หลังจากที่หลงอี้หลิงเดินทางมาถึงเรือนสกุลหลง ด้วยท่าทีของแม่ทัพหนุ่มที่แสดงออกผ่านสายตาดุดันและน้ำเสียงเข้ม สื่อได้ถึงความไม่พอใจของเขาต่อแขกผู้มาเยือนอย่างชัดเจน
เยี่ยอ๋องตระหนักดีว่า ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะเขาปะทะกับแม่ทัพหนุ่มคนนี้ จึงได้ล้มเลิกความคิดที่จะมาทวงถามถึงความคืบหน้าเรื่องการสานสัมพันธ์ไมตรีของสองตระกูล ซึ่งเขาเคยได้ปรารภไว้กับคนสกุลหลงเมื่อนานมาแล้ว แต่จวบจนปัจจุบันก็ยังไม่ได้รับคำตอบที่แน่ชัด
และวันนี้พวกเขาก็คงต้องกลับจวนโดยไร้คำตอบเช่นเดิม
เยี่ยอ๋องยอมถอยก้าวหนึ่งและพาธิดาของตนขอตัวลาหลงฮูหยินกลับจวนอย่างง่ายดาย จนทางฝ่ายเจ้าบ้านถึงกับประหลาดใจยิ่งนัก
เพราะปกติสองพ่อลูกคู่นี้ มิยอมถอยร่นให้ผู้ใดง่าย ๆ เว้นเสียแต่ว่ากลัวจะเสียหน้าต่อคนอื่น
มีเพียงหลงอี้หลิงที่ยังคงมองออกว่าเยี่ยอ๋องผู้นี้กำลังวางแผนการใหญ่อยู่ภายใต้รอยยิ้มเสแสร้งนี้ และเขาเองก็รู้สึกโล่งใจที่สองพ่อลูกคู่นี้ไม่ได้ก่อเรื่องขึ้นที่เรือนสกุลหลง เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นคนที่จะพลอยเดือดร้อนไปด้วยก็คือ สตรีน้อยกับท่านย่าของเขานั่นเอง
จวนอ๋อง
ห้องหนังสือของเยี่ยอ๋อง
เยี่ยอ๋องกลับเดินเข้ามาในห้องหนังสือของเขา ด้วยสีหน้าและท่าทางเคร่งขรึม ไม่พูดจากับผู้ใด โดยมีสตรีสองนาง เดินก้มหน้าตามหลังมาติด ๆ
และทันทีที่ถงเสี่ยวเถาปิดประตูห้องหนังสือเข้า และเดินมายืนอยู่ข้าง ๆ กับนายสาว
ซึ่งเยี่ยชิงเซียวกำลังยืนนิ่งเงียบอยู่ตรงกลางห้องหนังสือ สีหน้านางเผยความกังวลใจอย่างชัดเจน
ผู้เป็นนายใหญ่ของจวนได้หันขวับและตรงดิ่งมายังสตรีทั้งสองด้วยท่าทางถมึงทึง และหยุดยืนตรงเบื้องหน้าของพวกนาง ดวงตาดุดัน จ้องมองอย่างโกรธขึ้ง
เพียะ!
ฝ่ามือหนาของเยี่ยอ๋องตบหน้าของสาวใช้เข้าไปฉาดหนึ่งอย่างแรง จนใบหน้านั้นหันไปทางด้านข้างและเกิดรอยแดงบวมขึ้นมาทันตา
ทั้งนายสาวและสาวใช้ตกใจถึงกับหน้าซีดเผือด ในการกระทำนี้ของ นายใหญ่ของเรือนแห่งนี้ และทั้งสองคนต่างก็รู้ดีแก่ใจถึงความผิดของพวกตนเป็นอย่างดี
"เสี่ยวเถา! รีบบอกข้ามาเดี๋ยวนี้ ว่าเจ้ากับนายของเจ้าไปก่อเรื่องอะไรไว้ที่เรือนคนสกุลหลงกัน พวกเขาถึงได้กล่าววาจาเหยียดหยามหมิ่นเกียรติข้า อย่างไม่ยำเกรงเยี่ยงนั้น"
น้ำเสียงอันดุดันแข็งกร้าวและเต็มไปด้วยอำนาจล้นพ้นของผู้เป็นนายได้สร้างความหวาดกลัวต่อสาวใช้ผู้ต่ำต้อยยิ่งนัก แต่นางก็ยังยืนก้มหน้าเงียบ ไม่ปริปากพูดคำใดออกมา แม้ว่าเนื้อตัวจะสั่นงันงกราวลูกตกตากฝนอย่างเห็นได้ชัด
ส่วนเยี่ยชิงเซียวก็เอาแต่ยืนนิ่งเงียบด้วยความกลัวและกังวลใจมาก นางไม่กล้าบอกความจริงกับบิดาในเรื่องที่ตนกระทำลงไป
ตอนนี้ธิดาอ๋องรู้สึกได้ถึงเหงื่อที่เปียกชุ่มบนฝ่ามือทั้งสองข้าง ที่กำลังซ่อนอยู่ใต้ชายแขนเสื้อของตน และมันกำลังสั่นเทาอยู่ตลอดเวลา
'ทำไงดี หากท่านพ่อรู้ว่าเป็นฝีมือของเรา คงต้องถามว่ายาวว่าไปเอา ยาพิษนั่นมาจากที่ไหน และถ้ายิ่งท่านพ่อรู้ว่าเราแอบมาขโมยไปจากห้องนี้ มีหวังเสี่ยวเถาคงถูกเฆี่ยนตีจนตายแน่นอน'
เยี่ยอ๋องเห็นปฏิกิริยาของสตรีทั้งสองที่ยังคงนิ่งเฉยต่อคำถามของเขา ยิ่งทำให้สติอารมณ์ที่เคยข่มไว้ในใจ เกิดฉุนขาดขึ้น เขาจึงได้ตะคอกเสียงดังและชี้หน้าถามย้ำอีกครั้งอย่างหมดความอดทน
"ถงเสี่ยวเถา! ข้าบอกให้เจ้าเล่าเรื่องทั้งหมดมาเดี๋ยวนี้! รึว่าจะต้องให้ข้าสั่งลงโทษโบยหลังเจ้าให้ขาดเสียก่อน ถึงจะยอมเปิดปากพูด"
น้ำเสียงกราดเกรี้ยวที่ตะคอกดังออกมาของเยี่ยอ๋อง ได้สร้างความตกใจและหวาดกลัวต่อสตรีทั้งสองนางเป็นที่สุด โดยเฉพาะถงเสี่ยวเถา นางสะดุ้งตัวโหยง และทรุดตัวนั่งคุกเข่าทั้งสองข้างลงบนพื้นอย่างรวดเร็ว พร้อมกับยกมือพนม ร้องขอความเมตตาจากผู้เป็นนายใหญ่
"นายท่านข้าขอโทษเจ้าค่ะ ทั้งหมดเป็นความผิดของข้าน้อยแต่เพียงผู้เดียว ข้าเป็นคนวางยาพิษใส่ลงในขนมหวานให้คนพวกนั้นกินเอง คุณหนูไม่มีส่วนรู้เห็นหรือเกี่ยวข้องในการกระทำครั้งนี้เลย เป็นข้าเองที่โกรธแค้นสาวใช้ผู้ต่ำต้อยนางนั้นแทนคุณหนู ข้าจึงอยากทำให้นางหายไปจากชีวิตของท่าน แม่ทัพ"
สาวใช้คนสนิทของธิดาอ๋องกล่าวขอโทษต่อนายใหญ่ของนางไม่หยุด ปากก็พร่ำพูดอธิบายร่ายยาวถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในสกุลหลง ในวันที่พวกตนไปเยี่ยมเยียนพวกเขา และพยายามปกป้องนายสาวของตนด้วยการยอมรับผิดไว้เพียงคนเดียว
ด้านเยี่ยชิงเซียว แม้ว่านางจะมีนิสัยหยิ่งทระนงและเอาแต่ใจ แต่นางก็รักถงเสี่ยวเถาเหมือนคนในครอบครัว จึงไม่อาจจะปล่อยให้สาวใช้ของตนรับผิดชอบต่อการกระทำนี้เพียงคนเดียวได้
ธิดาอ๋องสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดเพื่อรวบรวมความกล้าก่อนจะเงยหน้าขึ้น และสบตากับบิดาของตน
"ทั้งหมดเป็นความผิดของข้าเอง หากท่านพ่อจะลงโทษ ก็ลงโทษข้าเพียงคนเดียวเถิด เสี่ยวเถาเพียงแค่ทำตามคำสั่งของข้าเท่านั้น"
ธิดาอ๋องกล่าวรับผิดกับบิดาอย่างฉะฉานชัดถ้อยชัดคำและแววตาฉายความมั่นใจ เพราะนางรู้ดีว่าบิดานั้นรักตนมาก เหนือกว่าสิ่งอื่นใด และที่ผ่านมา แม้ว่านางจะทำสิ่งใดผิด เขาก็มักจะให้อภัยนางเสมอ
ดูเหมือนว่าเยี่ยอ๋องเองจะไม่ได้แปลกใจในคำตอบนั้นของบุตรสาว เพราะเขารู้ดีว่าลำพังสาวใช้ในเรือนคงไม่กล้าวางแผนก่อเรื่องร้ายแรงเช่นนั้นตามลำพังได้
"เจ้าบอกพ่อมาสิว่า เจ้าไปเอายาพิษนั่นมาจากไหน และมันเป็นพิษชนิดใด ขนาดที่ว่าออกพิษรุนแรงจนทำเด็กนั่นเกือบตาย"
คำถามนี้ของผู้เป็นบิดาทำให้ธิดาอ๋องถึงกับแสดงท่าทีอึกอักในการตอบเขากลับไปยิ่งนัก
"คะ คือว่าเรื่องนั้น ข้า..."
ผู้เป็นบิดาสังเกตเห็นสายตาล่อกแล่กของบุตรสาวกำลังมองไปทางโถใบขนาดเล็ก ซึ่งตั้งวางอยู่ข้างชั้นวางหนังสือ เขาถึงกับทำขมึงตาขึ้นและชี้ไปทางนั้นอย่างเดือดดาลทันที
"อย่าบอกนะว่าเจ้าแอบหยิบมันไปจากโถใบนั้นของพ่ออย่างงั้นรึ!"
เยี่ยชิงเซียวสะดุ้งตัวโหยงด้วยความตกใจในน้ำเสียงเสียงตวาดของผู้เป็นบิดา และเมื่อถูกจับได้ไล่ทัน นางจึงพยักหน้าหงึก ๆ ยอมรับผิดแต่โดยดี
เพียะ!
เยี่ยอ๋องฉุนขาดถึงกับลงมือกับธิดาของตนอย่างลืมตัว
สตรีทั้งสองนางถึงกับใจกระตุกวูบอย่างแรงกะทันหันกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ใบหน้างามจ้องมองบิดา ดวงตาที่มีน้ำตารื้นอยู่เบิกกว้างมองเขาอย่างเหลือเชื่อ
"นี่ท่านพ่อตบหน้าข้า เพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยแค่นี้อย่างนั้นหรือ"
น้ำเสียงสั่นเครือเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและน้อยเนื้อต่ำใจของบุตรสาวที่กำลังรู้สึกกับบิดาในขณะนี้ ได้สะกิดเข้าไปในใจอันร้อนแรงด้วยไฟโทสะของบิดา ทำให้เขาถึงกับได้สติกลับมา
ฝ่ามือที่เพิ่งสัมผัสใบหน้างามของบุตรสาวถึงกับสั่นไหวเทาตลอดเวลา แต่ครั้งนี้เขาพยายามข่มใจตัวเองไม่ให้ใจอ่อนต่อนาง เพราะสิ่งที่นางได้กระทำไป มันร้ายแรงยิ่งนัก
ผู้เป็นบิดาไม่ตอบคำถาม เขาเพียงสะบัดชายแขนเสื้อไปด้านข้างลำตัวอย่างสะกดกลั้นอารมณ์ พร้อมทั้งเอี้ยวตัวหันหน้าไปทางโต๊ะทำงาน โดยหันหลังให้พวกหนาง
"เจ้าจะไปทำตัวเกเรเอาแต่ใจที่ไหนหรือทำร้ายใคร พ่อไม่เคยว่าและไม่เคยลงโทษเจ้าเลยสักครั้ง แต่พ่อเคยสั่งนักหนา ว่าห้ามผู้ใดเข้ามายุ่มย่ามกับห้องหนังสืออย่างเด็ดขาด แถมเจ้ายังกล้าดีแอบมาหยิบฉวยของจากห้องนี้ออกไปโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพ่ออีก เจ้ารู้ไหมว่าการกระทำอันสิ้นคิดของเจ้าในครั้งนี้ มันจะนำมาความเดือดร้อนฉิบหายมาสู่พวกเราทุกคน"
เยี่ยอ๋องกล่าวตำหนิบุตรสาวของตนยกใหญ่ แม้ว่าตอนนี้ยาพิษที่นางแอบขโมยไปจากห้องหนังสือของเขา จะยังไม่ได้ฆ่าใครตาย แต่ทว่าหากแม่ทัพหนุ่มผู้นั้นสืบหาความจริงขึ้นมา มันก็จะสาวไปถึงเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อนได้
เยี่ยชิงเซียวรู้ตัวดีว่านางผิดที่แอบมาขโมยสิ่งของภายในห้องหนังสือของบิดาออกไปใช้เพื่อประโยชน์ของตน โดยไม่ขออนุญาตจากเขาก่อน แต่นางก็ยังไม่เข้าใจว่า แค่เรื่องเล็กน้อยเหตุใดบิดาของนางถึงได้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ถึงขนาดลงมือทำร้ายร่างกายและจิตใจนางได้ขนาดนี้
ทั้ง ๆ ที่ตั้งแต่เล็กจนโต เขาไม่เคยทำให้นางต้องเสียใจเลยสักครั้ง
ริ้นไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอมด้วยซ้ำ แม้รอยขีดข่วนเพียงเสี้ยวเล็บแมว ยังมิเคยเลยสักครา
เยี่ยชิงเชียวเสียใจและโกรธบิดาจนถึงขนาดลืมตัว นางพ่นลมออกจากปลายจมูกอย่างเย้ยหยัน กล่าวถ้อยคำลามปามและไม่ให้เกียรติผู้เป็นบิดา
"ฮึ! ใครใช้ให้ท่านพ่อไม่มีความสามารถกันล่ะ แค่เรื่องงานแต่งของลูกกับแม่ทัพหลง เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ ท่านพ่อยังไม่มีปัญญาไปบังคับเขาได้ ดังนั้น ท่านพ่อก็อย่าหวังเลยว่าตัวเองจะมีสิทธิ์ได้ขึ้นครองบัลลังก์เป็นฮ่องเต้ ปกครองไพร่ฟ้าในแคว้นโหย่วนี้ เพราะมันจะไม่มีทางเกิดขึ้นจริง"
และสิ่งที่นางเพิ่งกล่าวออกมา มันทำให้สติของบิดาถึงกับขาดผึงลงราวกับตัดเชือกเสียเหลือเกิน
ถงเสี่ยวเถาตกใจในคำพูดของนายสาว จึงรีบบอกให้นางขอโทษผู้เป็นบิดาอย่างร้อนใจ ก่อนที่จะทำให้อีกฝ่ายโกรธมากไปกว่านี้
"ไม่ได้นะเจ้าคะคุณหนู พูดแบบนั้นกับท่านพ่อไม่ได้นะเจ้าคะ รีบกล่าวขอโทษนายท่านเร็วเข้าเถิดเจ้าค่ะ"
เยี่ยอ๋องหันขวับกลับมาทางสตรีทั้งสองนางอย่างฉับไว ดวงตาดุดัน ถลึงตาขึ้นอย่างบ้าคลั่ง
เขายื่นมือออกมากุมเข้าที่ลำคอยาวของบุตรสาวเอาไว้ทันที จากนั้นก็ออกแรงบีบไปที่นิ้วทั้งห้าของตนอย่างขาดสติ
"เจ้ากล้าดียังไงถึงได้กล่าวถ้อยคำเหล่านั้นกับข้า ผู้ซึ่งเป็นบิดาของเจ้าเยี่ยงนี้"
แค่ก แค่ก
เยี่ยชิงเซียวเกิดอาการหายใจติดขัดทันที ใบหน้างามเริ่มซีดขาวลงอย่างทันตา มือน้อยทั้งสองข้างพยายามแกะนิ้วทั้งห้าของบิดาให้หลุดออกจากลำคอของตน
"ทะ ท่านพ่อ ขะ ข้า หายใจไม่ออก"
ถงเสี่ยวเถาเห็นเช่นนั้น นางก็ตกใจหนักมากขึ้น จึงรีบยื่นมือเข้าช่วยนายสาวของตนและพยายามที่จะแกะนิ้วมือทั้งห้าของเยี่ยอ๋องให้คลายออกจากลำคอยาวนั้น
แต่สตรีทั้งสองก็มิอาจจะสู้แรงของอีกฝ่ายได้ แม้ว่าเขาจะเข้าสู่วัยชราภาพ แต่เรี่ยวแรงของบุรุษย่อมยังคงมีมากกว่าอยู่ดี
เยี่ยอ๋องใช้มืออีกข้างที่ว่างอยู่ผลักสาวใช้ จนร่างนางกระเด็นลอยออกไปไกลเกือบถึงประตูห้อง
ผลัก!
ด้านเยี่ยชิงเซียวตอนนี้เริ่มอาการไม่สู้ดีแล้ว ใบหน้างามของนางเริ่มเขียวคล้ำลงอย่างเห็นได้ชัดเพราะเลือดไม่หล่อเลี้ยง นางพยายามฮึดสู้ใช้แรงเฮือกสุดท้ายที่มีอยู่ เอ่ยกับบิดาด้วยความยากลำบาก
"ทะ ท่านพ่อ..."
น้ำตาแห่งความเจ็บปวดเสียใจ เอ่อล้นท่วมเบ้าตาของธิดาอ๋อง
พูดยังไม่ทันจบประโยคธิดาอ๋องก็หมดสติลงตรงนั้น คอตกพับคามือของผู้เป็นบิดา ซึ่งมือหนาของเขากำลังบีบรัดลำคอของนางแน่นอยู่ไม่คลาย
ถงเสี่ยวเถาตกใจมาก นางรีบลุกขึ้นจากพื้น กระโดดตัวพุ่งตรงเข้ามาดึงมือของเยี่ยอ๋องออกจากคอของนายสาวของตนทันที พร้อมกับตวาดใส่เขาอย่างลืมตัว
"นายท่านเสียสติไปแล้วหรือเจ้าคะ และรีบปล่อยมือออกจากลำคอคุณหนูเถิดเจ้าค่ะ คุณหนูสลบคอพับไปแล้ว นายท่านไม่เห็นหรือเจ้าคะ"
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเยี่ยชิงเซียว ทำให้เยี่ยอ๋องได้สติและคลายมือออกทันที จากนั้นเขาถอยหลังร่นไปสองก้าวในหัวสมองว่างเปล่า พร้อมกับกล่าวขึ้นลอย ๆ อย่างมึนงง
"นี่ข้าทำอะไรลงไปงั้นหรือ"
ถงเสี่ยวเถารีบเข้าไปประคองร่างอันไร้สติของนายสาวที่กำลังทิ้งตัวลงบนพื้นห้องตามแรงโน้มถ่วงของโลก
"ฮือ ฮือ คุณหนูทำใจดี ๆ ไว้ อย่าเพิ่งเป็นอะไรไปนะเจ้าคะ ข้าจะรีบไปตามท่านหมอมาเดี๋ยวนี้...คุณหนู"
ถงเสี่ยวเถาเขย่าตัวนายสาวของตนอยู่หลายครั้ง เพื่อหวังเรียกสติของอีกฝ่ายให้ฟื้นกลับมา
เยี่ยอ๋องจะได้สติกลับมาดังเดิม กระนั้นความโกรธของเขายังคงคุกรุ่นอยู่ในใจ
อีกทั้งครั้งนี้ธิดาของเขาได้ทำผิดยิ่งนัก หากไม่ลงโทษเสียบ้าง นางก็คงจะไม่เข็ดหลาบ และต่อไปอาจจะก่อเรื่องร้ายแรงมากกว่านี้ขึ้นก็ได้
"มีใครอยู่ข้างนอกบ้าง เข้ามาข้างในเดี๋ยวนี้!"
เยี่ยอ๋องตะโกนลั่นเสียงดัง เพื่อเรียกหาบ่าวรับใช้ที่อยู่ทางด้านนอกห้องหนังสือ
เอี๊ยดอ๊าด!
ไม่นานประตูห้องหนังสือก็ถูกเปิดเข้ามาทางด้านใน โดยมีพ่อบ้านใหญ่ของจวนอ๋องและบ่าวรับใช้สองนายเดินตามเข้ามาในอย่างเร่งรีบ
และเมื่อบุรุษทั้งสาวเห็นสภาพของสตรีทั้งสองนางซึ่งกำลังนั่งทรุดอยู่ตรงกลางห้อง พวกเขาก็เผยสีหน้าตื่นตระหนกตกใจ แต่ไม่มีผู้ใดกล้าเอ่ยถาม
เยี่ยอ๋องชำเลืองสายตามองไปยังธิดาของตนอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะแข็งใจ หันกลับมาทางบ่าวของตนและออกคำสั่งกับพวกเขาด้วยน้ำเสียงดุดัน เด็ดขาด
"พาตัวคุณหนูกลับไปเรือนพักของนางเดี๋ยวนี้ และให้คนไปตามหมอมาดูอาการนางซะด้วย จากนั้นก็กักบริเวณของนางไว้จนกว่าข้าจะสั่งอีกครั้ง...ส่วนสาวใช้นางนี้ ก็นำตัวไปโบยหลัง 30 ไม้กระบองให้หลาบจำ มันจะได้ไม่ตามใจเจ้านายจนเสียคนอีก"
"ขอรับนายท่าน" พ่อบ้านใหญ่ของจวนอ๋องขานรับคำเจ้านายอย่างว่าง่าย จากนั้นเขาก็หันไปออกคำสั่งกับบ่าวรับใช้ทั้งสองคนทันที
"พวกเจ้ารีบพาคุณหนูและเสี่ยวเถาออกไปจากห้องเดี๋ยวนี้เลย และจงทำตามที่นายท่านสั่งอย่างเคร่งครัดทันที"
ถงเสี่ยวเถายังคงร้องไห้ไม่หยุดเพราะเป็นห่วงนายสาวของตน นางเดินก้มหน้าเดินออกไปพร้อมกับทุกคนและทำใจยอมรับโทษทัณฑ์แต่โดยดี
"ฮือ ฮือ ...คุณหนูท่านอย่าพึ่งเป็นอะไรไปนะเจ้าคะ เดี๋ยวท่านหมอก็จะมาแล้ว"
เยี่ยอ๋องมองตามหลังพวกเขาด้วยสายตาเคืองโกรธระคนกับความเจ็บปวดใจ จนทุกคนเดินพ้นออกจากธรณีประตูห้องหนังสือออกไป ผู้เป็นบิดาก็ได้เอ่ยขอโทษธิดาของตนออกมา
"เซียวเอ๋อร์ พ่อขอโทษ...วันนี้พ่อโกรธจนพลั้งมือเผลอไปทำร้ายเจ้าทั้งกายและใจ จนทำให้เจ้าต้องเจ็บปวดและเสียใจแบบนั้น แต่ถ้าพ่อไม่กระทำเยี่ยงนี้ พ่อก็คงจะสั่งสอนให้เจ้าอยู่ในโอวาทไม่ได้เป็นแน่ และมันอาจจะนำมาซึ่งภัยร้ายมาสู่ชีวิตของเจ้าเอง อีกทั้งเพื่อรักษาความสำเร็จที่กำลังรอพวกเราอยู่ในวันข้างหน้า...หากวันนั้นมาถึงเมื่อใด พ่อสัญญาว่าจะชดใช้คืนให้เจ้าภายหลัง ทุกอย่างตามที่เจ้าต้องการแน่นอน"
เมื่อเขากล่าวจบเยี่ยอ๋องก็ก้มมองดูฝ่ามือของตัวเองข้างที่ได้เผลอทำร้ายบุตรสาวอันเป็นที่รักถึงสองหนด้วยกันอย่างขาดสติ มันยังคงสั่นระริกอยู่ตลอดเวลา
จากนั้นเขาก็กำหมัดเอาไว้แน่น พลางเอ่ยถ้อยคำขึ้น ถึงคนสองคน
"หลงอี้หลิง ไม่ว่ายังไงข้าจะทำให้เจ้าแต่งงานกับเซียวเอ๋อร์ของข้าให้ได้"
เขานิ่งไปครู่หนึ่งก่อนที่จะกล่าวขึ้นอีกครั้ง สีหน้าและแววตาครุ่นคิดหนักอย่างวิตกกังวล แกมประหลาดใจ
"...ว่าแต่ยัยเด็กนั่น...ทำไมถึงได้มีป้ายหยกมรกตของคนผู้นั้นพกติดตัวได้นะ มันจะเป็นไปได้ยังไง สิ่งของสำคัญของคนที่ตายไปแล้ว ก็จะต้องอยู่กับเจ้าของสิ! หรือว่าเราจะตาฝาดไปเอง ...อวี้หลัน! หลานยังคงโกรธแค้นลุงมากใช่หรือไม่ ถึงได้ดลใจให้ลุงมองเห็นสิ่งนั้นเป็นป้ายหยกประจำตัวของหลานไปได้"
เยี่ยอ๋องกล่าวพลาง สายตาเขาก็เลื่อนลอยมองออกไปด้านหน้านอกประตูห้องหนังสือ
ในหัวก็คิดถึงความทรงจำเมื่อครั้งอดีตของตัวเอง
ภาพที่ปรากฏขึ้นในหัวของเขาคือ ภาพขององค์หญิงน้อยผู้งดงาม กำลังวิ่งเล่นไล่จับหัวเราะอย่างสนุกสนานกับเหล่าข้าราชบริพารและนางกำนัล ซึ่งอยู่ภายในสวนหย่อมของเขตพระราชวัง
ส่วนตัวเขาก็กำลังนั่งจิบชาพร้อมกับเล่นหมากล้อมอยู่กับบุรุษวัยกลางคนผู้หนึ่ง
บุรุษผู้นั้นมีท่าทางสง่า องอาจ แววตายิ้มให้อย่างอบอุ่นใจดี เขาสวมใส่อาภรณ์ผ้าแพรไหม ลวดลายปักทอสีแดงขลิบทอง ดูหรูหราราคาแพง พร้อมกับมีเครื่องราชบรรดาศักดิ์อยู่บนศีรษะอย่างชัดเจน
องค์ชายรัชทายาท อวี้หลาง
.....
เซียงไค 盛開