ตอนที่ 1243 ลาก่อน
ท้องนภาค่อยๆ หมองหม่น
ในห้อง กู่ฉิงซานและจ้าวเฉียงนั่งหันหน้ากัน
“วันสิ้นโลกพิเศษหรือ เกิดอะไรขึ้น” กู่ฉิงซานถาม
จ้าวเฉียงส่งชิ้นกระดูกให้
“นี่คือสิ่งที่เรียกว่าเกราะเคลื่อนที่ไม่ได้ เจ้าถือมันไว้ มันสามารถทำให้วิญญาณของเจ้ามั่นคงได้เพื่อไม่ให้ถูกวันสิ้นโลกพรากวิญญาณไป” จ้าวเฉียงตอบ
กู่ฉิงซานรับกระดูกมา เขาเห็นว่ามันถูกสลักด้วยอักขระละเอียดและแน่นหนา
“ข้าเคยเรียนในวิชาประวัติศาสตร์มาก่อน เห็นได้ชัดว่าพวกเราจัดการวันสิ้นโลกและผนึกพวกมันไปเป็นจำนวนมากแล้ว ทำไมถึงยังมีวันสิ้นโลกเข้ามาในสำนักได้อีกล่ะ” กู่ฉิงซานถาม
จ้าวเฉียงตอบว่า “เพราะวันสิ้นโลกนี้ไม่สามารถผนึกได้ มันเกิดขึ้นในดินแดนของพวกเราถ้ำทะเลตะวันตก โชคยังดีที่มันไม่ทรงพลังมากนัก ดังนั้นพวกเราแค่ลืมตา คำนวณช่วงเวลาและรอดูเป็นระยะ”
นางเริ่มอธิบายอย่างจริงจัง
“หลังจากครบครึ่งชั่วโมง วันสิ้นโลกของวิญญาณขุ่นเคืองจะปรากฏขึ้น”
“วันสิ้นโลกนี้จะเลือกศัตรูท่ามกลางสิ่งมีชีวิตที่ตายแล้วเพื่อให้พวกมันปรากฏตัวต่อหน้าเจ้าอีกครั้ง”
“ศัตรูทั้งหมดจะล้อมเจ้าเอาไว้”
“สำหรับคนที่ทรงพลัง วันสิ้นโลกนี้ถือว่าอันตรายมาก”
“แต่เจ้าเป็นเพียงเด็ก น่าจะไม่เป็นอะไร ด้วยชิ้นส่วนกระดูกของข้าที่คอยปกป้อง ไม่มีอะไรเกิดขึ้นแน่นอน”
กู่ฉิงซานเงียบสักพักก่อนยิ้มออกมา “พี่จ้าว ท่านกินอะไรหรือยัง”
จ้าวเฉียงตกตะลึง
เห็นได้ชัดว่ากำลังพูดถึงเรื่องวันสิ้นโลกแท้ๆ ทำไมเจ้าถึงข้ามไปเรื่องข้าวเย็นได้ล่ะ
“ข้า… ยังไม่ได้กินอะไรเลย เพราะฝีมือการทำอาหารของเจ้าดีเกินไป ข้าก็เลยวางแผนจะมากินทีเดียวเลยน่ะ” นางตอบอย่างสงบ
กู่ฉิงซานกล่าวว่า “ที่บ้านเหลือเกลือกับน้ำส้มสายชูไม่มาก ในเมื่อยังเหลือเวลาอีกครึ่งชั่วโมง ท่านช่วยออกไปซื้อเกลือกับน้ำส้มสายชูให้ข้าทำอาหารได้หรือเปล่า”
จ้าวเฉียงลุกขึ้นทันทีแล้วกล่าวว่า “ได้ เจ้าอยู่ในบ้าน อย่าไปไหน ข้าจะกลับมาหลังจากซื้อของเสร็จแล้ว”
นางรีบออกไปซื้อเครื่องปรุงรส เมื่อกลับเข้าห้อง นางเห็นว่าหลี่ซานหลางกำลังนั่งเหม่อลอยขณะถือชิ้นกระดูกเอาไว้ในมือ
“นี่ เกลือกับน้ำส้มสายชูที่เจ้าต้องการ” จ้าวเฉียงกล่าว
หลี่ซานหลางกลับมามีสติ เขายิ้มแล้วกล่าวว่า “เอาล่ะ คืนนี้พี่จ้าวอยากกินอะไรหรือ”
“อะไรก็ได้ จะว่าไปแล้ว ก๋วยเตี๋ยวที่เจ้าทำคราวที่แล้วไม่เลวเลยล่ะ”
“ได้ งั้นกินก๋วยเตี๋ยวกัน”
ทั้งสองสนทนาและเริ่มยุ่งอยู่กับงานในครัว
แมวตัวหนึ่งหมอบอยู่ที่มุมห้องขณะมองฉากนี้เงียบๆ
ผ่านไปสักพัก มันยืนยันได้ว่าไม่มีอะไรผิดปกติก่อนกระโดดออกนอกหน้าต่างไป
แมวไม่สนใจอะไร ราวกับภาพติดตาสีส้ม มันพุ่งผ่านราตรีอย่างรวดเร็ว
ไม่ช้า มันมาถึงสุดเขตสำนักซานไห่ ทะเลแยกออกทั้งสองฝั่งจนเกิดเป็นเส้นทางก่อนถูกมหาสมุทรโอบกอดเอาไว้
ก่อนจมลงสู่ท้องทะเล
แมวสีส้มวิ่งอยู่ในทะเล เดินทางเป็นระยะไกล ในที่สุดก็ปรากฏตัวบนพื้นผิวทะเล
มันบินขึ้นสู่พื้นผิวทะเล เพียงพริบตาก็หายไปก่อนพุ่งตรงไปข้างหน้าหลายพันไมล์ ตรงไปข้างหน้า ตรงไป ตรงไป!
ในที่สุด แมวสีส้มก็มาถึงทะเลทรายที่ไม่มีคนอาศัยอยู่
มันย่อตัวลงช้าๆ บนเนินทรายสูงเพื่อพักผ่อน
ฉานนู่ปลอมเป็นเขาขณะกินข้าวเย็นกับจ้าวเฉียง
ภายใต้ราตรี เขากลายเป็นแมวสีส้มขณะหยิบยืม “หยกไร้ข้อบกพร่อง” จากเหวยจุนด้วยพลังของเงาภูตผีแห่งราตรีมายา
ด้วยพลังของดาบเสียงคลื่นที่ควบคุมทะเล เขาเคลื่อนผ่านทะเลจนออกมาไกลจากสถานที่ที่สิ่งมีชีวิตจะสามารถสอดแนมได้
ตอนนี้ วันสิ้นโลกของวิญญาณขุ่นเคืองกำลังจะมาเยือน
แมวสีส้มถอนหายใจก่อนกลายเป็นกู่ฉิงซาน
คนตายนับร้อยล้านคนกลายเป็นองค์ประกอบของความโกลาหลไปแล้ว ไม่สามารถปรากฏขึ้นซ้ำได้อีก
ถ้างั้น ใครจะมาที่นี่ล่ะ
กู่ฉิงซานยืนอยู่บนเนินทรายขณะรอเงียบๆ
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป
ในโลก ทุกสิ่งค่อยๆ เลือนราง
ดูท่าจะมีโลกก่อเกิดจากมิติและเวลาอันไกลพ้นขณะซ้อนทับทั่วถ้ำทะเลตะวันตก
ในหมอก ร่างหนึ่งค่อยๆ เปลี่ยนจากพร่าเลือนเป็นแจ่มชัด
มันอยู่ฝั่งตรงข้ามของกู่ฉิงซานอีกครั้ง
“คาดไม่ถึง วันสิ้นโลกนี้จะสามารถก้าวข้ามมิติและเวลาเพื่ออัญเชิญเจ้ามาได้” กู่ฉิงซานกล่าว
เสียงผู้หญิงดังขึ้น “ข้าไม่คิดว่าจะมีพลังที่ปลุกให้ตื่นจากการหลับลึกได้”
หลังจากนิ่งไป เสียงผู้หญิงกลายเป็นเสียงผู้ชายกระตือรือร้น “แต่วันสิ้นโลกนี้นับว่าแย่จริงๆ ถึงกับอัญเชิญให้ข้าอยู่ในร่างวิญญาณขุ่นเคือง แล้วข้าจะสู้กับเจ้าได้ยังไง”
วิญญาณกรีดร้อง
มันกลับมาหากู่ฉิงซานได้ด้วยวันสิ้นโลก
ถ้าฉากนี้ปรากฏขึ้นในสำนักซานไห่ เกรงว่ามันจะไปยั่วยุคนอื่นจนไม่รู้ว่าท้ายที่สุดแล้วเขาจะรับมือกับมันได้อย่างไร
กู่ฉิงซานกล่าวว่า “เจ้ามีความสามารถดูดกลืนวิญญาณ ทำให้เหลือสองทางที่จะตัดสินว่าแพ้หรือชนะ”
วิญญาณกรีดร้องไม่สนใจที่จะสู้ มันส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “เจ้ามีไม้เท้าราชาภูตผีจองจำของวิถียมโลก”
ประโยคนี้ทำให้สิ่งต่างๆ ตรงไปตรงมา
ในฐานะคนตาย เมื่ออยู่ต่อหน้าไม้เท้าราชาภูตผีจองจำ หนทางเดียวที่เหลืออยู่ก็คือวิญญาณถูกสลาย
วิญญาณกรีดร้องมองกู่ฉิงซานขณะก้าวถอยไปช้าๆ
“ข้าไปล่ะ กู่ฉิงซาน” มันกล่าวด้วยเสียงผู้หญิง “ข้าจะไม่กลับชาติมาเกิดใหม่อีก ยิ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของเจ้ายิ่งแล้วใหญ่ พวกเราจะไม่มีวันได้พบกันอีกในอนาคต”
“ช้าก่อน ข้ามีบางอย่างอยากจะถามเจ้า” กู่ฉิงซานกล่าว
“ว่ามา”
“ตอนแรกข้าคิดว่าเจ้ามาจากหุบเหว เป็นสัตว์ประหลาดในหุบเหว จากนั้นก็อพยพไปอยู่กับความโกลาหล มันทำให้ข้าสงสัยน่ะ ข้าไม่รู้ว่าเจ้ามาจากที่ไหนกันแน่” กู่ฉิงซานกล่าว
“จากหุบเหวหรือ ไม่ หุบเหวนิรันดร์คือตัวตนที่หาใดเปรียบในวังวนความว่างเปล่า พวกข้าเป็นเพียงภาชนะของมัน” วิญญาณกรีดร้องถอยขณะกล่าว
ร่างของมันค่อยๆ เลือนรางจนยากที่จะมองเห็น
“ถ้างั้นเจ้าอยากทำอะไร เป้าหมายสุดท้ายของเจ้าคืออะไรกันแน่” กู่ฉิงซานถาม
วิญญาณกรีดร้องหยุดแล้วตอบว่า
“มดตัวน้อยเช่นเจ้ายังพยายามที่จะแข็งแกร่งขึ้น แล้วพวกข้าที่อยู่ในความว่างเปล่าจะทำบ้างไม่ได้เลยหรือ”
“ที่จริง ข้าเข้าใจความจริงตั้งแต่ที่รู้สึกตัวแล้ว”
“สิ่งมีชีวิตเช่นพวกข้าในความว่างเปล่าสามารถมีอิสระอย่างแท้จริงได้หากทรงพลังเทียบเท่าหุบเหวนิรันดร์”
“เพื่อบรรลุเป้าหมายนี้ ข้าสามารถอพยพไปอยู่กับใครและทำอะไรก็ได้ไม่ว่าจะเป็นการทำลายล้างหรือสรรค์สร้าง ขอเพียงข้าทรงพลังเท่าหุบเหวนิรันดร์ ข้าสามารถทำได้ทุกอย่าง”
“น่าเสียดาย ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะมีเส้นสายกับโลกธุลี นี่คือจุดเดียวที่ทำให้ข้าล้มเหลว”
กู่ฉิงซานฟังเงียบๆ ทันใดนั้นจึงถามว่า “โลกธุลีเป็นโลกแบบไหนหรือ”
วิญญาณกรีดร้องระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
“คิดว่าข้าจะบอกเจ้าหรือ” มันถามด้วยความเกลียดชัง
“กู่ฉิงซาน มีความลับอยู่ในความว่างเปล่านับไม่ถ้วน ความลับเหล่านี้ตัดสินโชคชะตาของทุกคน ข้าจะไม่มีวันบอกความจริงเกี่ยวกับวังวนความว่างเปล่าให้เจ้ารู้อย่างแน่นอน”
สีหน้าของกู่ฉิงซานยังคงไม่แปรเปลี่ยนขณะถามต่อว่า “ถ้างั้นก็ไม่ต้องพูดเรื่องนี้ก็ได้ ข้าขอถามเจ้าอีกอย่าง ตอนนี้เจ้าตื่นขึ้นมาแล้ว ในเมื่อจะไม่กลับชาติมาเกิด แล้ววิญญาณของเจ้าจะไปไหนล่ะ”
วิญญาณกรีดร้องก้าวไปข้างหน้าก่อนค่อยๆ เดินเข้าสู่ภาพมายาไร้พรมแดน
มันตอบด้วยเสียงผู้ชายว่า “ข้าดิ้นรนมาเนิ่นนานเพื่อกวาดล้างทุกชีวิตจากทุกอาณาจักร แต่ท้ายที่สุด ข้ายังอ่อนแออยู่ดี นั่นแสดงให้เห็นว่าชีวิตของข้าช่างไร้ความหมาย”
“พอคิดถึงตรงนี้ หัวใจของข้าก็เต็มไปด้วยความโกรธที่ยากจะบรรยาย”
จู่ๆ มันเงยหน้าขึ้นแล้วตะโกนว่า “ความโกลาหลเอ๋ย! ข้าคือสิ่งมีชีวิตที่ละทิ้งความเป็นความตาย โปรดให้ข้ากลายเป็นความว่างเปล่าด้วย!”
น้ำตกสีทองไร้พรมแดนตกลงมาจากท้องนภาขณะปกคลุมวิญญาณกรีดร้องเอาไว้
ร่างของมันค่อยๆ หายไปในน้ำตกความโกลาหลนี้
ความโกลาหลหรือแหล่งกำเนิดของทุกสิ่ง เทียบกับทุกสรรพสิ่ง สิ่งมีชีวิตและโลกแล้ว มันคือสิ่งที่ลึกลับที่สุดของกฎเกณฑ์ที่คอยปกปิดทุกสิ่งเอาไว้
มันไม่ได้อยู่ในร่างคนเป็น ไม่ได้อยู่ในร่างคนตาย ไม่ใช่ความว่างเปล่า แต่เป็นจุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง เป็นสภาพดั้งเดิมที่สุดของทุกสิ่ง
ถ้าวิญญาณกรีดร้องเข้าสู่ความโกลาหล วิญญาณของมันจะไม่คงอยู่อีกต่อไป ทุกสิ่งในตัวมันจะหลอมรวมเข้ากับความโกลาหล
ผู้ปกครองรังลึกลับกาลอวกาศก่อนหน้านี้ก็เหมือนกัน ต่อให้มีไพ่ตายซ่อนอยู่อีกนับพันก็ถูกกวาดล้างโดยกู่ฉิงซานด้วยดาบเดียว จากนั้นมันจะกลับสู่ความโกลาหลและไม่สามารถกลับสู่ห้วงมิติและเวลาใดๆ ได้
เสียงผู้หญิงดังขึ้น
“ลาก่อน กู่ฉิงซาน ข้าไม่อยากเห็นหน้าเจ้าดิ้นรนเอาตัวรอดในช่วงเวลานั้นอีกแล้ว”
เสียงผู้หญิงกลายเป็นเสียงผู้ชาย
“จำไว้ ข้าไม่ได้แพ้ให้กับเจ้าหรอกนะ”
“ข้าแพ้ให้กับชะตากรรม”
น้ำตกทะยานขึ้นสู่ท้องนภาก่อนหายไปในทันที
ทุกการเคลื่อนไหวหายไป เหลือเพียงกู่ฉิงซานที่ยืนอยู่บนเนินทราย
เขายืนอยู่เนิ่นนาน
จนกระทั่งวันสิ้นโลกนี้ค่อยๆ หายไป เขาจึงกล่าวช้าๆ ว่า “ความจริง นอกจากความสำเร็จและความล้มเหลวแล้ว ยังมีสิ่งที่น่าสนใจและมีความหมายอีกมากมายในชีวิต เพื่อปกป้องสิ่งเหล่านี้ สิ่งมีชีวิตจึงทำในสิ่งที่เจ้าคาดไม่ถึงยังไงล่ะ”
“ถ้าเจ้าไม่เข้าใจเรื่องนี้ เจ้าก็ไม่มีทางเข้าใจสิ่งมีชีวิตหรอก”
“แม้เสียงมรณะดังขึ้น แต่แท้จริงแล้วมันไม่ใช่เสียงกรีดร้องสำหรับทุกชีวิต เพราะทุกสิ่งมีทั้งจุดเริ่มต้นและจุดจบ ที่มันเป็นเสียงกรีดร้องสำหรับเจ้าก็เพราะไม่ได้เข้าใจสิ่งมีชีวิต ไม่ได้รู้สายสัมพันธ์ระหว่างเหตุและผล เพราะอย่างนั้นเจ้าถึงไม่สามารถเอาชนะชะตากรรมได้ยังไงล่ะ”
“นี่คือเหตุผลที่เจ้าล้มเหลว”
…………………………………………………….