1
"ปึ้ง!!!แวมไพร์อย่างนายมันน่ารังเกียจอันนิรันดร์...นายเห็นมนุษย์เป็นเพียงเครื่องผลิตเลือดสนองความต้องการของตัวเอง" จินน์ทุบโต๊ะเสียงดังและพูดขึ้น
"ฉันไม่มีอะไรจะเถียงเธอหรอกนะจินน์แต่ถ้าจะให้ฉันแก้ตัวก็คงจะบอกว่าเพราะเผ่าพันธุ์แวมไพร์ถูกคำสาปให้หลงใหลในเลือดเธอว่าคำแก้ตัวแบบนี้มันฟังขึ้นบ้างมั้ย..."จินน์กุมขมับและส่ายหัวฟูฟูของเธอไปมา
"มีแวมไพร์หลายคนนะที่ไม่กินเลือดทำไมนายไม่ลองเลิกกินเลือดดูบ้างแรกๆมันอาจจะยากแต่ถ้านายฝืนที่จะไม่กินได้มันก็ดีไม่ใช่หรือไง" เพื่อนสนิทที่เป็นแม่มดพูดขึ้นคราวนี้เป็นผมที่ส่ายหัวไปมาบ้าง
"ที่เธอพูดมันเหมือนเธอกำลังฝึกสิงโตให้กินพีช ฝึกเสือให้กินผลไม้ เธอคิดว่ามันเป็นเรื่องง่ายนักเหรอ?" ผมตอบกลับและเราสองคนต่างส่ายหัวให้กัน
"เอาที่นายสบายใจไปเลยอัน" เราสองคนดื่มน้ำสีอำพันลงไปในคอจนถึงเวลาที่เราต้องแยกย้ายกลับบ้านผมออกจากร้านและเดินตรงไปที่สถานีรถไฟฟ้าแต่เหมือนสถานการณ์จะไม่ค่อนเป็นใจเมื่อทางเดินมันเงียบไม่มีคนพลุกพล่าน
"เฮ้..ว่าไงไอ้น้องแต่งตัวดีนี่หว่าขอตังค์หน่อยดิ" คนเมาเดินเข้ามากอดคอผมกลิ่นเหล้าราคาถูกรอยขึ้นมาเตะจมูก
"เอาไป.." ผมหยิบแบงค์พันจำนวนห้าใบยื่นให้และพยายามเดินหนีแต่เหมือนมันจะไม่จบเมื่อไอ้คนตัวใหญ่กว่ามากระชากคอเสื้อและเหวี่ยงเข้ากับกำแพง
"เอาทุกอย่างออกมาให้หมด นาฬิกา กระเป๋า และไอ้เงินที่เหลือก็เอามา" ผมที่มีอาการมึนเมาจากการดื่มมาก่อนหน้านี้แล้วดันโดนจับฟาดกับกำแพงอีกเลยได้แต่ยืนนิ่งๆ
"ยืนนิ่งทำไมรีบเอาของมาสิ" ทันทีที่พูดจบผมเข้ากระโจนด้วยความเร็วเข้าไปกัดคอของคนที่เข้ามาหาเรื่องเขี้ยวของผมเจาะเข้าไปที่คอลิ้มรสเลือดเฝื่อนๆ ด้วยความเมาผมไม่สามารถจัดการกับความต้องการของตัวเองได้ผมดูดเลือดจนผู้ชายคนนั้นหยุดหายใจกลายเป็นศพซีดๆอย่างหน้าเวทนา
"เซบัสเตียน ผมทำคนตายอยู่แถวร้านเหล้าของจินน์.." ผมหยิบโทรศัพท์โทรหาพ่อบ้านและส่งโลเคชั่นไปให้ ไม่นานนักคุณพ่อบ้านก็มาถึงศพของคนตายโดนเอากลับไปเผาที่บ้านส่วนผมก็นั่งรถกลับบ้านพร้อมกับศพนั่นแหละ
"วันหลังผมว่าให้ผมมารับเวลาคุณอันต้องการจะดื่มดีกว่านะครับเพื่อความปลอดภัยของคุณอันเอง" ผมฟังแล้วพยักหน้าให้ดูเหมือนรับรู้ในสิ่งที่พ่อบ้านพูด
เมื่อผมกลับถึงบ้านก็รีบอาบน้ำเข้านอนทันทีความมึนเมาหายไปจากตอนแรกมากแล้วแต่สิ่งที่คิดถึงคือกลิ่นหอมๆของเชอร์รี
"อยากได้มาไว้ใกล้ๆ" ผมคิดจนนอนหลับไปแม้แต่ในความฝันผมยังเห็นตัวเองได้กินเชอร์รี่เลย
ตื่นเช้ามาผมรีบแต่งตัวและขับรถไปร้านอาหารที่ตอนนี้คงจะยังไม่เปิดแต่ผมไม่สนใจเพราะจุดประสงค์ผมไม่ได้มาทานอาหารแต่อยากจะทานคนทำเสียมากกว่าผมมารออยู่หน้าร้านตอนตีห้าครึ่งและสะดุดตาไปที่ป้ายร้านบอกเวลาเปิดทำการ สี่โมงเย็นถึงสี่ทุ่ม
"อยากได้ของดีต้องอดทน" ผมพูดกับตัวเองและหาที่นั่งริมทางเดินมีคนเข้ามามองผมด้วยสายตาแปลกๆอาจเป็นเพราะผมใส่สูทตอนอากาศร้อนแต่ผมไม่ยอมถอดออกหรอกนะก่อนออกจากบ้านผมส่องกระจกดูแล้วรู้สึกว่าวันนี้ผมใส่สูทแล้วมันหล่อมากเข้ากับผมที่สุด
"นี่คุณ!...ทำไมมานั่งตรงนี้นี่มันพึ่งสิบโมงร้านเราเปิดสี่โมงเย็น"เสียงคุณฌานเข้ามาทักผมผมได้แต่ยิ้มจนแก้มบาน
"ผมอยากเจอคุณอีกครั้งถ้ามาเวลาทำงานของคุณผมก็จะกลายเป็นลูกค้า...ผมไม่อยากเป็นลูกค้าของคุณหนิ" คำพูดของผมทำคนที่ได้ยินเงียบไป
"งั้นก็เข้ามาในร้านก่อนรึกันตรงนี้มันร้อนจนสูทคุณเปียกหมดแล้ว" คนพูดเปิดประตูร้านให้ผมเข้าไปผมนั่งมองคุณฌาณและพนักงานคนอื่นจัดของในร้านจนเสร็จคุณเขาก็เดินมานั่งเก้าอี้ข้างๆผม
"มีอะไรครับคุณอันนิรันดร์ถึงมาหาผมตั้งแต่ร้านยังไม่เปิด"สายตาเฉี่ยวที่คนอื่นอาจจะมองว่าน่าต่อยให้คว่ำแต่สำหรับผมมันมีเสน่ห์มาก
"ผมชอบคุณ"ผมพูดออกไปตรงๆทำคนที่ได้ฟังต้องขมวดคิ้ว
"คุณเพิ่งเจอผมครั้งแรกคือเมื่อวานนะ.." ผมพอจะเดาออกว่าคนตรงหน้าจะพูดอะไรต่อ
"เรื่องของความรู้สึกมันไม่มีคำว่าเร็วไปหรือช้ามันมีแต่คำว่ามากหรือน้อยและผมรู้สึกชอบคุณมาก" คนที่ได้ฟังคลายปมตรงคิ้วออก
"ทำไมคุณถึงชอบผม?"คนพูดจ้องไปที่ดวงตาของผมเหมือนอยากรู้ความคิดของผมจริงๆ
"ทุกอย่างที่เป็นคุณมันทำให้ผมหลงใหลตั้งแต่แรกเจอ"ฌาณกลับมาขมวดคิ้วอีกรอบ
"ผมว่าคุณดูละครน้ำเน่ามากเกินไป" คนตรงหน้าพูดและถอนหายใจ
"ไม่นะผมแทบไม่ได้เปิดทีวีเลยด้วยซ้ำทุกอย่างที่ผมพูดมันมาจากประสบการณ์การจีบสาวของผมมานับร้อยปี" คำพูดของผมเรียกเสียงหัวเราะของคนข้างๆ
"ฮ่าฮ่า...และคุณเคยจีบใครสำเร็จมั้ยล่ะคำพูดของคุณมันโคตรเชย"ผมได้แต่ยิ้มให้กับเสียงหัวเราะของคนตรงหน้า
"เมื่อห้าสิบปีที่แล้วผมก็เคยโดนว่าว่าเชยและเธอคนที่พูดก็เหมือนคุณมากยิ่งตอนคุณหัวเราะผมยิ่งนึกถึง" ผมพูดขึ้นและมองไปที่ใบหน้าคนที่อยู่ใกล้
"คุณพูดเหมือนคุณแก่มากทั้งที่คุณเพิ่งจะสามสิบปลายๆเองไม่ใช่เหรอไง"ผมยิ้มออกมาจางๆ
"ผมน่ะความลับเยอะนะถ้าคุณอยากฟังผมคงเล่าวันเดียวไม่หมด"ผมพูดจบอยู่ดีๆมือของฌาณก็ยื่นมาทางผม
"เอาโทรศัพท์มาสิจะแอดไลน์ให้"ผมปลดล๊อกโทรศัพท์และยื่นไปให้อีกคน
"เรียบร้อยแล้วนะคุณจะได้ไม่ต้องใส่สูทมารอผมตั้งแต่ร้านยังไม่เปิดอีก"ผมยิ้มให้กับเขา
"คุณเชื่อเรื่องการเป็นอมตะมั้ย"ผมที่อยู่ดีๆก็พูดเรื่องนี้ขึ้นมา
"เคยได้ยินมาบ้างแต่ยังไงผมก็เชื่อว่าสุดท้ายทุกคนก็หนีความตายไม่พ้นคุณพูดเหมือนว่าเป็นอมตะอยู่มาเป็นร้อยปีอะไรแบบนั้น..จะอำผมเล่นเหรอ"รอยยิ้มกว้างของฌาณทำให้ผมเริ่มคิดว่าบางทีผมอาจจะบอกความลับกับเขาได้ ผมเปิดกระเป๋าตังค์และหยิบรูปสามใบที่ถ่ายกันคนละยุคสมัยขึ้นมาลัส่งให้อีกคนดู
"ทุกรูป..เหมือนคุณเลยทำไม..ถึง.." ไม่ทันที่ฌาณจะพูดจบก็ได้เวลาที่เขาต้องไปทำงาน
"ผมหยุดวันอาทิตย์ไว้เรานัดไปหาที่คุยด้วยกันใหม่นะ" เขาพูดขึ้นและเดินเข้าไปในห้องครัวของร้าน
ผมเดินออกจากร้านกะจะไปหาจินน์ก่อนกลับแต่ก็มีคนที่ไม่อยากเจอมาทักทายผมทำเป็นมองไม่เห็นและจะเดินผ่าน
"ทำเป็นไม่ทักไม่ทายได้ข่าวว่ามีคนที่นายสนใจคนใหม่...อยู่ในร้านนี้เหรอวะ"คำพูดกวนประสาทเอ่ยออกจากปากของคนที่ผมเกลียด
"ไม่มีใครที่ฉันสนใจอะไรทั้งนั้น" ผมพูดด้วยเสียงเรียบนิ่ง
"ก็ดี..นายคงจำผู้หญิงที่ชื่อภีลดาได้ใช่มั้ยนายคงไม่อยากเห็นใครมีร่างสีซีดๆเหมือนเธอ" มือของผมกำแน่นด้วยความโกธรผมเดินต่อไปยังร้านของจินน์ทำเป็นไม่สนใจ
"เฮ้ เข้ามาร้านเหล้าแต่ทำหน้าเหมือนอมกระเทียมไว้ในปาก"คำทักทายจากเพื่อนแต่มันไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกดีเลยสักนิด
"พ่อหนุ่มแวมไพร์มีปัญหาอะไรบอกจินนี่คนนี้ได้น้า"จินน์เดินเข้ามานั่งข้างพร้อมหยิบแก้วเครื่องดื่มมาให้
"วันนี้ไอ้ดาโก้มันมาขู่ ว่าถ้าฉันสนใจใครมันจะทำเหมือนกับที่ทำภีลดา" ผมบอกจินน์ด้วยอารมณ้แค้น
"แล้วอย่าบอกนะว่ามีคนที่สนใจอยู่..."จินน์ถามขึ้นพอผมพยักหน้าจินน์เอามือกุมขมับทันที
"ตอนนี้เรากำลังเอาชีวิตคนคนนึงเข้ามาเสี่ยงและคนคนนั้นเป็นคนที่นายสนใจเวรกรรมของเธอจริงๆเลยแม่สาวน้อยคนนั้น"
"เขาไม่ใช่สาวน้อยเขาคือหนุ่มน้อย..." ผมแก้คำให้ถูกต้อง
"ฉันถามจริงๆว่านายสนใจพ่อหนุ่มน้อยนั่นกี่เปอร์เซ็นถ้าไม่ถึงสามสิบเปอร์ก็ถอยห่างและอย่าไปยุ่งกับเขาอีก"คำแนะนำจากเพื่อนทำผมกุมขมับ
"ฉันถอยไม่ได้ฉันอยากมีเขาในชีวิตไม่อยากจะกลายเป็นคนที่เคยรู้จักสำหรับเขาฉันปล่อยเขไปไม่ได้จริงๆ" ตอนนี้ทั้งผมและจินน์นั่งกุมขมับและส่ายหัวไปมา
"งั้นก็มีอยู่ทางเดียวต้องกลับไปหาครอบครัวฝั่งพ่อนายและจะต้องหาวิธีเอาพ่อหนุ่มน้อยของนายไปด้วย.."
นั่นคงเป็นทางออกที่ดี่ที่สุดแล้ว
""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""