนเกือบจะฉีกถึงใบหู ภาพของชายที่กำลังดูมือของตัวเองที่ชุ่มไปด้วยสีแดงสด และภาพของชายที่กำลังสูดดมมือที่ชุ่มด้วยสีเหล่านั้นอย่างสุดแรงเสียจนเต็มปอด ก่อนที่เขาจะใช้มือนั้นเขียนสัญลักษณ์สามเหลี่ยมขึ้นที่หน้าผากของตนเอง
"นี่สินะ....สิ่งที่ฉันตามหามานาน ในที่สุดก็ได้พบมันเสียที"
ชายคนนั้นไม่มีท่าทีแม้แต่จะหนีไปเลย กลับกันเขาเพียงแค่นั่งนิ่งๆ เงียบ อยู่ท่ามกลางสีแดงที่ไหลอาบทั่วทั้งพื้น
หลังจากนั้นไม่นานพวกตำรวจที่เหลือก็มาถึง และเข้าจับตัวของเจ้าของร้านขึ้นรถไป ทางของตำรวจที่ถูกยิงนั้นก็ถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ก็ไม่ถึงชีวิต ส่วนทางพิรุณนั้นก็ทำแผล ดูเหมือนว่าจะไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่แผลฟกช้ำเล็กน้อยที่ใบหน้า
และท้ายที่สุดหญิงสาวที่ชื่อตาล ตอนนี้นั้นก็กำลังควบคุมตัวและให้นักบำบัดจิตเข้าช่วยการรักษาเยียวยาจิตใจของเธอ ก่อนจะค่อยสอบปากคำต่อ ซึ่งผลที่ได้ก็คือนางมี ส่วนในการทิ้งศพของเหยื่อคนแรกเท่านั้น แต่ไม่ได้ฆ่าหรือทำร้ายใคร เพียงแต่โดนอีกฝ่ายข่มขู่ให้ทำตามคำสั่งเท่านั้น
ข่าวถูกประโคมอย่างใหญ่โต ทุกสำนักข่าวต่างก็ขึ้นหัวข่าวหนังสือพิมพ์หน้าหนึ่งเรื่องตำรวจจับตัวคนร้ายโรคจิตที่ชอบแต่งกายเป็นผู้หญิงหลอกล่อและฆ่าเหยื่ออย่างโหดร้าย ส่วนตำรวจที่บาดเจ็บได้รับการเชิดชูในการเอาตัวเข้าแลกเพื่อจับตัวฆาตกรอย่างสุดชีวิต...
ตัวฆาตกรนั้นเปิดอาชีพร้านตัดผมแห่งหนึ่งบังหน้า แต่ภายหลังพอได้ตรวจสอบดูโกดังเก็บของที่เจ้าตัวได้เช่าไว้ ก็ได้พบว่าภายในกล่องลังไม้มากมายที่เรียงรายอยู่ ด้านในนั้นมีอวัยวะของมนุษย์ถูกชำแหละ แยกชิ้น และบ้างบางชิ้นก็ถูกถนอมด้วยน้ำยา มากมายนับรายร้อยชิ้น ซุกซ่อนในนั้น
ซึ่งพวกอวัยวะเหล่านั้นมีการตรวจสอบแล้วบางส่วนว่าเป็นของเหล่าคนที่ได้หายสาบสูญไปอย่างปริศนาในช่วง หลายปีที่ผ่านมา ทุกอย่างในตอนนี้นั้นยังเป็นปริศนาว่า... ตัวฆาตกรนั้นขายชิ้นส่วนเหล่านี้ให้กับใคร? แล้วอวัยวะพวกนี้ตัวเขานั้นได้เป็นคนจัดการเองทั้งหมดหรือเปล่า?
หลังจากที่พิรุณพักฟื้นอยู่ได้วันสองวัน ก่อนจะออกโรงพยาบาล เขาไม่ได้กลับบ้าน แต่ที่ที่เขาไปนั้นคือโรงพัก ซึ่งตอนนี้กำลังฝากขังฆาตกรอยู่ ในขณะที่กำลังไปถึง ดูเหมือนว่าทางตำรวจนั้นกำลังสอบปากค้ำเพิ่มเติมอยู่ เขาที่ยืนอยู่ด้านนอกก็ได้ยินด้านในประมาณว่า
"แกเป็นฆาตกรที่ฆ่าศพผู้ชายสองคนนี้ใช่ไหม!?" ตำรวจสืบสวนสอบสวนถามด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียดขึ้นเสียงดัง พลางตรงหน้ามีรูปภาพของชายสองคน
ทางเจ้าของร้านคนที่ตอนนี้ถูกพันธนาการด้วยกุญแจมือนั้นเพียงแค่พยักหน้าด้วยใบหน้าที่ยิ้มกริ่มเล็กๆ มุมปากอย่างมีเลศนัยน์
"แล้วพวกอวัยวะที่อยู่ในโกดังพวกนั้น แกเป็นคนลงมือเองหรือเปล่า?" ตำรวจสืบสวนถามต่อ
"เปล่า" เจ้าของร้านตอบกลับมาด้วยสีหน้าที่แทบไม่เปลี่ยนไปจากเดิม เขาตอบอย่างไม่ต้องคิดเลยแม้แต่สักวินาทีเดียว
"ถ้าอย่างนั้นอวัยวะพวกนั้นมันเป็นของใคร ใครเป็นคนอยู่เบื้องหลังการขายอวัยวะมนุษย์เหล่านั้น? ตอบมาให้ดีๆ ล่ะ ถ้ายอมให้ความร่วมมือดีๆ ละก็ทางศาลอาจจะเห็นใจลดโทษให้แกก็ได้"
"...."
เจ้าของร้านเงียบกริบ ไม่แม้แต่ปริปากพูดออกมาแม้แต่คำเดียว เพียงแต่นั่งนิ่งๆ เงียบมองซ้ายทีขวาที เหมือนไม่ได้สนใจในสิ่งที่ทางของตำรวจที่สอบปากคำสักเท่าไหร่
"ฉันบอกให้แกตอบก็ตอบสิวะ! จะมองซ้ายมองขวาหาพระแสงอะไร!?" การกระทำแบบนั้นทำเอาทางตำรวจสืบสวนนั้นถึงกับขึ้นอารมณ์ทุบโต๊ะเสียงดัง
ตึง!!!
แม้กระนั้นทางเจ้าของร้านก็ยังคงไม่แสดงสีหน้าหวาดกลัวต่อคำขู่นั้นออกมา กลับกันเขายังคงยิ้มมุมปาก และหัวเราะเบาๆ เหมือนสีหน้ากำลังบรรยายออกมาว่า กระจอก... มีปัญญาทำได้แค่นี้อย่างนั้นหรอ?
ด้วยสีหน้าเช่นนั้นทำเอาทางตำรวจที่สอบสวนอยู่ถึงกับขาดสติคว้าเข้าที่คอเสื้อ ชกไปที่ใบหน้าของฆาตกรอย่างรุนแรง จนเลือดกบปาก
"ถ้าเป็นกฎหมายสมัยก่อนป่านนี้มึงได้ถูกซ้อมตายไปแล้ว ครั้งต่อไปไม่มีอีกแล้ว พูดมา! ตอบคำถามที่กูอยากจะรู้มาซะดีๆ"
ถึงแม้ว่าจะขู่อย่างไร ถึงแม้ว่าจะโดนทำร้ายจนเลือดกบปากสักแค่ไหน ตัวเขานั้นก็ยังคงแสดงท่าทีแบบเดิม ยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยแสดงถึงท่าทีที่เยาะเย้ยใส่ทางตำรวจคนนั้นไม่เปลี่ยนแปลง
"เชิญ...ตามสบาย"
"ไอ้เวรนี่!"
ตำรวจสอบสวนคนนั้นสติขาดผึง และกำลังจะเริ่มทำร้ายตัวของเจ้าของร้าน แต่ทว่าเพื่อนตำรวจของเขาที่อยู่ในห้องด้วยก็เข้ามาห้ามรั้งแขนเขาไว้เสียก่อน
"ใจเย็นๆ ก่อน มันแค่พยายามจะยั่วโมโหอยู่ ทางนี้เองก็อย่าไปเล่นตามเกมมันสิ!"
"แม่งเอ๊ย!" หลังจากนั้นตำรวจสบสวนก็สะบัดเพื่อนของเขาออกก่อนจะเดินออกจากห้องไปด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยสบอารมณ์ ซึ่งในระหว่างทางที่เดินผ่านเขาก็ได้บังเอิญสบตากับทางพิรุณ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรทักทายออกไป
ในระหว่างนั้นทางของพุทธก็เดินสวนทางกับตำรวจที่อารมณ์เสีย ก่อนจะตรงเข้ามาหาทางพิรุณพร้อมกับยื่นเอกสารที่เล่มหนึ่ง ในเอกสารที่เขามอบให้มานั้นบันทึก ชื่อ ภูมิสำเนา และถิ่นที่อยู่อาศัยก่อนหน้านี้
"ในตอนที่สารวัตรยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล พวกเราได้ลองสืบประวัติของคนร้ายแล้ว นี่เป็นทั้งหมดที่เรารวบรวมมาได้สำหรับในตอนนี้ แต่สิ่งที่น่าตกใจก็คือ"
คนร้ายในครั้งนี้ชื่อ นายต้นกล้า เปิดร้านตัดผมแห่งหนึ่ง แต่ทว่าชื่อที่แท้จริงนั้นคือ นายเอกนัศ อายุ 23 ปี ถิ่นที่อยู่อาศัยเดิมอยู่ที่ต่างจังหวัด ตามประวัติแล้วเขาถูกอุปการะตอนอายุ 8 ขวบโดย นายศรีชัย ที่เป็นพ่อเลี้ยง หรือก็คือเจ้าพ่อไตร หลังจากนั้นตัวของเขาก็หายตัวไปอย่างไม่ทราบสาเหตุ เป็นระยะเวลาเกือบ 15 ปี
หลังจากที่อ่านและทำความเข้าใจเรื่องราวอยู่สักพักใหญ่ๆ ทางของพุทธก็พูดขึ้นมาอีกว่า...
"ผมว่านะครับสารวัตร บางที่ที่เจ้าพ่อไตรหายตัวไปน่าจะเป็นฝีมือของเขานี่แหละ เพราะเราพบหัวกะโหลกอยู่ในห้องนอนของเขา ทางเราส่งไปพิสูจน์หลักฐานแล้วคาดว่าไม่นานก็จะทราบผลแล้ว "
"...."
ท่าทางของพิรุณก็ดูมีสีหน้าที่เคร่งเครียด คิ้วขมวดปม ในหัวคิดที่พยายามคิดหลายอย่างพร้อมๆ กัน เรื่องฆาตกรรมเอย และไหนจะเรื่องการค้าอวัยวะอีก ทุกอย่างมันเหมือนยังมีอะไรซุกซ่อนอยู่เบื้องหลัง จนไม่ได้ฟังเรื่องที่พุทธพูดมาเลยแม้แต่นิด
"สารวัตร ถ้าไม่ว่าอะไรลองเข้าไปสอบสวนคนร้ายดูไหมครับ?" พุทธพูดขึ้นถามอีกครั้งหลังจากที่เห็นท่าทีดังกล่าว
"อะ...อืม ก็ได้ เดี๋ยวจะลองดู"
ภายในห้องสืบสวนสอบสวน พิรุณเดินเข้าไปทันทีทันใดนั้นเองเขาก็ได้รับการกล่าวต้อนรับจากคนร้ายด้วยสีหน้าที่เหมือนเคยเห็นที่ร้านตัดผม
"ไม่เจอกันสักพักเลยนะครับสารวัตร"
ตัวของคนร้ายที่ถูกล่ามเอาไว้ด้วยกุญแจมือไม่มีทางเลยที่จะสามารถทำร้ายทางของพิรุณได้ เพราะฉะนั้นแล้วทางเข้าจึงสามารถวางใจได้และนั่งลงต่อหน้าชายฆาตกรที่กำลังยิ้มให้เขาอย่างเป็นมิตร
"อาการเป็นยังไงบ้างครับที่หน้านั่น" เขากล่าวต่อหลังจากที่เห็นใบหน้าอันฟกซ้ำดำเขียวของพิรุณ
"ขอบคุณที่เป็นห่วงกันครับ คุณต้นกล้า ไม่สิ! ต้องเรียกว่า คุณเอกนัศ สินะ?"
"ไม่ได้ยินชื่อนั้นนานแล้วเหมือนกัน ว่าแต่ตำรวจที่ผมยิงไปสบายดีไหม?"
"เสียใจด้วยนะ ที่เขายังสบายดี"
ทั้งสองใช้เวลาพูดคุยสับเพเหระกันไปพักหนึ่ง แต่ด้วยบทสนทนาที่ดูสบายๆ นั้น มันกลับแฝงด้วยแรงกดดันที่มองไม่เห็นของทั้งสองที่โพยพุ่งจนไม่มีใครกล้าขัด
"แล้ววันนี้ที่มาหาผมนี่อยากจะรู้อะไรอย่างนั้นหรอ? คุณสารวัตร" เอกนัศเข้าเรื่องหลังจากที่พูดคุยกันอยู่สักพัก
"ก่อนอื่นเลย คุณเอกนัศ คุณใช่ไหม? ที่เป็นคนฆ่าพ่อเลี้ยงของตัวเอง"
คำถามนั้นแทนที่จะกดดันฝ่ายคนร้าย แต่สิ่งที่ได้รับมาผ่านชายที่เป็นฆาตกรโรคจิตนั้นมันทำเอาทุกคนที่เฝ้ามองอยู่ด้านนอก และคนที่จดรายงานอยู่ด้านในถึงกับขนลุกเสียวสันหลังกันเป็นแถบ ไม่ใช่ว่าเขาอธิบายวิธีการการฆ่าพ่อเลี้ยงของเขาอย่างโหดเหี้ยม แต่มันคือการที่ชายคนนั้นตอบกลับมาอย่างทันที ด้วยใบหน้าที่ยังยิ้มกรุ่มกริ่ม โดยที่ไม่คิดหลังเลยแม้แต่สักวินาทีเดียว
"ใช่แล้วครับ ผมเป็นคนฆ่าชายที่เป็นดั่งพ่อเลี้ยงของผม ด้วยมือของตัวเองนี่แหละ"