ตอนที่ 11 ฉันเนี่ยนะไตไม่ดี
เรื่องเจียงมั่วหย่วนเป็นตัวอย่างที่ดี
เรื่องเดียวที่ควรค่าให้ดีใจคือ ไม่มีใครรู้เรื่องนี้ เจียงมั่วหย่วนกับอิ๋งลู่เวยก็ไม่ได้ถือสาหาความ ไม่อย่างนั้นไม่แน่อีกสามตระกูลใหญ่กับพวกตระกูลเล็กๆ ในฮู่เฉิงคงได้แอบหัวเราะเยาะกันไปถึงไหนแล้ว
นับตั้งแต่รับคุณหนูตัวจริงกลับมา ตระกูลอิ๋งก็ไม่เคยสงบสุขอีกเลย
จงมั่นหวาสีหน้าเย็นชา “ก็จริง พ่อบ้านไม่พูดฉันก็ลืมไป ให้เฉินโจวไปอยู่ที่บ้านตระกูลจงแล้วกัน”
เธอไม่มีทางปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้นอีก จะสร้างความด่างพร้อยให้ตระกูลอิ๋ง เธอเองก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน เห็นทีเธอจะต้องเชิญพวกอาจารย์มาสอนอิ๋งจื่อจินเรื่องมารยาทกับศิลปะชงชาจัดดอกไม้ที่คุณหนูไฮโซควรเป็นอีกครั้งแล้ว
จงมั่นหวาเริ่มกดโทรศัพท์ “อืม ใช่ค่ะ ไว้ถึงตอนนั้นเฉินโจวจะไปพักที่บ้านพี่สาม จือหว่านอายุเท่าเขา จะได้ดูแลกันได้...”
จงมั่นหวาเปลี่ยนใจ พ่อบ้านถึงได้วางใจขึ้นชั้นบนไปปลุก
...
ภายในห้องนอนที่อยู่ชั้นสาม
เด็กสาวกำลังหลับสนิทอยู่บนเตียง ท่านอนของเธอดูไม่สบาย นอนขดตัว เอาผ้าห่มห่อตัวเหมือนปลาโลมา ขาเรียวยาวโผล่ออกมาครึ่งหนึ่ง ผิวพรรณขาวดุจกระเบื้องเคลือบภายใต้แสงแดดที่สาดส่องจากนอกหน้าต่าง ทันใดนั้น
“ติ๊งๆ”
“ติ๊งๆๆ!”
โทรศัพท์มือถือที่อยู่ใต้หมอนร้องอย่างบ้าคลั่ง สั่นไม่หยุด อิ๋งจื่อจินกดหัว รู้สึกหงุดหงิดนิดหน่อย
เธอลืมตาขึ้น พลิกตัว หยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดแอปที่ชื่อว่า ‘เวยปั๋ว’
ค้างอยู่หลายสิบวินาทีกว่าจะเข้าไปได้ จุดสีแดงแจ้งเตือนไปหมด
เด็กสาวหลุบตาลง สายตาเย็นชาฉาบด้วยความรำคาญเล็กน้อย
ด้านบนสุดในหน้าหลักของเวยปั๋วมีโพสต์หนึ่งที่อิ๋งลู่เวยเพิ่งโพสต์ตอนสิบเอ็ดโมงครึ่ง ซึ่งโพสต์นี้ได้แท็กชื่อของเธอด้วย
ภายในเวลาไม่กี่นาทีได้ถูกแชร์ไปแล้วเกือบพันครั้ง
แอทอิ๋งลู่เวย : [ขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วงค่ะ [หัวใจ] ฉันอาการดีขึ้นแล้ว ตั้งใจมาอัปเดตอาการกับทุกคนโดยเฉพาะ ครั้งนี้โชคดีที่ได้ แอทอิ๋งจื่อจิน และก็ต้องขอโทษเสี่ยวจินไว้ตรงนี้ด้วย อาเล็กประมาทเกินไป ทำตัวเองบาดเจ็บ และยังทำให้เธอต้องบริจาคเลือดให้อามากขนาดนั้น ถ้าเธอจะไม่พอใจอา อาก็เข้าใจได้ แต่อาหวังว่าครั้งหน้าเธออย่าโมโหแล้วหนีออกไปอีก ทุกคนเป็นห่วงเธอมากนะ]
อิ๋งลู่เวยเป็นนักเปียโนที่มีชื่อเสียงของประเทศจีน หน้าตาก็สวย
อีกทั้งยังสถานะสูงส่ง เกิดในตระกูลดี แถมยังมีคู่หมั้นที่เหมาะสมทั้งรักและเอาใจเธอ
ชีวิตในตระกูลอิ๋งแบบนี้ใครจะไม่อิจฉา บวกกับเธอเป็นคนอ่อนโยน ดังนั้นจึงฮอตมากในอินเทอร์เน็ต มีแฟนคลับกว่าสี่สิบล้านคน ฮอตยิ่งกว่าดาราระดับรอง
หลังจากโพสต์นี้ออกไป แฮชแท็ก ‘อิ๋งลู่เวยอาการดีขึ้น’ ก็ติดอันดับในชั่วพริบตา ทั้งยังพุ่งทะยานอย่างรวดเร็ว
ใต้โพสต์มีแฟนคลับจำนวนมากมาให้กำลังใจและปลอบใจ
[พักผ่อนมากๆ นะคะพี่ รอพี่เปิดคอนเสิร์ตอยู่นะคะ]
[ลู่เวยของพวกเราจิตใจงดงาม ตัวเองบาดเจ็บยังต้องปลอบเด็กน้อยอีก]
[ลู่เวยเป็นนางฟ้า ทุกครั้งที่ได้ยินลู่เวยเล่นเปียโน ต่อให้ฉันหงุดหงิดอยู่ก็จะสงบลง]
อิ๋งจื่อจินไม่รู้สึกสนใจเรื่องพวกนี้ เธอกวาดตาดู เตรียมจะปิดเวยปั๋วแล้วนอนต่อ
แต่ยังไม่ทันได้กดออกจากระบบก็มีเสียง “ติ๊งๆ” ดังขึ้นมาอีกระลอก
เป็นกล่องข้อความส่วนตัว ข้อความมาจากคนที่ไม่ได้ติดตาม
[หนีไปไหนยะ ลู่เวยเป็นห่วงเธอขนาดนี้ ทำตัวดีๆ บ้างเถอะ]
[มีสิทธิ์อะไรไม่พอใจลู่เวย ลู่เวยเป็นอาเล็กของเธอ บริจาคเลือดก็เป็นเรื่องสมควรแล้วไม่ใช่เหรอ]
เป็นข้อความต่อว่าทั้งหมด หยาบคายขึ้นเรื่อยๆ
อิ๋งจื่อจินกดหัว ไล่บล็อกด้วยสีหน้าเรียบเฉย กดรายงานให้หมดไม่ใช่เพราะโมโหข้อความวิจารณ์พวกนี้ แต่เป็นเพราะหงุดหงิดที่โดนปลุก กว่าเธอจะหลับได้ไม่ใช่ง่ายๆ ยังไม่ได้นอนแบบสงบสุขอีก
ไม่ถึงวินาทีโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีก ครั้งนี้เป็นดนตรีผ่อนคลาย เธอเหลือบดูชื่อกดรับ ปลายสายเป็นเสียงทุ้มต่ำของผู้ชาย เจือไปด้วยเสียงหัวเราะเล็กน้อย
ราวกับกลิ่นหอมอันเย้ายวนเมื่อคืนก็มาโอบล้อมอยู่ตรงหูด้วย
“เด็กน้อย ตื่นหรือยัง”
ความหงุดหงิดในดวงตาของเด็กสาวค่อยๆ หายไป เธอเปิดผ้าห่มออกแล้วลงจากเตียง “เพิ่งตื่น”
ไม่ได้อาละวาดอะไร ว่าง่ายพอสมควร “หืม?” ฟู่อวิ๋นเซินเสียงสูงเล็กน้อย “เมื่อคืนเธอทำอะไร เสียงแบบนี้ฟังดูเหมือนลูกแมวเพิ่งเกิด ไม่ได้นอนทั้งคืนเหรอ”
อิ๋งจื่อจินคิดเล็กน้อย “ไม่เชิง ฉันนอนตอนตีสี่”
เธอก็แค่ไปค้นพบสิ่งที่เรียกว่านิยายอินเทอร์เน็ตในขณะที่ศึกษาเทคโนโลยีใหม่ๆ ของศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด ก็เลยอ่านไปสามชั่วโมง เนื้อเรื่องน้ำเน่ามาก แต่ก็สนุกดี ยามเธอเกษียณมีเรื่องสนุกให้ทำแล้ว
“ห้าทุ่มถึงตีหนึ่งเป็นช่วงที่ตับขับพิษ” ฟู่อวิ๋นเซินลากเสียงยาว “นอนดึกจะทำให้ไม่สวย หัวจะล้านด้วยนะ” อิ๋งจื่อจินหาว ไม่ได้แคร์อะไร “ฉันผมหนา สวยแต่เกิด”
ปลายสายอึ้งไปอย่างเห็นได้ชัด
“โอเคๆ เธอสวยแต่เกิด” ฟู่อวิ๋นเซินถอนหายใจ “คนแก่อย่างฉันไม่เหมือนกัน แค่นอนน้อยก็ปวดเอวปวดหลัง” ได้ยินเพียงเสียงเนือยๆ ของเด็กสาว “อย่างคุณน่ะไตไม่ดี”
พอได้ยินแบบนี้ทันใดนั้นฟู่อวิ๋นเซินก็หัวเราะออกมา “ฉันเนี่ยนะไตไม่ดี”
อิ๋งจื่อจินคาบยางมัดผม มือซ้ายที่ว่างอยู่จับผมยาวไว้ “ถ้าไม่รังเกียจฉันช่วยทำยารักษาคุณได้นะ” เตาปรุงยาของเธอก็อยู่ที่ยุโรป ตอนนี้ยังต้องทำขึ้นมาใหม่ด้วยตัวเองอีกครั้ง
เขาช่วยเธอไว้มาก เธอให้ยาเขาหน่อยแล้วกัน
“หืม?” ฟู่อวิ๋นเซินรู้สึกสนใจ “เธอเก่งขนาดนั้นเลยเหรอ นอกจากดูดวงเป็นยังเป็นหมอแผนโบราณด้วยเหรอ มาจากสำนักง้อไบ๊[footnoteRef:1]หรือเปล่า คงไม่ใช่ว่าวันไหนจะใช้กรงเล็บกระดูกขาวเก้าพระกาฬกับฉันหรอกนะ” [1: สำนักง้อไบ๊ นางชีที่มีชื่อด้านกำลังภายใน ปรากฏในนิยายของกิมย้ง]
อิ๋งจื่อจินเงียบไปเล็กน้อย “กรงเล็บกระดูกขาวเก้าพระกาฬคืออะไร”
“เคยดูดาบมังกรหยกไหม” เขาพูดอย่างเนือยๆ “หนึ่งในสุดยอดวิชาของในนั้น”
เด็กสาวมัดผมเสร็จเรียบร้อย จากนั้นก็เอาเสื้อนอกมาใส่ “ไม่เคย มันเยี่ยมขนาดไหนเหรอ”
“อืม...” ฟู่อวิ๋นเซินเงียบไปชั่วครู่ ยิ้มพลางพูด “ระเบิดหัวคนได้ในฝ่ามือเดียว โหดกว่าเธออีก”
สีหน้าของอิ๋งจื่อจินเรียบเฉย ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ “งั้นก็เก่งพอสมควร”
“ต่อไปอ่านนิยายให้น้อยหน่อย มีแต่เรื่องหลอกลวงทั้งนั้น” ฟู่อวิ๋นเซินเห็นเธอคิดอะไรเป็นเด็กเลยไม่ได้ใส่ใจ เขาพูดต่อ “แฮชแท็กติดอันดับนั่น เธอไม่ต้องสนใจ ฉันจัดการให้”
อิ๋งจื่อจินขมวดคิ้วเล็กน้อย “แฮชแท็กติดอันดับเหรอ”
เธอเอาโทรศัพท์ออกมาจากหูแล้วเปิดเวยปั๋วอีกครั้ง ดูตรงแฮชแท็กประเด็นร้อน
แต่ไหนแต่ไรเธอเป็นคนหัวไหว
นอกจากแฮชแท็ก ‘อิ๋งลู่เวยอาการดีขึ้น’ ที่เป็นประเด็นร้อน ยังมีอีกหนึ่งประเด็นที่กำลังทะยานไต่อันดับ ขึ้นอันดับประเด็นร้อนอย่างรวดเร็ว
แฮชแท็ก ‘ลูกเลี้ยงตระกูลอิ๋งอกตัญญู’