ตอนที่ 1188 สู้จนตาย
เป้งๆ !
เสียงระฆังด้านข้างดังขึ้น
เวทีมวยปรากฏขึ้นกลางบาร์
ผู้คนรวมตัวรอบข้าง สีหน้าของทุกคนล้วนตื่นเต้น
เขาเห็นชายไว้เคราร่างกำยำผิวสีน้ำเงินยืนอยู่บนเวที ด้านหลังเขาคือผู้ชายที่มีหน้าตาเหมือนโค้ช
สีหน้าของพวกกู่ฉิงซานเปลี่ยนไป
ในความว่างเปล่าตรงหน้าพวกเขา แถวตัวอักษรสีเทาขนาดเล็กปรากฏขึ้น
“เกมที่สอง: สู้จนตาย”
“นี่คือการต่อสู้ที่มีเพียงผู้ชนะเท่านั้นที่สามารถอยู่รอดได้”
“คู่ต่อสู้: ศิษย์อาจารย์เหลียนเฉิง”
“คำแนะนำ: ศิษยือาจารย์คู่นี้ฆ่าสิ่งมีชีวิตมาสามหมื่นล้านคนและซ่อนอยู่ในตะวันออกกลางมาหลายปี ในที่สุดพวกเขาก็หลบหนีมาที่บาร์กลางคืน”
“หมายเหตุ: พวกเขาคือศิษย์อาจารย์ด้านต่อยมวยที่มีอิทธิพลต่อโลกยักษ์โบราณ พวกเขาแทบไม่เคยล้มเหลว”
“ท่านสามารถส่งคนขึ้นไปสู้ได้เพียงหนึ่งคน อีกสองคนจะปรากฏตัวอยู่ข้างสนามในฐานะโค้ชและผู้นำทีมเพื่อคอยชี้นำและให้กำลังใจ”
“เวลาสู้จนตายไม่มีจำกัด”
“หากท่านรอด ท่านจะชนะการเดิมพันนี้”
“ถ้าหากตาย ท่านจะตาย”
พวกเขาสามคนอ่านจบอย่างรวดเร็ว
เย่เฟยหลีกล่าวอย่างกระตือรือร้นว่า “รอบนี้ข้าขอละกัน”
“มั่นใจขนาดนั้นเลยหรือ” กู่ฉิงซานถาม
เย่เฟยหลีตอบอย่างมีอารมณ์ว่า “แน่นอน ตอนเจ้าไม่อยู่ แบร์รี่ฝึกการชกต่อยให้กับข้า พี่เสี่ยวเมียวจะสละเวลาพักผ่อนหลายวันเพื่อมาช่วยข้าฝึกฝนทักษะร่างกาย ตอนนี้ถึงเวลาที่จะแสดงผลการฝึกของข้าให้ได้เห็นแล้ว”
กู่ฉิงซานมองจางหยิงห่าว
จางหยิงห่าวยักไหล่แล้วกล่าวผ่านการสื่อสารทางเสียงว่า “ในที่สุดแบร์รี่ก็พบคนที่ไม่หนีแล้วสินะ แถมยังฝึกทุกวันโดยไม่บ่นอะไรอย่างมีความสุข ส่วนเสี่ยวเมียว… นางไปซื้อของทุกวันและกำลังเขียนตอนจบอยู่ หลังจากเขียนหนังสือเสร็จแล้ว จึงไม่ใช่ปัญหาร้ายแรงที่จะ ‘พักผ่อน’ ”
กู่ฉิงซานพูดไม่ออก
“ข้าจะขึ้นเอง ไม่มีปัญหาแน่นอน” เย่เฟยหลีกล่าวอย่างมั่นใจ
“ได้ ฟังให้ดีนะ อย่าตายเด็ดขาด” กู่ฉิงซานกล่าว
เย่เฟยหลีก้าวขึ้นเวทีมวย
กู่ฉิงซานและจางหยิงห่าวเดินมานั่งบนเก้าอี้ที่อยู่ด้านข้างเช่นกัน
จางหยิงห่าวขยิบตาให้กู่ฉิงซาน
“นี่” เขากล่าวอย่างแผ่วเบา
“อะไร” กู่ฉิงซานถาม
“ดูคำเตือนนี้สิ… ความโกลาหลอยากให้พวกเราเอาชนะศิษย์อาจารย์คู่นี้ แต่มีเพียงศิษย์คนเดียวที่อยู่บนเวที… เป็นไปได้ไหมว่าหลังจากศิษย์แพ้แล้ว อาจารย์ก็สามารถออกโรงได้” จางหยิงห่าวถามด้วยความสับสน
กู่ฉิงซานครุ่นคิดสักพักแล้วตอบว่า “ข้าจะเป็นโค้ชเอง ข้าจะขึ้นเองหากมีปัญหาอะไร”
จางหยิงห่าวกล่าวว่า “เช่นนั้นข้าจะเป็นผู้นำทีมเอง”
ภายใต้ข้อความแจ้งเตือนของหน้าต่างระบบความโกลาหล ทั้งสองคนกลายเป็น “โค้ช” และ “ผู้นำทีม”
บนเวทีมวย เย่เฟยหลีเดินเข้าสู่ใจกลางที่มีชายร่างกำยำไว้เคราผิวสีน้ำเงิน
“กลับไปกินนมแม่ซะ ไอ้หนู!” ชายร่างกำยำไว้เคราตะโกน
เย่เฟยหลีพูดไม่ออก
เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋าเงียบๆ แล้วเช็ดน้ำลายให้อีกฝ่าย
เป้งๆ !
เสียงระฆังด้านข้างดังขึ้นอีกครั้ง
บริกรชายทำหน้าที่เป็นผู้ตัดสินขณะตะโกนว่า
“การสู้จนตายเริ่มได้!”
มีแสงสีแดงจากร่างของเย่เฟยหลี
เขาพุ่งเข้าไปโดยตรง
แล้วซัดหมัด!
ชายร่างกำยำไว้เคราวขมวดคิ้ว
…เด็กคนนี้ออกท่าเร็วมาก หมัดของเขามีวิชาแฝงอยู่เล็กน้อย
เขาคำรามอย่างบ้าคลั่ง ไม่หลบหลีกแต่อย่างใด แต่กลับซัดหมัดสวนกลับไป
ไม่มีฝั่งไหนป้องกันขณะหมัดกระแทกเข้าใส่หน้าอีกฝ่าย
ปัง!
สิ้นเสียงหมองหม่น เย่เฟยหลีกระเด็นออกมา
อีกด้าน ชายร่างกำยำไว้เครามีคราบโลหิตจำนวนมากอยู่บนใบหน้าครึ่งส่วน
…หมัดของเย่เฟยหลีไม่ใช่การโจมตีรุนแรง แต่เต็มไปด้วยวิชาคมปลาบ แต่ละหมัดมีแสงสีแดงเจ็ดถึงแปดสายเชือดเฉือนร่างของอีกฝ่ายอย่างต่อเนื่อง
“นี่คือการต่อยมวย ไม่ใช่การใช้กริชแทง! ไอ้สารเลว!” ชายร่างกำยำไว้เคราตะโกน
เย่เฟยหลีขยับร่างท่อนล่างขณะกล่าวอย่างเหยียดหยันว่า “หมัดที่เหมาะกับเจ้าคือหมัดขวา”
ด้วยการขยับร่างกาย เขาพุ่งเข้าหาชายร่างกำยำไว้เคราราวกับกำลังขี่สายลม
ครั้งนี้ ชายร่างกำยำไว้เคราสงสัยมากยิ่งขึ้น เมื่อพบกับแสงสีแดงคมปลาบ เขาหลบอย่างระมัดระวัง
ทั้งสองคนแลกหมัดกันหลายรอบ
เย่เฟยหลียิ่งมายิ่งได้รับบาดเจ็บ
ชายร่างกำยำไว้เครามีประสบการณ์มากกว่าอย่างเห็นได้ชัด เขาสามารถหาช่องว่างของเย่เฟยหลีเพื่อสวนกลับอย่างรุนแรงได้เสมอ
เย่เฟยหลีจึงเป็นฝ่ายที่ถูกอัดมากกว่า
“นี่คือการสู้จนตาย ปล่อยเอาไว้แบบนี้จะดีหรือ” จางหยิงห่าวนั่งไขว่ห้างขณะถาม
“ไม่ต้องห่วง” กู่ฉิงซานกอดอกแล้วกล่าวอย่างสงบว่า “ข้าจำได้ว่าครั้งแรกที่สู้กับเย่เฟยหลี ข้าฟันเขาขาดครึ่งแต่ก็ยังรอดมาได้เลย”
กู่ฉิงซานคล้ายกับสงบมากแล้วกล่าวต่อว่า “ยิ่งกว่านั้น แบร์รี่และเสี่ยวเมียวถึงจะดูไร้หัวใจ แต่พวกเขาถึงกับระแวดระวังเรื่องคนของตัวเองมาก ในเมื่อพวกเขากล้าให้เย่เฟยหลีออกไป นั่นหมายความว่าเย่เฟยหลีต้องมีฝีมือการต่อสู้พอตัว”
จางหยิงห่าวครุ่นคิดสักพักแล้วพยักหน้า
ใช่แล้ว ไม่ว่าเย่เฟยหลีจะบาดเจ็บสาหัสแค่ไหน เขาก็สามารถฟื้นสภาพกลับมาได้อย่างรวดเร็ว
ชายร่างกำยำไว้เคราค่อยๆ มีแผลฟกช้ำทั่วร่าง
โค้ชของเขาพลันกล่าวเสียงดังว่า “เดี๋ยวเถอะ เจ้าไม่ต้องไปกลัวอีกฝ่ายหรอก กระดูกของเจ้าแข็งแรงยิ่งกว่าการต่อยของอีกฝ่ายแน่นอน ยังไงก็สามารถทนได้!”
…ชายร่างกำยำไว้เคราเปลี่ยนสีหน้า
“ศิษย์เข้าใจแล้ว!”
เขาพุ่งออกไปสู้ระยะประชิดกับเย่เฟยหลีอย่างสุดกำลัง
“มาสิ! มาสิ! มาสิ! ข้าฆ่าสิ่งมีชีวิตมาหลายหมื่นล้านชีวิตแล้ว เจ้าก็แค่ขยะชิ้นเล็กชิ้นหนึ่ง ไม่มีค่าพอจะเหลียวแลด้วยซ้ำ!”
ชายร่างกำยำไว้เครากรีดร้องอย่างหนักขณะซัดหมัดใส่เย่เฟยหลี
“อั่ก!”
เย่เฟยหลีกระอักโลหิตขณะหรี่ตา
แสงสีแดงพุ่งออกไป
เขาซัดอีกฝ่ายโดยตรง!
“อ้ากกกก ไปลงนรกซะ!” ชายร่างกำยำไว้เคราคำราม
พวกเขาสองคนพุ่งเข้าใส่เพื่อแลกการโจมตี ท้ายที่สุดก็ไม่สนการป้องกัน พลังงานทั้งหมดก็ถูกใช้ไปกับการต่อย!
เลือดเนื้อปลิวว่อน
หลังจากสู้สุดกำลัง พวกเขาแยกออกมา
“ฮ่าๆ” ชายร่างกำยำไว้เคราเต็มไปด้วยโลหิตแต่ยังหัวเราะออกมา “ในเมื่อเจ้ากำลังตาย ข้าก็ไม่กลัวที่จะบอกว่าข้ามองสภาพร่างกาย ความทนทานและพละกำลังของเจ้าออกผ่านพลังพิเศษของข้าแล้ว มันด้อยกว่าข้าสามเท่า!”
โค้ชของเขาอยู่นอกเวทีแล้วตะโกนว่า “เจ้าน่ะตายแล้ว! เจ้ามนุษย์ขยะ!”
เย่เฟยหลีไม่พูด
เขาเพียงหยิบกระป๋องเครื่องดื่มพลังงานออกมา เปิดฝาออกแล้วดื่มรวดเดียวจนหมด
ใบหน้าของชายร่างกำยำไว้เคราค่อยๆ เปลี่ยนไป
…เขามองออกว่าสภาพของเย่เฟยหลีค่อยๆ ฟื้นฟูกลับมา
เขาเห็นว่าเย่เฟยหลีทิ้งกระป๋องไปก่อนกระโดดอยู่กับที่หลายครั้งเล็กน้อยแล้วยิ้มออกมา
“เข้ามาสิ!”
พละกำลังกายภาพของฟื้นฟูกลับมาแล้ว!
การสู้จนตายยังดำเนินต่อไป!
เพียงพริบตา ร่างทั้งสองบิดพร้อมกัน หมัดกระแทกเนื้อ โลหิตกระจายไปทั่ว แรงสั่นสะเทือนยังดำเนินต่อไป
ในท้ายที่สุด ชายร่างกำยำไว้เคราก็ไม่สามารถต้านได้ก่อนผละออกจากเย่เฟยหลี
เย่เฟยหลียืนอยู่กับที่ แสงสีแดงปกคลุมร่างกาย เขาค่อยๆ หายใจเข้าออก
บาดแผลทั้งหมดค่อยๆ ฟื้นฟู
นี่ไม่ใช่พลังพิเศษ แต่เป็นความสามารถพื้นฐานของเขาในฐานะฆาตกรและผู้ทำลายโลก
…เหมือนกับพลังวิญญาณที่กู่ฉิงซานได้รับผ่านการฝึกยุทธ์
จิตวิญญาณต่อสู้ของเขากำลังเอ่อล้น
“เอาสิ อีกฝ่ายก็งั้นๆ ไม่ได้มีประสบการณ์การต่อสู้แห่งความเป็นความตาย ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้าแน่นอน!”
นอกเวที โค้ชของชายร่างกำยำไว้เคราตบเก้าอี้อย่างกระตือรือร้นขณะตะโกน
เมื่อชายร่างกำยำไว้เคราได้ยินดังนั้นจึงพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ศิษย์เข้าใจแล้ว!”
เขาพุ่งเข้าหาเย่เฟยหลี
ทั้งสองคนเข้าปะทะกันอีกครั้ง!
“ไม่ได้การ” คิ้วของกู่ฉิงซานค่อยๆ ขมวด
“ใช่ มีบางอย่างผิดปกติ” จางหยิงห่าวกล่าวเช่นกัน
เมื่อเวลาผ่านไป ชายร่างกำยำไว้เครายิ่งมายิ่งฮึกเหิม บาดแผลของเขากำลังฟื้นฟูอย่างช้าๆ
เขาค่อยๆ เริ่มกดดันเย่เฟยหลีในการต่อสู้!
“พลังพิเศษของหมอนี่คือการเห็นค่าพละกำลังจำเพาะของอีกฝ่าย เป็นไปไม่ได้ที่จู่ๆ จะพลิกกลับได้ขนาดนี้” จางหยิงห่าวลอบกังวล
กู่ฉิงซานไม่พูด ดวงตาของเขาจับจ้องชายร่างกำยำไว้เคราสักพัก จากนั้นพลันหันมาจับจ้องโค้ชของชายร่างกำยำไว้เครา
“เอาสิ เจ้าสามารถเอาชนะได้!”
“ดูนั่น มีช่องว่างอีกแล้ว!”
“หมัดตรง! อัปเปอร์คัต!”
“จับไว้ อย่าให้หนีไปได้!”
“บุก! บุก!”
โค้ชตะโกนตามหน้าที่
ภายใต้การดูแลของเขา ชายร่างกำยำไว้เคราทุ่มสุดกำลัง ทำให้ยิ่งมายิ่งหาญกล้า
กู่ฉิงซานมองดูสักพักก่อนจะเข้าใจ
จางหยิงห่าวเข้าใจเช่นกันก่อนพึมพำว่า “ไม่สงสัยเลยว่าพวกเราที่เป็นโค้ชและผู้นำทีมถึงมีส่วนในการต่อสู้ครั้งนี้ด้วย ดูท่าถึงแม้พวกเราจะไม่ได้ขึ้นชก แต่ก็สามารถส่งพลังเสริมเพื่อช่วยเย่เฟยหลีได้”
แมวสีดำพลันหายไปจากไหล่ของเขา
หลังจากเข้าบาร์กลางคืน ในที่สุดเขาก็รีความสามารถ
ไพ่ใบหนึ่งปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่าก่อนจะถูกจางหยิงห่าวถือไว้ในมือ
กลุ่มลิงถูกวาดบนไพ่ใบนี้ พวกมันทั้งหมดว่องไวผิดปกติขณะรวมตัวตามป่าเขา
จางหยิงห่าวโยนไพ่แล้วตะโกนว่า “ปลุกพลัง!”
ไพ่หายไปทันที
ร่างของลิงเจ็ดแปดร่างตกลงบนร่างของเย่เฟยหลี
มีชั้นเรืองแสงบนร่างกายของเย่เฟยหลี
ร่างของเขาไวขึ้นเล็กน้อย ไม่ว่าชายร่างกำยำไว้เคราจะอยากต่อยแค่ไหน เขาก็สามารถหลบได้ตลอด
โค้ชของชายร่างกำยำไว้เครามองดูอยู่หลายอึดใจก่อนตะโกนทันทีว่า “อย่าไปกลัว พลังนี้ใช้ไม่ได้ผลอยู่ตลอด หาโอกาสเหมาะๆ แล้วสวนกลับให้หนัก!”
“ศิษย์เข้าใจแล้ว!” ชายร่างกำยำไว้เคราตะโกน
เขาพุ่งเข้าไปสู้กับเย่เฟยหลีอย่างไม่ลดละ
พวกเขาทั้งสองต่อสู้กันอย่างดุเดือดราวกับจะฆ่าจะแกงกันในทุกหมัดที่ซัดออกไป
โค้ชตบเก้าอี้แล้วกล่าวเสียงดังว่า “ลิงพวกนั้นไม่ได้กล้าหาญหรอก เจ้าต้องคำรามใส่พวกมัน!”
ชายร่างกำยำไว้เคราตะโกนทันทีพร้อมกับซัดหมัดที่เร็วกว่าปกติออกไป
จางหยิงห่าวเปลี่ยนสีหน้าแล้วกล่าวว่า “ข้าสงสัยว่าพวกเขามีการเชื่อมโยงลึกลับกันอยู่ ไม่สงสัยเลยว่าถึงได้รับมือยาก นั่นเพราะพวกเขาสามารถเพิ่มพละกำลังได้ด้วยเงื่อนไขบางอย่าง”
กู่ฉิงซานคล้ายกับลังเลเล็กน้อยจนพูดไม่ออกสักพัก
ทันใดนั้น เย่เฟยหลีลงไปกองกับพื้นเพราะหมัด เขากระอักโลหิตออกมาขณะลุกขึ้นด้วยสภาพโซเซ
สีหน้าของกู่ฉิงซานเปลี่ยนไป
“ช่างเถอะ เจ้ากดดันให้ข้าต้องใช้วิธีนี้เองนะ” เขาเอานิ้วแตะหน้าผากขณะกล่าวกับตัวเอง
จางหยิงห่าวพลันหันมองกลับมาแล้วถามว่า “เจ้ามีวิธีหรือ”
“มี”
กู่ฉิงซานกระแอมลำคอก่อนยืนขึ้นทันทีแล้วคำรามว่า “โย่ สุภาพบุรุษและสุภาพสตรีทุกท่าน ตั้งใจฟังข้าให้ดี!”
..............................